Mark Zuckerberg ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่าง The Verge ถึงวิวัฒนาการของแว่นตา AR (Augmented Reality) ศักยภาพในการแทนที่สมาร์ทโฟน และการผสานรวมกับเทคโนโลยี AI (ปัญญาประดิษฐ์) โดยพี่ Mark ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างแว่นตาที่มีความเป็นแฟชั่น และต้องให้ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี รวมถึงการยอมรับของผู้บริโภคในอนาคต
Highlights
🕶️ Mark Zuckerberg ได้พูดถึงวิวัฒนาการของแพลตฟอร์มมือถือและการเปลี่ยนผ่านสู่แว่นตา AR โดยชี้ให้เห็นถึงข้อจำกัดของสมาร์ทโฟน
🎯 เป้าหมายของโครงการ Orion คือการสร้างแว่นตาที่มีดูดีเหมือนแว่นตาทั่วไป แต่สามารถผสานโฮโลแกรมและ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการมีปฏิสัมพันธ์ในโลกแห่งความเป็นจริง
🤝 ความร่วมมือระหว่าง Meta กับ Luxottica มุ่งพัฒนาแว่นตาที่ทั้งสวยงามและใช้งานได้จริง สามารถบันทึกเนื้อหาและเข้าถึงฟีเจอร์ AI ในราคาที่จับต้องได้
📈 Zuckerberg กล่าวถึงการลงทุนอย่างมหาศาลใน Reality Labs โดยระบุว่าใช้เงินไปกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ในการพัฒนา Orion และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
📉 Orion เวอร์ชันแรกที่จะวางจำหน่ายคาดว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับนักพัฒนา โดยมีแผนที่จะพัฒนาเวอร์ชันสำหรับผู้บริโภคทั่วไปในอนาคต
📲 Zuckerberg มองภาพอนาคตที่แว่นตาจะค่อยๆ กลายเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลัก ลดการพึ่งพาสมาร์ทโฟนลงเรื่อยๆ ตามกาลเวลา
🌍 การผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับสื่อสังคมออนไลน์จะยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ ช่วยให้สามารถสร้างเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงและปรับปรุงการมีปฏิสัมพันธ์บนแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
Key Insights
📱 วิวัฒนาการจากมือถือสู่แว่นตา AR
Mark Zuckerberg ได้ร่ายยาวถึงการเปลี่ยนผ่านจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะสู่อุปกรณ์พกพาอย่างมือถือสมาร์ทโฟน และมองเห็นการเปลี่ยนแปลงในลักษณะเดียวกันกับแว่นตา AR (Augmented Reality)
เขาเชื่อว่าแม้สมาร์ทโฟนจะครองความเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลักมาอย่างยาวนาน แต่แว่นตา AR จะกลายเป็นแพลตฟอร์มสำคัญลำดับถัดไป ที่จะช่วยให้การมีปฏิสัมพันธ์และประสบการณ์ในชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างราบรื่น วิสัยทัศน์นี้ได้ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของวิธีที่ผู้ใช้จะมีส่วนร่วมกับเทคโนโลยีในอนาคต
🤖 การผสานเทคโนโลยี AI ในแว่นตา AR
Zuckerberg เน้นย้ำถึงข้อได้เปรียบของแว่นตา AR สำหรับการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) แว่นตาสามารถสร้างเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงแก่ผู้ใช้ได้โดยตรง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมีปฏิสัมพันธ์แบบเรียลไทม์โดยไม่รบกวนสภาพแวดล้อมรอบตัว
ส่วนผสมที่ลงตัวนี้บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงสู่เทคโนโลยีที่ใช้งานง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้น โดย AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง แทนที่จะเป็นเพียงส่วนที่แยกต่างหากเหมือนที่เราเห็นในปัจจุบัน
🛠️ ความคาดหวังของผู้บริโภคและความท้าทายในการพัฒนา
การพัฒนาโครงการ Orion ซึ่งเป็นแว่นตา AR ต้องเผชิญกับอุปสรรคในแง่ของขนาด ราคา และฟังก์ชันการใช้งาน Zuckerberg ชี้ให้เห็นว่าแม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปอย่างมาก แต่การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภค ในขณะที่ยังคงความทันสมัยและราคาไม่แพงเกินไปนั้นเป็นสิ่งสำคัญ
ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างสมดุลระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัยกับความต้องการใช้งานจริงของผู้บริโภคและความสวยงามในการออกแบบ
🤝 พันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อนวัตกรรม
การร่วมมือกับ Luxottica และการโฟกัสการพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะหลากหลายรูปแบบ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Zuckerberg ในการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งรอบเทคโนโลยี AR
