หนึ่งวันในชีวิตของ Warren Buffett ผู้ชื่นชอบแมคโดนัลด์ และใช้เวลา 80% ของวันทำงานไปกับการอ่านหนังสือ

Warren Buffett “Oracle of Omaha” เป็นที่รู้จักในฐานะนักลงทุนเน้นคุณค่าที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาล ในฐานะประธานของ Berkshire Hathaway

อย่างไรก็ตาม วันหนึ่งในชีวิตของมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งคนนี้อาจทำให้หลายคนต้องประหลาดใจ Buffett เกิดและเติบโตในโอมาฮา รัฐเนแบรสกา ปัจจุบันยังคงอาศัยอยู่ในรัฐบ้านเกิดของเขา เขาซื้อบ้านในปี 1958 ในราคา 30,000 ดอลลาร์ และเขายังคงอาศัยอยู่ที่นั่นจนถึงทุกวันนี้

Buffett ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือและการนอนหลับ นอกจากนี้ Warren Buffett ยังเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องนิสัยการใช้จ่ายอย่างประหยัด เขาทานอาหารได้เท่ากับเด็กอายุ 6 ขวบ และเขาชอบดื่ม Coca-Cola และทานอาหารที่ร้านแมคโดนัลด์

เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้ไม่มีไลฟ์สไตล์ที่เหมือนกับมหาเศรษฐีคนอื่นๆ ในสังคม เขาชอบใช้ชีวิตแบบสบายๆ และนี่คือหนึ่งวันในชีวิตของ Warren Buffett

ตอนเช้า

Warren Buffett ค่อนข้างเป็นคนตื่นเช้า วันใหม่ของเขาเริ่มต้นเวลา 06:45 น. หลังจากนอนหลับอย่างน้อยแปดชั่วโมงในแต่ละคืน

เมื่อ Buffett ตื่นขึ้นในตอนเช้า เขาไม่ได้ดื่มกาแฟทันที เขาจะเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบ Coca-Cola กระป๋องใส่น้ำแข็งแทน ประมาณหนึ่งในสี่ของแคลอรี่ทั้งหมดต่อวันมาจากน้ำอัดลมเหล่านี้ เขาดื่ม Coca-Cola กระป๋องขนาด 12 ออนซ์ประมาณห้ากระป๋องทุกวัน

Buffett ติดเครื่องดื่มอย่างโค้กเป็นอย่างมาก (CR:Reuters)
Buffett ติดเครื่องดื่มอย่างโค้กเป็นอย่างมาก (CR:Reuters)

Buffett เพลิดเพลินกับการแวะร้านแมคโดนัลด์ในท้องถิ่นเพื่อรับประทานอาหารเช้า ซึ่งเขาได้กล่าวติดตลกในการให้สัมภาษณ์ว่าเมื่อตลาดตกต่ำ เขาจะเลือกรับประทานอาหารเช้าราคา 2.61 ดอลลาร์ ซึ่งประกอบไปด้วยไส้กรอก 2 ชิ้น อย่างไรก็ตามเขาจะรวมมันเข้าด้วยกันในแซนวิชพร้อมกับโค้ก เขายังบอกด้วยว่าเขาจะเปลี่ยนเป็น เบคอน ไข่ และบิสกิตชีสราคา 3.17 ดอลลาร์เมื่อตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น

หากคุณคงสงสัยว่าทำไม Buffett ถึงเลือกรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพเช่นนี้ เขาได้อธิบายว่าเขาดูการศึกษาจากคณิตศาสตร์ประกันภัยและพบว่าอัตราการเสียชีวิตต่ำที่สุดอยู่ในเด็กช่วงอายุ 6 ขวบ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทานอาหารเหมือนเด็กอายุ 6 ขวบ

ช่วงบ่าย

หลังอาหารเช้า Buffett เริ่มทำธุรกิจ วันส่วนใหญ่เขาจะนั่งอยู่ในที่ทำงานและอ่านหนังสือทั้งวัน เนื้อหาส่วนใหญ่ที่เขาอ่านเกี่ยวข้องกับงบการเงินของบริษัท เอกสารการตลาด วารสารการเงิน และรายงานนักลงทุน

อย่างไรก็ตาม เขาใช้เวลาพอสมควรในการอ่านหนังสือพิมพ์และหนังสืออื่นๆ  Buffet ชอบอ่านหนังสือพิมพ์มากกว่าดูข่าวทางทีวี และสื่อที่เขาชอบคือ NYT, WSJ, Washington Post, Financial Times และ Omaha World-Herald

Buffet ชอบอ่านหนังสือพิมพ์มากกว่าดูข่าวทางทีวี (CR:Neckar Substack)
Buffet ชอบอ่านหนังสือพิมพ์มากกว่าดูข่าวทางทีวี (CR:Neckar Substack)

เขาอ่านข่าวทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจต่างๆ ที่ Berkshire ดำเนินการอยู่ American Banker, Oil & Gas Journal, AM Best, Furniture Today มีกองรายงานจากบริษัทในเครือ BRK ต่างๆ อยู่บนโต๊ะทำงานของเขา ตลอดทั้งวัน

ครั้งหนึ่งเขาเคยกล่าวสุนทรพจน์ต่อบัณฑิตในชั้นเรียน และเมื่อถามถึงเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ เขาได้หยิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งแล้วพูดว่า จงอ่านให้ได้ 500 หน้าต่อวัน 

