เมื่อ VinFast หาญกล้าท้าชน Tesla ในศึกรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอเมริกาเหนือ

VinFast ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจยานยนต์ของ VinGroup ของมหาเศรษฐี Pham Nhat Vuong กำลังเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นล่าสุดทั่วโชว์รูมในอเมริกาเหนือและยุโรป ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า ซึ่งเป็นการก้าวเข้ามาท้าทาย Tesla ที่กำลังขยายธุรกิจไปทั่วโลก

ทาง Vinfast เองได้ทำการสรรหาผู้บริหารระดับสูงจากผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น Tesla , BMW , Porche , Toyota และ Nissan เพื่อบรรลุเป้าหมายในการเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับโลก

โดยทาง Jeremy Snyder หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโตของ VinFast US ได้กล่าวว่า “ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่ได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยและการผลิตที่พิสูจน์แล้วของ VinFast เรามั่นใจว่า VinFast สามารถแข่งขันกับแบรนด์ชั้นนำในสหรัฐฯ ได้ในวันนี้”

ต้องบอกว่าเป็นคำกล่าวที่น่าสนใจเพราะ Snyder เองนั้นมีประสบการณ์ในการทำงานกับ Tesla ซึ่งเขาได้ทำงานในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงหลายตำแหน่งมาเป็นเวลากว่าทศวรรษ จนกระทั่งปี 2018

VinFast จะมีการตั้งสาขาทั่วสหรัฐอเมริกา แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี และ เนเธอร์แลนด์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ทั่วโลก

โดยรถยนต์รถต์ไฟฟ้ารุ่นนี้จะทำการเปิดตัวในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ โดยมีรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะสองรุ่นคือ VF e35 และ VF e36 ที่จะวางจำหน่ายทั่วโลกในเดือนมีนาคมปี 2022

โดย VinFast ตั้งเป้าที่จะขายรถยนต์ไฟฟ้า 56,000 คันในปี 2022 แต่เป้าหมายได้ลดลงเหลือ 15,000 คัน เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลก

ต้องบอกว่าข่าวนี้ เป็นข่าวสั้น ๆ แต่สร้าง impact ได้อย่างมหาศาล เมื่อ VinFast นั้นมองเห็นถึงเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างรถยนต์ไฟฟ้า และมุ่งเข้าสู่ธุรกิจนี้อย่างจริง ๆ จัง ๆ แบบมีรูปแบบแผนการที่ชัดเจน

แน่นอนว่ามันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้องลุกขึ้นมาต่อกรกับบริษัทอย่าง Tesla หรือ ยักษ์ใหญ่อย่าง Apple ที่กำลังจะมาลุยตลาดนี้ รวมถึงแบรนด์อีกมากมายจากประเทศจีน ที่กำลังเข้าสู่ธุรกิจนี้เช่นเดียวกัน

แต่ต้องยอมรับในความคิดใหญ่ของ Pham Nhat Vuong เป็นอย่างมากที่กล้าพาแบรนด์น้องใหม่ของพวกเขาอย่าง VinFast ลุยในศึกใหญ่และเป็นเทรนด์ในอนาคตของโลก

Pham Nhat Vuong เจ้าของอาณาจักร VinGroup ผู้กล้าท้าชน Tesla
Pham Nhat Vuong เจ้าของอาณาจักร VinGroup ผู้กล้าท้าชน Tesla

พอนึกย้อนกลับมาในประเทศไทยก็รู้สึกน่าเสียดาย ที่เราแทบจะเป็นฐานการผลิตหลักของรถยนต์มาอย่างยาวนาน แต่แทบจะไม่มีแม้กระทั่งแบรนด์รถยนต์สัญชาติตัวเองเลยด้วยซ้ำ

มันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่น่าสนใจอย่างเหลือเชื่อ ที่หลาย ๆ ธุรกิจที่ประเทศเราควรจะทะยานไกลด้วยความได้เปรียบหลาย ๆ อย่าง ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ที่เราเป็นฐานผลิตมาอย่างยาวนาน ซึ่งน่าจะมี know how ต่าง ๆ ในการสร้างแบรนด์ของตัวเองได้แล้ว

กลับกัน VinFast ที่ดูเหมือนจะมาทีหลังด้วยซ้ำ กลับแซงหน้าเราไปไกล ได้ถึงระดับที่สามารถไปท้าทายอำนาจของ Tesla ในอเมริกาเหนือ ซึ่งดูเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ และเป็นธุรกิจแห่งอนาคตอย่างแท้จริง ซึ่งต้องบอกว่าเพียงแค่พวกเขาได้ไปแข่งขัน ก็ถือว่า พวกเขาก้าวไปไกลกว่าเรามาก ๆ แล้วจริง ๆ นั่นเองครับผม

