มาสด้ายกระดับการบริการหลังการขายปรับค่าแรงมาตรฐานใหม่ พร้อมเปิดตัวโปรแกรมพิเศษ Mazda Warranty Plus ขยายการรับประกันคุณภาพอะไหล่เพิ่มเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร

มาสด้าตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์ลูกค้า เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดด้านบริการหลังการขาย ด้วยนโยบายการปรับค่าแรงมาตรฐานใหม่ทั่วประเทศ เป็น 600 บาท/ชม. สำหรับต่างจังหวัด และ 680 บาท/ชม. สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล

เพื่อมอบความสบายใจไร้กังวลให้กับลูกค้า Mazda Family เมื่อนำรถมาเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ พร้อมเปิดตัวโปรแกรมพิเศษ Mazda Warranty Plus ต่อความคุ้มครอง เพื่อคนแคร์รถ ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพอะไหล่รถยนต์จาก 3 ปี เป็น 5 ปี*

อันเป็นสิทธิพิเศษที่จัดขึ้นภายใต้โปรแกรม Mazda Family และตอกย้ำถึงการนำปรัชญาใหม่ Joy Drives Lives เข้ามาพัฒนาและปรับปรุงแผนการดำเนินธุรกิจมาสด้าตามแนวทาง Customer-Centric โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกค้าในทุก ๆ ประสบการณ์ เพื่อเป็นการคุ้มครองดูแลรถยนต์มาสด้าคันโปรดของลูกค้าให้เป็นไปอย่างราบรื่นตลอดอายุการใช้งาน

นายศราวุฒิ บรรยงค์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ามีความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นและเป็นไปอย่างครบวงจรให้กับลูกค้า เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุด คือ การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer Retention ตามความมุ่งมั่นของเรา โดยในปีงบประมาณ 2568 นี้ มาสด้าจะขับเคลื่อนงานบริการหลังการขายด้วยกลยุทธ์หลัก 4C ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการคำนึงถึงสิทธิประโยชน์สูงสุดของลูกค้าที่จะได้รับ อันประกอบด้วย 

  • Credibility ความน่าเชื่อถือ เพื่อลดความกังวลใจให้กับลูกค้าในการครอบครองรถยนต์มาสด้า      ด้วยการยกระดับความสามารถด้านการจ่ายอะไหล่ การซ่อมบำรุง และปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ 
  • Convenience ความสะดวกสบาย เพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการเข้ารับบริการที่โชว์รูม
  • Customer Care การดูแลเอาใจใส่ เพื่อสร้างประสบการณ์และความสัมพันธ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า 
  • Cost of Ownership ลดภาระค่าใช้จ่ายในการครอบครองรถยนต์มาสด้าที่สมเหตุสมผล เพื่อช่วยลดความกังวลใจในเรื่องค่าใช้จ่ายของลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถยนต์มาสด้า 

เพื่อผลักดันนโยบายเหล่านี้ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นและเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า มาสด้าจึงได้นำเอาข้อเสนอแนะของลูกค้ามาพัฒนาคุณภาพการให้บริการ และได้ออกแบบนโยบายหลังการขายใหม่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด สำหรับลูกค้า Mazda Family เมื่อนำรถมาเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ ลูกค้าจะได้รับความสบายใจในเรื่องของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบำรุงรักษา ด้วยสิทธิพิเศษเหล่านี้

  • นโยบายการปรับค่าแรงใหม่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ค่าแรง 600 บาท/ชม. สำหรับโชว์รูมต่างจังหวัด* และค่าแรง 680 บาท/ชม. สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล* โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบข้อมูลค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถตามระยะ และเช็กพื้นที่ศูนย์บริการมาตรฐานมาสด้า และอัตราค่าแรงมาตรฐานใหม่ได้ที่เว็บไซต์มาสด้า https://www.mazda.co.th/th/maintenance
  • มอบความมั่นใจในทุกการดูแล โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ พร้อมอะไหล่แท้คุณภาพจากมาสด้า
  • เปิดตัวโปรแกรมพิเศษ Mazda Warranty Plus ต่อความคุ้มครอง เพื่อคนแคร์รถ เมื่อนำรถเข้าเช็กระยะต่อเนื่องตามกำหนด*