ชายผู้นี้ขุดคุ้ยงบการเงินและรายงานย้อนหลังไปถึงประวัติของบริษัทเท่าที่เขาจะทำได้ จากนั้น Buffett วิเคราะห์ความก้าวหน้าของบริษัทและกลยุทธ์การเติบโตในอนาคต เขาเป็นคนที่คิดอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

มื้อกลางวันโดยปกติแล้วบัฟเฟตต์จะเลือกทานอาหารจานด่วนและของหวาน ทั้งฮอทดอกกับไอศกรีมซันเด , น้ำเชื่อมเชอร์รี่และถั่วสับเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาชอบ แต่เขาก็ชอบแฮมเบอร์เกอร์ แซนด์วิชไก่งวง และเฟรนช์ฟรายที่ใส่เกลือเป็นพิเศษ

ตอนเย็น

Buffett มีชื่อเสียงในด้านการรักษาตารางเวลาของเขา และเขาจะหงุดหงิดเมื่อมีคนไม่เคารพเวลาของเขา เขากลับถึงบ้านระหว่างเวลา 17.00 น. ถึง 18.00 น. ทุกวัน และเขาอาจแวะทานอาหารระหว่างทางกลับบ้าน ซึ่งมักจะเป็นอาหารจานด่วนเช่นเคย แต่บางครั้งเขาก็สั่งสเต็กเนื้อทอดแบบคันทรี่และทีโบนสเต็กพร้อมแฮชบราวน์จาก Gorat’s Steakhouse

Buffett อ้างว่าเขาให้ความสำคัญกับการนอน ดังนั้นเขาจึงเข้านอนประมาณ 22.00 น. อ่านหนังสือประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นเข้านอนภายในเวลา 22.45 น. ในแต่ละคืน โดยรวมแล้ว Buffet ดำเนินชีวิตที่น่าสนใจซึ่งค่อนข้างเรียบง่ายและเหมือนกับเด็กอายุ 6 ขวบ แต่ด้วยความรับผิดชอบของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

กิจวัตรส่วนอื่น ๆ

Buffett เคยกล่าวไว้ว่าเป้าหมายของเขาในแต่ละวันคือการตัดสินใจอย่างมีคุณภาพสูงสุด Jeff Bezos มีกลยุทธ์แบบเดียวกัน และทั้งคู่เป็นชายสองคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม Bezos กล่าวว่าเขาตั้งเป้าหมายที่จะทำการตัดสินใจที่ดีสามครั้งต่อวัน และ Buffet อ้างว่าเขาทำได้ดีหากเขาตัดสินใจได้ดีสามครั้งในหนึ่งปี

Buffett อาจไม่ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเหมือนคนส่วนใหญ่ แต่ถ้าเขามีเวลาในตอนเช้า เขาก็พยายามหาเวลาออกกำลังกาย 

แม้ว่า Buffett จะไม่ได้ทุ่มเทให้กับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ชอบออกกำลังกายสมองเพื่อช่วยให้เขามีความคิดที่เฉียบคมอยู่เสมอ

เขาชอบเล่นบริดจ์มากถึงแปดชั่วโมงต่อสัปดาห์ Buffett บอกกับ Washington Post ว่า “มันเป็นเกมที่คุณสามารถเพลิดเพลินได้เมื่อคุณอายุ 90 ปี และคุณจะได้เห็นความท้าทายทางปัญญาที่แตกต่างกันทุก ๆ เจ็ดนาที เป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับสมอง”

Buffet ชอบเล่นบริดจ์มากถึงแปดชั่วโมงต่อสัปดาห์ (CR:GettyImage)
Buffet ชอบเล่นบริดจ์มากถึงแปดชั่วโมงต่อสัปดาห์ (CR:GettyImage)

Bill Gates เพื่อนเก่าแก่ของ Buffett ก็ชอบเล่นบริดจ์เช่นกัน และพวกเขามักจะเล่นด้วยกัน

นอกจากนี้เขายังชอบเล่นอูคูเลเล่ ซึ่งเป็นทักษะที่เขาสั่งสมมาเพื่อจีบภรรยาคนแรกของเขา ครั้งหนึ่งเขาเคยดีดอูคูเลเล่คู่กับ Bon Jovi เพื่อการกุศล

References :
https://finty.com/us/daily-routines/warren-buffet/
https://medium.com/daily-routines-of-successful-people/warren-buffet-daily-routine-90ab71d33815
https://steelsupplements.com/blogs/news/warren-buffets-real-diet-plan-workout-routine
https://www.businessinsider.com/warren-buffett-daily-routine-2017-8#when-it-comes-time-to-grab-some-shut-eye-buffett-likes-to-be-in-bed-by-1045-pm-i-get-quite-a-bit-of-sleep-i-like-to-sleep-he-told-pbs-so-i-will-usually-sleep-eight-hours-a-night-17
https://www.aarp.org/money/investing/info-08-2013/warren-buffett-on-money-success.html

วิถีผู้นำแบบ Elon Musk ผู้ที่มีวิธีการจัดการแบบโครต Toxic แต่ประสบความเร็จในทางธุรกิจได้เช่นเดียวกัน

หลังจากที่ผมได้ทำ Blog Series ชุด A Day In The Life ที่ถ่ายทอดเรื่องราวประจำวันของเหล่าผู้นำทั้งในทางธุรกิจหรือผู้นำทางการเมืองทั่วโลก ได้รับผลตอบรับที่ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว

มันก็มีอีกแง่มุมหนึ่งที่ผมสนใจ นั่นก็คือสไตล์ของความเป็นผู้นำ หรือวิธีการจัดการบริหารองค์กรของผู้นำเหล่านี้ ที่มีสไตล์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนมาก ๆ ต้องบอกว่าแม้ในหนังสือแนวการจัดการจะมีข้อมูลส่วนใหญ่ที่เป็นด้านโลกสวยที่เหมือนจะเป็นสูตรสำเร็จ แต่ผมเชื่อว่าในการบริหารธุรกิจจริงหรือแม้กระทั่งการบริหารประเทศให้ประสบความสำเร็จนั้น ทุกคนมีสไตล์การบริหารที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หลายคนบริหารงานแบบฉีกกฎเกณฑ์ Playbook ด้านการบริหาร ตำราด้านการบริหารมากมาย และประสบความสำเร็จกลายเป็นสุดยอดนักธุรกิจได้เช่นกัน

วันนี้ตอนแรก จะมาพูดถึงชายที่ชื่อ Elon Musk ที่เรียกได้ว่า เป็นหนึ่งคนที่ฉีกทุกกฎเกณฑ์การบริหารงานธุรกิจ แทบจะเรียกได้ว่าสไตล์ของ Elon Musk นั้น แทบจะเป็นการจัดการแบบ Toxic ที่ไม่มี Playbook เล่มไหนเขียนถึงแนวนี้เลย แต่ Musk ได้กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจมากที่สุดในโลกอีกหนึ่งคน

สไตล์ ‘ไม่ยอมใครง่าย ๆ’ ของ Musk

นับตั้งแต่เข้าครอบครอง Twitter เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2022 Musk ได้สั่งเลิกให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน ยกเลิกอาหารกลางวันของพนักงาน และเลิกจ้างพนักงานประมาณ 3,700 คน ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนพนักงานทั้งหมด 

หลายคนต่างช็อคเมื่อพวกเขารู้ตัวว่ากำลังถูกไล่ออกโดยไม่สามารถเข้าถึงแล็ปท็อปของบริษัทได้อีกต่อไป

เพียงไม่กี่วันต่อมา Musk มีทีมสอดแนมค้นหาข้อความส่วนตัวของพนักงานใน Slack และไล่คนที่วิจารณ์เขาออกทันที

Musk เลิกจ้างพนักงานประมาณ 3,700 คน ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนพนักงานทั้งหมด (CR:Truthout)
Musk เลิกจ้างพนักงานประมาณ 3,700 คน ประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนพนักงานทั้งหมด (CR:Truthout)

Musk ได้ยื่นคำขาดถึงพนักงานเพื่อให้คำมั่นกับ Twitter ยุคใหม่ที่ “ฮาร์ดคอร์สุดๆ” ซึ่ง “หมายถึงการทำงานเป็นเวลานานหลายชั่วโมงด้วยความเข้มข้นในการทำงานสูง” พนักงานมีเวลาจนถึง 17.00 น. ของวันถัดไปในการตัดสินใจว่าจะอยู่หรือไป

มีรายงานว่าพนักงานประมาณ 500 คนเขียนใบลาออกทันที

ดูเหมือนว่า Musk จะไม่ได้คาดการณ์ถึงปฏิกิริยานี้ เมื่อใกล้ถึงเส้นตาย เขาเริ่มนำพนักงานคนสำคัญเข้าร่วมการประชุมโดยพยายามโน้มน้าวให้พวกเขาอยู่ต่อ

นอกจากนี้ เขายังยกเลิกคำสั่งห้ามทำงานจากที่บ้านโดยส่งอีเมลถึงพนักงานว่า “สิ่งที่จำเป็นสำหรับการอนุมัติในเรื่องดังกล่าวคือผู้จัดการของคุณที่ต้องรับผิดชอบในการรับรองว่าคุณทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมจากที่บ้าน”

แต่พนักงานจำนวนมากตัดสินใจลาออก Twitter ล็อกไม่ให้พนักงานทุกคนออกจากสำนักงานจนถึงวันจันทร์ถัดไป ท่ามกลางความสับสนว่าใครยังคงทำงานอยู่อีกบ้าง

การปลดพนักงานและการปรับโครงสร้างเป็นเรื่องปกติในการเปลี่ยนแปลงองค์กร แต่วิธีที่ Musk จัดการมีผลกระทบอย่างมากต่อผู้ที่จากไปเช่นเดียวกับผู้ที่ยังคงอยู่ 

ทางเลือกมีความสำคัญ

แล้ว SpaceX และ Tesla บริษัทที่ Musk สร้างชื่อเสียงล่ะ? ความสำเร็จของบริษัทเหล่านี้ไม่ได้พิสูจน์ว่าเขาเป็นผู้นำที่ดีหรือ?

ต้องบอกว่ามีความแตกต่างอย่างมากระหว่างบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยพันธกิจอย่าง SpaceX และแพลตฟอร์มอย่าง Twitter

เมื่อมีภารกิจร่วมกันเพื่อบรรลุสิ่งที่พิเศษหรือที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนพนักงานมักจะตั้งใจทำงานเป็นเวลานานมาก ๆ และพร้อมทุ่มเทให้กับองค์กรแบบสุด ๆ แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

พวกเขาจะเลือกที่จะทำงานให้มากกว่าและทำงานหลายชั่วโมงหากรู้สึกว่าสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กร พวกเขาต่างคิดว่างานของพวกเขามีความสำคัญ แต่ประเด็นสำคัญก็คือพวกเขาเลือกที่จะทำตามวิสัยทัศน์ของ Musk

พนักงานใน SpaceX เลือกที่จะทำตามวิสัยทัศน์ของ Musk (CR:Orange County Register)
พนักงานใน SpaceX เลือกที่จะทำตามวิสัยทัศน์ของ Musk (CR:Orange County Register)

