Geek Monday EP16 : JD.Com กับการใช้ AI , Big Data & Robotics ปฏิวัติการค้าปลีก

JD.Com ไม่เพียง แต่ลงทุนในเทคโนโลยีแห่งอนาคตเท่านั้น แต่พวกเขายังนำเทคโนโลยีของวันนี้ไปใช้ในการดำเนินงานในหลาย ๆ ด้านตั้งแต่คลังสินค้าอัจฉริยะไปจนถึงการส่งมอบด้วยโดรน และนี่เป็นตัวอย่างที่ JD.Com ใช้ AI ,Big Data และ หุ่นยนต์ในการดำเนินงานในปัจจุบัน: 

คลังสินค้าอัตโนมัติ: คลังสินค้าของ JD.Com ตอนนี้พวกเขากำลังดำเนินการเพื่อทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้โดยอัตโนมัติ   

หุ่นยนต์: หุ่นยนต์ที่ก้าวหน้าที่สุดของบริษัท ทำงานในคลังสินค้ากว่า 500 แห่ง ซึ่งพวกมันสามารถวางสินค้าบนชั้นวาง และแพ็คสินค้า รวมถึงจัดส่งสินค้าเพื่อส่งไปยังผู้บริโภค  

Drone : JD Com ใช้โดรนเพื่อส่งมอบสินค้าไปทั่วประเทศจีนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2016 พวกเขาใช้โดรนที่มีรูปร่างและขนาดต่าง ๆ และปัจจุบันพวกเขากำลังทำงานเพื่อสร้างโดรนที่สามารถบรรทุกได้มากถึงห้าตัน  

Facial Recognition : บริษัทกำลังทดสอบซอฟต์แวร์จดจำใบหน้าที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้ซื้อนำสินค้าออกจากร้านโดยไม่ต้องหยุดจ่าย ซึ่งการชำระเงินจะถูกควบคุมผ่านการจดจำใบหน้านั่นเอง       

Big Data : JD คอมสร้างโมเดลจากข้อมูลผู้บริโภคที่มีการสร้างโปรไฟล์ของทุกคนที่ติดตามแบรนด์โปรด สถานะการสมรส และอื่น ๆ พวกเขาใช้ข้อมูลที่รวบรวมเพื่อแจ้งกลยุทธ์การตลาดในอนาคต และสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่เป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้ามากยิ่งขึ้น   

JD ดอทคอมเติบโตอย่างมากเป็นและมีแผนการดำเนินการให้กลายเป็นตลาดค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามในฐานะที่ JD เป็นหนึ่งในผู้นำของอีคอมเมิร์ซ พบว่า ต้องมีการคิดล่วงหน้าเพื่อพัฒนาโซลูชันที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีล่าสุด และด้วยการลงทุนของบริษัท ในการวิจัยและพัฒนาและผลักดันให้ JD กลายเป็นผู้ค้าปลีกอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุดนั่นเองครับ

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ    

ฟังผ่าน Podbean : 
https://tharadhol.podbean.com/e/geek-monday-ep16-jd-com-ai-big-data-robotics-retails/

ฟังผ่าน Spotify : https://open.spotify.com/episode/2JZEzRkAwhqmYJBd30k1vM

ฟังผ่าน Youtube :
https://youtu.be/U-ZtcIYOXvA

Artificial Sun ดวงอาทิตย์เทียมของจีนกับการสร้างพลังงานนิวเคลียร์

ทีมนักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์กายภาพ เหอเฟย ของจีน ได้ประกาศว่า  เครื่องปฏิกรณ์ทดลองขั้นสูง Tokamak (EAST) หรือ เครื่องปฏิกรณ์ “Artificial Sun (ดวงอาทิตย์เทียม)” ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างกระบวนการสร้างพลังงานแสงอาทิตย์แบบธรรมชาติ เพื่อใช้ในการผลิตพลังงานได้กว่า 1 ล้านองศาเซลเซียส (180 ล้านองศาฟาเรนไฮต์)

สำหรับการเปรียบเทียบแกนกลางของดวงอาทิตย์ของจริงนั้น  จะมีอุณหภูมิประมาณ  27 ล้านองศาฟาเรนไฮต์  ซึ่งหมายความว่าเครื่องปฏิกรณ์ EAST นั้นมีความร้อนมากกว่าดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ที่สุดมากกว่าถึง 6 เท่า

เมื่อนิวเคลียสของไฮโดรเจนสองอันรวมกัน พวกมันจะผลิตพลังงานได้จำนวนมหาศาล ซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่า nuclear fusion ซึ่งดวงอาทิตย์จะสร้างแสงและความร้อนในปริมาณที่มหาศาล  ซึ่งถ้าเราสามารถหาวิธีที่จะควบคุมมันได้นั้น เราก็จะมีแหล่งพลังงานสะอาดที่ไร้ขีดจำกัดนั่นเอง 

