ปัจจุบันหลากหลาย ๆ ธุรกิจมักจะมองข้าม Soft Skills และ มุ่งเน้นไปที่ Hard Skills เมื่อ LinkedIn เปิดเผยรายชื่อ Soft Skills และ Hard Skills ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดของปี 2020 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นทักษะด้านคอมพิวเตอร์เป็น ซึ่งด้วยการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกในเดือนมีนาคม และการเป็นการบังคับให้บริษัทส่วนใหญ่เปลี่ยนจากการทำงานที่ Office เป็นการทำงานจากที่บ้านแทนนั่นเอง
Soft Skills เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ แม้ว่าในอันดับต้น ๆ นั้น จะเป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ , LinkedIn ได้แนะนำทักษะการทำงานร่วมกันในการปรับตัว และความฉลาดทางอารมณ์ ในการบรรยายให้กับผู้บริหารเกี่ยวกับเรื่องของ Soft Skills
การทำความเข้าใจแต่ละทักษะ และวิธีการขยายความสามารถจะทำให้เราได้เปรียบคู่แข่งในองค์กรในด้านของการเป็นผู้นำ
1. ความคิดสร้างสรรค์
วิธีที่ดีในการถ่ายทอดแนวคิดใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจคือการมองไปที่อุตสาหกรรมอื่น ๆ และในประเทศอื่น ๆ พวกเขาใช้แนวคิดใดที่อาจใช้ได้ผลกับอุตสาหกรรมเดียวกันกับเรา
ให้ทำการระดมความคิดเป็นกลุ่มย่อยเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง หลังจากนั้นรวบรวมรายการที่ได้จากการระดมความคิด หลังจากนั้นให้นำเสนอแนวคิดของเราต่อหน้าทุกคน รวมไอเดียโง่ ๆ ไอเดียบ้าๆอะไรก็ว่าไป ซึ่งในโลกแห่งความจริง บางครั้ง idea บ้าระห่ำบางไอเดีย อาจจะสามารถสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ขึ้นมาก็ได้
2. การโน้มน้าวใจ
การโน้มน้าวจูงใจ เป็นการสื่อสารที่ทรงพลัง มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน คือ เพื่อสร้างแนวคิด ความเชื่อ และมุมมองใหม่ๆให้กับผู้ฟัง โดยมุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติและพฤติกรรมบางอย่าง จากวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนทำให้การสื่อสารประเภทนี้แฝงไปด้วยความมุ่งมั่นและความปรารถนาให้เกิดผลลัพธ์แห่งการเปลี่ยนแปลง ตอบสนองต่อการนำพาทีมงานและองค์กรขับเคลื่อนไปข้างหน้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้
3. การทำงานร่วมกัน
การทำงานร่วมกันจะยกระดับการทำงานเป็นทีมไปอีกขั้น เป็นการรวบรวมผู้คนที่มีชุดทักษะและมุมมองที่แตกต่างกันเพื่อทำโครงการให้สำเร็จโดยมักไม่มีผู้นำ องค์กรที่สามารถใช้ทักษะด้านนี้เข้าใจว่าการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เป็นเรื่องสำคัญที่ช่องทางการสื่อสารทั้งหมดจะต้องเปิดกว้าง
4. ความสามารถในการปรับตัว
นี้จะเป็นทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เพราะการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นด้วยความเร็วสูงสุด เป็นไปไม่ได้ที่เราจะเห็นว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราจะเป็นอย่างไร โลกของ Virtual Reality (VR) ที่เพิ่มขึ้นและอื่น ๆ อีกมากมายจะเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจของเราซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไม บริษัท ที่สำคัญจึงต้องอยู่เหนือเทคโนโลยีใหม่ ๆ แทนที่จะรอจนกว่าจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา การเริ่มต้นเร็วหมายถึงช่วงการเรียนรู้ของเราก็จะอยู่ในระดับต่ำ
5. ความฉลาดทางอารมณ์
ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) หมายถึง “ความสามารถในการรับรู้ ควบคุม และแสดงอารมณ์ของตนและจัดการกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลอย่างรอบคอบและเอาใจใส่”
ผู้ที่มี EQ สูงสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่มีความกดดันสูง การแก้ไขความขัดแย้ง การวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์และอื่น ๆ ได้ดีกว่า ความสามารถนี้เป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับทีมโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถที่ประกอบด้วยภูมิหลังที่มีความแตกต่างกัน
จากการสำรวจของ CareerBuilder พบว่า 75% ของผู้จัดการการจ้างงานให้ความสำคัญกับ EQ มากกว่า IQ ทักษะและความฉลาดที่ยากจะสอนให้กับพนักงานได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ EQ ต้องใช้เวลาและความเข้าใจมากกว่าในการเข้าใจอย่างแท้จริงนั่นเอง
