Book Review : Be Right Back หายไปที่อื่น

ต้องบอกตามตรงว่าเป็นแฟนผลงานของคุณ แชมป์ ทีปกร มาตลอดทั้งผลงานผ่านหนังสือ รวมถึง page ดังอย่าง the matter  และเป็นแฟนพันธ์แท้ของสำนักพิมพ์ salmon เลยก็ว่าได้  ผลงานเล่มที่แล้วที่ได้ Review ไปก็คือ mostly cloudy มีเมฆเป็นส่วนมาก

สำหรับผลงานใหม่ของคุณ แชมป์ Be Right Back นั้น ไม่ได้เป็นหนังสือแนวท่องเที่ยวเหมือนทั่ว ๆ ไปแต่อย่างใด แต่เป็นการที่ผู้เขียน พาเราไปพบประสบการณ์ ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ สถานที่ต่าง ๆ แล้วมาเล่าเป็นตัวหนังสือ โดยนำเรื่องราวระหว่างทาง มาเขียนเป็นแนวคิด แล้วมีการผูกเรื่องกับสิ่งต่างๆ  ที่เป็นประสบการณ์ของตัวคุณแชมป์เอง ซึ่งได้แง่คิดใหม่ ๆ หรือ มุมความคิดที่แปลกแหวกแนว ที่อาจจะไม่เห็นได้ในหนังสือเดินทางเล่มอื่น ๆ

การตั้งคำถาม หรือมีการประชดประชัด ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างนึงของคุณแชมป์จากผลงานที่ผ่านมาถือว่าหาได้ยากในหนังสือแนวแบบนี้

และก็สืบเนื่องจากการเดินทางที่โชคโชนของคุณ แชมป์ ก็ทำให้เราได้รับรู้ถึงแนวคิด การใช้ชีวิต ที่อาจจะแปลกไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ ที่เราน่าจะได้อะไรบางอย่างจากหนังสือเล่มนี้

Book Review : Full-Time Director, Part-Time Loser

ต้องยอมรับว่าผมเป็นแฟนพันธ์แท้ ของคุณ เบ๊น—ธนชาติ ศิริภัทราชัย  จากผลงานหนังสือเล่มแรก อย่าง new york 1st time  รวมทั้งผลงานการทำหนังโฆษณากับ Salmon House ซึ่งถือว่าคุณ เบ๊น นั้นเป็นคนที่มีความ creative สูงมากคนหนึ่งจากผลงานของเค้าที่ผ่านมา

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่จะเล่าส่วนหนึ่งของชีวิต คุณ เบ๊น ตั้งแต่ part แรก ๆ ที่เริ่มตั้งแต่การเรียน การฝึกงาน รวมถึงการมารับบทบาท ผู้กำกับหนังโฆษณากับ Salmon House ที่ ผลงานแต่ละชิ้นค่อนข้างเป็นกระแสในโลก social อยู่ค่อนข้างมาก เนื่องจากความแตกต่าง รวมถึงแนวคิดในการคิด concept ในการสร้างหนังโฆษณาของเค้านั้น หาไม่ค่อยได้ในโลกโฆษณาปัจจุบัน

หนังสือเล่มนี้ก็จะทำให้เราได้รู้จักตัวตนของคุณ เบ๊น ว่ามีความเป็นมาอย่างไรเหมือนเป็นการเล่าประวัติชีวิต ว่าเขาได้ก้าวมาจุดนี้ได้อย่างไร ความ Creative หรือ แนวคิดที่แตกต่างของเค้ามีที่มาจากอะไร เราจะหาได้จากหนังสือเล่มนี้ ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจ โดยเฉพาะ อาชีพด้านโฆษณา ที่ควรหามาอ่านอย่างยิ่งครับ

บทส่งท้าย UCL 2017

คงจะทราบผลกันไปแล้วสำหรับ UCL 2017 Final เมื่อคืน ที่มาดริด สามารถป้องกันแชมป์ได้สำเร็จเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์หลังจากเปลี่ยนชื่อจากถ้วย ยูโรเปี้ยน คัพ มาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีค

สำหรับ score ที่ออกมาต้องบอกว่าเหนือความคาดหมายมาก ที่สามารถเอาชนะทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในแชมเปี้ยนลีคปีนี้อย่างยูเวนตุส ถึง 4-1 ต้องบอกว่าเสียรังวัดไปพอตัวสำหรับทีมยูเวนตุส ที่ตามหน้าสื่อแล้วนั้น เกมส์รับค่อนข้างจะเหนียวแน่น กูรูหลายสำนักฟันธงไว้อาจจะยื้อไปถึงดวลจุดโทษด้วยซ้ำ

แต่ถ้ามาดูรายละเอียดของเกมส์แล้วนั้น ต้องยอมรับว่าเป็นการวางแท็คทิก ที่ผิดพลาดของ อัลเลกรี กุนซือของ ยูเวนตุส ไปเต็ม ๆ ทั้งที่ในครึ่งเวลาแรกนั้น รูปเกมส์ออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียว มีโอกาสมากกว่ามาดริดด้วยซ้ำไป แต่ครึ่งหลังนั้นเหมือนหนังคนละม้วนเลยก็ว่าได้

