ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบหนังของคุณ เต๋อ นวพล จาก “ฟรีแลนซ์…ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” ซึ่งต้องบอกว่าเป็นหนังใหญ่ที่ทำอะไรหลาย ๆ อย่าง ให้คล้ายหนัง indy ซึ่งน่าจะพอเข้าใจได้เพราะคุณ เต๋อ เป็นผู้กำกับหนังรางวัล มือดีคนหนึ่งของวงการ ที่ได้มาทำหนังให้ค่าย GDH
กับผลงานใหม่อย่าง ฮาวทูทิ้ง ที่ได้พระเอกหน้าเดิมอย่าง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ มารับบทนำอีกครั้ง ซึ่งต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในพระเอกมากฝีมือที่ผมชอบที่สุดคนหนึ่งในวงการหนังไทย เพราะพี่แกเล่นได้ทุกแนวจริง ๆ
สำหรับเรื่องนี้ ว่าด้วยเรื่องราวของตัวละครหลักอย่าง จีน (ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) ต้องการจะเคลียร์บ้านเพื่อรีโนเวท มหกรรมการโละของออกจากบ้านจึงเกิดขึ้น อะไรที่ไม่ใช้แล้ว อะไรที่ทิ้งไว้ก็รก เธอตัดสินใจจะทิ้งให้หมดเลย
แต่เมื่อเธอได้เจอกับของบางอย่างที่เป็นของเอ็ม แฟนเก่าของเธอ (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) จีนเริ่มพบว่าการทิ้งครั้งนี้ไม่ง่าย เพราะของบางอย่างแม้จะไม่มีประโยชน์แล้ว แต่มันยังมีเรื่องราวให้นึกถึง มีอดีตที่ยังค้างคา มีความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถแค่ทิ้งลงถุงดำแล้วหายไป จีนจึงต้องตัดสินใจว่าจะทําอย่างไรกับสิ่งของของเอ็ม ซึ่งมันมีทางเลือกไม่มากนัก ว่าจะทิ้งไป เก็บไว้ หรือเดินไปคืน ถึงจะเป็นการทิ้งที่สมบูรณ์ที่สุด
ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้มันไม่ได้แค่เป็นเรื่องราวของ จีน และ เอ็ม (แฟนเก่า) เหมือนในตัวอย่างเท่านั้น แต่มันเป็นการรวมความสัมพันธ์หลาย ๆ อย่างมาถ่ายทอดผ่านหนังเรื่องนี้ได้อย่างลงตัว ทั้งความสัมพันธ์ ระหว่างเพื่อน ความสัมพันธ์ของครอบครัว ซึ่งมีจุดศูนย์กลางของเรื่องคือคำว่า ฮาวทูทิ้ง นั่นเอง
และถ้าเทียบกับ ฟรีแลนซ์นั้น ต้องบอกว่า เรื่องนี้น่าจะเข้าสู่ความต้องการของ คุณ เต๋อ ได้มากกว่า เพราะเป็นหนังที่ดูไปในทาง indy มากกว่า ซึ่ง ฟรีแลนซ์ ยังมีการใส่มุกตลกเข้ามาบ้าง ตามประสา GDH แต่เรื่องนี้กลับดำเนินเรื่องแบบค่อนข้างเครียดเลยทีเดียว
ถ้าใครเป็นแฟน GDH มาดูหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ชอบก็ได้ เพราะเป็นการฉีกแนวออกมาชัดเจนมาก ๆ คือ ทำมาเพื่อเป็นหนังรางวัลมากกว่าหนังทำเงิน เหมือนสไตล์หนัง GDH ทั่วๆ ไปที่เราเห็นก่อนหน้านี้
แต่ต้องบอกว่า โดยส่วนตัวหนังทำออกมาได้ดีในระดับนึง โดยเฉพาะการแสดงของตัวหลักทั้ง ออกแบบ และ ซันนี่ นั้น ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สีหน้า ท่าทาง การเข้าคู่กัน ต้องบอกว่าเป็นบทที่เครียดแต่ทั้งสองก็ถือว่าทำได้ดีมาก ๆ และหลาย ๆ อย่างมันทำให้ดู เรียลมาก ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เสื้อผ้า หน้า ผม ที่ดูดิบ ๆ มาก ตลอดทั้งเรื่อง
แต่ก็นั่นแหละ เพราะความดูเรียล เกินไปหรือเปล่า มองอีกมุม มันก็ทำให้ดูล้นเกินไป คือ บางครั้งมันก็นิ่งจนเกินเหตุ มันไม่สมจริง และมันดูหดหู่เกินไป โดยเฉพาะท่าทางการแสดงของเหล่านักแสดง ผมก็ว่ามันล้นไปหน่อยในความนิ่งเกินเหตุของเหล่านักแสดงทั้งหลาย ดูเหมือนคนเบื่อโลกมารวมกันเสียมากกว่า
และที่สำคัญ ก็คือ หนังเรื่องนี้ ก็ไม่ได้มีบทสรุปอะไรที่ชัดเจนออกมา มันเป็นการตัดอารมณ์เกินไป ว่าจบแล้วหรือเนี่ย ซึ่ง แน่นอนว่าปรกติงานของ GDH บทเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ แต่เรื่องนี้ต้องบอกว่า บทอ่อนมาก ๆ เนื้อเรื่องแทบจะไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ และตัดจบได้แบบ …(ไปดูกันเองนะครับ) โดยรวมยังดูขัดใจว่าสรุปจะทำให้ indy หรือ ให้ mass กันแน่ มันเลยดูครึ่ง ๆ กลาง ๆ ทุกอย่างจนถึงตอนจบนั่นเองครับ อยากรู้ว่าเป็นยังไงก็ต้องลองพิสูจน์กันดูนะครับผม อาจจะชอบกันก็ได้ครับ
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
Fanpage :facebook.com/tharadhol.blog
Blockdit :blockdit.com/tharadhol.blog
Twitter :twitter.com/tharadhol
Instragram :instragram.com/tharadhol