การร่วมมือกับผู้ผลิตแว่นตาที่มีชื่อเสียง Meta มุ่งหวังที่จะใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในการออกแบบและการผลิตของพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการนำแว่นตา AR ที่ดึงดูดใจและใช้งานได้จริงสู่ตลาด
🌐 การเปลี่ยนแปลงการมีส่วนร่วมทางสังคม
Zuckerberg สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการมีปฏิสัมพันธ์บนสื่อสังคมออนไลน์ โดยมุ่งไปสู่การสนทนาแบบส่วนตัวและการค้นพบเนื้อหาใหม่ๆ มากกว่าการถกเถียงแบบเอาเป็นเอาตายเหมือนในแพลตฟอร์มอย่าง X
วิวัฒนาการนี้เป็นตัวบ่งชี้ว่าแพลตฟอร์มอย่าง Threads ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมชุมชนและสร้างการเชื่อมต่อที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งอาจลดความโดดเด่นของการถกเถียงทางการเมืองและช่วยส่งเสริมสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่เป็นบวกมากขึ้น
✨ บทบาทของ AI ในการสร้างเนื้อหา
การนำ AI มาช่วยผู้สร้างสรรค์ในการสร้างเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงบ่งบอกถึงแนวทางที่เปลี่ยนแปลงสื่อสังคมออนไลน์ Zuckerberg เชื่อว่าการช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานร่วมกับ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการสร้างสรรค์ของพวกเขา ซึ่งจะนำไปสู่การมีส่วนร่วมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และอาจปรับเปลี่ยนวิธีการบริโภคและแชร์เนื้อหาบนแพลตฟอร์มอย่าง Instagram และ Threads
🕊️ กลยุทธ์การฟื้นฟูแบรนด์ในระยะยาว
Zuckerberg ยอมรับว่าการกู้ชื่อเสียงของ Meta ขึ้นมาใหม่หลังจากผ่านวิกฤติหนักในปี 2016 จะเป็นเรื่องในระยะยาว เขาตระหนักถึงผลกระทบที่ยังคงอยู่จากข้อถกเถียงในอดีต และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเพื่อให้สาธารณชนกลับมาไว้วางใจในแพลตฟอร์มเครือ Meta อีกครั้ง
ข้อมูลเชิงลึกนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจที่มากขึ้นของตัว Zuckerberg เองเกี่ยวกับความรับผิดชอบขององค์กรและความท้าทายในการนำทางผ่านภูมิทัศน์ทางสังคมที่ซับซ้อนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
Opinion
แม้ว่าวิสัยทัศน์ของ Zuckerberg จะดูน่าตื่นเต้นและมีศักยภาพสูง แต่ก็ยังมีคำถามและความท้าทายมากมายที่ Meta ต้องเผชิญ :
- การยอมรับของผู้บริโภค: จะต้องใช้เวลาและการปรับตัวอย่างมากสำหรับผู้คนที่จะเปลี่ยนจากสมาร์ทโฟนมาใช้แว่นตา AR เป็นอุปกรณ์หลัก
- ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย: การใช้แว่นตา AR ที่มีกล้องและ AI อาจสร้างความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและเรื่องการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
- ผลกระทบทางสังคม: การเปลี่ยนแปลงวิธีที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับโลกรอบตัวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางสังคมและพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่งอาจจะเป็นอีกปัญหาในระยะยาวที่ Meta จะโดนเพ่งเล็งอีกครั้ง
- การแข่งขันในตลาด: Meta ไม่ใช่บริษัทเดียวที่พัฒนาเทคโนโลยี AR การแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อื่นๆ จะเป็นปัจจัยสำคัญในความสำเร็จของโครงการนี้
- ความยั่งยืนทางธุรกิจ: การลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีที่ยังไม่พิสูจน์ตัวเองในตลาดอาจเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจที่สำคัญ เพราะดูเหมือน AR จะมีมานานแล้วแต่ยังไม่สามารถแจ้งเกิดได้แบบเต็มตัวเสียที
สรุปแล้ว วิสัยทัศน์ของ Zuckerberg แสดงให้เห็นถึงอนาคตที่น่าตื่นเต้นของเทคโนโลยี AR และ AI แต่การที่จะทำให้วิสัยทัศน์นี้กลายเป็นความจริงและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางยังต้องอาศัยเวลา การพัฒนาเทคโนโลยี และการแก้ไขความท้าทายต่างๆ อีกมาก อย่างไรก็ตาม การลงทุนและความมุ่งมั่นของ Meta ในโครงการนี้แสดงให้เห็นว่าเราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีที่เราใช้เทคโนโลยีในอนาคตอันใกล้นี้
References :
Why Mark Zuckerberg thinks AR glasses will replace your phone
https://youtu.be/8dVba_xm4MQ?si=eos-FWQx4_dagk-w