ปี 1984 สองหนุ่มคู่หูวิศวกรต่างมหาวิทยาลัยอย่าง Mike Lazaridis นักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งวอเตอร์ลู และ Douglas Fregin นักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งวินเซอร์ ร่วมกันเปิดบริษัทชื่อ Research In Motion (RIM)
โดยที่ในช่วง 4 ปีแรกของการก่อตั้งบริษัทนั้น ทั้งสองได้สร้างบริการสำหรับรับส่งข้อมูลขนาดสั้นผ่านเครือข่ายไร้สาย เลียนแบบ Walkie – Talkie ซึ่งบริษัท RIM ที่ทั้งสองเป็นผู้ก่อตั้งนั้น ยังกลายเป็นบริษัทแรกนอกเขตสแกนดิเนเวียที่พัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับการเชื่อมต่อให้กับระบบเครือข่ายการสื่อสารข้อมูลแบบแพ็กเกตสวิตชิ่งไร้สาย ซึ่งลูกค้ากลุ่มแรก ๆ ของพวกเขานั้นเป็นองค์กรของรัฐบาล เช่น ทหาร ตำรวจ ตำรวจดับเพลิง และโรงพยาบาล
เมื่อผ่านมาถึงปี 1996 RIM ได้ออกเพจเจอร์ของตัวเอง ชื่อ RIM Inter@ctive 900 เป็นเพจเจอร์แบบที่มีจอที่สามารถพับได้เครื่องแรกที่มีแผงปุ่มกดติดมาด้วย ทำให้คู่สนทนาทั้ง 2 ฝ่ายนั้นสามารถที่จะส่งข้อความหากันเองได้โดยที่ไม่ต้องโทรเข้าไปฝากข้อความกับโอเปอร์เรเตอร์เหมือนในอดีต
RIM Inter@ctive 900 นวัตกรรมใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนั้น
ซึ่งนี่เองที่ได้กลายเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุโรปและอเมริกา ทำให้ RIM ได้ออกเพจเจอร์ตามมาอีกหลายๆ รุ่น ทำให้ปีต่อมา (1997) RIM ได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ของโตรอนโตในประเทศแคนาดา และสามารถที่จะระดมเงินทุนได้กว่า 3,680 ล้านบาท
แบล็คเบอร์รี่ (BlackBerry) เป็นสมาร์ตโฟนและโทรศัพท์มือถือที่ถูกสร้างขึ้นโดย บริษัทแบล็คเบอร์รี่จำกัด (BlackBerry Limited) ซึ่งเดิมก็คือ บริษัทรีเสิร์ชอินโมชั่น (Reserch in Motion Limited – RIM) นั่นเอง โดย Blackberry เครื่องแรกนั้นได้การเริ่มผลิตขึ้นในปี 1999 โดยมีลักษณะเป็นเพจเจอร์แบบสองทาง
ส่วนของมือถือ BlackBerry เครื่องแรกที่มาพร้อมกับแผงปุ่มกด QWERTY เหมือนบนคีย์บอร์ดบนคอมพิวเตอร์ ถูกเปิดตัวขึ้นในปี 2002 ในชื่อรุ่น Blackberry 6710 และตลอดเวลาที่มีการผลิตมือถือ โดยส่วน User Interface ที่โด่งดังและเป็นที่นิยมที่สุดของ BlackBerry คือแป้นพิมพ์แบบ QWERTY ขณะที่ BlackBerry รุ่นใหม่ ๆ จะใช้ส่วนประสานงานผู้ใช้แบบหน้าจอสัมผัสและคีย์บอร์เสมือนดังเช่น iPhone
BlackBerry สามารถ่ายรูปและวิดีโอ รวมถึงเล่นเพลงได้ นอกจากนั้นยังตอบสนองการใช้งานด้านอีเมล์ เว็บเบราว์เซอร์ เมสเซนเจอร์ โดยเฉพาะ BlackBerry Messenger ซึ่งบริษัท BlackBerry เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ และเคยเป็นที่นิยมของผู้ใช้ทั่วโลก
ฉีกกรอบมือถือเดิม ๆ ด้วยนวัตกรรมคีย์บอร์ด QWERTY
ในปี 2011 BlackBerry กินส่วนแบ่งตลาด โทรศัพท์มือถือ ทั่วโลกได้ถึง 3% กลายเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถืออันดับ 6 ของโลก ระบบอินเทอร์เน็ตของBlackBerry เปิดให้บริการใน 91 ประเทศ ทั่วโลก ภายใต้ผู้ให้บริการเครือข่ายกว่า 500 ราย ในเดือนกันยายน ปี 2012 มีผู้ใช้ BlackBerry ถึง 80 ล้านเครื่องทั่วโลก
