บริการด้านสุขภาพจิตและการพัฒนาตนเองกำลังที่จะเข้าถึงได้มากขึ้นผ่านแอปมือถือ โดยแอปเหล่านี้ได้รวมความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ที่คล้ายคลึงกับ Siri ของ Apple มากขึ้น ระบบอัจฉริยะเหล่านี้จะทำให้อุปกรณ์ของเรามีชีวิตขึ้นโดยมีฟังก์ชั่นใหม่ในฐานะ ‘นักจิตวิทยา’ หรือ Life Coach เสมือนจริงของเรา
นักวิจัยยังได้พัฒนาโปรแกรม ‘บำบัด’ สำหรับโทรศัพท์มือถือเพื่อช่วยให้ผู้ใช้จัดการกับความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า ตามที่ New York Times รายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้แอป อย่าง Sosh ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยเด็กและผู้ใหญ่พัฒนาทักษะทางสังคมของพวกเขา โดยแอปจะมีแบบฝึกหัดที่ช่วยให้ผู้ใช้จัดการพฤติกรรม เพื่อเข้าใจความรู้สึกและเชื่อมต่อกับผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้น
จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Medical Internet Research ฉบับปัจจุบันผู้ใช้โค้ชเสมือนยังคงใช้ระบบการออกกำลังกายตลอดระยะเวลา 12 สัปดาห์ ในขณะที่ผู้ที่ไม่ใช้นั้น มีการออกกำลังกายลดลง 14.3 เปอร์เซ็นต์ โดย 87.1% ของผู้เข้าร่วมที่ใช้โค้ชเสมือนรายงานว่ารู้สึกผิดถ้าพวกผิดนัดกับโค้ชเสมือนจริงเหล่านี้
ทุกวันนี้ระบบเหล่านี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าไปอีกอาจเป็นไปได้ที่จะ ‘สนทนา’ กับปัญญาประดิษฐ์นอกเหนือจากคำสั่งเสียงที่เรียบง่าย ระบบ AI ยังสามารถมีความสามารถในการ ‘การตรวจจับอารมณ์ความรู้สึก’ เพื่อให้พวกเขาสามารถตรวจจับอารมณ์และความตั้งใจของผู้ใช้โดยใช้น้ำเสียงและรูปแบบการพูดทำให้การติดต่อสื่อสารมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ในทางทฤษฎีความสามารถดังกล่าว มีความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบ AI ที่เลียนแบบปฏิสัมพันธ์ของ นักจิตวิทยา หรือ Life Coach “ วันหนึ่งแผนการของแอปเรา จะพัฒนาสู่ความฉลาดทางอารมณ์เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เราพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุก ๆ คน” Chris Hewett กล่าว “AI เหล่านี้จะกลายเป็นสหายที่อยู่กับเราตลอดชีวิตที่วุ่นวายของเราทำให้แน่ใจว่าเราจะไม่ลืมสิ่งที่สำคัญสำหรับเรา: เป้าหมายของเรา และความปรารถนาของเรา
การทดลองแสดงให้เห็นว่าแม้แต่ระบบ AI ที่เรียบง่ายมากก็สามารถจำลองสถานการณ์ ‘จิตบำบัด’ ที่ผู้ใช้เห็นว่าเป็นจริงได้ การทดลองที่ครั้งแรกสุดนั้นเกิดขึ้นที่ MIT ในทศวรรษ 1960 กับ chatbot ELIZA
แม้ว่าระบบ chatbot ELIZA จะไม่มีความเข้าใจในสิ่งที่ ‘ผู้ป่วย’ พูดและมองหารูปแบบของคำและตอบกลับด้วยผลลัพธ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า แต่ผู้ใช้ก็เอาจริงเอาจังและใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อเผยปัญหาส่วนตัวให้กับโปรแกรม เมื่อเธอได้รับแจ้งว่านักวิจัยที่ทำการทดลองนั้นสามารถเข้าถึงบันทึกการสนทนาทั้งหมดได้ เธอตอบโต้ด้วยความโกรธเคืองเนื่องจากกังวัลในเรื่องความเป็นส่วนตัวของเธอ
ระบบ AI บนมือถือสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่สวมใส่ได้โดยตรงบนร่างกาย คล้าย ๆ กับ Fuel Band ของ Nike หรือ Apple Watch จาก Apple ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้สามารถวัดระดับกิจกรรมของเราและข้อมูลด้านสุขภาพอื่น ๆ