ดังที่พนักงาน Twitter คนหนึ่งทวีตหลังจากมีการแจ้งผ่านอีเมลของ Musk:

“ฉันไม่ต้องการทำงานให้กับคนที่ขู่เราทางอีเมลหลายครั้งเกี่ยวกับ ‘คนที่ทุ่มเททำงานแบบพิเศษเท่านั้นที่ควรทำงานที่นี่’ ในเมื่อฉันทำงาน 60-70 ชั่วโมงต่อสัปดาห์อยู่แล้ว”

Musk ปฏิบัติต่อพนักงานเหมือนเครื่องจักร

ทั้ง Tesla และ SpaceX มีพนักงานที่ไม่มีความสุขจำนวนมากโดยมีเคสการฟ้องร้องเกี่ยวกับสภาพการทำงานและรูปแบบการจัดการของ Musk อยู่บ่อยครั้ง หลายคนบอกว่าการทำงานกับ Musk นั้น Toxic มาก ๆ

แต่เขาได้รับการยกย่องในเรื่องความคิดของเขา การแก้ปัญหาทางวิศวกรรม การท้าทายโมเดลธุรกิจแบบเก่า ๆ ที่อาจไม่มีประโยชน์อีกต่อไป แต่พื้นฐานของความเป็นผู้นำยังคงมีความสำคัญ และ Musk ก็ยังขาดในเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างมาก

Musk ยึดถือรูปแบบการบริหารที่ปฏิบัติต่อพนักงานเหมือนฟันเฟืองในเครื่องจักร ไม่ใช่มองพวกเขาว่าเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจ พนักงานของเขาต้องเสียสละความเป็นอยู่ที่ดีเพื่อทำตามวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ของเขา

สิ่งที่คุณสามารถเรียนรู้ได้จากสไตล์ความเป็นผู้นำของ Elon Musk

Elon Musk เป็นบุคคลที่ซับซ้อน และสไตล์ความเป็นผู้นำของเขาก็มีความซับซ้อนเช่นกัน ในหลาย ๆ ด้าน เขาเหมือนเป็นแรงผลักดันในวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ แต่ในอีกทางหนึ่งเขาเรียกร้องจากพนักงานมากจนเกินไปและบางครั้งเลยเถิดไปถึงขั้นข่มขู่พนักงาน

เช่นเดียวกับ ผู้นำคนอื่นๆแนวทางของเขามีทั้งด้านบวกและด้านลบ และยังมีเรื่องราวอีกมากที่ต้องเรียนรู้จากวิธีที่เขาเป็นผู้นำ รวมถึงบทเรียนที่น่าสนใจดังต่อไปนี้:

  • เชื่อในตัวคุณเอง. ผู้คนจำนวนมากมักมองว่าแนวคิดของ Musk นั้นบ้าๆ บอๆ แต่เขาเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์และความทะเยอทะยานของเขา เขาไล่ล่าในสิ่งที่เขาเชื่อมั่นอย่างไม่ลดละ
  • กำหนดขอบเขตที่ชัดเจน Musk ผลักดันตัวเองจนถึงขีดจำกัด และในหลาย ๆ ด้าน มันคือบทเรียนที่ดีในสิ่งที่ไม่ควรทำ กำหนดขอบเขตสำหรับตัวคุณเอง เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องทำงาน 100 ชั่วโมงและนอนบนพื้นสำนักงานของคุณ
  • ทำให้รู้สึกว่ามีปลอดภัยที่จะล้มเหลว หนึ่งในหลายๆ เหตุผลที่บริษัทต่างๆ ของ Musk สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยวิธีที่พวกเขาทำนั้นเป็นเพราะ Musk เป็นผู้ที่ไม่แคร์ความล้มเหลว เขารู้ว่าพนักงานของเขาต้องรู้สึกว่าพวกเขาสามารถล้มเหลวได้โดยไม่ต้องกลัวผลกระทบหรือการโดนตำหนิ นั่นเป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับผู้นำทุกคนที่ต้องเป็นหัวหอกในทีมที่มีนวัตกรรมซึ่งความผิดพลาดล้มเหลวถือเป็นเรื่องปรกติมาก ๆ  

ต้องบอกว่า Elon Musk ไม่ได้เป็นผู้นำที่สมบูรณ์แบบ และจริงๆ แล้วแทบไม่เข้าใกล้สิ่งนั้นเลย เมื่อเราศึกษาจาก Playbook ตำราการเป็นผู้นำที่มีอยู่มากมาย 

เรียกได้ว่า Musk กำลังสร้างแบบอย่างที่เป็นอันตรายสำหรับธุรกิจอื่นๆ ที่จะปฏิบัติตาม หากวิธีการจัดการของเขาพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จสำหรับ Twitter อาจส่งผลให้ผู้นำธุรกิจรายอื่นทำตามตัวอย่างของเขาในอนาคต

แต่ด้วยความที่บริษัทของ Musk ประสบความสำเร็จมากมายและชื่อเสียงของเขาในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ถือได้ว่าแหวกแนวที่สุดในตลาด เขาจึงเป็นหนึ่งในผู้นำที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบคนอย่างเขาเช่นเดียวกัน เพราะดูเหมือนว่าจะมีน้อยคนในโลกที่สามารถทำสิ่งเดียวกับชายที่ชื่อ Elon Musk ทำได้สำเร็จนั่นเองครับผม

