ROKR phone กับการเข้าสู่ตลาดมือถือครั้งแรกของ Apple

ต้องบอกว่าก่อนการถือกำเนิดขึ้นของ iPhone นั้น Apple เป็นบริษัทที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเข้าสู่ธุรกิจใหม่ อย่างการผลิตโทรศัพท์มือถือ

มีหลากหลายเหตุผลที่ Apple นั้นไม่น่าจะเป็นบริษัทที่สามารถผลิตโทรศัพท์ขึ้นมาได้ สิ่งแรกคือเรื่องของ Knowhow ต่าง ๆ ในเรื่องมือถือ นั้น ต้องเรียกได้ว่า Apple แทบจะไม่เคยย่างกายเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้เลยด้วยซ้ำ

หรือการครองตลาดอย่างเบ็ดเสร็จของ Nokia ที่มีทีมงานที่พร้อมทุกอย่างทั้งเรื่อง Hardware , Software รวมถึง Knowledge ด้านโทรคมนาคม คงเป็นเรื่องยากที่ใครจะสามารถล้ม Nokia ลงได้ในยุคนั้น

แนวคิดแรกของ Apple กับมือถือนั้น เป็นเพียงการร่วมเป็น Partner กับ โมโตโรลล่า เพื่อผลิตมือถือ เพื่อนำ iTunes เข้าไปลงเป็นส่วนของ Software จัดการเพลงเพียงเท่านั้น

ตลาดโทรศัพท์มือถือนั้น เป็นตลาดที่ใหญ่โตมหาศาล เมื่อเทียบกับตลาดเครื่องเล่นเพลงแบบดิจิตอลที่ Apple ประสบความสำเร็จกับเครื่องเล่นเพลงอย่าง iPod แต่เรียกได้เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของตลาด Consumer Product เพียงเท่านั้น

ทั้ง Apple และ Motorola จึงได้ร่วมกันพัฒนา ROKR มือถือรุ่นใหม่ของ Motorola และยังได้ร่วมมือกับ  Cingular ซึ่ง ณ ขณะนั้นเป็นค่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดของอเมริกา และหวังจะลองชิมลาง เขาสู่ตลาดที่ใหญ่โตมหาศาลอย่างตลาดโทรศัพท์มือถือ

Apple ชิมลางในตลาดมือถือครั้งแรกด้วย ROKR Phone
Apple ชิมลางในตลาดมือถือครั้งแรกด้วย ROKR Phone

แต่กระบวนการสร้าง มือถือ ROKR นั้น เต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย ด้วยการที่ต้องมีการร่วมมือกันของหลาย ๆ บริษัทที่เกี่ยวข้อง ระบบบริหารที่ล้าหลังของ Motorola ก็เป็นหนึ่งในอุปสรรคที่สำคัญในการกีดขวางกระบวนการออกแบบ

ซึ่งแน่นอนว่าวัฒนธรรมองค์กร มันไม่เหมือนกับ Apple ที่เน้นที่ประสบการณ์ของผู้ใช้งานเป็นหลัก สุดท้าย ROKR มันได้กลายเป็นมือถือที่ห่วยแตก เหมือนสินค้าด้อยคุณภาพ ไม่ต่างจาก iPod ห่วย ๆ ที่มีฟังก์ชั่นในการโทรศัพท์ได้นั่นเอง

รวมถึงรูปแบบการโอนเพลงเข้าโทรศัพท์ที่ใช้สาย USB กับคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมต่อกับ iTunes ซึ่งแน่นอนว่าจ๊อบส์ อยากให้ Ecosystem ของ Apple นั้นคงไว้เหมือนกับที่ทำสำเร็จกับ iPod

แต่มันเป็นที่ถูกใจของบริษัทเครือข่ายมือถืออย่าง Cingular ที่ต้องการขายเพลงผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของพวกเขาเท่านั้น และมันได้ทำให้เรื่อง Promotion ที่ปรกติต้องทำกับเครือข่ายนั้นถูกตัดออกทันที ทำให้ผู้ซื้อที่ต้องการใช้ ROKR นั้นต้องจ่ายราคาเต็มของมือถือที่ 250 ดอลลาร์ แถมยังต้องจ่ายค่าบริการรายเดือนอีกด้วย

