AI Guards กับการควบคุมนักโทษด้วย AI ในประเทศจีน

หากผู้ต้องขังคนใดในเรือนจำหยานเฉิงในประเทศจีนคิดที่จะหลบหนีพวกเขาอาจจะต้องคิดใหม่!! เมื่อจีนกำลังจะใช้เทคโนโลยี AI Guards มาคอยควบคุมนักโทษในเรือนจำ

ขณะนี้เรือนจำของจีนกำลังปิดปรับปรุงระบบเฝ้าระวังด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเฝ้าระวังนักโทษทุกเวลาแม้กระทั่งขณะที่อยู่ในห้องขัง

สำนักข่าว South China Morning Post ได้ตีพิมพ์เรื่องราวรายละเอียด ระบบการเฝ้าระวังใหม่ในคุกหยานเฉิงของจีนซึ่งเป็นที่ตั้งของผู้ต้องขังที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ

ซึ่งตอนนี้นั้นการอัพเกรดระบบเฝ้าระวังรูปแบบใหม่นั้นใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยเป็นการรวมเครือข่ายของกล้องและเซ็นเซอร์ที่สามารถติดตามผู้ต้องขังได้อย่างต่อเนื่องทุกการเคลื่อนไหว

กล้องและเซ็นเซอร์เหล่านี้จะป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบ AI ที่ใช้เทคโนโลยีการระบุใบหน้า (Facial Recognition) และการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวเพื่อตรวจสอบผู้ต้องขังแต่ละคนในเรือนจำ โดยจะมีการทำรายงานประจำวันเกี่ยวกับนักโทษแต่ละคนและทำเครื่องหมายไว้กับนักโทษที่มีพฤติกรรมที่ผิดปกติ

ตัวอย่างเช่น  หากผู้ต้องขังถูกพบว่าเดินไปมาในห้องเป็นระยะเวลาหนึ่ง เครื่องอาจมองว่าเป็นพฤติกรรมที่น่าสงสัยและจะมีการแนะนำให้มีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์”

นี่ไม่ใช่ตัวอย่างแรกที่เราเห็นจากเจ้าหน้าที่เรือนจำที่พยายามสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ  ก่อนหน้านี้ กรมราชทัณฑ์ของเกาะฮ่องกง ประกาศการใช้เทคโนโลยีหลายอย่างที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักโทษปลอดภัยในระหว่างถูกจำคุก

อาจเป็นไปได้ว่าระบบของเรือนจำหยานเฉิงสามารถให้บริการได้ตามวัตถุประสงค์แบบเดียวกัน  ซึ่งหากผู้ต้องขังกำลังเดินไปเดินมาเนื่องจากความคิดที่จะทำร้ายตัวเอง เช่นการทำเครื่องหมายเพื่อระบุถึงพฤติกรรมของพวกเขา และทำการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์ จะสามารถช่วยป้องกันเหตุที่ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม Zhang Xuemin ศาสตราจารย์ด้านสรีรวิทยาของ Beijing Normal University บอกกับ SCMP ว่าระบบใหม่นี้จะ“ ส่งผลกระทบต่อ” สภาพจิตใจของนักโทษอย่างแน่นอน

และในขณะที่เขาไม่ได้อธิบายอย่างละเอียดถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้น ผลการวิจัยที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องสามารถเพิ่มระดับความเครียดและความวิตกกังวลของบุคคล และในขณะเดียวกันก็จะลดความไว้วางใจในผู้อื่น  ซึ่งหมายความว่าเทคโนโลยีที่คอยติดตามพวกเขาตลอดเวลาเช่นนี้สุดท้ายอาจเป็นการทำลายสุขภาพจิตของผู้ต้องขังนั่นเอง

References : 
https://www.scmp.com

Movie Review : โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

ต้องบอกว่าหนังสไตล์ชีวประวัติของบุคคลนั้น เป็นหนังที่น้อยครั้งนักที่ ค่ายหนังไทยจะหยิบมาสร้าง เพราะอย่างที่เราทราบ ๆ กันว่าหนังไทยที่จะทำรายได้สูง ๆ ได้นั้นต้องอยู่ในข่ายของ หนังตลก หนังรัก หนังผี เพียงเท่านั้น ที่มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ในตลาดหนังไทย