References :
https://www.fingerprintforsuccess.com/blog/elon-musk-leadership-style
https://theconversation.com/elon-musks-hardcore-management-style-a-case-study-in-what-not-to-do-194999
https://theconversation.com/elon-musks-archaic-management-style-prioritizes-profit-over-people-195520#:~:text=Musk%20adheres%20to%20a%20mechanistic,for%20the%20sake%20of%20profit.
https://www.reddit.com/r/askmanagers/comments/yzb08z/elon_musk_management_style/
https://www.nbcnews.com/tech/tech-news/elon-musks-twitter-takeover-gives-new-type-power-rcna26211

หนึ่งวันในชีวิตของ Satya Nadella ผู้ที่เชื่อว่าความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานเป็นกุญแจสู่ความสุข

Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ไม่เพียงนำการปฏิวัติมาสู่บริษัท แต่ยังเป็นตัวอย่างของการสร้างผู้นำที่แท้จริง

หลายท่านคงได้อ่านเรื่องราวของเขาเกี่ยวกับวิธีที่เขาย้ายจากอินเดียไปยังสหรัฐอเมริกาและก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft

แม้เขาจะใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ แต่ก็พยายามรักษาสุขภาพตลอดจนรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานอยู่เสมอ 

เขาเป็นผู้กุมบังเหียนบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งต่อจาก CEO Steve Ballmer ในปี 2014 และนี่คือลักษณะชีวิตของเขาในแต่ละวัน

ตอนเช้า

Satya Nadella ตื่นนอนตอน 7 โมงเช้า วันธรรมดาๆ ของ Nadella เริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายและการทบทวนตัวเอง เขาต้องการพลังงานและแรงจูงใจมากมายเพื่อเผชิญกับวันที่แสนยุ่งเหยิงในแต่ละวันของเขา

เขายังพยายามเข้ายิมทุกวันเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที ส่วนใหญ่เป็นการวิ่ง การออกกำลังกายช่วยให้เขารักษารูปร่างได้ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้เขามีสุขภาพจิตดีขึ้นด้วย

ในเวลาประมาณ 8.00 น. เขารับประทานอาหารเช้าเพื่อสุขภาพและกาแฟร้อนสักถ้วยก่อนเตรียมตัวไปทำงาน

เกือบทุกวัน Nadella แต่งตัวสบายๆ ด้วยรองเท้าผ้าใบ กางเกงยีนส์ และเสื้อโปโล เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงเช้าไปกับการประชุม

Nadella แต่งตัวสบายๆ ด้วยรองเท้าผ้าใบ กางเกงยีนส์ (CR:Microsoft News)
Nadella แต่งตัวสบายๆ ด้วยรองเท้าผ้าใบ กางเกงยีนส์ (CR:Microsoft News)

ช่วงกลางวัน

ในช่วงบ่าย Nadella ยุ่งกับงานของเขา การทำงานและเป็นซีอีโอบริษัทขนาดใหญ่นั้นหมายถึงการอุทิศเวลาส่วนใหญ่ให้กับการบริหารบริษัทของเขา เขาพยายามที่จะนำการปฏิวัติใหม่มาสู่โลกเทคโนโลยี

เราทุกคนทราบดีว่า Microsoft มีความก้าวหน้าอย่างไรในปัจจุบัน ภายใต้การนำของ Nadella ทั้งหมดนี้เป็นไปได้เพียงเพราะความเป็นผู้นำของ Nadella เขาทำให้แน่ใจว่าเขาเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับพนักงานของเขาด้วย

Nadella ทำให้แน่ใจว่าเขาเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับพนักงานของเขา (CR:Deccan Herald)
Nadella ทำให้แน่ใจว่าเขาเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับพนักงานของเขา (CR:Deccan Herald)

เขาพยายามทำงานประมาณ 7-8 ชั่วโมงทุกวัน เขาพยายามรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานให้สมดุลและไม่หมกมุ่นกับงานมากเกินไป

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเบาๆ และดื่มชาแล้ว เขาอาจนำเสนองาน เช็คข้อความ หรือโทรศัพท์ก่อนจะกลับบ้านในเวลาประมาณ 17.00 น.

ตอนเย็น

ตอนเย็น Nadella ใช้เวลาอ่านหนังสือและใช้เวลากับครอบครัว เขาพยายามใช้เวลากับครอบครัว ช่วยเหลือลูก ๆ ในการทำการบ้าน พูดคุยเกี่ยวกับวันของพวกเขา และทานอาหารเย็นกับพวกเขา เขายังรักการทำอาหารและพยายามทำข้าวหมกบริยานีแบบไฮเดอราบาดีทุกครั้งที่มีเวลา

และหากมีโอกาส ก็จะหาเวลาอ่านบทกวีก่อนเข้านอนในช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. ซึ่งอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าเขายุ่งแค่ไหนในวันนั้น

กิจวัตรอื่น ๆ

Satya Nadella พยายามรักษาสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและอาชีพของเขา โดยจะทิ้งเรื่องงานที่ Microsoft ไว้เบื้องหลังทันทีที่เดินออกจากประตูสำนักงาน เขาพยายามใช้เวลากับลูกและภรรยาให้มากที่สุด และในทุกช่วงเวลาที่เขาใช้เวลากับลูก ๆ เขาพยายามที่จะอยู่ในสถานการณ์นั้นมากขึ้นและพยายามที่จะมีความสุขกับพวกเขา

Zain Nadella ลูกชายของ Satya Nadella ประธานและซีอีโอของ Microsoft เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 26 ปี ซึ่งเขาเกิดมาพร้อมภาวะสมองพิการ 

Zain Nadella ลูกชายของ Satya Nadella (CR:GeekWire)
Zain Nadella ลูกชายของ Satya Nadella (CR:GeekWire)

