ก่อนจะเสียหายหนักกว่านี้

เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดสำหรับการออกมาแถลงของ เลขาธิการพรรค ประชาธิปัตย์ ที่ออกมาประกาศลอยแพ มรว. สุขุมพันธ์ บริพัตร ไม่ขอแสดงความรับผิดชอบใด ๆ ต่อการกระทำใด ๆ ในอนาคตนี้ของ มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร อีกต่อไปในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครฯ

หลังจากกระแสความนิยมในตัวผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครฯ ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ไล่มาตั้งแต่ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากที่ไม่สามารถแก้ไขได้ รวมถึงปัญหาเรื่องการทุจริตต่างๆ  ที่ถูกคนในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเองออกมาแฉในช่วงหลัง ถึงแม้ว่าเราอาจมองได้ว่าเป็นเกมส์การเมืองอย่างนึงในการใช้เลื่อยขา มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร แต่นั่นก็น่าจะทำให้ส่งผลถึงคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ในเขตกรุงเทพมหานครฯ โดยตรงด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นฐานที่มั่นหลักรองจากในเขตภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งผูกขาดการเมืองในกทม.มาตลอดในระยะหลัง ๆ

ซึ่งหากปล่อยเหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ก็คงไม่เป็นผลดีต่อคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ในเขต กทม. แน่ๆ  และถ้ามองจากกระแสของสังคมในช่วง ๆ หลัง ๆ นี้เริ่มที่จะทำให้คะแนนเสียงของพรรคตกต่ำลงต่อเนื่อง ซึ่งคิดว่า หากมีการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครฯ ในช่วงนี้นั้น ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ประชาธิปัตย์จะสามารถกลับมาได้รับคะแนนเสียงเหมือนเดิมหรือป่าว ซึ่งการประกาศลอยแพแบบนี้ น่าจะมีการคิดถึงผลดีผลเสียต่อพรรคที่ดีที่สุดแล้ว ถึงไม่คสช. จะไม่ให้มีการประชุมพรรคในขณะนี้ แต่ก็คิดว่า มีการประชุมกันอย่างไม่เป็นทางการในพรรค และได้มติออกมาแบบนี้ ซึ่งจากข่าวก็มีคนที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว แต่สุดท้าย เสียงส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับการประกาศลอยแพแบบนี้ ซึ่งน่าจะเป็นผลดีในระยะยาวมากกว่าและก่อนที่พรรคจะเสียหายไปมากกว่านี้

Movie Review : The Runner


Review

สำหรับ The Runner นั้นเป็นหนังที่ผมมองผ่าน ๆ  มาซักพักแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ดู แต่ช่วงเมื่อวานเนื่องจากว่างเต็มที่เลยเปิดช่อง Fox Movie Premium ดูทั้งวันก็ได้มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้จนได้ในที่สุด

ถึงแม้เรื่องนี้จะคะแนนไม่ค่อยดีใน imdb ซักเท่าไหร่ แต่เนื่องจากโดยส่วนตัวก็เป็นแฟนของ nicolas cage อยู่แล้ว จึงไม่อยากพลาดหนังของพี่เขาซักเท่าไหร่

เรื่องนี้กำกับโดย Austin Stark  โดยส่วนตัวก็ไม่เคยดูผลงานของแกมาก่อนเลย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมืองสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแนวที่ผมชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้วหลังจากติดหนึบจาก series House of Card ของทาง Netflix ที่เนื่องเรื่องเกี่ยวกับการเมืองสหรัฐค่อนข้างเข้มข้น และแสดงได้เห็นถึงวัฒนธรรมทางการเมืองทั้งด้านสว่างและด้านมืดของประเทศอเมริการได้อย่างดี ซึ่งก็คิดว่า ขึ้นชื่อว่าการเมืองแล้วนั้น คงไม่มีความแตกต่างกันเท่าไหร่ในแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วยนั่นเอง

หนังนำแสดงโดย nicolas cage ที่เป็นนักการเมืองหนุุ่มอนาคตไกล แต่ต้องมาเสียชื่อกับเรื่องผู้หญิง ซึ่งเป็น pattern อยู่แล้วสำหรับหนังที่เกี่ยวกับการเมือง โดยโยงเรื่องเข้ากับการรั่วของน้ำมันในชายฝั่งทะเลสหรัฐอเมริกา โดยบริษัท BP ยักษ์ใหญ่แห่งวงการน้ำมันแห่งหนึ่งของโลก

เรื่องนี้ทำให้เราได้มองเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่เสรีสุด ๆ  และมีความเป็นประชาธิปไตยแบบสุดโต่ง และเป็นต้นแบบให้ประเทศอื่นๆ  อย่างอเมริกานั้น กลุ่มทุนใหญ่ ๆ ก็สามารถเข้ามาควบคุมการเมืองได้เหมือนกัน และไม่ต่างกับประเทศไทยเลย ที่กลุ่มทุนนั้นเข้ามามีอำนาจในการกำหนดนโยบาย ที่เกื้อหนุนให้กับกลุ่มทุนใหญ่ ๆ โดยจะเข้ามามีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังโดยไม่ออกหน้าโดยชัดเจน