“สำหรับโปรแกรมพิเศษ Mazda Warranty Plus เป็นโปรแกรมที่มาสด้าริเริ่มขึ้นใหม่ เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า Mazda Family ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพอะไหล่รถยนต์จาก 3 ปี เป็น 5 ปี*

สำหรับชิ้นส่วนเครื่องยนต์ท่อนตรง เกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา เทอร์โบชาร์จเจอร์ และคาปาซิเตอร์ โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติมเล็กน้อยคือเป็นรถยนต์ที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี หรือไม่เกิน 150,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และมีประวัติการเข้าเช็กตามระยะครบตามกำหนดทุก 6 เดือน หรือทุก 10,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ครบทุกระยะ

ซึ่งลูกค้าสามารถลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิพิเศษนี้ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ที่ https://m.mazda.co.th/WarrantyPlusRegistrationนายศราวุฒิ กล่าว

มาสด้ายังคงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมแผนงานในการนำเสนอโปรแกรมเพื่อมอบสิทธิพิเศษดี ๆ เช่นนี้ให้กับลูกค้าต่อไป สำหรับลูกค้า Mazda Family ที่ต้องการรับข้อมูลข่าวสารและสิทธิพิเศษที่จัดขึ้นเพื่อลูกค้าก่อนใคร

สามารถเพิ่มเพื่อนผ่านแพลตฟอร์มไลน์ Mazda Sky Journey (Line Official Account: @skyjourney) นอกจากจะสามารถเช็กสิทธิพิเศษนี้ได้ก่อนใครแล้ว ลูกค้ายังสามารถทำการจองนัดหมายล่วงหน้า เพื่อนำรถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศผ่านแพลตฟอร์มนี้ได้เช่นกัน *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.mazda.co.th

ไปรษณีย์ไทยผนึกเทคซอส พัฒนา Data-as-a-service เปิดให้บริษัท – หน่วยงาน นำข้อมูลต่อยอดบริการ

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ผนึกกำลัง บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) อย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมกันพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและข้อมูล สร้างสรรค์บริการและโอกาสทางธุรกิจใหม่ในรูปแบบ data-as-a-service

ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมนวัตกรรม เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้บริการในภาคส่วนโลจิสติกส์ และสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ไม่เคยมีมาก่อน

พิธีลงนาม MOU จัดขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ อาคารภาณุรังษีไปรษณียาคาร สำนักงานใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากทั้งสององค์กรร่วมเป็นสักขีพยาน นำโดย ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด, ดร.ตฤณ ทวิธารานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบริการดิจิทัล บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด ซึ่งทั้งหมดได้ร่วมกันแสดงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับอุตสาหกรรม

ภายใต้กรอบความร่วมมือนี้ ไปรษณีย์ไทยและเทคซอสจะทำงานร่วมกันในหลากหลายด้าน ได้แก่:

  • การพัฒนารูปแบบธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Business Models): มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกเพื่อปรับปรุงการตัดสินใจทางธุรกิจและพัฒนาบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม
  • การสร้างต้นแบบนวัตกรรม (Prototypes): ร่วมกันพัฒนาและทดสอบโซลูชันเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์
  • การสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ (Business Matching): ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง
  • การส่งเสริมนวัตกรรมอย่างยั่งยืน (Sustainable Innovation Process): สร้างกระบวนการที่สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว
  • การสร้างรายได้จากข้อมูล (Data Monetization): แสวงหาโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่จากสินทรัพย์ข้อมูลขององค์กร

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า “ในนามของบริษัทฯ และคณะกรรมการ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาธุรกิจรูปแบบใหม่ในครั้งนี้ ซึ่งเทคซอสเป็นที่ยอมรับในวงการและเป็นผู้จัดงานด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยเครือข่ายองค์กรชั้นนำมากมาย ทำให้เป็นเครือข่ายด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญ”