เครื่องปฏิกรณ์ Tokamaks ( EAST ) สามารถช่วยให้เราทำสิ่งนั้นได้ พวกมันเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สนามแม่เหล็กเพื่อควบคุมพลาสมา ในแบบที่สามารถรองรับนิวเคลียร์ฟิวชั่นได้ และ EAST เองก็ให้ความร้อนจนถึงอุณหภูมิที่สูงน่าเหลือเชื่อเช่นเดียวกัน

ซึ่งในขณะนี้“ ดวงอาทิตย์เทียม” ของจีนมีความสามารถในการให้ความร้อนกับพลาสมา ตามอุณหภูมิที่นักวิจัยต้องการสำเร็จ ซึ่งตอนนี้เหล่านักวิจัยสามารถมุ่งเน้นไปที่ขั้นตอนต่อไปตามเส้นทางสู่การหลอมนิวเคลียร์เพื่อสร้างพลังงานที่เสถียรขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

References : 
http://english.hf.cas.cn

Space Industries กับแนวคิดการย้ายโรงงานอุตสาหกรรมไปอยู่บนอวกาศ

ดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่ความคิดในการเคลื่อนย้ายอุตสาหกรรมหนักออกไปจากโลกดูเหมือนจะมีโอกาสเข้าใกล้ความจริงเข้าไปทุกที ซึ่งการจัดเก็บภาษีทรัพยากรจากดาวเคราะห์ดวงอื่นหรือดาวเคราะห์น้อยแทนการใช้ทรัพยากรที่เรามีเหลืออยู่บนโลกที่เริ่มลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ อาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นใจว่ามนุษย์จะอยู่รอดต่อไปได้ในอนาคต จากรายงานของ DiscoverMagazine

“ระบบพลังงานแสงอาทิตย์สามารถรองรับอุตสาหกรรมทั้งหมดมากกว่าที่เรามีในโลก” ฟิล  เมทซ์ นักวิทยาศาสตร์ด้านดาวเคราะห์ที่มหาวิทยาลัยเซ็นทรัลฟลอริดา บอกกับ DiscoverMagazine “ เมื่อคุณไปสู่อารยธรรมที่กว้างใหญ่กว่าที่โลกเรามี ซึ่งสามารถรองรับอุตสาหกรรมทุกอย่างบนโลกเราได้”

เมื่อทรัพยากรบนโลกลดน้อยลงจำนวนประชากรก็เพิ่มมากขึ้น อย่างน้อยมันก็คือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังแหล่งผลิตแห่งใหม่ของ บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

ตัวอย่างเช่น Planetary Resources Inc. ได้สรรหาเงินทุนหลายสิบล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการขุดเจาะบนดาวเคราะห์น้อย แต่ปัญหาด้านการเงินทำให้ บริษัท ต้องชะลอการสำรวจดาวเคราะห์น้อยดวงแรกออกไปอย่างไม่มีกำหนด

Billionaire Blue Origin และ CEO ของ Amazon Jeff Bezos ก็มีทุกอย่างเช่นเดียวกัน

“ เหตุผลที่เราต้องไปยังอวกาศในทัศนะของผมคือเพื่อช่วยโลก” เบโซส กล่าวในระหว่างการประกาศการลงจอดบนดวงจันทร์ของ บริษัทด้านอวกาศของเขาเมื่อเดือนที่แล้ว

“ ปัญหาระยะยาวที่สำคัญมากคือพลังงานบนโลกเรากำลังจะหมด” เบโซสกล่าวในงาน “ นี่เป็นแค่ตัวเลขทางคณิตศาสตร์ และมันจะเกิดขึ้นจริง ๆ “

Blue Origin ของมหาเศรษฐี เจฟฟ์ เบซอส
Blue Origin ของมหาเศรษฐี เจฟฟ์ เบซอส

แม้แต่องค์การนาซ่ายังได้เลือกที่จะลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในแนวคิดเทคโนโลยีที่สามารถช่วยเราสำรวจดาวเคราะห์น้อยในเทคโนโลยีของการขุดเจาะ

ไม่เพียง แต่ทรัพยากรทางกายภาพเท่านั้นที่จะสามารถเป็นทางออกสำหรับโลกเราที่มีภาระมากเกินไปในขณะนี้ สถานีพลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศสามารถส่งลำแสงพลังงานที่ไร้ขีด จำกัดกลับคืนสู่โลกได้เช่นกัน และเป็นแผนการที่จีนกำลังดำเนินการเพื่อนำไปใช้จริง

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีความคิดเหมือนกัน: กลุ่มนักวิทยาศาสตร์มารวมตัวกันเพื่อลงนามในข้อเสนอเรียกร้องให้ระบบสุริยะนั้นได้รับการปกป้องจากการรุกรานของมนุษย์