References : https://www.forbes.com/sites/jonathanburgos/2021/07/14/vietnams-richest-person-aims-to-challenge-tesla-in-north-america-europe
https://www.reuters.com/business/autos-transportation/vietnams-answer-tesla-has-us-its-electric-sights-2021-04-30/
https://auto.economictimes.indiatimes.com/news/passenger-vehicle/cars/vietnams-answer-to-tesla-bets-big-on-the-us-market/82326148

เหตุผลใดที่ Elon Musk สามารถกลายเป็นเศรษฐีล้านล้านคนแรกของโลกได้

ราคาหุ้นของ Tesla เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 880 ดอลลาร์ในเดือนมกราคมทำให้ Elon Musk เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วยมูลค่าสุทธิ 195 พันล้านดอลลาร์โดยเอาชนะ Jeff Bezos ได้ประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์

แต่จากคำกล่าวของมหาเศรษฐี VC Chamath Palihapitiya Musk กำลังจะร่ำรวยขึ้นมาก ในความเป็นจริงเขาจะเป็นเศรษฐีล้านล้านคนแรกของโลกได้หากหุ้นของ Tesla เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าของราคาปัจจุบัน Palihapitiya เชื่อว่าอาจเกิดขึ้นได้ เหตุผลที่เขาคิดว่านี่อาจเป็นบทเรียนสำหรับผู้ประกอบการทุกคน

Palihapitiya มีประวัติอันน่าประทับใจ ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้บริหาร Facebook เขาออกไปพบกับ บริษัท ร่วมทุน Social Capital เขาเป็นนักลงทุนรายแรก ๆ ใน Slack and Box และช่วยทำให้ Virgin Galactic เป็น บริษัท มหาชน

แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงคิดว่า Musk จะยิ่งร่ำรวยมากขึ้นในอนาคต?  ไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่คุณคาดหวัง ไม่ใช่เพราะ Musk เป็นบุคคลที่มีผู้ติดตามบน Twitter มากกว่า 42 ล้านคนหรือเพราะเขาเป็นอัจฉริยะที่สามารถสอนตัวเองได้เกือบทุกอย่าง

ไม่ใช่ว่าเขาทำงานหนักหรือเพราะเขามีแรงผลักดันอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นคุณสมบัติที่ VC ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับผู้ก่อตั้งก็ตาม

มันง่ายกว่านั้นมาก เป็นเพราะ Tesla กำลังต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Palihapitiya อธิบายในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC “บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกควรเป็นคนที่แก้ไขหรือต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” เขากล่าว เขาคิดว่า Tesla เป็นทางออกที่ดีมาหลายปีแล้วเขากล่าว “ต้องใช้เวลาห้าหรือหกปีกว่าที่ทุกคนจะตระหนักถึงสิ่งเดียวกัน”

เขากล่าวว่า Tesla เป็น บริษัท พลังงานแบบกระจายซึ่งนอกจากรถยนต์แล้วยังผลิตแบตเตอรี่ แผงโซลาร์เซลล์ และ Powerwall ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาเพื่อเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ใช้ในภายหลัง “พวกเขากำลังคิดหาวิธีเก็บเกี่ยวพลังงาน วิธีการจัดเก็บและวิธีการใช้เพื่อให้มนุษย์มีประสิทธิภาพสูงสุด” เขากล่าว

อัตราส่วน P / E ของ Tesla สูงกว่า 1,600

อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P / E Ratio) ของ Tesla ที่มีมากกว่า 1,600 แม้ว่าราคาหุ้นของ บริษัท จะลดลงเล็กน้อยเมื่อหน่วยงานบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติขอให้ บริษัทเรียกคืนรถยนต์รุ่นเก่า 158,000 คันเนื่องจากปัญหาหน้าจอสัมผัสที่ อาจส่งผลต่อความปลอดภัย  

สำหรับนักลงทุนจำนวนมากนั่นจะเป็นการชี้ให้เห็นว่าหุ้นของ Tesla มีมูลค่าสูงเกินไปแล้ว แต่ Palihapitiya ยังคงเชื่อว่าราคาจะเพิ่มขึ้นอีกมากและเรื่องของพลังงานคือเหตุผลว่าทำไม

“การหยุดชะงักครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นคือระบบไฟฟ้า” เขาอธิบาย “มีพันธบัตรมูลค่าหลายล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นเงินทุน [ค่าใช้จ่ายในการลงทุน] ซึ่งมีมูลค่าอยู่ภายในโครงสร้างพื้นฐานการผลิตพลังงานของโลกที่กำลังจะเปลี่ยนไป” เมื่อเป็นเช่นนั้นเขากล่าวว่า “Tesla จะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 2-3 เท่าอีกครั้ง” 

Palihapitiya ได้ทำนายไว้ก่อนหน้านี้ว่ามหาเศรษฐีคนแรกของโลกจะเป็นคนที่รับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ” แต่ถ้าไม่ใช่เขา ก็จะเป็นใครคนนึงที่มีความคิดเหมือน Elon Musk เพราะการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดทำให้โลกมีความยั่งยืน จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่บุคคลเหล่านี้จะได้รับรางวัลเป็นผลตอบแทน”

การช่วยลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษยชาติต้องเผชิญ

และ Palihapitiya มองว่ามีแนวโน้มที่ถูกต้องที่ธุรกิจที่ตอบสนองความท้าทายนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเห็นคุณค่าของพวกเขาในการเติบโตได้ในระยะยาว

สำหรับส่วนตัวเองมองว่าว่า Musk มองปัญหาใหญ่ ๆ ของโลกเราเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพลังงานทดแทน หรือ การเดินทางในอวกาศ ซึ่งล้วนแล้วต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการสร้างฝันของเขาให้สำเร็จขึ้นมาได้

ทั้ง SpaceX , Tesla หรือ SolarCity นั้น เป็นบริษัทที่ล้วนอยู่ในอุตสาหกรรมที่มี Impact ต่อโลกเราอย่างมหาศาล และแน่นอนว่าเมื่อเขามองถึงอนาคต ที่ยังไม่มีใครมองเห็น มันก็จะกลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่มหาศาลที่ไม่เคยมีใครมองมันมาก่อนด้วยนั่นเอง

ซึ่งทุกสิ่งที่เขาทำนั้นมีหลายคนเคยปรามาสว่าเป็นเรื่องที่เพ้อฝัน และไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ Musk ก็ได้พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าแม้จะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ หรือ ยากเย็นเพียงใด เขาก็สามารถทำมันให้เห็นผลเป็นประจักษ์ได้สำเร็จ

ผมก็มั่นใจว่า เขาจะกลายเป็นบุคคลสำคัญที่สุด ที่โลกของเราต้องจารึกไว้ ในฐานะนักนวัตกรรม ไม่ต่างจากที่เราเคยเทิดทูน โทมัส เอดิสัน , นิโคลา เทสลา หรือ เฮนรี่ ฟอร์ด และที่สำคัญ Musk ถือเป็นแรงบันดาลใจให้เหล่าผู้คน หันมาสรรค์สร้างสิ่งใหม่ ๆ และช่วยกันแก้ปัญหาของโลกเราใน Scale ที่ใหญ่ขึ้นเหมือนสิ่งที่ Musk กำลังทำอยู่นั่นเองครับ

แล้วคุณล่ะมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้? อย่าลืมคอมเม้นต์กันเข้ามาได้เลยนะครับผม

References : https://www.inc.com/minda-zetlin/elon-musk-trillionaire-tesla-shares-chamath-palihapitiya.html
https://www.youtube.com/watch?v=CyNtwHoXC9w
https://www.cnbc.com/2021/01/13/nhtsa-asks-tesla-to-recall-158716-model-x-s-over-touchscreen-glitch.html

Productivity Hack เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบง่ายๆ ที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้ในแบบฉบับของ Elon Musk

Elon Musk บุคคลที่เพิ่งก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของนักธุรกิจ ด้วยการขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งโลก เป็นผู้ประกอบการที่มีประสิทธิภาพเป็นที่รู้จักส่วนใหญ่จากผลงานของเขาในฐานะ  ซีอีโอของ Tesla  ซึ่งแซงหน้า Toyota ในฐานะ บริษัท ยานยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกในช่วงเวลาสั้น ๆ 

แน่นอนว่าการบริหาร บริษัท ขนาดเท่า Tesla นั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก แต่ Musk ยังเป็นซีอีโอของ บริษัท สำรวจอวกาศ SpaceX ซึ่งมีภารกิจในการพามนุษย์ไปยังดาวอังคาร และ “จุดหมายปลายทางอื่น ๆ ในระบบสุริยะ”