การเล่นเกมส์รุกสู้ รีล มาดริด นั้นน้อยทีมที่จะทำได้เห็นผล ถ้าไม่ใช่ทีมอย่างบาร์เซโลน่า หรือ บาเยิร์น มิวนิค ที่ถนัดเกมรุกนั้น ถือว่าทีมอื่น ๆ ทั่วยุโรปตอนนี้ ยากจะต้านทาน มาดริด หากเล่นรุกสู้

เกมนี้มาวัดกันจิง ๆ ที่ครึ่งหลังจริง ๆ โดยส่วนตัวคิดว่า อัลเลกรี คงย่ามใจ คิดว่าครึ่งแรกเล่นสู้ได้อย่างสูสี ครึ่งหลังจึงมาเล่นเกมรุกสู้ ซึ่งตั้งใจจะจบเกมส์ภายใน 90 นาทีเลยด้วยซ้ำ แต่นั่นคือหายนะ ชัด ๆ เมื่อมาดริด ตั้งเกมได้ แดนกลางที่ห่างชั้นกันค่อนข้างมาก ก็ทำให้ มาดริด นวดเข้าใส่อยู่ฝ่ายเดียวอยู่นาน จนได้ประตูขึ้นนำ รวมถึงประตูนำห่าง จะเห็นได้ว่า รูปเกมเป็นแบบ one way เลยด้วยซ้ำ มาดริต เข้าทำอยู่แทบจะฝ่ายเดียว

ซึ่งแนวถนัดของยูเวนตุส คือ หลังที่เหนียวแน่น การเล่นแบบ เหนียวแน่น แล้วสวนกลับ นั้นไม่ได้นำมาใช้ในเกมส์นี้ ซึ่งก็เสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะการเจาะยูเวนตุส จริง ๆ นั้นยากมาก ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความหิน โดยเฉพาะกองหลังทั้งสามตัว แต่เกมส์นี้ ก็ดูจะผิดฟอร์ม รวมถึงการที่โชคเข้าข้างมาดริด ที่มีการยิงแฉลบ ถึง 2 ประตู บุฟฟ่อน ที่ว่าแน่ ก็หมดสิทธิ์ เซฟ ไปเหมือนกัน

แต่ดูภาพรวมนั้น ก็ต้องยอมรับ มาดริดว่าแกร่งทั่วแผ่นจริง ๆ ชม. นี้ หาทีมมาหยุด มาดริดได้ยากมาก ๆ ทั้งแทนหน้า กลาง หลัง ค่อนข้างจะสมบูรณ์ในแทบทุกตำแหน่งเลยก็ว่าได้ นี่ขนาด เบลไม่ได้ลงตัวจริง ยังโหดได้ขนาดนี้ และคนสำคัญที่มักจะมาในเกมส์ใหญ่ ๆ แบบนี้เสมอ คือ โรนัลโด้ แม้จะมีส่วนร่วมกับเกมส์ไม่มาก แต่จังหวะ ทำประตู ก็ยังคงไว้ใจโด้ได้เหมือนเคย โดยเฉพาะในเกมส์ที่กดดันหนัก แบบ เกมส์รอบชิง เชื่อมั่นในตัวโด้ได้ มักมีทีเด็ดมาให้เห็นกันตลอด ซึ่งนี่ก็คือ ความแตกต่างระหว่างนักเตะระดับเกรด A กับนักเตะ World Class ทีมักจะมาฟอร์มดีในเกมส์ที่สำคัญ หรือ กดดันมาก ๆ เสมอ

สำหรับปีหน้า คิดว่า มาดริด ก็คงจะเป็นตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์เหมือนเคย ปีนี้ ทีมที่คิดว่าสูสีที่สุดน่าจะเป็น บาเยิร์น แต่ดันมาเจอกันเร็วไปหน่อย ซึ่งเกมส์ น่าจะออกได้ทั้งสามหน้าถ้าเจอกับบาเยิร์น ชุดปัจจุบัน ก็ต้องรอดูการเสริมทัพปีหน้าของแต่ละทีมว่าเป็นไง และทีมไหนจะมาหยุดยั้ง มาดริด ไม่ให้เป็นแชมป์ได้  3 สมัยซ้อน ก็คงต้องรอดูกันต่อไป

Credit Image : indianexpress.com

Movie Review : Wonder Woman

Review

 

ต้องยอมรับแต่แรกว่าหนังเรื่องนี้ ตอนแรกถือว่าไม่ได้เป็นหนังใน list ที่ผมตั้งใจจะดูซักเท่าไหร่  แต่ได้คุยกับรุ่นน้องที่ office และบอกว่า Review ออกมาค่อนข้างดี จึงชวนแฟนเข้าไปดูกันเมื่อวานนี้ ที่ เมเจอร์รัชโยธิน ที่เดิม และบังเอิญมากที่ไปได้นั่งที่เดิมจากที่ไปดูเรื่อง Pirate ล่าสุดซะด้วย

