สำเร็จ vs ล้มเหลว เมื่อพ่อค้าแม่ค้าโดนขูดรีดภาษีจากโครงการคนละครึ่ง

เป็นคำถามที่น่าสนใจนะครับ ว่าโครงการของรัฐบาล ช่วงโควิดที่ออกมาอย่างโครงการคนละครึ่ง ถือว่าเป็นนโยบายที่ประสบความสำเร็จหรือไม่?

ส่วนตัวผมมองว่าคนละครึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่สร้างผลกระทบหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะการปรับให้เราเข้าสู่สังคม cashless society อย่างรวดเร็วของคนไทย ซึ่งแน่นอนว่ามันจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจในเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย

COVID-19 และโครงการคนละครึ่ง ยิ่งทำให้เรากลายเป็นสังคม Cashless แบบภาคบังคับได้รวดเร็วยิ่งขึ้น กลายเป็นความเคยชินไปแล้วตอนนี้ที่หลายคนแทบจะเลิกพกเงินสด ส่วนตัวผมเองก็แทบจะเลิกใช้เงินสดไปพักใหญ่แล้ว

มันเป็นนโยบายที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโควิด ซึ่งก็ถือว่าเป็นนโยบายที่น่าสนใจ ที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในประเทศไทย ที่ส่งผลกระทบทั้งการอัดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และสร้างกิจกรรมเศรษฐกิจรากหญ้าให้มีความคึกคักขึ้น หลังจากเกิดภาวะซบเซาในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19

จากเฟสใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งดูเหมือนเงินที่จะมาอัดฉีดคงใกล้หมดเต็มที เมื่อข่าวล่าสุดออกมาว่า จะเปลี่ยนเป็น รัฐออกให้ 25% เท่านั้น ซึ่งผมเองก็มองว่ามันก็ถึงเวลาที่เหมาะสม ที่ควรงดนโยบายเหล่านี้ได้แล้วในตอนนี้

และในเฟสหลัง ๆ พ่อค้าแม่ค้า เริ่มที่จะไม่เข้าร่วมโครงการ เพราะโดนขูดรีดภาษี (บุคคลธรรมดา) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ที่เคยได้รับรายได้มาแบบเต็ม ๆ มาตลอดแทบไม่เคยต้องเสียภาษี พอเห็นตัวเลขภาษีแล้วอาจจะตกใจ ทั้งที่มันเป็นเรื่องปรกติที่คนไทยทุกคนต้องเสียภาษีอยู่แล้ว

อาชีพ ที่โดนหักตลอดทุกเดือน อาจจะมองเป็นเรื่องปรกติ ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือพนักงานบริษัทเอกชนต่าง ๆ มันเป็นหน้าที่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เหล่าพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งบางคนน่าจะมีรายได้มากโข เนื่องจากเห็นยอดภาษีที่เป็นข่าวแล้วต้องตกใจ แสดงว่า แทบจะไม่เสียมาก่อนหน้านี้เลย

ส่วนตัวผมมองว่า โครงการนี้ประสบความเร็จอย่างยิ่ง นี่คือแผนที่ทางรัฐตั้งใจไว้อยู่แล้ว เป็นการขุดคุ้ยรายได้จากคนที่หนีภาษีมานานแสนนาน ให้เข้าสู่ระบบ เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว และเป็นการเอาคืนกับกลุ่มคนที่หลีกเลี่ยงหน้าที่ที่สำคัญของคนไทย ที่เราทุกคนใช้ facility ต่าง ๆ ร่วมกันทั้งหมด ซึ่งส่วนตัวก็มองว่า เราคนไทยทุกคนก็ต้องเสียภาษีหากมีรายได้ตามกฏหมายกำหนด และต้องไม่มีข้อยกเว้นถึงจะเป็นเรื่องที่ยุติธรรมที่สุดสำหรับทุกฝ่ายนั่นเองครับผม

Credit Image : https://www.sentangsedtee.com/today-news/article_167740

Geek Daily EP118 : เมื่อนักวิทยาศาสตร์สร้าง AI ที่ตัดสินมนุษย์ผ่านใบหน้าอย่างไร้ความปราณี

นักวิจัยด้านแมชชีนเลิร์นนิงกำลังสอนโครงข่ายประสาทเทียมถึงวิธีการตัดสินมนุษย์อย่างผิวเผินผ่านใบหน้า และผลลัพธ์ก็โหดร้ายพอๆ กับที่เราคุ้นเคย

