เมื่อแฟนบอลเริ่มหมดศรัทธา

ผ่านเกมส์ถือได้ว่าทำร้ายจิตใจแฟนบอลมากที่สุด ในรอบหลายปีเกมหนึ่งเลยก็ว่าได้ สำหรับผลงานการลิเวอร์พูลในนัดล่าสุดที่แพ้อย่างหมดสภาพ 4-0

ผมในฐานะแฟนบอลอาเซน่อล ที่เชียร์มาก็ค่อนข้างนาน ไม่เคยรู้สึกถึงความหดหู่ และสิ้นหวังได้เหมือนเกม เกมนี้ ทุกอย่างมันบรรจบกันหมด เป็นการพ่ายแพ้แบบหมดรูป สู้ไม่ได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ แทคทิค ยัน โค้ช ซึ่งต้องยอมรับการทำทีมสไตล์ของ เจอร์เกน คลอป ว่าทำได้ดุดันดั่ง style heavy metal ที่เค้าชอบจนผลงานเริ่มจะปรากฏในปีนี้

หลายปีที่ผ่านมาอาจจะมีเกมส์ที่ทีมแพ้แบบหลุดลุ่ย หลายเกมส์ มาก แต่อย่างน้อยก็ยังมีใจสู้ มีการสู้เพื่อเอาประตูคืน ซึ่งแฟนบอลก็ยังพอรับได้ เพราะได้สู้เต็มที่แล้ว แต่ความศรัทธามันคงได้เริ่มหมดลงหลังจากเกมนี้ ทุกอย่างมันผิดพลาดตั้งแต่การวางตัวผู้เล่น ทุกอย่างมั่วไปหมด แบ๊คขวา ไปเล่นซ้าย กองหน้าซื้อมาใหม่ ไม่ให้ลง รวมถึงกองหลังเด็กอ่อนอย่าง Rob Holding ที่เกรดยังไม่ถึงระดับ premier league ด้วยซ้ำ เอามาลงตัวจริงและต้องมาเจอ จรวดทางเรียบทั้งสองข้างอย่าง มาเน่ และ ซาล่า ซึ่งโดนพาทัวร์แทบทั้งเกมส์ จนเสียคน

ไหนจะแผนการเล่นที่หลังจากปลายปีที่แล้ว ปรับมาเล่นหลัง 3 ซึ่งเหมือนจะดี แต่ดูจากผลงานนัดหลัง ๆ จะรู้ว่า แผนนี้ทำให้กองหลังรั่วมาก ๆ โอกาสหลุดเข้าไปยิงของลิเวอร์พูลนับ สิบ ดีที่มี ปีเตอร์ เชค ช่วยเซฟไว้หลายหน จึงทำให้ไม่ได้โดนถล่มไปมากกว่านี้ แผนนี้ จะเห็นได้ว่านักเตะหลายคนเล่นไม่ออกเลย ทั้ง โอซิล  อเล็กซิส ที่เป็นตัวหลัก ไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ดีกับแผนนี้เท่าไหร่ เพราะต้องมาช่วยรับด้วยตลอดเวลา มันเป็นแผนที่ไม่เหมาะกับทีมเราอย่างยิ่ง แต่ยังงงว่าทำไม เวนเกอร์ ก็ยังดื้อด้านใช้อยู่ จากความมั่นใจผิด ๆ ในปลายปีที่แล้ว

ปัญหาการซื้อตัวผู้เล่น รวมถึงการต่อสัญญานักเตะ ที่ยังไม่เคลียร์ซักราย ยังไม่รู้ว่าอนาคต จะเอายังไงกันแน่ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปล่อยให้มันคาราคาซัง ขนาดนี้ นักเตะก็ไม่ได้โฟกัส กับการแข่งขัน เพราะ อนาคตยังไม่แน่นอน รวมถึงการซื้อนักเตะใหม่ ที่เอาจริง ๆ ได้มาแค่ตัวเดียวเท่านั้น คือ ลากาแซตต์ หากหันไปมองทีมลุ้นแชมป์รอบข้างที่ทุ่มซื้อกันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้แฟนบอลก็รู้สึกหมดศรัทธากับทั้งผู้จัดการ รวมถึง ผู้บริหารสโมสรที่เอาแต่เงิน อาเซน่อลเป็นทีมที่ทำกำไรจากธุรกิจได้แทบจะอันดับต้น ๆ ของโลก ค่าตั๋วเข้าสนามที่แพงเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่ให้ผลงานแค่นี้ต้องถือว่าน่าผิดหวังมาก ๆ สำหรับแฟนอาเซน่อล

ตอนนี้ก็หวังอย่างเดียวว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงซักที ทั้งเจ้าของสโมสร รวมถึง ผู้จัดการทีม ควรจะยกเครื่องใหม่แบบยกชุด อยากได้เจ้าของที่รักสโมสรจริง เหมือนเสี่ยหมีของเชลซี ที่พร้อมจะทุ่มทรัพยากรให้กับทีมทุก ๆ ปีเพื่อให้ได้ลุ้นแชมป์ จนในที่สุดจำนวนแชมป์ พรีเมียร์ลีค ก็แซงอาเซน่อลจนสำเร็จ ซึ่งผู้บริหารทีมเราควรจะดูเป็นแบบอย่างว่าคนที่รักฟุตบอลนั้นเค้าพร้อมที่จะทุ่มให้ทุกอย่างเพื่อความสุขของแฟนบอล