Nadella กล่าวกับ NowThis ว่า “ฉันคิดว่ากุญแจสำคัญคือต้องไม่หักโหมจนเกินไป แต่ยังไงก็ต้องรักษาไฟในการทำงานไว้ ซึ่งต้องคงความหลงใหลหลักที่คุณยังคงต้องมีอยู่ และนั่นถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งในการสร้างสมดุล”

Nadella กล่าวว่า บทเรียนชีวิตที่ยั่งยืนที่สุดคือความจำเป็นในการเปิดใจและรักษาความอยากรู้อยากเห็นให้คงอยู่ตลอดเวลา 

Nadella รักบทกวีอเมริกันและอินเดีย นอกจากนี้เขายังชอบคริกเก็ต เขาและ Anupama ภรรยาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเจ้าของสโมสรซีแอตเทิล ซาวน์เดอร์ส เอฟซี ซึ่งเป็นสโมสรในเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ของสหรัฐอเมริกา

References :
https://www.cnbc.com/2019/12/11/microsoft-ceo-satya-nadellas-morning-rituals.html
https://balancethegrind.co/daily-routines/satya-nadella-daily-routine/
https://finty.com/us/daily-routines/satya-nadella
https://www.drworkout.fitness/satya-nadella-daily-routine/

หนึ่งวันในชีวิตของ Tim Cook ผู้ตื่นก่อนรุ่งสางและรับอีเมลมากถึง 800 ฉบับต่อวัน

เมื่อคนส่วนใหญ่นึกถึง CEO ของ Apple พวกเขานึกถึง Steve Jobs ผู้ล่วงลับ หลังจากที่ Jobs จากโลกนี้ไป Tim Cook ก็ขึ้นมากุมบังเหียน Apple แทนและสร้างการเติบโตให้กับ Apple ปีแล้วปีเล่า จนส่งผลให้ Apple กลายเป็นบริษัทมูลค่าล้านล้านดอลลาร์แห่งแรกของโลก

Cook เป็นหนึ่งใน CEO ที่เข้าใจยากที่สุดในโลก ชายคนนี้ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดและชอบที่จะเป็นจุดสนใจเหมือนกับ CEO ด้านเทคโนโลยีคนอื่น ๆ เช่น Elon Musk

อย่างไรก็ตาม Tim Cook เป็นผู้มีความคิดที่เฉียบแหลม และภายใต้การดูแลของเขา Apple ได้กลายเป็นผู้นำตลาดด้านอุปกรณ์สวมใส่และวางตำแหน่งตัวเองเป็นบริษัทบริการที่มีรายได้หลายพันล้านจาก Apple Music, Apple TV+, Apple Arcade, Apple Fitness+ และแน่นอนว่า App Store.

Cook เป็นผู้เล่นรายใหญ่ในด้านเทคโนโลยี โดยจัดการธุรกิจระดับโลกของ Apple จาก Apple HQ ของบริษัทในแคลิฟอร์เนีย แม้ว่าความกดดันในการเป็นผู้นำบริษัทอาจดูเป็นเรื่องใหญ่ แต่ Cook กล่าวว่าเขามีสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตที่ดี และนี่คือรายละเอียดของกิจวัตรประจำวันของ Tim Cook

ตอนเช้า

Tim Cook ตื่นนอนประมาณ 03.45 น. ได้รับอีเมลมากกว่า 700-800 ฉบับในแต่ละวัน เขาอ่านอีเมลทั้งหมดในกล่องจดหมายก่อนจะไปยิมตอนตี 5

“ผมชอบอ่านความคิดเห็นของผู้ใช้และอะไรทำนองนั้น” เขา กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Axios “ฉันให้ความสำคัญกับคนภายนอกที่มีความสำคัญต่อเรา”

Apple HQ มีห้องออกกำลังกายเต็มรูปแบบ แต่ Cook ไปที่โรงยิมส่วนตัวใกล้ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงนักข่าวและใครก็ตามที่อาจขัดจังหวะการออกกำลังกายของเขา

Cook ไปที่โรงยิมส่วนตัวใกล้ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงนักข่าว (CR:MacRumors Forums)
Cook ไปที่โรงยิมส่วนตัวใกล้ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงนักข่าว (CR:MacRumors Forums)

หลังจากออกกำลังกายประมาณ 45 นาที Cook ก็จะไปอาบน้ำ แต่งตัว และดื่มกาแฟจากสตาร์บัคส์ จากนั้นเขาก็ขับรถไปที่ Apple HQ ประมาณ 8.00 น. เพื่อเริ่มต้นวันทำงาน เขามักจะเป็นคนแรกๆ ที่เปิดประตูออฟฟิสในตอนเช้าอยู่เสมอ

 Cook มักจะเพลิดเพลินกับอาหารเช้า ด้วยขุดไข่ขาวซีเรียลปราศจากน้ำตาลและนมอัลมอนด์แบบไม่หวาน

ช่วงกลางวัน

Cook มีชื่อเสียงในด้านการทำงานตลอดเวลาเมื่อใดก็ตามที่ Apple กำลังทำงานในโครงการขนาดใหญ่ เขาจะอยู่ที่ Apple HQ จนถึงเช้าตรู่ในวันที่มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์

ในระหว่างวัน เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในสำนักงานที่ Apple HQ ในฐานะ CEO ของบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก Cook มีหน้าที่รับผิดชอบหลายอย่างในระหว่างวัน รวมถึงการจัดการทุกด้านของธุรกิจระหว่างประเทศของ Apple

เขาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมมาราธอน ถามคำถามทุกอย่าง และส่งอีเมลถึงพนักงานตลอดเวลา

ในขณะที่พนักงาน Apple ส่วนใหญ่มองว่า Steve Jobs เป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ Cook กลับตรงกันข้าม รูปแบบการจัดการของเขาอาจแตกต่างจาก Jobs เป็นอย่างมาก แต่พนักงานของเขาเคารพแนวทางในการบริหารงานธุรกิจของเขา

เขามักจะถามคำถามกับพนักงานเพื่อดูว่าพวกเขามีความแข็งแกร่งทางจิตใจและความเฉลียวฉลาดแบบที่เขากำลังมองหาในตัวพนักงานของเขาหรือไม่ เห็นได้ชัดว่า ถ้า Cook ถามคำถามคุณ และคุณเข้าใจถูก เขาจะยืนอยู่ที่นั่นและถามคุณอีกสิบคำถามเพื่อดูว่าคุณพลาดตรงไหน

Tim Cook มักจะถามคำถามกับพนักงานเพื่อดูว่าพวกเขามีความแข็งแกร่งทางจิตใจและความเฉลียวฉลาดแบบที่เขากำลังมองหาหรือไม่ (CR:The Business Journals)
Tim Cook มักจะถามคำถามกับพนักงานเพื่อดูว่าพวกเขามีความแข็งแกร่งทางจิตใจและความเฉลียวฉลาดแบบที่เขากำลังมองหาหรือไม่ (CR:The Business Journals)

แม้ว่าเขาอาจจะเป็นเจ้านายที่เข้มงวด แต่เขามักจะรับประทานอาหารกลางวันในศูนย์อาหาร Apple HQ กับพนักงานของเขาแบบสุ่มในแต่ละวัน เขาเป็นคนที่ชอบกินเบคอน แต่ชอบเบคอนไก่งวงมากกว่า

ตอนเย็น

Cook มักเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากออฟฟิสไปในตอนกลางคืน

Cook เป็นคนที่มีความเป็นส่วนตัวสูงเมื่ออยู่นอกสำนักงาน หากคุณพยายามค้นหาบ้านของเขาใน Google Street View คุณจะเห็นภาพเบลอ

เขาชอบพักผ่อนในตอนเย็นและมักจะเข้านอนก่อน 20:45 น. เพื่อที่จะได้นอนให้ครบ 7 ชั่วโมง

กิจวัตรอื่น ๆ

Tim Cook ซึ่งมีหลักการ อุดมการณ์ และการเมืองอย่างลึกซึ้งในแบบที่เขาต้องการ เขาเก็บรูปถ่ายของ Martin Luther King และ Bobby Kennedy ไว้ในกรอบบนโต๊ะทำงานของเขา

แม้จะมีทรัพย์สินมหาศาล แต่เขาก็ใช้ชีวิตอย่างประหยัดอย่างน่าทึ่ง เขามักจะไม่พกกระเป๋าเงินติดตัว และเขาไม่ใช้เงินเหมือน CEO ด้านเทคโนโลยีคนอื่นๆ ในซิลิคอนวัลเลย์ โดยมักซื้อชุดชั้นในลดราคาที่ Nordstrom’s

ชีวิตที่เรียบง่ายของ Tim Cook ในช่วงวันหยุด (CR:Daily Mail)
ชีวิตที่เรียบง่ายของ Tim Cook ในช่วงวันหยุด (CR:Daily Mail)

เมื่อมีเวลาว่างในช่วงบ่ายและวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาจะออกไปปั่นจักรยานหรือเดินป่าเพื่อออกกำลังกายและผ่อนคลายในช่วงสัปดาห์ของเขา

Cook ชอบติดตามวิถีชีวิตของ Lance Armstrong ซึ่งทำให้เขาสนใจการปั่นจักรยาน มีข่าวลือว่าการตัดผมของเขาได้รับอิทธิพลมาจากทรงผมของ Armstrong เช่นเดียวกัน

Cook มักจะจัดการประชุมทางโทรศัพท์ในคืนวันอาทิตย์เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนสำหรับสัปดาห์ที่จะมาถึงอยู่เสมอ

References :
https://medium.com/mind-cafe/i-tried-tim-cooks-daily-routine-and-it-was-a-friggin-nightmare-dae745022f0f
https://finty.com/us/daily-routines/tim-cook/
https://www.businessinsider.com/tim-cook-daily-routine-apple-ceo-2017-9#its-reported-that-cook-likes-to-catch-seven-hours-of-shut-eye-a-night-meaning-that-he-has-to-turn-in-by-845-pm-to-get-enough-rest-before-his-early-wake-up-17
https://www.quora.com/Whats-the-daily-routine-of-top-level-CEOs-like-Tim-Cook-and-Warren-Buffett
https://money.com/5-extremely-successful-people-and-their-insane-workout-routines/

Blog Series : TikTok Boom – The Miracle Story of TikTok and ByteDance

กลายเป็นกระแสที่ดังไปทั่วโลกสำหรับคลิปวีดีโอสั้นที่นำโดย TikTok บริษัทจากประเทศจีนบริษัทเดียวที่สามารถแจ้งเกิดในระดับโลกได้แบบเต็มตัว

การเริ่มต้นด้วยแอปอย่าง Douyin ในเวอร์ชั่นจีน และพัฒนาสู่ TikTok ในเวอร์ชันสากล สามารทำให้แอปจากจีนตัวนี้พุ่งทะยานสู่ความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง ทั้งสองแอปได้กลายเป็นปรากฎการณ์ระดับโลก เหนือจินตนาการของผู้ก่อตั้ง แล้วเรื่องราวทั้งหมดมันเกิดอะไรขึ้น?

