ต้องบอกว่าภาพตลาดหุ้นในวันที่ 7 พฤษภาคม 2025 ถึงกับทำให้วงการเทคโนโลยีสั่นสะเทือน หุ้น Google ดิ่งลงเหวไปกว่า 7% ภายในวันเดียว ทำให้เงินหายวับไปถึง 155,000 ล้านดอลลาร์!
เรื่องราวเริ่มจากคำให้การที่สั่นสะเทือนวงการของ Eddy Cue รองประธานอาวุโสฝ่ายบริการของ Apple ระหว่างการพิจารณาคดีต่อต้านการผูกขาดกับ Alphabet บริษัทแม่ของ Google
Cue เปิดเผยข้อมูลว่า การค้นหาผ่าน Google บนเบราว์เซอร์ Safari ของ Apple ลดลงเป็นครั้งแรกในเดือนเมษายน 2025 เพราะผู้ใช้กำลังหันไปใช้เครื่องมือ AI แทน
แต่นั่นยังไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญที่สุด เพราะ Cue ยังเผยอีกว่า Apple กำลังคิดที่จะรวมความสามารถในการค้นหาด้วย AI เข้ากับอุปกรณ์ของตัวเองโดยตรง
คำให้การนี้เหมือนการถีบส่ง Google เพราะที่ผ่านมา Apple ได้รับเงินมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีจาก Google เพื่อรักษาสถานะเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นบนอุปกรณ์ Apple
ถ้าคนเลิกค้นหาผ่าน Google จริงๆ ดีลมูลค่ามหาศาลนี้ก็คงเกิดขึ้นไม่ได้อีกต่อไป นี่คือจุดพีคของความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้น
ท่ามกลางสถานการณ์เลวร้าย Google ไม่ได้อยู่เฉยๆ พวกเขาออกแถลงการณ์โต้กลับข้อกล่าวอ้างของ Cue ว่าบริษัทยังคงเติบโตในภาพรวม
Sundar Pichai ซีอีโอของ Google มองบวกเกี่ยวกับการริเริ่มด้าน AI ของบริษัทตัวเอง เขาเชื่อว่า AI Overviews ที่ใช้กันมาเกือบปีในสหรัฐฯ กำลังเข้าที่เข้าทาง ผู้คนเริ่มเห็นประโยชน์มากขึ้น
แต่คำให้การของ Cue กำลังท้าทายเรื่องราวนี้ โดยชี้ว่าความพยายามของ Google ไม่อาจปกป้องตลาดหลักได้ทั้งหมด AI กำลังเป็นภัยคุกคามของจริง
นักวิเคราะห์จาก Jefferies มองว่าตลาดกำลัง panic เกินไป พวกเขากล่าวว่าความก้าวหน้าด้าน AI ของ Google ถูกมองข้าม AI Overviews ที่มีผู้ใช้มากกว่า 1.5 พันล้านคนเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
ยิ่งไปกว่านั้น Safari เป็นแค่ส่วนเล็กๆ ในตลาดการค้นหา เทียบไม่ได้กับ Chrome ที่ครองส่วนแบ่งถึง 66% ขณะที่ Safari มีแค่ 17% แอป Google บน iOS ก็ยังเติบโต 15% เทียบกับปีที่แล้ว
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ แต่อยู่ภายใต้เงาของคดีต่อต้านการผูกขาดที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ฟ้อง Google ข้อตกลงระหว่าง Google และ Apple ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในคดีนี้
Google กำลังฝ่าฝันต่อสู้กับคู่แข่งใหม่อย่าง ChatGPT และแพลตฟอร์ม AI อื่นๆ พวกเขาปรับกลยุทธ์ผสมผสาน AI เข้ากับการค้นหา ทั้ง Gemini (เดิมคือ Bard) และ SGE (Search Generative Experience)
อุตสาหกรรมเทคโนโลยีรอดูว่า Google จะปรับตัวอย่างไร ความสามารถในการผสมผสาน AI เข้ากับการค้นหาอย่างลงตัวจะเป็นกุญแจสำคัญของการอยู่รอด
ไม่ใช่แค่ Google เท่านั้นที่ต้องปรับตัว แต่บริษัทอื่นๆ ก็ต้องปรับด้วย Apple เองก็เริ่มหันมามองโลกที่ AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการค้นหา
Apple ลงทุนด้าน AI มากโข ทั้งปรับปรุง Siri และพัฒนา Apple Intelligence ที่ทำงานบนอุปกรณ์ ไม่แปลกเลยหากในอนาคต Apple จะพัฒนาเครื่องมือค้นหาของตัวเอง
สำหรับพวกเราทั่วไป การเปลี่ยนแปลงนี้หมายถึงทางเลือกที่มากขึ้น แทนที่จะพิมพ์คำค้นหาและเลือกดูผลลัพธ์เยอะแยะวุ่นวาย เราจะได้คำตอบตรงๆ จาก AI เลย ซึ่งเป็นการประหยัดเวลาได้แบบสุดๆ
แต่คำถามเรื่องความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูลก็ยังคงเป็นประเด็นสำคัญ การค้นหาแบบเดิมให้ผลหลากหลายและอ้างอิงได้ ขณะที่ AI ให้ประสบการณ์ที่สะดวกและเป็นธรรมชาติกว่า