การศึกษาเกี่ยวกับ AI ในการตัดสินซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences   อธิบายว่านักวิจัยได้ฝึกแบบจำลองวิธีตัดสินคุณลักษณะในใบหน้ามนุษย์ วิธีที่เราทำเมื่อพบกันครั้งแรก และวิธีที่พวกเขาฝึกฝนให้ ปรับแต่งรูปภาพเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจที่แตกต่างกัน เช่น การทำให้ดู “น่าเชื่อถือ” หรือ “โดดเด่น”

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3vRSKLI

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/3LwYBwy

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://bit.ly/3LwYKA6

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/3LwYIbs

🎧 ฟังผ่าน Youtube : 
https://youtu.be/asSBnQZe1C8

Credit Image : https://radiichina.com/china-now-has-ai-powered-robot-judges/

วิเคราะห์ปรากฏการณ์ เต่าบิน กับศักยภาพในการขยายสู่ต่างประเทศ

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าสนใจเลยทีเดียวนะครับ สำหรับตู้กดน้ำอัตโนมัติ ของ เต่าบิน ที่กลายเป็นกระแส และขยายจุดให้บริการอย่างมากมายในตอนนี้

ก่อนหน้านี้เราจะเห็นได้ว่าคนไทย ไม่ค่อยจะอินกับการกดตู้น้ำอัตโนมัติกัน โดยเฉพาะ ในรูปแบบเก่า ๆ ที่มีตัวเลือกแค่ไม่กี่อย่าง และเป็นแบบกระป๋องสำเร็จรูปเป็นส่วนใหญ่ หากทำเลไม่ดีจริง ๆ ตู้เหล่านี้ แทบจะตั้งได้ไม่นาน แล้วก็ต้องยกกลับบริษัทกันเลยทีเดียว เพราะคนส่วนใหญ่ ไม่ค่อยนิยมกดซื้อกัน

แต่การมาของตู้เต่าบิน ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับวงการอย่างชัดเจน และเผลอ ๆ มันไม่ใช่แค่นวัตกรรมใหม่ในประเทศเราเพียงเท่านั้น มันอาจจะกลายเป็นนวัตกรรมระดับโลกเลยก็ได้ เพราะดูเหมือนในต่างประเทศตัวอย่างในประเทศญี่ปุ่นเองที่มีตู้กดน้ำอัตโนมัติอยู่เต็มเมือง ก็ยังแทบจะไม่มีนวัตกรรมแบบนี้เกิดขึ้น

เพราะเต่าบินมันไม่ใช่ตู้กดน้ำอัตโนมัติแบบทั่วไป แต่มันได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของตู้กดน้ำอัจฉริยะ ที่สามารถสร้างเครื่องดื่มได้หลายประเภทอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้ง เครื่องดื่ม ร้อน เย็น ปั่น กว่า 170 เมนู ใช้งานง่ายมาก ๆ รองรับทั้งการจ่ายเงินสด หรือ การสแกนจ่ายที่กลายเป็นพฤติกรรมใหม่ของคนไทยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เป็นเรื่องที่น่าสนใจนะครับ การที่ตู้เต่าบิน ที่เป็นนวัตกรรมของคนไทยแท้ ๆ มีการจดสิทธิบัตร ในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการสร้างมันจำนวนมากกว่า 30 สิทธิบัตร ออกแบบและพัฒนาโดยคนไทยแบบ 100% เต็ม

ดูเหมือนว่า คู่แข่งที่คิดจะเข้ามาแข่งในตลาดนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะดูจากเทคโนโลยีเบื้องหลังแล้ว ถือว่าล้ำหน้ามาก ๆ ผ่านประสบการณ์ของบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง ที่เคยพัฒนาตู้เติมเงินอย่าง บุญเติม จนได้รับความนิยมมาก่อนหน้านี้แล้ว

ผมมองว่าการขยายไปทั่วไทย 20,000 ตู้ทั่วประเทศ ที่เป็นเป้าหมายหลักของบริษัทนั้น คงไม่ยากเกินไป แต่ที่น่าสนใจคือ ศักยภาพในการออกไปสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดในแถบอาเซียนเอง ที่ยังมีกลุ่มลูกค้าอีกหลายร้อยล้านคน ซึ่งส่วนตัวผมก็มองว่า เต่าบิน สามารถ go inter ได้อย่างแน่นอนครับผม

Credit Image : https://www.tao-bin.com/

Geek Story EP147 : Changpeng Zhao (CZ) จากศูนย์สู่มหาเศรษฐี Crypto ภายในหนึ่งปีกับการก่อตั้ง Binance