แบบจำลองซึ่งมีชื่อว่า Michael ถูกสร้างขึ้นโดย OnlineCasino.ca และแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของนักเล่นเกมตัวยง ในอีกสองทศวรรษข้างหน้าหากพวกเขาไม่เปลี่ยนนิสัย
Michael ผู้น่าสงสารกลับมาพร้อมท่าที่ไม่ดี และรอยคล้ำใต้ตาแดงก่ำของเขาจากการอดนอนและอยู่กับหน้าจอนานเกินไป
เขามีผิวสีซีดและขาด vita min D และ B12 ในขณะที่การขาดการออกกำลังกายทำให้เขาอ้วนและมีร่องรอยในนิ้วหัวแม่มือ และแผลที่มือของเขาจากการควมคุมเกมผ่านทั้ง Keyboard , mouse และ Joy Controller เป็นเวลานาน
Credit: OnlineCasino.ca
Michael มีเส้นเลือดขอดจากการไหลเวียนของเลือดไม่ดี ซึ่งเกิดจากการนั่งเป็นเวลานานและมีข้อเท้าบวม การขาดแสงแดดทำให้ศีรษะล้าน ในขณะที่หูของเขามีขนเนื่องจากการไหลเวียนของอากาศที่ไม่ดี
ข่าวใหญ่ของ Apple ในงาน WWD ที่ผ่านมาในเรื่องของเกม คือ การเปิดบริการ Apple Arcade ซึ่งแน่นอนว่า Apple นั้นสนใจกับวงการเกมมานานแล้ว และ Apple ยังเคยร่วมพัฒนาเครื่องเกม Console ออกมาด้วย ซึ่งนั่นก็คือ Apple Pippin วันนี้ผมจะพาย้อนไปทำความรู้จักกับเจ้าเครื่องเกมคอนโซลตัวนี้ของ Apple กันครับ
ในปี 1993 Bandai ต้องการ Macintosh เวอร์ชั่นที่ย่อขนาดเพื่อมาพัฒนาในการเล่นเกมแบบแผ่นซีดีรอม โดยนายมาโกโตะ ยามาชินะ ประธานและซีอีโอของ Bandai เลือกแพลตฟอร์ม Macintosh เหนือแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่มีอยู่ในเวลานั้น ในการพัฒนาเป็นพื้นฐานของเครื่องเล่นเกมตัวใหม่ที่จะเกิดขึ้น
ในต้นปี 1994 Bandai ได้เข้าหา Apple ด้วยแนวคิดของเกมคอนโซลรูปแบบใหม่ การออกแบบจะอยู่บนพื้นฐานของแมคอินทอช รุ่น คลาสสิก ใช้ชิป โมโตโรล่า 68030 เป็นแกนหลัก โดยทำงานซอฟต์แวร์ในระบบ Macintosh
โดยทาง Apple จะทำหน้าที่ในการกำหนดการออกแบบบอร์ดเบื้องต้น และ Bandai จะจัดหาเคสและบรรจุภัณฑ์ ซึ่งนี่ถือเป็นโซลูชัน ในการสร้างเครื่องคอนโซลที่รวดเร็วที่สุดในตลาด โดยมีการตกลงให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับทั้ง Apple และ Bandai
Apple ทำหน้าที่หลักในเรื่องการออกแบบบอร์ดวงจร และ พื้นฐานทางซอฟต์แวร์
ซึ่งในที่สุด Apple Pippin ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1995 โดยมีการรันด้วยระบบปฏิบัติการ McIntosh พร้อมด้วยดีไซน์ที่มีรูปร่างขนาดเล็กกระทัดรัดใช้สีขาวเป็นพื้นหลักมีช่องเสียบจอยคอนโทรลเลอร์และช่องใส่ตลับเกมพร้อมกับ Apple Jack จอยคอนโทรลเลอร์ที่มีรูปร่างโค้งมนเหมือนบูมเมอแรงมีปุ่มกดตามมาตรฐานแถมตัวเครื่องยังสามารถรองรับคีย์บอร์ดกับเม้าส์ได้ด้วย ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่ใหม่มากสำหรับเครื่องเล่นเกมในสมัยนั้น
ซึ่งโดยรวมแล้วก็ถือว่ามีการออกแบบที่สวยงามมากเลยทีเดียว และด้วยเครื่องเล่น Apple Pippin จะมีดีที่มากกว่าแค่การเล่นเกม แต่จะมีฟีเจอร์ในเรื่องของการศึกษาและมีโมเด็มไว้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้อีกด้วย
โดย Apple และ Bandai มีการกำหนดราคาเปิดตัว Apple Pippin ในญี่ปุ่นไว้ประมาณ $620 หรือประมาณ 22,000 บาทและในราคา $599 หรือประมาณ 21,000 บาทในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก
แต่เมื่อถึงเวลาที่ระบบ Apple Pippin วางจำหน่าย ตลาดเกมคอนโซลในขณะนั้นก็ถูกครอบงำโดยSega Saturn , Sony PlayStationแ และ พีซีที่ใช้ Windows เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้แม้ว่า Apple จะพยายามลงนามกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์หลาย ๆ เจ้า แต่ก็มีซอฟต์แวร์เกมที่พร้อมใช้งานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับ Pippin ซึ่งมีผู้จัดสร้างเกมรายใหญ่เพียงรายเดียวคือ Bandai
Apple Pippin กับเกมที่มีอยู่น้อยนิด และมาจากบริษัทเล็ก ๆ
จนกระทั่งในปี 1997 ก็ถึงเวลาที่จะสิ้นสุดของ Apple Pippin เสียทีเมื่อ Steve Jobs ได้กลับมาบริหาร Apple ในรอบที่สอง เขาจึงสั่งยุติการผลิตพร้อมกับส่งไม้ต่อให้บริษัท Bandai ไปสานต่อในประเทศญี่ปุ่นด้วยชื่อใหม่ว่า Atmark เป็นการจบเส้นทาของตลาดเกมคอนโซลของ Apple ไปในท้ายที่สุดนับแต่บัดนั้น
ถ้าถามว่าบริษัทเกมที่มีการสร้างนวัตกรรมในการเล่นเกมในรอบหลายปีที่ผ่านมา ก็ต้องบอกว่า Nintendo นั้นเป็นบริษัทแนวหน้าในวงการเกม ที่พยายามสรรค์สร้างสิ่งใหม่ ให้กับวงการเกมได้ เซอร์ไพรซ์อยู่สม่ำเสมอ
เราจะเห็นได้จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา แม้คู่แข่งในอุตสาหกรรมเกมจะพยายามใช้เทคโนโลยีมานำ พยายามทำอะไรล้ำ ๆ กราฟฟิก ระดับสูง สเปคของเครื่องที่สูงขึ้นเรือย ๆ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Xbox หรือ Sony Playstation
ซึ่งก่อนหน้านี้ เราก็เคยได้เห็นปรากฏการณ์อย่าง เครื่อง WII ที่มียอดขายถล่มทลายทั่วโลก โดยที่ Xbox และ Playstation ได้แต่มองตาปริบ ๆ มาแล้ว
และ หลังจากการออกเครื่องเกมส์ใหม่อย่าง Nintendo Switch ก็ได้ทยอยออกเกมที่ ทำให้ผู้เล่นได้สนุกกับเกมได้เหมือนในอดีต เราจะเห็นได้ว่า กราฟฟิกของ Switch นั้นแทบจะย้อนเวลากลับไปในเครื่องคอนโซลยุคก่อนหน้าด้วยซ้ำ
แต่ความสนุกของเกม รวมถึง ไอเดียในการนำเครื่องเกมมาประยุกต์ใช้กับสิ่งต่าง ๆ มากมาย ด้วยเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่ Nintendo นั้นคิดมาอย่างดีแล้ว ว่าจะสามารถนำเครื่อง Switch มาต่อยอดให้เล่นสนุกขึ้นได้อย่างไร ตัวอย่าง Nintendo Labo ที่เราเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ก็แสดงให้เห็นความคิดสร้างสรรค์ของ Nintendo ในการออกแบบสิ่งที่เรียกว่าเกม
และล่าสุด Ring Fit Adventure มันได้ทลายกรอบเดิม ๆ ของการเล่นเกม เพราะมันคือการผสมผสานการออกกำลังกายไปกับการเล่นเกม ได้อย่างลงตัวมาก ๆ การ Design Ring Fit มาก็เพื่อเจาะตลาดคนรักสุขภาพที่ต้องการออกกำลังกายและอาจจะไม่มีเวลามากนัก
การสร้างเป็นเกมจึงถือเป็นจุดดึงดูดที่น่าสนใจให้ตลาดกลุ่มนี้ หันมาจับเครื่อง Switch ของ Nintendo และ enjoy ไปกับความสนุกรวมถึงการได้ดูแลสุขภาพผ่านเจ้าอุปกรณ์ตัวใหม่ที่ Nintendo คิดค้นขึ้นมานี้
ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับบริษัทอย่าง Nintendo ที่ได้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า พวกเขาสนใจแค่ความสนุก และไอเดียใหม่ ๆ ของการเล่นเกมเท่านั้น พวกเขาไม่ได้สนใจสิ่งที่ Xbox หรือ Playstation กำลังเดินไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงต่าง ๆ เลย เพราะพวกเขาแค่ต้องการให้ผู้เล่นเกมของ Nintendo นั้นได้สนุกกับการเล่นเกมก็เพียงพอแล้วนั่นเอง