มารู้จักการออกแบบหุ่นยนต์ที่สร้างมาเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมกันเถอะ

อาคารและแนวชายฝั่งสามารถตรวจสอบได้โดยกลุ่มหุ่นยนต์ที่สามารถซ่อมแซมได้แบบอิสระ ตามความคิดริเริ่มของบริษัท Startup จากเดนมาร์กที่ให้การสนับสนุนเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่จะมาแก้ไขปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมทั่วโลก

ซึ่งความคิดริเริ่มดังกล่าวนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัทจากเดนมาร์กที่มุ่งเน้นในเทคโนโลยีในอนาคต 3 บริษัท คือ GXN Innovationซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยของสถาปนิกที่ชื่อว่า 3XN ; แพลตฟอร์มที่ช่วยเหลือในการผลิตอย่างThe AM AM Hub ; และบริษัทMap Architects

การแก้ปัญหาเรื่องความเสื่อมของสภาพแวดล้อม

บริษัท ต่าง ๆ เชื่อว่าความท้าทายระดับโลก เช่น ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง และการเสื่อมสภาพของโครงสร้างพื้นฐานทางชีวภาพในท้องทะเล สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ

พวกเขามองเห็นกลุ่มยานยนต์แบบ 3D ที่สัญจรไปมาทั้งทางบก ทางอากาศและทางทะเล

หุ่นยนต์หกขาเป็นหนึ่งในแนวคิดที่จินตนาการโดย Break the Grid
หุ่นยนต์หกขาเป็นหนึ่งในแนวคิดที่จินตนาการโดย Break the Grid

“ การเพิ่มจำนวนเครื่องพิมพ์ 3 มิติเพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้อาจเป็นการปฏิวัติรูปแบบการผลิตของโลกเรา” ผู้ก่อตั้ง GXN อธิบาย

“ด้วยการเปิดใช้งานหุ่นยนต์ผ่านเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ เพื่อให้หุ่นยนต์สามารถที่จะคลาน ว่ายน้ำ และบินได้ จะทำให้เราสามารถรับมือกับภัยคุกคามด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัญหาเร่งด่วนที่มีอยู่ทั่วโลกด้วยต้นทุนที่ต่ำลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

หุ่นยนต์สามตัวสำหรับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน

บริษัทได้ออกแบบแนวคิดที่แตกต่างกันสามแบบเพื่อจัดการกับกรณีการใช้งานแยกกันทั้งสามกรณี ซึ่งหุ่นยนต์เหล่านี้จะทำการสแกนสภาพแวดล้อมโดยอัตโนมัติเพื่อระบุพื้นที่ปัญหาและดำเนินการแก้ไขทันที

ซึ่งตัวอย่างแรกในการออกแบบหุ่นยนต์นั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายวัตถุใต้น้ำได้ เช่น การสร้างแนวปะการังเทียม หรือ โครงสร้างที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องแนวชายฝั่งจากการกัดเซาะและการให้ที่อยู่อาศัยสำหรับสิ่งมีชีวิตทางทะเล

หุ่นยนต์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแนวปะการังเทียมเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง
หุ่นยนต์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแนวปะการังเทียมเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง

มันจะทำงานโดยการพ่นทรายผสมจากพื้นมหาสมุทร และทำงานร่วมกับกาวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกาวธรรมชาติซึ่งผลิตจากหอยนางรมและสารที่ยึดเกาะได้แบบเปียก

ในขณะเดียวกันหุ่นยนต์หกขาจะวิ่งไปตามเมืองต่าง ๆ ทำการ Scan หา และซ่อมแซมรอยแตกขนาดเล็กในคอนกรีต ซึ่งช่วยลดความเสียหาย โดยจะสามารถแก้ไขได้ก่อนที่น้ำและออกซิเจนจะซึมเข้าไปข้างในซึ่งนำไปสู่การกัดกร่อนต่อไปนั่นเอง

ศักยภาพของวัสดุในการ “รักษาด้วยตัวเอง”

ทีมงาน Break the Grid จินตนาการว่าหุ่นยนต์ที่เคลื่อนที่บนบกเหล่านี้สามารถที่จะพิมพ์ฟิลเลอร์รูพรุนแบบ 3 มิติ ซึ่งจะผสมกับเชื้อรา trichoderma reesei ซึ่งมันจะช่วยในการก่อตัวของแคลเซียมคาร์บอเนต และทำให้การรักษาวัสดุได้ด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ

หุ่นยนต์ตัวนี้สามารถลาดตระเวนบริเวณที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นคอนกรีตได้จากระยะไกลจากสภาพแวดล้อมแบบเมืองได้

หุ่นยนต์ที่ทำงานบนยอดตึกสูงเพื่อซ่อมแซมความเสียหาย
หุ่นยนต์ที่ทำงานบนยอดตึกสูงเพื่อซ่อมแซมความเสียหาย

แนวคิดที่สามคือ หุ่นยนต์โดรน ที่จะทำงานในรอบ ๆ ตัวอาคารขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่ออาคารเหล่านี้เก่าและเสื่อมสภาพลง ทำให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานลดลง พวกโดรนเหล่านี้จะเข้ามาช่วยซ่อมแซมความเสียหาย

แนวคิดนี้นำมาจากการวิจัยวัสดุใหม่ที่ใช้แก้วและโพลีเมอร์ที่สามารถปรับแต่งได้ เพื่อสร้างฉนวนกันความร้อนบนโครงสร้างอาคารที่มีอยู่นั่นเอง