อนาคตของการค้นหาอาจไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างสองเทคโนโลยี แต่เป็นการหลอมรวมจุดแข็งของทั้งคู่เข้าด้วยกัน
สำหรับนักลงทุน เหตุการณ์นี้เตือนว่าแม้แต่ยักษ์ใหญ่อย่าง Google ก็เจอความท้าทายได้ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีสามารถทำให้ธุรกิจที่มั่นคงสั่นคลอนได้ในชั่วข้ามคืน
Alphabet รู้ดีถึงความท้าทายนี้ พวกเขาเลยลงทุนหนักในเทคโนโลยี AI ทั้ง Gemini, SGE และโครงการอื่นๆ อีกมากมาย พวกเขาไม่อยากจบเห่เหมือนบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ในอดีต
การต่อสู้ระหว่าง Google และคู่แข่งด้าน AI ยังคงดำเนินต่อไปอย่างเมามัน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือการตัดกันระหว่าง AI และการค้นหาแบบดั้งเดิมกำลังเกิดขึ้นแล้ว
เหตุการณ์นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ Google และ Apple แต่ส่งคลื่นกระเพื่อมไปทั่ววงการเทคโนโลยี บริษัทที่พึ่งรายได้จากโฆษณาบนการค้นหาแบบเดิมต้องปรับกลยุทธ์
นักพัฒนาเว็บคงต้องคิดใหม่เกี่ยวกับการทำ SEO เมื่อ AI พุ่งทะยาน ผู้สร้างเนื้อหาก็ต้องปรับวิธีนำเสนอข้อมูลให้เข้าถึงได้ทั้งโดยมนุษย์และ AI
เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงในการตลาดดิจิทัลแล้ว การทำ SEO ไม่ใช่แค่ปรับแต่งเว็บให้ติดอันดับ Google แต่ขยายไปถึงการทำเนื้อหาให้เป็นมิตรกับ AI ด้วย
เทคโนโลยี AI เองก็ยังพัฒนาแบบก้าวกระโดด แพลตฟอร์ม AI รุ่นใหม่เจ๋งขึ้นเรื่อยๆ ในการเข้าใจบริบท ประมวลผลข้อมูลซับซ้อน และให้คำตอบที่ตรงใจผู้ใช้
นอกจาก OpenAI, Anthropic และ Perplexity ที่ Cue พูดถึง ยังมีอีกหลายบริษัทที่กำลังรังสรรค์เทคโนโลยี AI สำหรับการค้นหา เช่น Cohere, AI21 Labs แต่ละบริษัทมีความเจ๋งที่แตกต่างกันไป
ภาครัฐทั่วโลกก็กำลังจับตามองพัฒนาการเหล่านี้เช่นเดียวกัน การผูกขาดในตลาดการค้นหาเป็นประเด็นร้อน AI อาจนำมาซึ่งคำถามใหม่ๆ เกี่ยวกับการแข่งขันที่เป็นธรรม
สหภาพยุโรปเริ่มบังคับใช้ Digital Markets Act แล้ว มีเป้าหมายควบคุมอำนาจบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ รวมถึง Google กฎหมายนี้บังคับให้พวกเขาให้การเข้าถึงที่เป็นธรรมแก่คู่แข่ง
ย้อนกลับไปปี 2007 Nokia เป็นลูกพี่ใหญ่ในตลาดมือถือที่ดูเหมือนไม่มีใครสั่นคลอนได้ แต่หลัง iPhone เปิดตัวไม่กี่ปี บริษัทก็สูญเสียตำแหน่งและไม่กลับมาอีกเลย
บทเรียนจาก Nokia สอนว่าการยึดติดกับโมเดลธุรกิจเดิมและการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงช้าอาจทำให้จบเห่ได้ Google จะเดินซ้ำรอยนี้หรือไม่?
ในท้ายที่สุด การตัดกันระหว่าง AI และการค้นหาแบบดั้งเดิมเป็นมากกว่าการแข่งขันทางธุรกิจ แต่เป็นจุดเปลี่ยนในวิวัฒนาการของวิธีที่เราเข้าถึงข้อมูลในโลกดิจิทัล
เราอาจกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการค้นหาที่ AI มีบทบาทโครตเทพ และบริษัทอย่าง Google ต้องปรับตัวหรือเสี่ยงที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เส้นทางข้างหน้ายังไม่ชัดเจน
โลกเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เรื่องราวของ Google กับวิกฤตครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนในวงการค้นหาอย่างไร เรายังต้องติดตามกันต่อไป
ระหว่างที่บริษัทต่างๆ ยังแข่งขันกันอย่างดุเดือดต่อไป สิ่งที่แน่นอนคือผู้ใช้อย่างเราๆ จะได้เห็นประสบการณ์การค้นหาที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะด้วย AI หรือการค้นหาแบบดั้งเดิม การแข่งขันนำมาซึ่งนวัตกรรม และในที่สุด ผู้ใช้ก็คือผู้ชนะที่แท้จริง
References: [techcrunch, cnbc, theverge, bloomberg, engadget]