โดยส่วนตัวก็ถือว่าชอบหนังเรื่องนี้ในระดับนึง เนื้อเรื่องก็ค่อนข้างเข้มข้นสไตล์การเมืองอเมริกา สำหรับคนที่ชอบหนังแนวนี้ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรที่จะพลาดชมอย่างยิ่ง

 

เก็บตกจากหนัง

  • เป็นหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวโยงกับการเมืองสหรัฐอเมริกาและเหตุการณ์น้ำมัน BP รั่วชายฝั่งสหรัฐอเมริกาได้อย่างลงตัว
  • ถ้าเทียบกับผลงานเรื่องอื่น ๆ เรื่องนี้ nicolas cage ถือว่าผลงานการแสดง drop ลงไปพอสมควร และไม่สามารถดึงดูดคนให้เข้ามาดูหนังของเขาได้เท่าที่ควร

คะแนน

9/10


สรุป
“แฟน series House of Card ควรหามาดูอย่างยิ่ง”

Movie Review : อาปัติ

เพิ่งได้มีโอกาสได้ดูสำหรับหนังที่มีประเด็นร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมาอย่าง อาปัติ ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นถูกแบนเนื้อหาไปบางส่วนเนื่องจากไม่ผ่านกอง censor ของบ้านเรา เนื่องจากมีเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนาที่ค่อนข้างมีเนื้อหาที่รุนแรงพอสมควร

หนังเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของ ขนิษฐา ขวัญอยู่  จากค่าย บาแรมยู  และเนื่องจากการโดนแบน และไม่สามารถฉายได้ จึงได้มีการตัดบางส่วนออกไปและทำการเปลี่ยนชื่อเรื่องจากเดิมคือ อาบัติ เป็น อาปัติ แทน ซึ่งที่เราได้ชมก็คงเป็นการตัดเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรงออกไปเยอะพอสมควรแล้ว เพราะเท่าที่ได้ดูนั้น หนังก็ไม่ได้เสนออะไรที่ดูรุนแรงมากจนเกินไป ซึ่งน่าจะมาจากการถูกตัดออกไปค่อนข้างเยอะแล้ว สำหรับ นักแสดงนำนั้น แสดงโดย แน๊ก ชาลี ไตรรัตน์  เด็กหนุ่มวัย 19 ปีผู้เอาแต่ใจตนเอง ไม่สนใจใคร และใช้ชีวิตคึกคะนองอย่างสุดขั้ว เขาจึงถูกพ่อบังคับให้มาบวชเณรเพื่อดัดนิสัย การบวชอย่างไม่เต็มใจ ไร้ศรัทธา แต่ได้มาเจอเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัวที่วัดที่เค้าได้บวชอยู่ โดยเนื้อหนังนำเสนอทั้งเรื่องการ ผิดศีลแทบจะทุกข้อ ที่ตัวเอกของเรื่องได้ทำไป ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากถึงสาเหตุของการถูกแบนก่อนหน้านี้

หนังเรื่องนี้ถือว่าสะท้อนภาพของวงการสงฆ์ ในมุมที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก จะเห็นได้ว่าในปัจจุบัน ข่าวทำนองนี้ก็ออกกันมามากมาย แต่ ไม่ใช่ว่าเรื่องเหล่านี้เพิ่งมีในยุคปัจจุบัน แต่มีมานานแล้ว แต่ไม่ได้ถูกตีแผ่เหมือนในปัจจุบัน ที่เป็นยุคดิจิตอล ข้อมูลทั้งหลายถูกกระจายไปอย่างรวดเร็ว และรวมถึง การกระจายข้อมูลนั้น เพียงแค่มีมือถือ ก็สามารถกระจายข้อมูลผ่าน social network ได้อย่างรวดเร็วจน ข่าวกระแสหลักนำไปเสนอต่อให้กับผู้ชมวงกว้างต่อไป ซึ่งผมมองว่า หนังเรื่องนี้เป็นการสำเสนอมุมมองมุมหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้จะเป็นด้านลบ แต่ก็เป็นเรื่องทีน่าสนใจในวงการพระพุทธศาสนา ที่ต้องมีการวางกฏระเบียบ และ ดูแลวงการศาสนา ให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ ให้เข้ากับยุคใหม่ ๆ ที่อาจจะทำให้ศาสนาเสื่อมลงไปในอนาคตได้ หากผู้คนเจอข่าวเกี่ยวกับพระสงฆ์ในด้านลบมาก ๆ ขึ้น

เก็บตกจากหนัง

  • หนังน่าจะตัดฉากที่ดูรุนแรงกว่านี้ออกไปหมดแล้วทำให้เรื่องนี้สามารถที่จะพอดูได้สำหรับบุคคลทั่วไป
  • หนังเสนอมุมมองใหม่ของวงการพระสงฆ์ที่น่าสนใจมาก ๆ

คะแนน

8/10


สรุป
“เป็นหนังที่เสนอมุมมองในวงการพระสงฆ์ได้น่าสนใจเรื่องนึงเลยทีเดียว”