ดร.ดนันท์ เสริมอีกว่า “ไปรษณีย์ไทยได้ดำเนินการด้านดิจิทัลแพลตฟอร์มมาประมาณ 2-3 ปี และมีประสบการณ์ในการปรับปรุงและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ในฐานะรัฐวิสาหกิจ เราตระหนักถึงความท้าทายและมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงและสร้างศักยภาพด้านดิจิทัล ส่งเสริมบุคลากรให้มีความเป็นดิจิทัลและมีแนวคิดสร้างสรรค์

โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการเติมเต็มและต่อยอดธุรกิจของทั้งสองฝ่าย เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ส่งเสริมนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน และหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายความร่วมมือในอนาคตอันใกล้

ปัจจุบัน ไปรษณีย์ไทยพร้อมที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจและสังคม สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์กร ธุรกิจ และประชาชน ในฐานะเพื่อนแท้ร่วมทาง พร้อมที่จะร่วมเดินและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ยกระดับการให้บริการที่ครอบคลุม ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ โดยนำเทคโนโลยีมาบูรณาการเพื่อให้เข้าใจ เข้าถึง และอยู่ในใจลูกค้าทุกคนตลอดไป”

ด้านคุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริษัทเทคซอส กล่าวว่า “เทคซอสมีความตั้งใจที่จะพัฒนาด้านนวัตกรรม และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นแบรนด์ของไทยสู่ระดับโลก ซึ่งไปรษณีย์ไทยมีความโดดเด่นในด้านข้อมูล โครงสร้างพื้นฐาน และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

เทคซอสจะสนับสนุนโครงการนี้ในด้านการสรรหาพันธมิตร การสร้างรายได้ การเพิ่มมูลค่าบริการ และการใช้ประโยชน์จากข้อมูล เพื่อขับเคลื่อนและยกระดับผู้ประกอบการไทย ไม่ว่าจะเป็น SMEs หรือองค์กรขนาดใหญ่ ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลของไปรษณีย์ไทยได้ และเชื่อมั่นว่าการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและเอกชน จะช่วยยกระดับการใช้ข้อมูลของประเทศไทย”

ความร่วมมือในครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อยกระดับการนำข้อมูลของไปรษณีย์ไทยมาใช้ขับเคลื่อนประเทศไทยในหลากหลายมิติ ทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคม โดยจะร่วมกันพัฒนา data-as-a-service และเปิดรับพันธมิตรที่จะนำข้อมูลไปต่อยอดในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ ค้าปลีก, อีคอมเมิร์ซ, อสังหาริมทรัพย์, หน่วยงานราชการ และการตลาดของบริษัทต่าง ๆ ที่ต้องการข้อมูลการสัญจรในแต่ละพื้นที่ เพื่อค้นหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ

โดยหน่วยงานและบริษัทที่สนใจ สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ bizdev@techsauce.co หรือ https://services.techsauce.co/contact-us ทั้งนี้การจับมือกันระหว่างไปรษณีย์ไทย ซึ่งมีความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายและข้อมูลเชิงพื้นที่ กับ Techsauce ผู้นำด้านเทคโนโลยีและเครือข่ายสตาร์ทอัพ จะเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย และสร้างประโยชน์ให้กับภาคส่วนต่าง ๆ ของประเทศในวงกว้าง

ฟิลิปส์ร่วมสนับสนุนการดูแลสุขภาพมารดาและทารก ผ่านนวัตกรรม AI ด้านสูตินรีเวช เนื่องในวันอนามัยโลก 2025

วันอนามัยโลก (World Health Day) ตรงกับวันที่ 7 เมษายนของทุกปี เป็นวันที่ประเทศสมาชิกขององค์การอนามัยโลกใช้เป็นโอกาสรณรงค์ให้ประชาชนและทุกภาคส่วนของสังคม ตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพ 

โดยแคมเปญหลักในปีค.ศ. 2025 นี้ “เริ่มต้นชีวิตด้วยสุขภาพที่ดี สู่อนาคตที่สดใสในวันหน้า (Healthy Beginnings, Hopeful Futures)” ทั้งนี้ เพื่อผลักดันให้ทั้งภาครัฐและองค์กรด้านสาธารณสุขร่วมรณรงค์เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตของมารดาและทารกแรกเกิด และ เพื่อให้เล็งเห็นถึงความสำคัญด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสตรีในระยะยาว 