ซึ่งแน่นอนว่า ROKR นั้นมันคือหายนะอย่างสิ้นเชิง สำหรับ Apple ในการที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดโทรศัพท์มือถือ ทำให้ จ๊อบส์นั้นหงุดหงิดหัวเสียกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และเป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่ ต้องการจะตัดคนกลางทั้งหลายออกจากวงจรนี้

Apple นั้นต้องการควบคุมทุกอย่างแบบเบ็ดเสร็จ แบบที่พวกเขาทำได้กับ iPod ทั้ง Hardware , Software หรือแม้กระทั่งเครือข่ายโทรศัพท์ก็ตาม และสามารถที่จะนำผลิตภัณฑ์ของ Apple ส่งไปถึงมือของลูกค้าได้โดยตรงนั่นเอง

และไม่ใช่ว่าในช่วงนั้นจะไม่มีคู่แข่งเลยเสียทีเดียวสำหรับ บริษัทมือถือที่ต้องการเข้ามาลุยในตลาดเพลง แน่นอนว่าบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Nokia ก็ได้ออก Nokia N91 ที่สามารถเก็บเพลงได้กว่า 1,000 เพลง คล้าย ๆ iPod Mini แต่สุดท้าย Nokia ก็ไม่สามารถที่จะผลักดันตัวเองให้เข้าไปสู่ธุรกิจเพลงอย่างที่คาดหวังได้เช่นกัน เพราะ เหล่าค่ายโทรศัพท์มือถือในสหรัฐอเมริการไม่ยอมนั่นเอง

Nokia ที่ออก N91 มาท้าชน
Nokia ที่ออก N91 มาท้าชน

ซึ่งในตอนนี้เราจะเห็นได้ถึีงบทสรุปของการลุยเข้าไปสู่ตลาดมือถือของ Apple ครั้งแรกนั้น ต้องจบลงด้วยความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะ ROKR ไม่ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีเหมือนที่ลูกค้าคาดหวังจาก Apple และเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความตกต่ำของ Motorola ในคราเดียวกัน

แต่อย่างน้อย ROKR ได้กลายเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าของทีมงาน Apple ทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะตัวจ๊อบส์เอง และมันได้ทำให้จ๊อบส์นั้นค้นพบว่า Apple ควรทำอะไรที่แท้จริงในตลาดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งแน่นอนว่าจ๊อบส์ จะไม่ยอมให้ใครมาครอบงำการสร้างผลิตภัณฑ์ของ Apple อีกต่อไปมันได้เป็นบทเรียนครั้งสำคัญ ว่าหาก Apple ไม่สามารถ Control ทุกอย่างได้เหมือนที่พวกเขาเคยทำ หายนะก็มาเยือนอย่างที่ประสบพบเจอกับมือถือ ROKR นั่นเอง

References : https://www.marketwatch.com/story/facebook-home-is-zuckerbergs-rokr-2013-04-10
https://www.gsmarena.com/flashback_the_motorola_rokr_e1_was_a_dud_but_it_paved_the_way_for_the_iphone-news-38934.php

Geek Story EP10 : How iPod Builds an Apple Empire (ตอนที่ 3 – ตอนจบ)

iPod มันกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ ยิ่งพวกที่คลั่งเรื่องดีไซน์ และ เหล่าสาวกของ apple ต่างหลงรัก iPod กันทั้งนั้น และ มันเริ่มแพร่ขยายลัทธิ ของ iPod กระจายไปทั่วโลก มันทำให้ iPod เป็น ไอคอน แห่งการฉีกกฏเกณฑ์ ต่าง ๆ ที่มีมาทั้งในเรื่องวิศวกรรม รวมถึง ศิลปะด้านการดีไซน์ และเพียงไม่นานก็กระโดดเข้าไปกินเรียบส่วนแบ่งการตลาดถึง 70% ของเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาทั่วโลก

มีคนเปรียบเทียบ iPod ว่าเป็น walkman แห่งศตวรรษที่ 21 เป็น walkman แห่งยุคดิจิตอล เป็น walkman ที่ Sony นั้นลืมนึกถึง และเป็นสิ่งที่สื่อมวลชนกล่าวขวัญถึงอย่าแพร่หลายทั่วโลก

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : http://bit.ly/3481UUl

ฟังผ่าน Apple Podcast :   https://apple.co/2lEqPPg

ฟังผ่าน Google Podcast :  http://bit.ly/2DZxLMt

ฟังผ่าน Spotify : https://spoti.fi/2LEr1YA

ฟังผ่าน Youtube :  https://youtu.be/RyhRtleJINo

Geek Story EP9 : How iPod Builds an Apple Empire (ตอนที่ 2)

