ถ้าบอกว่า Tesla Roadster รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ Tesla เปรียบเสมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ Apple II ที่เปลี่ยนโลกคอมพิวเตอร์ไปตลอดกาล และสำหรับ Model S นี่คือสิ่งที่ Elon Musk ถวิลหา เขาต้องการสร้างมันให้เป็นเหมือน Macintosh แห่งวงการยานยนต์
ปัญหาใหญ่ของ Roadster คือเรื่องการดีไซน์ Musk ไม่อยากเริ่มต้นจากศูนย์ เพราะมันช่วยประหยัดเงินทุนได้มากกว่า แต่คันที่สองต้องไม่เหมือนคันแรก มันต้องเป็นการรังสรรค์ขึ้นมาใหม่แบบหมดจดจาก Tesla เท่านั้น
Musk ต้องการให้ทุกคนเห็นแล้วตาลุกวาวว่านี่คือรถ Tesla เหมือนที่เราเห็น Benz, BMW, Ferrari หรือ Audi แล้วรู้ได้ทันทีว่าเป็นแบรนด์ไหน เขาจึงสร้าง Design Studio ขึ้นที่โรงงาน SpaceX ในลอสแอนเจลิส
และแล้วโชคชะตาก็เข้าข้าง เมื่อ Tesla ได้ von Holzhausen ดีไซเนอร์โครตเทพที่เคยผ่านงานมาทั้ง Volkswagen, Audi, GM และ Mazda มาร่วมทีม ด้วยข้อเสนอที่ใครๆ ก็ปฏิเสธไม่ลง
von Holzhausen บอกว่าการออกแบบรถไฟฟ้าเจ๋งกว่าออกแบบรถน้ำมันเยอะ เพราะมีพื้นที่ให้ใส่ไอเดียได้มากกว่า แถมยังต้องคิดเรื่องการลดเสียงรบกวนด้วย เพราะไม่มีเสียงเครื่องยนต์มาช่วยกลบ
Model S ใช้วัสดุจัดเต็ม! อลูมิเนียมพิเศษแบบเดียวกับที่ใช้ในจรวด SpaceX เกือบทั้งคัน แถมมีหน้าจอทัชสกรีน 17 นิ้วสุดล้ำที่ทำให้ลูกค้าอ้าปากค้างและหลงรักทันทีที่เห็น
แต่ก็มีเรื่องตลกอยู่บ้าง ทีมดีไซน์คิดว่าคนสมัยนี้อ่าน e-book กันหมดแล้ว เลยไม่ติดไฟอ่านหนังสือที่เบาะหลัง จนลูกชาย Musk ถึงกับบ่นว่า “เป็นรถที่งี่เง่าที่สุดในโลก” ตอนนั่งอ่านหนังสือแล้วมองไม่เห็น
ตอน prototype ของ Model S ออกมาให้เห็นครั้งแรกในปี 2009 หลายคนยี้มาก บางคนถึงขั้นเปรียบเทียบกับรถโบราณอย่าง Ford Probe จากยุค 80 ด้วยซ้ำ แถมตอนนั้นทั้ง SpaceX และ Tesla สถานการณ์ก็กำลังดิ่งลงเหว
แต่แล้วในกลางปี 2012 Tesla ก็ทำให้บริษัทรถยนต์รุ่นใหญ่ต้องอ้าปากค้าง เมื่อส่งมอบ Model S รถหรูไฟฟ้าที่วิ่งได้ 300 ไมล์ต่อการชาร์จ ทำความเร็ว 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 4.2 วินาที รองรับผู้โดยสารได้ 7 คน
Model S เหนือชั้นกว่ารถไฮเอนด์ทั้งหลายแบบไม่เห็นฝุ่น ทั้งความเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย ความรู้สึกในการขับขี่ แม้แต่พื้นที่เก็บของก็ยังจัดเต็มกว่าเขา
Tesla ฉีกกฎการซื้อขายรถแบบเดิมๆ ไม่ต้องไปต่อรองกับเซลล์ที่กระเหี้ยนกระหือรือที่จะขาย ๆ ๆ เพียงอย่างเดียง เพราะลูกค้าเพียงแค่คลิกสั่งผ่านเว็บ แล้วรถจะมาส่งถึงบ้าน ถ้ามีปัญหาอะไร วิศวกรก็แค่เชื่อมต่อผ่านเน็ตแล้วอัปเดตซอฟต์แวร์ให้ ราวกับถูกเสกด้วยเวทมนตร์
หลังวางขายไม่กี่เดือน Model S ก็คว้ารางวัลรถยนต์แห่งปีจาก MotorTrend ด้วยคะแนนเอกฉันท์ ผลักดันให้หุ้น Tesla พุ่งกระฉูดจาก 30 เหรียญเป็น 130 เหรียญ
สิ่งที่ทำให้ Tesla แตกต่างคือการสร้างแบรนด์ให้เป็นมากกว่ารถ พวกเขาไม่ได้แค่ขายยานพาหนะ แต่กำลังขายไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต สร้างความผูกพันกับลูกค้าแบบเดียวกับที่ Apple ทำ
แม้ตอนแรกหลายคนจะมองว่าธุรกิจรถไฟฟ้าเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ แต่ด้วยความมุ่งมั่นของ Musk และทีมงาน Tesla ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นว่าฝันให้ไกลไปให้ถึงนั้นไม่ใช่เรื่องไร้สาระ
วันนี้ Tesla ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เทพที่สุดในโลก แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนกล้าคิดต่าง กล้าท้าทายสิ่งเดิมๆ และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ถือเป็นการขีดเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการยานยนต์โลกเลยทีเดียว