ฟิลิปส์ ร่วมรณรงค์ในวันอนามัยโลก ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดูแลสุขภาพของมารดาและทารก ด้วยการพัฒนาโซลูชันอัลตร้าซาวด์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การดูแลสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล และการติดตามอาการจากระยะไกล ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบสาธารณสุขที่มากขึ้น เพื่อส่งเสริมอนาคตด้านการดูแลสุขภาพที่ดีสำหรับมารดาและทารกทั่วโลก

นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI มีศักยภาพในการปฏิวัติการเข้าถึงระบบสาธารณสุขที่เหมาะสม

ในปีพ.ศ. 2566 รอยัล ฟิลิปส์ (NYSE: PHG, AEX: PHIA) ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพระดับโลก ได้รับทุนสนับสนุนเป็นครั้งที่สองจากมูลนิธิเกตส์ (Gates Foundation) เป็นมูลนิธิเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดตั้งโดยบิล เกตส์ และเมลินดา เกตส์ เพื่อเร่งขยายการพัฒนาแอปพลิเคชันด้านสูตินรีวชที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI ผ่านการใช้เครื่องอัลตราซาวด์แบบพกพา Philips Lumify

โดยเทคโนโลยี AI นี้สามารถช่วยสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในการตรวจหาพารามิเตอร์ที่สำคัญ เพื่อระบุความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ และช่วยให้พวกเขาสามารถแนะนำแนวทางการดูแลที่เหมาะสมได้

เมื่อพร้อมใช้งาน โซลูชันอัลตร้าซาวด์ของฟิลิปส์ด้านสูตินรีเวชที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้ จะเข้ามาสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่และพยาบาลผดุงครรภ์ในการเก็บข้อมูลสำคัญของมารดาและทารกในครรภ์ โดยต้นแบบปัจจุบันสามารถระบุพารามิเตอร์ที่สำคัญ อาทิเช่น อายุครรภ์และขนาดของถุงน้ำคร่ำ ซึ่งช่วยในการประเมินการตั้งครรภ์และสุขภาพของทั้งมารดาและทารกได้

ตั้งแต่ที่มูลนิธิเกตส์ให้ทุนสนับสนุนช่วงแรกในปีพ.ศ. 2564 มีการดำเนินการโครงการนำร่องในเคนยา ซึ่งส่งผลลัพธ์เชิงบวก โดยโซลูชันนี้ช่วยให้สามารถตัดสินใจด้านการดูแลสุขภาพของสตรีมีครรภ์ได้ดีขึ้นในชุมชนชนบทและพื้นที่ห่างไกล

ในแต่ละวัน มีสตรีกว่า 800 คนทั่วโลกที่ตั้งครรภ์และเสียชีวิตจากสาเหตุที่ป้องกันได้ โดยเกือบ 95% ของมารดาที่เสียชีวิตในปีพ.ศ. 2563 อาศัยอยู่ในประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงรายได้ปานกลางล่าง ในขณะที่มารดาทั่วโลกราว 287,000 คนเสียชีวิตระหว่างตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด

โดยสาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากภาวะแทรกซ้อนระหว่างและหลังการตั้งครรภ์ และหลังการคลอด ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์และส่วนใหญ่สามารถป้องกันหรือรักษาได้ อาทิ การตกเลือด การติดเชื้อ ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ เป็นต้น

ในปีพ.ศ.2563 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอัตราการตายของมารดาเท่ากับ 117 ต่อการเกิดมีชีพ 100,000 คน เมื่อจำแนกตามกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลกได้ทำการคาดการณ์อัตราการตายของมารดาไทยเท่ากับ 29 ต่อการเกิดมีชีพ 100,000 คน

และอัตราการตายของมารดาไทยเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคเซียน (ASEAN) รองจากประเทศสิงคโปร์ (7 ต่อการเกิดมีชีพ 100,000คน) และมาเลเซีย (21 ต่อการเกิดมีชีพ 100,000คน) ทั้งนี้ การได้รับการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งช่วงก่อน ระหว่าง และหลังการคลอด สามารถช่วยชีวิตของมารดาและทารกแรกเกิดได้

นายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฟิลิปส์ เรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบนวัตกรรมอันทรงคุณค่า เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกล เราได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรมากมาย เพื่อจัดการทรัพยากรและนำความเชี่ยวชาญและวิสัยทัศน์มาช่วยกันแก้ปัญหาและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดียิ่งขึ้น เรามีการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันที่ครอบคลุมการให้บริการทางการแพทย์ระยะไกล และการสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์อย่างเต็มที่ และสำหรับวันอนามัยโลก 2025 นี้ เราจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรณรงค์เพื่อการดูแลสุขภาพของมารดาและทารก เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพมารดาและลดอัตราการเสียชีวิตของหญิงตั้งครรภ์ได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นสุขภาพที่สำคัญในประเทศไทย รวมถึงในประเทศที่กำลังพัฒนาอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน”

ผลลัพธ์เชิงบวกจากโครงการนำร่อง 

ในช่วงที่ดำเนินโครงการนำร่องในประเทศเคนยา โซลูชันอัลตร้าซาวด์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้ ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยความก้าวหน้าของดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยี AI บุคลากรทางการแพทย์จึงไม่จำเป็นต้องประมวลและแปรผลภาพโดยตรงอีกต่อไป และยังช่วยลดระยะเวลาในการฝึกอบรมให้กับพยาบาลผดุงครรภ์จากหลายสัปดาห์เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการคัดกรองผู้ป่วย ในขณะเดียวกัน มารดาที่ตั้งครรภ์เองก็สามารถติดตามพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้ และหากพบความผิดปกติ ผู้ป่วยจะถูกส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อทำการตรวจเพิ่มเติม

“หนึ่งชีวิตที่สูญเสีย คือความสูญเสียที่มากเกินแล้ว” ดร. เบียทริซ มูราเก ผู้อำนวยด้านความยั่งยืนและการเข้าถึงระบบสาธารณสุข ฟิลิปส์ โกลบอล ได้กล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์นิตยสาร TIME ฉบับพิเศษเกี่ยวกับอนาคตของระบบสาธารณสุข เครื่องอัลตราซาวด์แบบพกพาที่ขับเคลื่อนด้วยโซลูชัน AI  ใหม่นี้มีศักยภาพที่จะปฏิวัติวงการอัลตราซาวด์ ช่วยลดช่องว่างด้านการดูแลสุขภาพของมารดาในประเทศเคนยาได้อย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ ดร. เบียทริซ มูราเก และ ดร. นิดี ลีคา นักรังสีวิทยาจากมหาวิทยาลัย Aga Khan University ในประเทศเคนยา ซึ่งเป็นพันธมิตรทางคลินิกคนสำคัญของฟิลิปส์มีบทบาทสำคัญในการผลักดันและเพิ่มโอกาสการเข้าถึงระบบสาธารณสุขให้กับผู้หญิงทั่วโลก

โซลูชันใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยคัดกรองความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจ

องค์การอนามัยโลก แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์เข้ารับการตรวจอัลตราซาวด์อย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนอายุครรภ์ครบ 24 สัปดาห์ เพื่อประเมินอายุครรภ์และตรวจหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจมากยิ่งขึ้น 

ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี AI ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแปลผลข้อมูลภาพจากเครื่องอัลตราซาวด์ Philips Lumify จะช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถระบุการตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงได้ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจในการส่งต่อผู้ป่วยต่อไป และยังช่วยเสริมความมั่นใจให้แก่มารดาที่ตั้งครรภ์ในการตัดสินใจเลือกแนวทางการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับตนเองด้วยเช่นกัน