การกลับมากุมบังเหียน Apple ในครั้งที่สองของสตีฟ จ๊อบส์ นั้น กำลังเปลี่ยน apple ไปอย่างสิ้นเชิง เขามาพร้อมกับไฟที่เต็มเปี่ยม ทั้งประสบการณ์จากความพลาดพลั้งที่ผ่านมา มันเป็นบทเรียนให้จ๊อบส์ จะไม่ทำพลาดอีกในคำรบที่สอง ครั้งนี้ จ๊อบ ได้รวบรวม ทีมงานที่มีคุณภาพในทุกด้าน

ทุกคนเป็นคนที่จ๊อบส์ คัดเลือกมากับมือ ที่พร้อมจะพา apple ทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่กลัวใครอีกต่อไปแล้ว จ๊อบส์ กำลังจะเปลี่ยนโลกอีกครั้ง และครั้งนี้ มันจะยิ่งใหญ่กว่าเดิมอย่างแน่นอน

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : http://bit.ly/38krgS3

ฟังผ่าน Apple Podcast :   https://apple.co/2lEqPPg

ฟังผ่าน Google Podcast :  http://bit.ly/357zlI8

ฟังผ่าน Spotify : https://spoti.fi/343EaAC

ฟังผ่าน Youtube : https://youtu.be/cn9AKRv-WoE

Geek Story EP8 : How iPod Builds an Apple Empire (ตอนที่ 1)

หลาย ๆ ท่านอาจจะคิดว่า iPhone เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของบริษัท apple ให้กลายมาเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ของโลกได้จวบจนถึงทุกวันนี้ แต่นั่นเป็นเพียงส่วนนึงเท่านั้น แนวคิดของ apple รูปแบบใหม่ ที่หันมาสร้างนวัตกรรม และ เปลี่ยนจากบริษัทคอมพิวเตอร์ ให้กลายมาเป็นบริษัทที่จำหน่าย สินค้า consumer product มันเริ่มมาจาก iPod 

มันเป็นนวัตกรรม ชิ้นเอกของ apple ในศตวรรษที่ 21 เลยก็ว่าได้ แม้เวลาจะร่วงเลยมาทำให้ตัว iPod เองได้สูญหายไปตามกาลเวลา แต่เรื่องราวสตอรี่ ของการสร้างมันขึ้นมานั้น ถือว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันเต็มไปด้วยอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย กับการที่จะสร้างเครื่องเล่น Mp3 ขึ้นมา แล้วสามารถบรรจุเพลงได้ถึง 1,000 เพลง ถือว่าในตอนนั้นมันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก ๆ ที่ apple สามารถสร้างมันขึ้นมาและกลายเป็นสินค้า hot hit ติดตลาดโลกได้อย่างรวดเร็ว

ทุก ๆ ทั่วโลกต่างพกเจ้า iPod ตัวนี้ พร้อมด้วยหูฟังสีขาว ที่เป็นเอกลักษณ์ ถึงวัฒนธรรมของยุคใหม่ของบริษัท apple บริษัท ที่ก่อนจะสร้าง iPod นั้น แทบจะกลายเป็นบริษัทที่ใกล้จะล้มละลายเต็มที สถานะการเงินก็ย่ำแย่ สินค้าตัวชูโรงอย่าง apple หรือ macintosh ก็แทบจะทำตลาดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

มันเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี ที่เปลี่ยนบริษัท apple จากบริษัทที่ใกล้ตาย กลับมายิ่งใหญ่ในโลกของธุรกิจได้อีกครั้ง

สำหรับเรื่องราวของ Blog Series ชุดนี้นั้น จะอ้างอิง จากหนังสือที่เกี่ยวข้องกับ iPod รวมถึงหนังสือ อัตชีวประวัติของ Steve Jobs รวมถึงข้อมูลจาก wikipedia online ต่างๆ  มารวมรวมใหม่ ในแบบฉบับของผมเองครับ โปรดอย่าพลาดติดตามเป็นอันขาด รับรองสนุกอย่างแน่นอนคร้าบผม