โดยผู้คนกลุ่มประเทศแคริบเบียนและละตินอเมริกาใช้แบล็คเบอร์รี่มากที่สุด คิดเป็น 45% ของจำนวนเครื่อง BlackBerry ที่มีจำหน่ายทั้งหมดทั่วโลก แม้กระทั่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่าง บารัก โอบามา ก็ใช้งาน BlackBerry เป็นมือถือเครื่องหลักของเขา
แต่สุดท้ายแล้ว BlackBerry ก็ตัดสินใจไปมุ่งเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์บนสมาร์ทโฟนมากกว่าการพัฒนาตัวอุปกรณ์ และจะส่งต่อส่วนธุรกิจการผลิตสมาร์ทโฟนให้กับแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นรับช่วงไปแทน
สุดท้ายเดิมพันดังกล่าวก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง รายได้ของทางบริษัทมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2010 ซึ่ง ณ เวลานั้นถือเป็นจุดสูงสุดของความนิยมในมือถือ BlackBerry รวมถีง แอพพลิเคชั่นแชท BlackBerry Messenger และระบบอีเมลเทคโนโลยีขั้นสูงทำให้เกิดกระแสฮิตในหมู่กลุ่มผู้ใช้งานหนุ่มสาวและผู้ใช้งานเชิงธุรกิจ แม้กระทั่งในประเทศไทยเอง Blackberry ก็กลายเป็นมือถือยอดนิยมอยู่ชั่วขณะหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
จนกระทั่งการเกิดขึ้นของ iOS ของ Apple และ Android ของ Google ที่มาพร้อมแอพพลิเคชั่นนับล้านและระบบทัชสกรีนเต็มรูปแบบก็ทำให้ผู้ใช้งานทั่วโลก มอง BlackBerry ว่าอุปกรณ์ของพวกเขา เป็นสิ่งที่ล้าสมัยไปเสียแล้ว และ Blackberry Messenger อาวุธหลักของพวกเขาก็ไม่สามารถดึงดูดใจได้อีกต่อไปเมื่อมีการเกิดขึ้นของ Chat Platform ใหม่ที่ใช้งานทุกอย่างได้ฟรี อย่าง Whatsapp
แม้ว่าในปี 2012 Blackberry จะพยายามกอบกู้สถานการณ์ด้วยการเข็นผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดทั้ง BlackBerry Q10, Z10และล่าสุด Z30 แต่ยอดขายโดยรวมยังลดลงอย่างต่อเนื่อง สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆของ Blackberry นั้นถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการปรับเปลี่ยนเฉพาะการออกแบบรูปลักษณ์และเพิ่มลักษณะพิเศษในการใช้งาน
แม้จะพยายามออกรุ่นใหม่เป็นมือถือแบบทัชสกรีน แต่มันก็สายไปเสียแล้วสำหรับ Blackberry
แต่มันได้ขาด “นวัตกรรม” ใหม่ๆ และผู้บริหารของบริษัทก็ถูกมองว่ายึดติดกับความสำเร็จในช่วงต้นศตวรรณที่ 21 ที่ Blackberry เคยเขย่าวงการสมาร์ทโฟนในฐานะเครื่องมือสำหรับนักธุรกิจอย่างไร้คู่แข่งมากจนเกินไป
ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วนั้น สมาร์ทโฟนภายใต้แบรนด์ BlackBerry ก็เหลือแค่เพียง “ตำนาน” หน้าหนึ่งที่เคยบันทึกไว้ในวงการธุรกิจมือถือว่าเคยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง แต่ตอนนี้แทบจะไม่เหลือพื้นที่ยืนบนตลาดมือถือโลก เหมือนดั่งที่เราได้เห็นในปัจจุบันนั่นเองครับ
References : https://www.wikipedia.org https://www.pocket-lint.com/phones/news/137319-farewell-blackberry-os-here-are-the-23-best-blackberry-phones-that-changed-the-world https://www.silicon.co.uk/e-innovation/science/tales-tech-history-blackberry-223557