เดนิลสัน ฮิรากิ คุราโทมิ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจอัลตราซาวด์ ฟิลิปส์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “อัลตราซาวด์เป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจคัดกรองการตั้งครรภ์ แต่การฝึกอบรมการใช้งานเพื่อให้สามารถแปลผลได้อย่างถูกต้องก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้กัน นอกจากโครงการนำร่องที่ฟิลิปส์ โกลบอลได้ดำเนินการแล้ว ฟิลิปส์ ในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังให้การสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในภูมิภาคในการตรวจคัดกรองความเสี่ยงการตั้งครรภ์ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โดยมีเป้าหมายเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตของมารดา และการนำนวัตกรรมใหม่เข้าสู่ตลาด เรามั่นใจว่าจะมาช่วยยกระดับการเข้าถึงระบบสาธารณสุขของมารดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนชนบทและพื้นที่ห่างไกลทั่วทั้งภูมิภาค”

สามารถเยี่ยมชมและติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิลิปส์ อัลตร้าซาวด์ได้ที่เว็บไซต์ Philips Ultrasound 

มาสด้าเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่แน่นบูธอัดโปรโมชั่นคุ้มสุดในงานมอเตอร์โชว์ รถต้นแบบ Mazda Iconic SP และรถไฟฟ้า Mazda6e คว้ารางวัล

สุดยอดเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต พัฒนาขึ้นตามแนวทาง Multi-solution ที่มาสด้านำมาจัดแสดงให้ชาวไทยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก คว้ารางวัลอันแห่งเกียรติยศจากคณะผู้จัดงานฯ โดยรุ่นแรก คว้ารางวัล The Best Concept Car Award คือ Mazda Iconic SP ยานยนต์ต้นแบบสปอร์ตคอมแพ็คคาร์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า รองรับการใช้พลังงานสะอาดหลากหลายรูปแบบ

และอีกหนึ่งรางวัล The Best Sedan EV Award คือ Mazda6e รถยนต์ไฟฟ้า BEV 100% รุ่นแรกจากมาสด้า รับมอบรางวัลอันทรงเกียรติในครั้งนี้โดย นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยได้รับเกียรติอย่างสูงจากคณะผู้จัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ นำโดย ดร. ปราจิน เอี่ยมลำเนา, นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ และนายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นอกจากนี้ มาสด้ายังจัดแสดงรถยนต์รุ่นใหม่และรุ่นพิเศษแน่นบูธ โดยเฉพาะการเปิดตัวแนะนำรถยนต์นั่งรุ่นยอดนิยม New Mazda2 Essential โดดเด่นเรื่องความคุ้มค่าและดีไซน์ที่ตอบโจทย์ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เริ่มต้นเพียง 529,000 บาท

พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษกับแคมเปญ Mazda Super Offer สุดยอดข้อเสนอใหญ่ โดนใจทุกคน รับส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท หรือดอกเบี้ยต่ำสุด 0% ผ่อนนานสูงสุด 72 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ฟรีบัตรน้ำมันสำหรับเจ้าของรถมาสด้าและครอบครัว มูลค่าสูงสุด 30,000 บาท และฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) นานสูงสุด 7 ปี ที่บูธมาสด้าในงานมอเตอร์ โชว์ ถึงวันที่ 6 เมษายน 2568 นี้ ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 3 วันสุดท้ายเท่านั้น  ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

สำหรับลูกค้าที่สนใจเข้าชมและสัมผัสยนตรกรรรมจากมาสด้า สามารถแวะไปได้ที่บูธรถยนต์มาสด้าในงานมอเตอร์ โชว์ 2025 พร้อมรับข้อเสนอพิเศษมากมาย เมื่อจองซื้อรถยนต์มาสด้าทุกรุ่น ทุกคัน อาทิ