ผมตั้งใจมาก  ๆ ว่าจะไปดูเรื่องนี้ เพราะเป็นโอกาสที่น้อยมาก ๆ ที่จะได้เห็นหนังสไตล์นี้ที่ทำจากค่ายหนังไทย และเรื่องราวของ โปรเม เอรียา จุฑานุกาล สุดยอดนักกอล์ฟหญิงของไทยที่ถือว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

และสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีความแตกต่าง และน่าสนใจกว่าหนังแนวชีวประวัติเรื่องอื่น ๆ เพราะมีภูมิหลังดรามาที่เป็นเรื่องเฉพาะตัวในแบบครอบครัวชาวไทย ซึ่งหลาย ๆ ครอบครัวนั้นน่าจะอินกับหนังเรื่องนี้ได้อย่างดี

ซึ่งมันเป็นเส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบมาตั้งแต่เด็ก ที่กว่าจะกลายมาเป็น โปรเม อย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบัน นั้นผ่านอุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ มากมาย

ซึ่งจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดนั้น เกิดจากพ่อ คนนึง พ่อที่เชื่อว่าจะทำให้ลูกสาว สองคนไปเป็นนักกอล์ฟระดับโลกให้ได้ ซึ่งครอบครัวของเธอนั้นได้เริ่มต้นจาก การทิ้งโลกวัยเด็กของเธอไว้เบื้องหลังและเริ่มเล่นกอล์ฟอย่างจริงจรัง

ซึ่งตั้งแต่ยังเด็ก เม และครอบครัว ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก ทั้งเรื่องกอล์ฟ และบททดสอบความแข้งแกร่งของทั้งจิตใจและร่างกาย รวมถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิตของครอบครัว จุฑานุกาล ทีคนในครอบครัวนั้นต้องผ่านไปให้ได้ โดยยังไม่รู้ว่าอนาคตนั้นจะเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ มันเป็นการเดิมพันที่สูงมาก ๆ ของครอบครัว จุฑานุกาล

แต่ที่ผมมองว่าเป็นสิ่งที่เด่นที่สุดของหนังเรื่องนี้ คือ การแสดงของ พี่เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ที่รับบท คุณพ่อ สมบูรณ์ จุฑานุกาล (คุณพ่อโปรเม)  ที่ต้องบอกว่าเป็นผลงานการแสดงที่สุดยอดที่สุดในการเล่นของแกเลยก็ว่าได้ ซึ่งหากมองให้ลึกซึ้งจริง ๆ นั้น หนังเรื่องนี้เป็นหนังของพ่อโปรเมเสียมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะการแสดงที่กินขาด สามารถแบกหนังทั้งเรื่องไว้ได้เลย

ซึ่งแม้ว่าในตัวบทของหนังนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง 100% ทั้งหมดของ พ่อ โปรเม แต่ ต้องบอกว่าหากใครมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องราวปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว เรื่องนี้อาจจะทำให้คุณเสียน้ำตาได้เลยทีเดียว เพราะเป็นการแสดงที่บีบหัวใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในฉากพีคสุดของเรื่อง หากใครดูแค่ตัวอย่างและไม่ได้ไปดูจริงนี่อาจจะพลาดของดีไปเลยก็ได้ เพราะเรื่องนี้เหล่านักแสดงทุกคนนั้น สื่อถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวออกมาได้ดีจริง ๆ 

และที่สำคัญหนังเรื่องนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลาย ๆ ครอบครัว รวมถึงคนทั่วไป เพราะโปรเม นั้นเคยผ่านจุดต่ำสุดมาได้ และยังคงเดินหน้าผลักดันตัวเองจนขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกได้สำเร็จ ซึ่งเป็นการสร้างปรากฎการณ์ให้วงการกอล์ฟโลกต้องทึ่ง

ซึ่งเมื่อได้ดูหนังเรื่องนี้จบ ผมต้องขอบอกว่ามันคือเรื่องราว ที่จะเป็นแรงผลักดัน ให้กับทุกคนที่มีฝัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องธุรกิจ หรืออะไรก็แล้วแต่ หนังเรื่องนี้มันได้แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างของการทำทุกอย่าง ทุกวิถีทาง ไม่ย่อท้อต่อ อุปสรรคต่าง ๆ มากมาย เพื่อไปให้ถึงฝัน อย่างที่ “เม เอรียา จุฑานุกาล” และครอบครัวของเธอทำได้สำเร็จนั่นเองครับ