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : http://bit.ly/36hZ94r

ฟังผ่าน Apple Podcast :   https://apple.co/2lEqPPg

ฟังผ่าน Google Podcast :  http://bit.ly/341JeWm

ฟังผ่าน Spotify : https://spoti.fi/2PmDi52

ฟังผ่าน Youtube :  https://youtu.be/Dj-WePZS7Ws 

Smartphone War ตอนที่ 5 : That’s iPhone

การพัฒนา iPhone นั้นเริ่มต้นจริง ๆ ในปี 2005 ซึ่ง Apple ใช้พนักงานกว่า 200 คน เพื่อมา Focus งานนี้โดยเฉพาะ และอยู่ภายใต้โครงการลับที่ไม่แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้โดยเด็ดขาด ซึ่งจ๊อบส์ นั้นมองว่า iPhone มือถือตัวใหม่ของ Apple นั้นจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple ตั้งแต่ก่อตั้งมา

แน่นอนว่า ทีมงานที่เกิดมาจากการสร้างคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล นั้นต้องเผชิญปัญหามากมาย เมื่อต้องลงมาทำมือถือตั้งแต่ต้นจริง ๆ โดยจ๊อบส์ ได้สั่งให้แบ่งทีมเป็นสองทีมหลัก ทีมหนึ่งดู Software และ ระบบปฏิบัติการ ส่วนอีกทีมนั้นดูแลด้าน Hardware โดยเฉพาะ

โดยความพยายามแรกของทีม Hardware Apple นั้นแบ่งเป็นสองแนวทาง แนวหนึ่งนั้นหลังจากได้เห็นความสำเร็จครั้งสำคัญกับ ClickWheel ของ iPod ก็มุ่งเดินหน้าที่จะทำในทิศทางเดียวกับ iPod โดยพยายามใช้วงล้อมาหมุนหมายเลขโทรศัพท์ 

ส่วนอีกแนวทางหนึ่งนั้น จะใช้จอสัมผัส ซึ่งทีม Software ก็ได้แบ่งเป็นสองแนวทางดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยเป็นการขยายระบบปฏิบัติการของ iPod มาใช้บนโทรศัพท์นั่นเอง ซึ่งทีมนี้นำโดย Tony Fadell ผู้นำในการสร้าง Hardware ของ iPod

ถ้ากลายเป็น ClickWheel iPhone คงไม่ได้อยู่มาจนถึงปัจจุบันอย่างแน่นอน
ถ้ากลายเป็น ClickWheel iPhone คงไม่ได้อยู่มาจนถึงปัจจุบันอย่างแน่นอน

แม้ในขณะนั้น Blackberry ที่มีคีย์บอร์ดแบบ QWERTY จะเป็นที่นิยมอย่างมากในตลาด และกำลังเติบโตอย่ารวดเร็ว และมีทีมงานหลาย ๆ คนของ Apple ก็สนับสนุนให้มีคีย์บอร์ดแบบเดียวกับ Blackberry

แต่จ๊อบส์ค้านอย่างหัวชนฝา เพราะ คีย์บอร์ดแบบ Physical จะทำให้เบียดบังพื้นที่หน้าจอ แถมยังไม่ยืดหยุ่นหรือปรับเปลี่ยนได้ดีเท่าคีย์บอร์ดแบบจอสัมผัส อย่าที่จ๊อบส์ต้องการ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ อุปกรณ์ที่แสดงแป้นตัวเลขเมื่อคุณอยากโทรออก และแสดงแป้นพิมพ์ดีด เมื่อคุณอยากจะเขียน ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานอย่างที่เราได้เห็นในระบบปฏิบัติการมือถือในปัจจุบัน

ส่วนอีกทีมนำโดย scott forstall โดยเขาเคยเป็นผู้นำการสร้างระบบปฏิบัติการ Mac OSX รุ่น Leopard และทีม Software ของ forstall นี่เองที่เป็นฝ่ายชนะ โดย forstall นั้นใช้วิธีการเก็บความลับแบบที่จ๊อบส์ต้องการ ทำให้ผู้บริหารทีมอื่นรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ส่วนฝั่ง Hardware นั้นทีมที่ทำจอสัมผัส เป็นผู้ชนะ เพราะการใช้วงล้อหมุนแบบ iPod นั้นไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับ User ผู้ใช้งานอย่างแน่นอนเพราะมันดูใช้ยากมาก ๆ 