  • รถยนต์นั่งรุ่นยอดนิยมที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ New Mazda2 Essential ดีไซน์บ่งบอกความเป็นตัวตนที่ชัดเจน พร้อมฟังก์ชั่นที่เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ ตอบโจทย์ความคุ้มค่าการใช้งาน ด้วย สกายแอคทีฟเบนซิน 1.3 ลิตร ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมัน 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1.5 ลิตร ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร มีให้เลือกถึง 3 เกรด คือ รุ่น Prime, Ultra และ Signature ราคาเริ่มต้นเพียง 529,000 บาท ดาวน์เริ่มต้นเพียง 26,450 บาท และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน เพียงเดือนละ 7,993 บาทเท่านั้น และสิทธิพิเศษเฉพาะเจ้าของมาสด้าและครอบครัว รับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 10,000 บาท 
  • รถยนต์นั่งสปอร์ตคอมแพคคาร์ Mazda3 และรุ่นพิเศษ Carbon Edition ปลุกสัญชาตญาณความสปอร์ตในแบบคุณให้มีชีวิต ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมี่ยมที่เติมเต็มเอกลักษณ์ โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ดีไซน์สะกดสายตา ราคาเริ่มต้น 979,000 บาท เลือกรับส่วนลด 120,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 0.49% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 5 ปี หรือ ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน เพียงเดือนละ 10,179 บาทเท่านั้น และสิทธิพิเศษเฉพาะเจ้าของมาสด้าและครอบครัวรับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 10,000 บาท
  • Mazda CX-3 ครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นเริ่มต้น พร้อมพาคุณออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ไม่สิ้นสุด เติมเต็มชีวิตที่น่าตื่นเต้นและน่าจดจำ ราคาเริ่มต้น 770,000 บาท เลือกรับส่วนลด 120,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 5 ปี หรือ ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน เพียงเดือนละ 7,862 บาทเท่านั้น และสิทธิพิเศษเฉพาะเจ้าของมาสด้าและครอบครัวรับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 10,000 บาท 
  • Mazda CX-30 และรุ่นพิเศษ Carbon Edition ที่สุดแห่งยนตรกรรม Crossover SUV พร้อมเติมเต็มความหมายให้กับทุกด้านของชีวิตอย่างมีสไตล์ ต้นแบบของความสง่างาม ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ พิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด เรียบง่าย แต่งดงาม ราคาเริ่มต้น 989,000 บาท เลือกรับส่วนลด 150,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 5 ปี และสิทธิพิเศษเฉพาะเจ้าของมาสด้าและครอบครัวรับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 30,000 บาท 
  • New Mazda CX-5 ครอสโอเวอร์เอสยูวีสำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่ดีที่สุด กำหนดนิยามความหมายของครอบครัวได้ตามต้องการ พร้อมแชร์ทุกประสบการณ์และช่วงเวลาความสุขร่วมกัน โดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่สปอร์ตโฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน คัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพพรีเมียม หรูหรา เหนือระดับ ราคาเริ่มต้น 1,219,000 บาท เลือกรับส่วนลด 70,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 1.89% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 5 ปี และสิทธิพิเศษเฉพาะเจ้าของมาสด้าและครอบครัวรับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 30,000 บาท
  • Mazda CX-8 ยนตรกรรมครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ระดับพรีเมี่ยม ที่สะท้อนภาพลักษณ์แห่งความภูมิฐานและความสมบูรณ์แบบ ให้ทุกช่วงเวลามีคุณค่าร่วมกัน ราคาเริ่มต้น 1,549,000 บาท เลือกรับส่วนลด 120,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 1.19% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 5 ปี และสิทธิพิเศษเฉพาะเจ้าของมาสด้าและครอบครัวรับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 30,000 บาท
  • New Mazda BT-50 ปิกอัพรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่หมดทั้งคัน ใส่เทคโนโลยีแห่งอนาคต แกร่ง ดุดัน หรูหรา สง่างามทุกมุมมอง ฉีกกฏภาพลักษณ์ปิกอัพแบบเดิม ๆ เติมความหรูหรา สง่างาม พรีเมี่ยมทุกจุดสัมผัส จาก โคโดะ ดีไซน์ เรียบง่าย…แต่งดงาม ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ทุกไลฟ์สไตล์ ให้คุณสนุกกับทุกกิจกรรม ราคาเริ่มต้น 769,000 บาท เลือกรับส่วนลด 55,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 1.99% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance หรือ ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน เพียงเดือนละ 8,620 บาทเท่านั้น และสิทธิพิเศษเฉพาะเจ้าของมาสด้าและครอบครัวรับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 30,000 บาท
  • New Mazda MX-5 35th Anniversary Editon รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 35 ปี และ New Mazda MX-5 สปอร์ตโรดสเตอร์แบรนด์ไอคอนเจ้าของตำนานความสนุกในทุกการขับขี่ ราคา 3,029,000 บาท เลือกรับส่วนลด 40,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ย 2.49% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance และฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 5 ปี 
  • Mazda6 20th Anniversary Edition รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 20 ปี สปอร์ตซีดานระดับไฮเอนด์ ตอกย้ำความหรูหรา สง่างาม ผสานความสปอร์ต ผ่านการออกแบบอย่างพิถีพิถันทุกรายละเอียด สมบูรณ์แบบทั้งภาพลักษณ์ คุณภาพ และสมรรถนะ ยกระดับสู่ความพรีเมียม ราคา 2,499,000 บาท รับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท และดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ (MUS) 7 ปี และฟรีลำโพงบลูทูธ Bose Soundlink Color II มูลค่า 5,900 บาท 