ซึ่ง Wonder Woman เป็นหนังเรื่องแรกที่ผมได้มีโอกาสได้ดูผลงานของผู้กำกับ Patty Jenkins ก่อนหน้านี้ไม่เคยติดตามผลงานของเธอมาก่อน สำหรับดารานำ นั้น นำแสดง โดย Chris Pine ที่รับบท Steve Trevor สายลับชาวอังกฤษ รวมถึงนักแสดงสาวสวยอย่าง Gal Gadot ที่รับบทหลัก Diana ตัวหลักของเรื่อง รวมถึงนักแสดงมากความสามารถอย่าง David Thewlis ที่มารับบท sir patrick   แต่สำหรับคนที่เสียดายที่สุดคือ  Robin Wright ที่มาแสดงน้อยไปหน่อย ซึ่งผมค่อนข้างชอบเธอจากผลงาน Series ดังอย่าง House of Cards  เสียดายบทน้อยไปหน่อยสำหรับเรื่องนี้

สำหรับตัวบทนั้นหนังพยายามทำให้มีส่วนผสมของทุกรสชาติเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ถือว่าบทออกมาไม่ขี้เหร่นัก ก็ไม่ค่อยแตกต่างจากหนัง Heroes ก่อนหน้านี้ซักเท่าไหร่ มีการผูกเรื่องราวเข้ากับสงครามโลกครั้งที่ 1 ถึงแม้จะดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับเรื่อง Captain อเมริกา หรือ X-mens ที่สามารถผูกเรื่องราวได้แนบเนียนไปกับประวัติศาสตร์จริงได้แนบเนียนกว่า

เอาจริง ๆ ก็หลาย ๆ คนก็คงจะหลงรัก Gal Gadot กันมากยิ่งขึ้นจากผลงานของหนังเรื่องนี้ ต้องยอมรับว่าเธอแสดงได้อย่างมีเสน่ห์ เหลือเกิน เป็น Heroes หญิงคนแรกได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยก็ว่าได้ ส่วน Chris Pine นั้นก็เคมีลงตัวกับ Gal Gadot ได้อย่างดี ทั้งบทซึ้ง บทฮา หรือ บท action ทั้งสองก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว

สำหรับส่วนที่ขัดใจที่สุดน่าจะเป็น ส่วนท้ายเรื่องที่มาเฉลยเรื่องราวต่างๆ  นั้น บอกตรง ๆ ว่าตอนแรกก็งง ๆ อยู่เหมื่อน กัน ต้องมาหาอ่านเพิ่มใน Pantip เอา รวมถึงการพยายามมี Drama ในท้ายเรื่องซึ่งบางอย่างมันไม่สมเหตุสมผลซักเท่าไหร่ รวมถึงตัวร้ายของเรื่องที่บทจะตาย ก็ตายได้ง่ายๆ  เหมือนกัน ตรงนี้น่าจะมีการจบเรื่องได้ดีกว่านี้ แต่ก็เข้าใจว่าน่าจะนำมาจากหนังการ์ตูน คงปรับอะไรมากไม่ได้

สรุปโดยรวมก็ถือว่าเป็นหนัง Heroes ที่ไม่ทำให้ผิดหวังสำหรับในช่วงนี้ที่ยังไม่ค่อยมีหนังฟอร์มใหญ๋เข้าฉาย Wonder Woman จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่มีโอกาสก็ควรจะไปชมกัน

เก็บตกจากหนัง

  • ได้ดูแล้วจะหลงรัก Gal Gadot มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอนสายตาเทอช่างเย้ายวน
  • เป็นหนังสไตล์อังกฤษ บางมุข เราอาจจะไม่ค่อย Get ซักเท่าไหร่
  • เสียดาย Robin Wright ที่แสดงน้อยไปหน่อย

คะแนน

8/10

สรุป
“เปิดตัว Heroes หญิงคนแรกได้อย่างยอดเยี่ยม”

Blog Series : Life of Pine

สำหรับ Blog Series ชุดนี้ อยากถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานกับบริษัทเก่า ที่เป็นบริษัทที่ให้ประสบการณ์ชีวิตในหลายๆ  ด้านกับตัวผม ทั้งในด้านที่ดี และ ประสบการณ์ที่เลวร้าย ซึ่งถ้ากล่าวถึง Startup ที่เป็นคำ hit ในปัจจุบัน นั้น บริษัทเก่าของผมก็ถือได้ว่ามีแนวคิดเป็น Startup ตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนั้นกระแส ยังไม่มาขนาดนี้ สำหรับเนื้อหาใน blog นี้ก็ไม่ได้มีเจตนาว่าร้ายต่อบริษัทเก่าแต่อย่างใด ถือเป็นการเล่าประสบการณ์ ที่ผ่านมาช่วงนึงของชีวิตเท่านั้น

ตอนที่ 0 : 

ตอนที่ 1 :

ตอนที่ 2 :

ตอนที่ 3 :

ตอนที่ 4 :

 

Credit Image : alicazhang.files.wordpress.com