Blog Seriers จะนำพาไปพบกับเรื่องราวสุดมัน ที่เกิดขึ้นของ ByteDance เจ้าของแพลตฟอร์มยอดฮิตอย่าง TikTok รวมถึงเรื่องราวของชายหน้าตาซื่อ ๆ อย่าง Zhang Yiming สุดยอดวิศวกรที่เข้าใจลึกซึ้งถึงเครือข่ายโซเชียลมีเดียยุคใหม่ สุดยอดอัลกอริธึมที่เขาได้คิดค ที่ได้สร้างปรากฎการณ์ระดับโลกนี้ขึ้นมาได้อย่างไร

โดยเนื้อหาจะมาจากหนังสือสองเล่มหลักคือ Attention Factory : The Story of TikTok & China’s ByteDance โดย Brennan Matthew และ TikTok Boom : China’s Dynamite App and the Superpower Race for Social Media โดย Chris Stokel-Walker

เนื้อหาหลักเรียบเรียงจากหนังสือสองเล่ม
เนื้อหาหลักเรียบเรียงจากหนังสือสองเล่ม

รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ จากแหล่งข้อมูลออนไลน์ รับประกันความสนุกแน่นอนครับ อย่าลืมฝากติดตามกันด้วยนะครับผม

–> อ่านตอนที่ 1 : I Feel It Coming

Credit แหล่งข้อมูลบทความ

หนังสือ Attention Factory : The Story of TikTok & China’s ByteDance โดย Brennan Matthew

หนังสือ TikTok Boom : China’s Dynamite App and the Superpower Race for Social Media โดย Chris Stokel-Walker

https://www.scmp.com/magazines/style/news-trends/article/3023093/how-did-tiktoks-zhang-yiming-become-one-chinas-richest

https://techcrunch.com/2011/01/29/90-of-y-combinator-startups-have-already-accepted-the-150k-start-fund-offer/
https://www.theinformation.com/articles/tencent-xiaomi-invested-in-tiktoks-parent-bytedance

https://techcrunch.com/2012/12/05/prismatic/

https://www.theverge.com/2017/8/30/16222850/youtube-google-brain-algorithm-video-recommendation-personalized-feed

https://www.businessinsider.com.au/youtube-engineer-christos-goodrow-on-recommendation-engine-2015-7

https://en.wikipedia.org/wiki/StumbleUpon

https://bits.blogs.nytimes.com/2013/03/14/the-end-of-google-reader-sends-internet-into-an-uproar/

https://www.wired.com/2013/06/why-google-reader-got-the-ax/

https://www.washingtonpost.com/business/technology/facebook-to-change-news-feed-to-a-personalized-newspaper/2013/03/07/b294f61e-8751-11e2-98a3-b3db6b9ac586_story.html

https://blog.ycombinator.com/the-hidden-forces-behind-toutiao-chinas-content-king/

https://www.theguardian.com/environment/2007/mar/26/globalwarming.china

https://techcrunch.com/2013/10/17/mindie-is-an-immersive-music-and-video-jukebox-app-done-right/

https://thenextweb.com/apps/2013/10/17/mindie-like-vine-pop-music-soundtrack/

https://www.forbes.com/sites/mnewlands/2016/06/10/the-origin-and-future-of-americas-hottest-new-app-musical-ly/

https://www.wired.co.uk/article/musically-lip-sync-app

https://www.crunchbase.com/search/funding_rounds/field/organizations/last_funding_type/musical-ly

https://www.technologyreview.com/2017/01/26/154363/the-insanely-popular-chinese-news-app-that-youve-never-heard-of/

https://twitter.com/tiktok_japan/status/884317356704399360

https://newsroom.tiktok.com/en-us/musical-ly-and

https://en.wikipedia.org/wiki/Yukina_Kinoshita

https://digiday.com/marketing/musical-ly-starts-selling-ads/

https://www.musicbusinessworldwide.com/vine-and-musical-ly-transformed-the-music-industry-then-they-disappeared-will-history-repeat-itself/

https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-11-13/why-facebook-passed-on-buying-the-predecessor-to-tiktok

https://www.scmp.com/magazines/style/news-trends/article/2132434/chinas-rich-list-2018-who-are-nations-wealthiest-man-and

https://www.reuters.com/article/us-bytedance-musically/chinas-bytedance-scrubs-musical-ly-brand-in-favor-of-tiktok-idUSKBN1KN0BW

https://www.buzzfeednews.com/article/krishrach/tiktok-twitter-thread-weird

https://www.wsj.com/articles/tiktoks-videos-are-goofy-its-strategy-to-dominate-social-media-is-serious-11561780861

https://www.reuters.com/article/us-facebook-china-focus/facebook-defies-china-headwinds-with-new-ad-sales-push-idUSKBN1Z616Q

https://www.buzzfeed.com/pablovaldivia/lil-nas-x-tweets

https://www.bbc.com/news/magazine-13414527

https://www.theverge.com/2019/10/1/20892354/mark-zuckerberg-full-transcript-leaked-facebook-meetings

https://www.nytimes.com/2019/11/03/technology/tiktok-facebook-youtube.html

https://www.nbcnews.com/podcast/byers-market/transcript-facebook-s-sheryl-sandberg-n1145051

https://medium.com/cheddar/tiktok-doubles-down-on-us-with-hire-of-veteran-youtube-exec-91d5bd9353d9

https://www.cnbc.com/2019/10/14/tiktok-has-mountain-view-office-near-facebook-poaching-employees.html