“ ถ้าเราไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนนี้เราจะเดินหน้าต่อไปในแนวทางที่ทำลายระบบสุริยะของเรา และในอีกไม่กี่ร้อยปีเราจะต้องเผชิญกับวิกฤติที่รุนแรงยิ่งกว่าที่เรามีบนโลกนี้มากนัก” มาร์ติน เอลวิส นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์อาวุโส ที่ สมิธโซเนียน กล่าว “ เมื่อคุณใช้ประโยชน์จากระบบสุริยจักรวาลเราก็ไม่มีเหลือทางเลือกอีกต่อไปแล้ว”

ก่อนที่การสร้างการผลิตในอวกาศและการขุดจะกลายเป็นความจริง ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำเนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นเพียงเท่านั้น โดยเมื่อ 5 ปีก่อนบริษัท Startup ในแคลิฟอร์เนียอย่าง Made In Space กลายเป็นบริษัทแรกที่พิมพ์วัตถุ 3 มิติด้วยแรงโน้มถ่วงที่เป็นศูนย์

Made In Space กับการพิมพ์ 3 มิติบนแรงโน้มถ่วงเป็นศูนย์
Made In Space กับการพิมพ์ 3 มิติบนแรงโน้มถ่วงเป็นศูนย์

โดยบริษัทเดียวกันนี้ได้ทำสัญญาครั้งสำคัญกับ NASA ในปี 2018 เพื่อพัฒนา “ระบบการผลิตโลหะไฮบริดสำหรับการสำรวจอวกาศ” โดยจะเป็นการพิมพ์ชิ้นส่วนโดยใช้โลหะเกรดอากาศยานเช่นไทเทเนียมและอลูมิเนียม

อย่างไรก็ตามความพยายามเหล่านี้ยังคงเป็นหนทางที่ยาวไกล ที่การขุดดาวบนเคราะห์น้อยสามารถรองรับอารยธรรมมนุษย์ทั้งหมดได้ในห้วงอวกาศ เราไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าประเทศไหนจะเป็นเจ้าของทรัพยากรเหล่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดความไม่สบายใจทางการเมืองระหว่างประเทศ

แต่ด้วยเวลาที่กำลังจะหมดลง – การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและทรัพยากรที่ถูกทำลายอย่างรวดเร็วกำลังบังคับให้เรามองข้ามโลกที่เป็นบ้านเกิดของเรา และหวังว่าเราจะสามารถทำการเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้ก่อนที่มันจะสายเกินไปนั่นเอง

References : 
http://blogs.discovermagazine.com

Virtual Reality กับการช่วยรักษาโรคทางพันธุกรรม

ทีมนักวิจัยได้พัฒนาวิธีการใช้ Virtual Reality Headsets เพื่อดูแบบจำลองข้อมูลพันธุกรรมแบบ 3 มิติ ซึ่งเป็นการจำลองรวบรวมข้อมูลจากการหาลำดับจีโนม , DNA โดยนำข้อมูลมาจากกล้องจุลทรรศน์

“ โดยการรวมข้อมูลลำดับจีโนมกับข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิสัมพันธ์ของยีน เราสามารถสร้างแบบจำลอง 3 มิติที่แสดงให้เห็นว่าองค์ประกอบด้านจัดระเบียบของยีนนั้นสัมพันธ์กันหรือไม่” ศ. จิม ฮิวจ์ รองศาสตราจารย์ด้าน Genome Biology จาก Oxford University ได้กล่าวในการแถลงข่าว  “ มันทำให้ง่ายต่อการเข้าใจกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต”

แต่ละเซลล์ของทั้งหมดที่มีจำนวน 37 ล้านล้านเซลล์ในร่างกายมนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่ จะมี DNA ขนาดสองเมตรแฝงอยู่ภายในนิวเคลียส เรามีความสามารถในการลำดับดีเอ็นเอมานานมากแล้ว

แต่หากเราใช้เทคโนโลยี VR มาช่วยให้สามารถเห็นภาพการจัดเรียงแบบเฉพาะ ก็อาจทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการค้นหาข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับโรคทางพันธุกรรมของมนุษย์เพราะมนุษย์นั่นเอง

นักวิจัยกำลังใช้เทคนิคการสร้างภาพโดยใช้เทคโนโลยี VR เพื่อศึกษาโรคเบาหวานโรคมะเร็งและเส้นเลือดตีบ โดยเป้าหมายระยะยาวของโครงการนี้จะช่วยให้ความพยายามในการสร้างวิธีการแก้ไขยีนที่ผิดปกติและทำการแก้ไขมัน เพื่อให้มนุษย์ปราศจากโรคภัยร้ายแรงดังกล่าวในอนาคตได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง

References : 
https://futurism.com