แม้ในช่วงแรก ๆ นั้น Jim จะพยายามจัดการเรื่องเงินลงทุนให้เพียงพอกับการดำเนินธุรกิจได้ตามแผนงานที่เขาตั้งไว้ เพื่อที่จะยังไม่จำเป็นต้องไปร้องขอเงินทุนก้อนใหม่จากเหล่าบริษัท Venture Capital
แต่ด้วยสถานการณ์หลาย ๆ อย่างที่เกินความคาดหมาย ตอนนี้บริษัทได้ตั้งชื่ออย่างเป็นทางการคือ Mosaic Communication ส่วนตัวโปรแกรมแม้จะยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีนัก แต่ ก็มีลูกค้าหลาย ๆ รายสนใจที่จะมาใช้บริการเสียแล้ว รวมถึง การจ้างงานที่เริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะเกิดหายนะกับภาระทางด้านการเงินได้ หากไม่จัดเรื่องเงินลงทุนให้เรียบร้อย
และดูเหมือนตัวเลือกแรก ๆ ของ Jim สำหรับการระดมทุนรอบสอง นั่นก็คือ กองทุน Mayfield แม้จะเคยมีปัญหากันบ้างในบริษัทแรกของเขาอย่าง SGI ที่ Mayfield เข้าถือหุ้นถึงกว่า 40%
แต่ดูเหมือนเมื่อติดต่อทาง Mayfield ไปนั้น ก็แทบจะไม่ได้รับคำตอบจากพวกเขาอีกเลย จากนั้น Jim ก็ได้ลองพยายามหาบริษัทลงทุนใหม่ ๆ เช่น กองทุน NEA แต่ก็ได้รับการตอบสนองด้วยความระมัดระวัง ซึ่ง Jim เองนั้นก็ยังไม่ค่อยพอใจกับท่าทีจากบริษัทลงทุนทั้งสอง
ดังนั้นเขาจึงคิดว่ากองทุนอื่นที่ไม่เคยรู้จักเขา น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า โดยเฉพาะในแง่ที่เขาเคยเป็นผู้ก่อตั้งของ SGI และรู้ไส้รู้พุง นักลังทุนกลุ่มนี้หมดแล้ว และที่สำคัญในยุคนั้นบริษัทกองทุนร่วมทุน มีอยู่เต็มไปหมดใน Silicon Valley เขาไม่จำเป็นต้องแคร์ในเรื่องการถูกปฏิเสธแต่อย่างใด เพราะมีทางเลือกอื่น ๆ อีกมากมาย พร้อมโอกาสใหม่ ๆ อีกเพียบ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในอดีต ก็คือ Arthur Rock ที่เคยถูกปฏิเสธกว่า 30 ครั้ง ในช่วงที่กำลังมองหาเงินลงทุน ในช่วง ปี 1960 เพื่อที่จะก่อตั้งบริษัท Fairchild Semiconductor แต่สุดท้ายความพยายามของพวกเขาก็สำเร็จเมื่อเขาได้ร่วมมือกับ Robert Noyce และ Gordon Moore ก่อตั้ง intel ให้ยิ่งใหญ่อย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบัน
จนเขาได้ติดต่อไปยัง John Doerr แห่งกองทุน KPCB ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนักลงทุนยุคใหม่ที่น่าจับตา และมีบทบาทที่ค่อนข้างสำคัญมาก ๆ ในยุคปฏิวัติข้อมูลข่าวสาร และประสบความสำเร็จมาแล้วในหลากหลายอุตสาหกรรมที่ได้เข้าไปลงทุน
โดย John นั้นจบการศึกษาระดับปริญญาโทในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า และ ในสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เขาเป็นหนึ่งในผู้ถือครองลิขสิทธิ์ของการประดิษฐ์ หน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ (RAM) และเป็นคนที่เข้าใจเทคโนโลยีไฮเทคใหม่ ๆ เหล่านี้ได้อย่างลึกซึ้ง และเข้าใจสิ่งที่ Jim และ Marc กำลังสรรค์สร้างขึ้นมาได้อย่างเต็มที่
ซึ่ง Jim ได้พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว พบว่า ข้อเสนอของ John จาก KPCB นั้นดูจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบริษัท ซึ่งมีเหตุผลหลัก ๆ อยู่ 2 ประการก็คือ
หนึ่ง John นั้นมักจะกล่าวอยู่เสมอว่าไม่ต้องการเข้าไปก่อตั้งบริษัทใหม่อีกแล้ว แต่มีความต้องการที่จะสร้างอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมาทั้งหมด และสิ่งที่ Jim และ Marc กำลังทำอยู่นั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งน่าจะตรงกับ concept การลงทุนของ John มากที่สุด
ส่วนประการที่สอง ก็คือ John มักเข้าไปมีส่วนอย่างยิ่งสำหรับการคัดเลือกพนักงานในธุรกิจใหม่ ๆ นี้ และที่สำคัญเขายังมีความสามารถอย่างยิ่งในการหาผู้บริหารที่เหมาะสมกับงาน ซึ่งการมีคนอย่าง John มาช่วยเหลือในเรื่องนี้ ถือว่าส่งผลดีอย่างยิ่งต่อบริษัท
ซึ่ง John ก็คงมองออกเหมือนกับสิ่งที่ Jim และ Marc มองเห็นในขณะนั้น หากพวกเขาสามารถยึดครองส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับโปรแกรม Browser ในการเข้าถึง internet ได้สำเร็จ มันก็จะตามมาด้วยเงินจำนวนมหาศาลนั่นเอง
ซึ่ง Deal สุดท้ายของ KPCB นั้น จะทำการลงทุนด้วยเงินจำนวน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ และตัว Jim จะเพิ่มการลงทุนเข้าไปอีก 2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรักษาส่วนแบ่งของเขาไม่ให้ถูกลดทอนลงไปนั่นเอง และให้ John เข้ามาเป็นกรรมการของบริษัทในที่สุด
ต้องบอกว่าสถานการณ์ ณ ตอนนี้ โปรแกรม Browser ของพวกเขาก็พร้อมใกล้เสร็จสมบูรณ์เต็มที่แล้ว และที่สำคัญยังได้เงินทุนระลอกใหม่จาก KPCB และ ชายผู้มีวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมอย่าง John Doerr เข้ามาเป็นกรรมการบริษัท ก็ต้องมาตามกันต่อว่า เมื่อผลิตภัณฑ์ออกมาได้สำเร็จจริง ๆ มันจะเป็นไปตามแผนที่พวกเขาวาดไว้หรือไม่ โปรดติดตามต่อตอนหน้าครับผม
–> อ่านตอนที่ 6 : True Leader
<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Billion Dollar Company *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***