แต่ปัญหาใหญ่ของ Apple คือ พวกเขาแทบจะไม่มีความรู้ในการสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อเชื่อมต่อกับเครือข่ายมือถือเลยด้วยซ้ำ ซึ่งการผสานระหว่าง Software และ Hardware ต้องทำงานได้อย่างไร้ที่ติด้วย และที่สำคัญเวลาในการสร้างยังมีจำกัดอย่างมาก เป็นความท้าทายครั้งสำคัญที่สุดของ Apple และทีมงานในการสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเลยก็ว่าได้

เหล่าวิศวกร Software ของ Apple ต้องผลิต Software จอสัมผัสขึ้นมาโดยที่พวกเขาแทบจะไม่เคยทำมาก่อนเลยด้วยซ้ำ และต้องพยายามปรับระบบปฏิบัติการ Mac OSX ให้ใช้ทรัพยากรเครื่องน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้เพราะความต่างอย่างชัดเจนระหว่าง Hardware ของคอมพิวเตอร์ และ Hardware ของมือถือในขณะนั้น

จ๊อบส์นั้นต้องการให้การทำงานหลาย ๆ ของ iPhone นั้นดูเรียบง่าย และจ๊อบส์ก็ไม่ชอบให้มีปุ่ม เปิด-ปิด มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทางแก้ก็คือการสร้างสิ่งที่เรียกว่า “swipe to open” ซึ่งการเลื่อนในหน้าจอนี้จะทำหน้าที่ปลุกเครื่องให้กลับมาทำงานอีกครั้งหลังเข้าสู่ Sleep Mode

และอีกอย่างที่สำคัญก็คือเรื่องของการ Design โดยเครื่อง iPhone นั้นมีด้านนอกที่ผนึกแน่น แกะไม่ออก  จ๊อบส์ไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับส่วนด้านในของ iPhone เช่นเดียวกับที่เขาทำเครื่อง Macintosh รุ่นแรกในปี 2011 และเนื่องจาก iPhone นั้นไม่ได้ใช้แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ จึงสามารถทำให้ตัวเครื่องนั้นเบาลงมาก ๆ ได้

การเปิดตัว iPhone ในงาน Macworld ในเมืองซานฟรานซิสโก ในเดือนมกราคม 2007 จ๊อบส์ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เค้าจะเปิดตัวนั้น จะปฏิวัติวงการพลิกโฉมทุกสิ่งทุกอย่างจนไม่เหลือเค้าเดิมอีกต่อไป

ก่อนจะพูดถึง 2 ผลิตภัณฑ์ที่เข้าข่ายนี้คือ คอมพิวเตอร์ Macintosh รุ่นแรกซึ่งพลิกโฉมอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ทั้งหมด และ iPod รุ่นแรก ซึ่งเปลี่ยนอุตสาหกรรมเพลงไปทั้งหมด ซึ่ง จ๊อบส์ ได้กล่าวในการเปิดตัว iPhone ว่า

จ๊อบส์ขึ้นกล่าวในงานเปิดตัว ว่า iPhone จะปฏิวัติสามสิ่งในผลิตภัณฑ์เดียว
จ๊อบส์ขึ้นกล่าวในงานเปิดตัว ว่า iPhone จะปฏิวัติสามสิ่งในผลิตภัณฑ์เดียว

“วันนี้เราจะแนะนำผลิตภัณฑ์ที่พลิกโฉมสินค้าประเภทเดียวกัน 3  อย่าง อย่างแรกคือ iPod แบบจอกว้างที่ควบคุมด้วยการสัมผัส อย่างที่สองคือ โทรศัพท์มือถือที่ปฏิวัติวงการ และอย่างที่สาม คือ อุปกรณ์สื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตที่ฉีกแนวไปจากเดิม และมันไมใช่อุปกรณ์ 3 ชิ้นแยกกัน แต่เป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียวที่เราเรียกมันว่า iPhone”

และในที่สุด iPhone ผลิตภัณฑ์ที่ปฏิวัติวิถีชีวิตของมนุษย์เราให้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ มันเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ Apple ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในนวัตกรรมชั้นยอดที่สุดนับตั้งแต่โลกเราย่างกรายเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 เลยก็ว่าได้ และที่สำคัญมันได้เป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้ Apple นั้นพลิกโฉมหน้าบริษัทจากบริษัทเล็ก ๆ ไปสู่บริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเราเคยมีมานั่นเอง

–> อ่านตอนที่ 6 : Deep Impact

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Phone & Microsoft *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***