6. Self-Motivation
Self-Motivation เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการจำนวนมากต้องรับมือ เพราะโลกที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบัน มีจุดที่แรงจูงใจในตนเองเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก
เราทุกคนต้องเรียนรู้วิธีจัดการพลังงานของเรา พลังงานไม่ได้มาจากการรับประทานอาหารที่มีความสมดุลเท่านั้น แต่ยังมาจากแรงผลักดันส่วนตัวของเราในการบรรลุเป้าหมายและความมุ่งมั่น
แรงผลักดันส่วนบุคคลที่จะบรรลุเป้าหมายได้นั้นมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับความคิดของเรา การวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่มักชอบที่จะประสบความสำเร็จ ในความพยายามที่พวกเขามีส่วนร่วมมากกว่าเพราะพวกเขาเชื่อว่าพวกเขาสามารถปรับปรุงได้
ความยืดหยุ่นเกิดจากความกล้าที่จะเอาชนะความท้าทาย นั่นไม่ได้หมายความว่าเราควรมีความรอบคอบกับทางเลือกของเรา แต่ควรเรียนรู้ที่จะจัดการกับความเสี่ยงเพื่อที่จะเข้าใจโอกาสที่เหมาะสมกับความสามารถของเรามากที่สุดและเมื่อใดที่เราควรจ้างคนอื่นจากภายนอกที่จะเป็นการลงทุนที่คุ้มกว่าแทน
ความมุ่งมั่นเป็นวิธีที่แน่นอนที่สุดในการ บอกเราว่ามีความสำคัญและกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญที่สุดของการตั้งเป้าหมาย
7. การบริหารเวลา
ประสิทธิภาพสูงเชื่อมโยงโดยตรงกับการใช้เวลาของผู้คน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ทำงานหนักอยู่แล้ว แต่สิ่งที่แยกผู้ที่ประสบความสำเร็จจากผู้ที่กำลังดิ้นรนหรือล้มเหลวคือความสามารถในการจัดลำดับความสำคัญและประสิทธิภาพของงาน
แผน : Brian Tracy ผู้เขียนหนังสือขายดีอธิบายถึงความสำคัญของการวางแผนว่า“ ทุกนาทีที่เราใช้ในการวางแผนช่วยประหยัดเวลาในการดำเนินการสิ่งต่าง ๆ ถึง 10 นาที ซึ่งทำให้เราได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนลงแรงถึง 1,000 เปอร์เซ็นต์! “
การจัดลำดับความสำคัญ: การจัดลำดับความสำคัญเป็นเพียงการทำความเข้าใจว่าควรใช้ทรัพยากรที่เรามีอยู่ที่ไหนดีที่สุด
Stephen Covey อธิบายว่าควรแบ่งงานออกเป็นความเร่งด่วนและความสำคัญ เขาอธิบายต่อไปว่ากุญแจสำคัญคือการมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญ แต่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน
8. Storytelling
จิม โรห์น นักปรัชญาธุรกิจชาวอเมริกัน มักจะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของการเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยมโดยการยกตัวอย่างถึงซิเซโร และเดมอสเธเนส สองนักพูดที่ยิ่งใหญ่ในสมัยโรมัน “ซึ่งว่ากันว่าเมื่อซิเซโรพูดคนจำนวนมากต่างก็ตกใจและร้องอุทานว่า ‘ช่างเป็นคำพูดที่ยอดเยี่ยม!’
เมื่อ เดมอสเธเนส พูดผู้คนจะพูดว่า ‘ให้เราเดินขบวนกันเถอะ!’ “สิ่งที่ทำให้นักเล่าเรื่องแตกต่างออกไปก็คือพวกเขามีความสามารถในการกระตุ้นผู้คนให้แสดงออก พวกเขาเข้าใจวิธีเข้าถึงตัวเราและสัมผัสจิตวิญญาณของเรา
เราจะปรับปรุงความสามารถในการเล่าเรื่องได้อย่างไร? ทางออกหนึ่งคือการเข้าร่วม งานอบรม หรือ งานเสวนาที่เกี่ยวข้องกับ Storytelling ซึ่งหลาย ๆ แห่งนั้นจะมีการท้าทายให้เราสร้างสุนทรพจน์สั้น ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาที่โดนใจนั่นเอง
Erin Meyer ผู้เขียนหนังสือ The Culture Map กล่าวไว้ว่า “ผู้คนหลายล้านคนทำงานในสภาพแวดล้อมระดับโลก ในขณะที่ดูทุกอย่างจากมุมมองทางวัฒนธรรมของตนเอง และตั้งสมมติฐานว่าความแตกต่าง การโต้เถียง และความเข้าใจผิดทั้งหมดมีรากฐานมาจากเรื่องของบุคลิกภาพ
ต้องบอกว่าส่วนใหญ่นั้น ในหลาย ๆ สถาบันไม่ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับความแตกต่างทางวัฒนธรรมเพราะพวกเขาเชื่อว่าหากพวกเขาให้ความสำคัญกับความแตกต่างของแต่ละบุคคลนั่นก็เพียงพอแล้ว
Covid-19 อาจหยุดการเคลื่อนไหวระหว่างพรมแดนชั่วคราว แต่เมื่อมีการพัฒนาวัคซีนแล้วคาดว่าจะกลับมาอีก ในขณะที่โลกของเราหดตัวลง บริษัท ต่างๆจำนวนมากขึ้นก็เริ่มเข้าใจถึงประโยชน์ตลอดจนข้อเสียของการทำงานร่วมกับทีมระดับโลกมากขึ้นนั่นเอง
References : https://www.entrepreneur.com/article/359834
https://brooksgroup.com/sales-training-blog/what-are-soft-skills-and-why-should-you-care/