พิเศษสุดสำหรับเจ้าของรถยนต์มาสด้าและครอบครัว รับฟรีบัตรน้ำมัน มูลค่าสูงสุด 30,000 บาท ลูกค้าที่จองซื้อรถยนต์มาสด้าภายในงานฯ รับฟรีเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ SHARP รุ่น IG-NX2B มูลค่า 3,990 บาท 

หมายเหตุ: เงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขาย ณ งาน มอเตอร์โชว์ หรือที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ

“สิงห์ เลมอนโซดา” ปลุกซัมเมอร์ให้ฉ่ำ เสิร์ฟรสชาติใหม่ “Melon Lemon Soda” เติมความสดชื่น ดับร้อนนี้

“สิงห์ เลมอนโซดา” ปลุกตลาดซัมเมอร์นี้ เปิดตัวรสชาติใหม่ล่าสุด “เมลอน เลมอนโซดา” หอมหวานฉ่ำจากเมลอนญี่ปุ่นผสานความเปรี้ยวสดชื่นของเลมอนแท้ โดยคงจุดเด่นไม่มีน้ำตาล 0 แคลอรี และวิตามินซีสูง

คุณพรรณทิพย์ ลีตะชีวะ ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาดแบรนด์น็อนแอลกอฮอล์ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า “สิงห์ เลมอนโซดา เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มอัดลมหรือ CSD (Carbonated Soft Drink) ที่พัฒนาออกมาสู่ตลาดไม่นาน แต่สามารถครอง Market Share อันดับ 1 ของเครื่องดื่มน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาล ในรูปแบบกระป๋อง

โดยไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค จนสามารถครองใจกลุ่มเป้าหมายกลายเป็นโปรดักท์ฮีโร่ที่ผลักดันแบรนด์และยอดขายสินค้าให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง”

ที่ผ่านมาสิงห์ เลมอนโซดาได้มีการพัฒนารสชาติใหม่ๆเข้าสู่ตลาดทุกปีต่อเนื่อง ทั้ง Singha Lemon Soda, Singha Yuzu Lemon Soda, Singha Red Lemon Soda, Singha Ume Lemon Soda และปีที่แล้วได้ออก Singha Pink Lemon Soda ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก

และรสชาติใหม่ล่าสุดในปีนี้ “เมลอน เลมอนโซดา” ที่มีจุดเด่นอยู่ที่รสชาติเปรี้ยวของเลมอนแท้ ผสานกลิ่นหอมของเมลอนจากประเทศญี่ปุ่น มาพร้อมกับความหอม หวานฉ่ำ ละมุน และความซ่าสดชื่นที่แตกต่างแบบไม่มีน้ำตาล ไม่มีแคลอรี และสามารถนำมาเป็น Mixer ผสมกับเครื่องดื่มต่างๆ ได้หลากหลาย เติมความสดชื่น ดับกระหาย ไม่เหมือนใครให้กับช่วงซัมเมอร์สนุกสนานยิ่งขึ้น

สำหรับสิงห์เมลอน เลมอนโซดา เป็นสินค้าลิมิเต็ด เอดิชั่น วางจำหน่ายรับซัมเมอร์นี้ต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน เฉพาะช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นทั่วประเทศ และออนไลน์ที่ Singha Online Shop https://www.singhaonline.com เท่านั้น