นับตั้งแต่มีการเสนอเหรียญ BNB ครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 2018 BNB โทเค็น ของ Binance ได้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นจากประมาณ 10 เซนต์เป็น 448 ดอลลาร์ ทำให้มีมูลค่าตลาด 74 พันล้านดอลลาร์ Zhao วัย 44 ปี ซึ่งสวมเสื้อฮู้ดสีดำ เหมือนกับที่ Mark Zuckerberg และ Steve Jobs ใส่ ได้กลายเป็นมหาเศรษฐี crypto ระดับแนวหน้า

ผู้ชายที่เอาแต่ใจ เขาได้ขายบ้านของเขาในเซี่ยงไฮ้ในปี 2014 เพื่อซื้อ Bitcoin ทั้งหมดแม้ว่า Zhao จะรวยด้วย crypto แต่เขาไม่มีรถยนต์ เรือยอทช์ หรือนาฬิกาหรูๆ ในทางกลับกัน เขามักจะใช้แล็ปท็อปอย่างฟุ่มเฟือย โดยส่วนใหญ่ที่เขาซื้อคือแล็ปท็อปครั้งละห้าหรือหกเครื่องเพียงเพราะเขา “ทำลายมันอย่างรวดเร็ว”

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3KlTa25

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/3vPLcc6

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://bit.ly/37LGqEw

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/3vQLgs2

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/Mjk4vex-OVE

“ลีโอ” นำจุดเด่นฮอปส์ 3 สายพันธุ์ ส่ง “ลีโอ ดิเอ็กซพลอเรอร์” ลงขวดอะลูมิเนียม พร้อมดีไซน์สุดเท่

“ลีโอ” เขย่าตลาดเบียร์รับซัมเมอร์ ออกสินค้าใหม่ “ลีโอ ดิเอ็กซพลอเรอร์” นำฮอปส์ 3 สายพันธุ์ โคลัมบัส, เยลโล ซับ และกาแล็กซี ที่คงกรรมวิธีการผลิตสุดพิถีพิถัน มาพร้อมเทคนิค Dry Hops เพิ่มความโดดเด่นให้เบียร์ สร้างประสบการณ์ใหม่เชื่อมโยงผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับแบรนด์มากขึ้น

         นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล Chief Marketing Officer – Brand บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงซัมเมอร์นี้ เบียร์ลีโอ เติมสีสันให้กับตลาดครั้งใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปท์ “ลีโอ ดิเอ็กซพลอเรอร์” (LEO THE EXPLORER) เปิดตัว 3 รสชาติใหม่ จากฮอปส์ 3 สายพันธุ์ ได้แก่ COLUMBUS, YELLOW SUB และ GALAXY ในขวดอะลูมิเนียมดีไซน์สวย ขนาด 385 CC. จำนวนจำกัดเพียง 1.1 ล้านขวด 

        สำหรับ “ลีโอ ดิเอ็กซพลอเรอร์” ประกอบไปด้วย ลีโอ โคลัมบัส (LEO COLUMBUS) นำฮอปส์สายพันธุ์จากอเมริกามาเป็นองค์ประกอบสำคัญ และถือเป็นฮอปส์ที่นำมาใช้ผลิตคราฟท์เบียร์ ,เยลโล ซับ (YELLOW SUB) ฮอปส์จากทวีปยุโรป ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของฮอปส์ และยังเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงของเครื่องดื่มเบียร์อีกแห่งหนึ่งของโลกด้วย และกาแล็กซี (GALXY) ฮอปส์หนึ่งในสายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อของออสเตรเลีย

ฮอปส์ 3 สายพันธุ์ ได้แก่ COLUMBUS, YELLOW SUB และ GALAXY 
ฮอปส์ 3 สายพันธุ์ ได้แก่ COLUMBUS, YELLOW SUB และ GALAXY 

โดยจุดเด่นของเบียร์ลีโอ ดิเอ็กซพลอเรอร์ เป็นการดึงฮอปส์ ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตเบียร์มาลงขวดในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะกรรมวิธีการใส่ฮอปส์ช่วงสุดท้ายของการหมัก(Dry Hops) เพื่อให้เบียร์มีกลิ่นและรสชาติจากฮอปส์ที่ใส่เข้าไปได้อย่างชัดเจน

         ทั้งนี้ ลีโอ ดิเอ็กซพลอเรอร์ ทั้ง 3 รสชาติ บรรจุในรูปแบบขวดอะลูมิเนียม ที่คงความสดใหม่ของรสชาติตลอดเวลา มีกลิ่นและรสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากฮอปส์แต่ละสายพันธุ์ที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิตมาพร้อมดีไซน์พิเศษที่ดึงเอาลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของลีโอมาดีไซน์ไว้บนบรรจุภัณฑ์ ผสานกับดีไซน์สุดล้ำในแต่ละธีมรสชาติ