แนวคิดบนพื้นฐานของเทคโนโลยีที่ใหม่ ๆ

ในขณะที่การออกแบบของ Break the Grid นั้นเป็นเพียงแค่ทฤษฎี แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นจริง ทีมยังได้ทำการแฮ็กเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่มีอยู่ เพื่อสร้างต้นแบบหุ่นยนต์ตามแนวคิดของพวกเขา

“ เราหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้อุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ ในปัจจุบันนั้นมองเห็นความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ซึ่งจะต้องมีการผสมผสานการออกแบบและเทคโนโลยีเพื่อเปลี่ยนค่านิยมของพวกเราและปรับเปลี่ยนวิธีคิดในปัจจุบันของเรา” เขากล่าวเสริม

Break The Grid เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Moonshots ของ AM-Hub ของเดนมาร์กซึ่งมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่ ที่มีแนวคิดหลักว่าจะสามารถสร้างโลกที่ดีขึ้นได้อย่างไร

References : 
https://www.dezeen.com

Movie Review : Angel Has Fallen ผ่ายุทธการ ดับแผนอหังการ์

เรียกได้ว่า ผมตั้งความหวังไว้สูงมาก กับ ภาคที่ 3 ของหนังตระกูลนี้ หลังจากประทับใจมาก ๆ กับ ทั้ง Olympus has fallen และ London has fallen เป็นหนังที่เชื่อว่าแฟน ๆ ของ เจอราร์ด บัตเลอร์ นั้นรอคอยที่จะได้ติดตามภาคที่ 3 กันอย่างใจจดใจจ่ออย่างแน่นอน

ภาคแรก Olympus Has Fallen ใน ปี 2013 ไมค์ แบนนิ่ง ต้องปกป้องประธานาธิบดีที่โดนผู้ก่อการร้ายบุกถล่มทำเนียบขาว ที่เรียกได้ว่า บ้าระห่ำมาก ๆ สมใจคอหนังแอคชั่นบู๊ล้างผลาญเป็นอย่างดี

ภาคต่อมา London Has Fallen ในปี 2016 ไมค์ แบนนิ่ง และประธานาธิบดีเดินทางไปลอนดอน ไมค์ แบนนิ่ง ต้องพาประธานาธิบดีหนีตายจากการไล่ล่าของกลุ่มผู้ก่อการร้ายเช่นเดิม แต่เปลี่ยน Location จาก อเมริกาเป็น London เมืองหลวงของอังกฤษแทน 

สำหรับในภาคใหม่นี้ อย่าง Angel Has Fallen เมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ ไมค์ แบนนิ่ง (เจอราร์ด บัตเลอร์) และประธานาธิบดี อัลลัน ทรัมบูล (มอร์แกน ฟรีแมน) ถูกโจมตีจากกลุ่มก่อการร้ายแม้รอดชีวิตมาได้ แต่กลับกลายเป็นว่า ไมค์ แบนนิ่งถูกตั้งข้อหาพยายามสังหารประธานาธิบดีเสียเอง

เขาจึงหลบหนีจากการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่พร้อมกับต้องตามล่าตัวการเพื่อล้างมลทินและปกป้องประธานาธิบดีที่กำลังตกอยู่ในอันตรายจากทั้งฝ่ายรัฐบาลและผู้ก่อการร้ายระดับพระกาฬอีกครั้ง

ซึ่งแน่นอนว่า แฟน ๆ ก็ตั้งความหวังไว้กับเรื่องนี้มาก เช่นเดียวกันที่ทำผลงานได้ดีใน 2 ภาคแรก แต่โดยส่วนตัวหลังจากเดินออกจากโรงหนังแล้วนั้น

ต้องบอกตรง ๆ ว่าผิดหวังกับภาคที่ 3 นี้ พอสมควร ซึ่งแน่นอนว่าแม้หนังจะเป็น เต็มไปด้วยความสนุกแบบแอคชั่น บ้าระห่ำ มีฉากยิงและฉากระเบิดสนุก ๆ เหมือนในทุก ๆ ภาค

แต่ส่วนที่ต่างออกไปของหนังภาคนี้ คือชัดเจนมากในเรื่องบทของหนังที่ ด้อยกว่าสองภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด  ตัวร้ายที่ไม่ร้ายลึก ไม่ค่อยมีมิติ  ฉาก CG ที่ดูไม่สมจริงเป็นอย่างยิ่ง  เนื้อเรื่องก็เดาง่ายจนเกินไปผิดกับสองภาคแรก แถมเนื้อหาของหนัง มันดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลยในหลาย ๆ จุด

ถือเป็นการปิด ไตรภาค ได้ไม่ค่อยสวยหรูเท่าที่ควร สำหรับหนังตระกูล Fallen ในครั้งนี้ แต่ก็
ยังมีส่วนที่ทำได้ดี คือ การนำเรื่องราวชีวิตเบื้องหลังของครอบครัวไมค์ ช่วงเวลาความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่หนังนำเสนอ

และอย่างน้อย คอหนังแอคชั่นคงจะสนุกสนานกับเรื่องนี้ได้ดี เพราะเต็มไปด้วยฉากแอ๊คชั่นตลอดทั้งเรื่อง และสามารถที่จะรับชมได้อย่างเพลิดเพลิน ตลอด 2 ชั่วโมงจนจบ ซึ่งผมคิดว่าคงจะเป็นภาคสุดท้ายของหนังตระกูลนี้แล้วอย่างแน่นอนครับ