และนั่นไม่ใช่ทั้งหมด Musk ยังก่อตั้งหรือปัจจุบันมีบทบาทสำคัญใน บริษัท อื่น ๆ อีกหลายแห่งโดยมีเป้าหมายดังต่อไปนี้:

  • การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติทั้งหมด (OpenAI)
  • การพัฒนาอินเทอร์เฟซเครื่องสมองเพื่อเชื่อมต่อมนุษย์และคอมพิวเตอร์ (Neuralink)
  • การแก้ปัญหา “การจราจรคับคั่ง” ด้วยเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินขนาดใหญ่อย่าง Hyperloop (The Boring Company)
  • การผลิตพลังงานสะอาดผ่านแผงโซลาร์เซลล์ (SolarCity ซึ่งเป็น บริษัท ย่อยของ Tesla)

ด้วยบริษัทจำนวนมากเราอาจคิดว่าความรู้ของ Musk เกี่ยวกับแต่ละบริษัทนั้นอาจจะมีน้อย แต่เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงเลย Garrett Reisman วิศวกรและอดีตนักบินอวกาศที่ทำงานกับ Musk มาหลายปีหลังจากออกจาก NASA เพื่อเข้าร่วม SpaceX ประหลาดใจกับความสามารถของ Musk ในการติดตามรายละเอียดเล็กน้อยในแต่ละบริษัทที่เขาควบคุมอยู่

“ผมหมายความว่าผมได้พบกับคนที่เก่งและฉลาดมาก” Reisman กล่าวใน  การให้สัมภาษณ์ล่าสุด  “โดยปกติแล้วพวกเขาฉลาดสุด ๆ ในเรื่องหนึ่งและเขาสามารถสนทนากับวิศวกรชั้นนำของเราเกี่ยวกับซอฟต์แวร์และแง่มุมที่ซับซ้อนที่สุด จากนั้นเขาจะหันไปหาวิศวกรการผลิตของเราและพูดคุยเกี่ยวกับบางอย่างจริงๆ กระบวนการเชื่อมแบบสุดล้ำสำหรับโลหะผสมที่พิศดาร”

เขากล่าวต่อว่า “ความสามารถของเขาในการทำเช่นนั้นในเทคโนโลยีต่างๆทั้งหมดที่ใช้ในจรวดและรถยนต์และทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมประทับใจจริงๆ”

แล้ว Musk ทำได้อย่างไร? เขาจัดการเวลาอย่างไรเพื่อให้เขามีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาทำ

Musk เองเปิดเผยการแฮ็กเพิ่มประสิทธิภาพที่เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพ ในการให้สัมภาษณ์เมื่อหลายปีก่อน:

เขาแบ่งเวลาเพื่อให้โดยพื้นฐานแล้วเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่ บริษัท ทีละ บริษัท

เมื่อพูดคุยกับนักข่าว Alison van Diggelen ย้อนกลับไปในปี 2013  Musk อธิบายว่าการบินไปมาระหว่างทางตอนเหนือและตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย โดยทั่วไปจะแบ่งสัปดาห์ของเขาระหว่างสองบริษัทหลักของเขาด้วยวิธีต่อไปนี้:

วันจันทร์: SpaceX

วันอังคาร: Tesla

วันพุธ: Tesla

วันพฤหัสบดี: SpaceX

วันศุกร์: SpaceX

วันเสาร์: Tesla

วันอาทิตย์: Tesla หรือ SpaceX

Musk ระบุว่าตารางเวลานี้เป็นเพียงตัวอย่างและการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ แต่ความคิดเห็นจาก Reisman สอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้น Musk มักเลือกที่จะมุ่งเน้นไปที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินและเริ่มต้นใหม่ในเช้าวันรุ่งขึ้นกับอีกบริษัทหนึ่ง

แน่นอนว่ามีเพียงไม่กี่คนที่สามารถบริหาร บริษัท หลายแห่งเหมือนที่ Musk ทำได้  และเพื่อความชัดเจนผมก็ไม่สนับสนุนให้ทำงานเจ็ดวันต่อสัปดาห์โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีครอบครัวเหมือนผม

แต่ผมพบว่ามีคุณค่ามากในการแยกงานด้านต่างๆ ตามวันในสัปดาห์และยิ่งไปกว่านั้นในตอนเช้าและตอนบ่าย

สิ่งนี้ช่วยให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานอย่างมากมากเนื่องจากช่วยให้คุณสามารถแบ่งเวลาในการระดมความคิดและงานสร้างสรรค์พร้อมกับการพบปะช่วยเหลือและทำงานร่วมกับผู้อื่น นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการสูญเสียเวลาโดยสลับงานหรือพยายามทำงานหลายอย่างพร้อมกัน

นอกจากนี้การแยกโครงการงานลูกค้าหรืองานสำคัญตามวัน คุณจะเห็นได้ว่าความคิดที่ซับซ้อนระหว่างหัวข้อต่างๆมีความสัมพันธ์กันอย่างไร สิ่งนี้ช่วยให้คุณสามารถคิด วิเคราะห์และแก้ปัญหาได้ทำให้คุณสามารถประยุกต์ใช้หลักการจากโครงการหรืออุตสาหกรรมหนึ่งไปสู่อีกโครงการหนึ่งได้ดีนั่นเอง

การทำเช่นนี้สามารถเปลี่ยนชีวิตของใครหลายคนได้และแน่นอนว่ามันสามารถเปลี่ยนคุณได้เช่นกัน

แล้วคุณล่ะมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?

References : https://evannex.com/blogs/news/six-life-hacks-from-elon-musk
https://medium.com/@worktime1/infographic-5-productivity-hacks-from-elon-musk-bill-gates-and-mark-zuckerberg-9f68548cbb9a
https://medium.com/swlh/top-10-elon-musk-productivity-secrets-for-insane-success-dae584c88e03

Geek Story EP38 : ประวัติ Elon Musk The Real Life Iron Man (ตอนที่ 5 – ตอนจบ)

รูปแบบของ Tesla ไม่เพียงแค่ทำให้ ธุรกิจแนวคิดเดิม ๆ ของอุตสาหกรรมรถยนต์เปลี่ยนไปเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงออกว่ารถไฟฟ้าคือแนวคิดใหม่ของยานยนต์ด้วย อีกไม่นานบริษัทรถยนต์อื่น ๆ ล้วนจะต้องทำตามหลักการที่นำโดย Tesla

แม้หลายคน อาจจะเคยปรามาส มัสก์ว่าธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าคือโอกาสทางธุรกิจที่ห่วยแตกที่สุดของโลกใบนี้ เหล่านักลงทุนส่วนใหญ่ ต่างกระโจนหนี ในความคิดเพ้อฝันของมัสก์ โอกาสที่จะทำกำไรกับธุรกิจนี้มันมีน้อยมาก ๆ

แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ Tesla แตกต่างจากคู่แข่งก็คือความมุ่งมั่นในการพุ่งชนวิสัยทัศน์ของตัวเองโดยไม่มีทีท่าว่าจะลดลงไปเลย ซึ่งนั่นก็คือการทุ่มเทสุดตัวให้กับการทำตามมาตรฐานของมัสก์ เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของสิ่งที่เคยมีมานั่นเอง

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/357xvrB

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/2HbFEmR

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/Fz0n1vIBTDs

References : https://www.tharadhol.com/blog-series-elon-musk-the-real-life-iron-man/
https://www.makedigitalindian.com/real-world-iron-man-elon-musk-biography/

Geek Story EP35 : ประวัติ Elon Musk The Real Life Iron Man (ตอนที่ 2)

ต้องบอกว่าจากตอนที่แล้ว ในช่วงเรียนมหาลัยนี่เอง ที่ทำให้ อีลอน มัสก์ เกิดไอเดียที่ยิ่งใหญ่มากมาย ในหัว ทั้งเรื่องเกมส์ เรื่องอินเตอร์เน็ต พลังงานที่ไร้ขีดจำกัด และเรื่องการเดินทางในอวกาศ  ซึ่งล้วนแล้วแต่จะเป็นสิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ในอนาคตแทบจะทั้งสิ้น 

จากตอนนี้จะเห็นว่า ชีวิตในมหาลัยของมัสก์ นั้นเปลี่ยนจากช่วงมัธยมอย่างสิ้นเชิง เขาเริ่มเข้ากับผู้คนได้ และเริ่มมีความคิดที่ยิ่งใหญ่ ที่มันกำลังจะเกิดขึ้นจริง แล้วหลังจากเขาเรียนจบมหาลัย จะเกิดอะไรขึ้นต่อกับ อีลอน มัสก์ เขาจะหาเงินทุนมาสร้างธุรกิจที่เป็นไอเดียบรรเจิดของเขาได้อย่างไร โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/2SNK31I

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/33TMZ34

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/4ppmN611gkw

References : https://www.tharadhol.com/blog-series-elon-musk-the-real-life-iron-man/
https://www.businessinsider.com/paypal-mafia-members-careers-elon-musk-peter-thiel-reid-hoffman-2019-11