Image Ref :  paininthearsenal.com

Movie Review : The Beguiled


Review

ช่วงนี้ไม่ค่อยมีหนังน่าสนใจเข้าโรงซักเท่าไหร่ พอดีแฟนอยากดูเรื่องนี้ ก็เลยตามไปดูกัน ตอนแฟนบอกชื่อเรื่อง ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าเป็นหนังแนวไหน แต่เนื่องจากเบื่อ ๆ อยากเข้าโรงหนังก็เลยตามๆ  แฟนไป

ยอมรับว่าไปแบบไม่มีข้อมูลล่วงหน้าเลย รู้แค่ว่า หนังเกี่ยวกับสงครามเหนือใต้ ของอเมริกาเท่านั้น แต่หลังจากดูจบก็ได้รู้ว่าเป็นผลงานการกำกับของ Sofia Coppola ซึ่งผมเคยประทับใจผลงานระดับขึ้นหิ้งของแก อย่าง Lost in Translation ซึ่งเป็นหนังตั้งแต่ปี 2003 โน่นเลย หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ติดตามผลงานของเธออีกเลย จนมาได้ดูหนังเรื่องนี้

หนังเป็นเรื่องราวของโรงเรียนกุลสตรี ในฝั่งใต้ของอเมริกา ที่ไปพบกับทหารที่บาดเจ็บจากสงครามที่มาจากฝ่ายเหนือ (รับบทโดย Colin Farrell) ร่วมกับนักแสดงมากความสามารถอย่าง Nicole Kidman ที่่รับบท Miss Matha รวมถึง Kirsten Dunst  ที่รับบท Edwina ธีมของหนัง เป็นแนวสงครามยุคเก่า แสดงถึงภาพในชนบทของอเมริกาผ่านโรงเรียนกุลสตรี ที่สาว ๆ รวมตัวกันอยู่ในช่วงสงครามเหนือ-ใต้ กำลังเข้มข้น

เรื่องนี้เป็นหนังที่แสดงนำโดยผู้หญิงหลายคนเป็นตัวนำหลักของเรื่อง โดยแทบจะมีผู้ชายคนเดียวก็คือ Captain Corporal McBurney ที่รับบทโดย Colin Farrell  หนังต้องการแสดงให้เห็นความแข็งแกร่งของหญิงชาวใต้ อย่าง Miss Matha ที่ต้องรับบทผู้นำกลาย ๆ ของโรงเรียนกุลสตรีดังกล่าว ที่ต้อง พยายาม control ทุกคนให้อยู่ในกฏเกณฑ์ เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมอย่างทหารชาย เข้ามาอยู่ร่วมด้วยในโรงเรียน รวมถึง การแสดงออกถึง เรื่องเพศ หนังพยายามชักจูงเราให้คล้อยไปตามไปถึงความต้องการทางเพศของสาว ๆ แรกรุ่น ซึ่่งเป็นปมหนึ่งของเรื่องที่ทำให้เนื้อเรื่องช่วงหลังกลับกลายเป็นอีกทิศทางจากที่คิดไว้ในตอนแรก

แต่ท้ายที่สุดแล้วนั้นหนังก็ให้บทสรุปของเรื่องที่ง่ายเกินไป และทำให้ผมงงว่า นี่จบแล้วหรือ เหมือนดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ  มีปมหักเหเพียงน้อยนิด และหนังก็พยายามทำให้จบแบบง่าย ๆ ไปหน่อย แต่โดยรวมก็ทำให้ประทับใจไปอีกแบบ เพราะไม่ได้ดูหนังในแนวนี้มานาน ถือว่าดูได้เรื่อย ๆ จนจบ แต่ถามว่าประทับใจมั๊ย ก็ไม่ประทับใจเท่าผลงานของเธออย่าง Lost in Translation

เก็บตกจากหนัง

  • หนังเป็นช่วงสงครามเหนือ-ใต้ของอเมริกา
  • Location ของทั้งเรื่องแทบจะอยู่ในบ้านหลังเดียวคือโรงเรียนข้างต้น
  • หนังต้องการแสดงออกให้เห็นถึงบทบาทของผู้หญิงมากกว่า

คะแนน

8/10

สรุป
“เป็นหนังที่ผู้หญิงมีบทบาทกับเนื้อเรื่องเป็นอย่างมาก”

เมื่อยิ่งลักษณ์ยังต้องหนี

ไม่ค่อยเขียนเรื่องการเมืองเท่าไหร่ แต่ประเด็นที่โด่งดังในวันนี้ ในเรื่อง อดีตนายก ยิ่งลักษณ์ ที่มีข่าวหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ไม่มาฟังคำตัดสินของศาล โดยอ้าง ป่วย “น้ำในหูไม่เท่ากัน” นั้นก็อดที่จะเขียนถึงไม่ได้

ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามข่าวการเมืองมาพอสมควร และไม่ค่อยออกความเห็นผ่านโลก social ในเรื่องการเมืองซักเท่าไหร่ เนื่องจากในโลก social นั้นหากออกความคิดเห็นใด ไปแล้วสาวกฝั่งนั้นไม่พอใจ ก็มักจะถูกถีบออกไปฝั่งตรงกันข้ามแทบจะทันที ซึ่งเราจะเห็นได้จากคนดังใน social หลายคน ที่ไม่สามารถที่จะออกความเห็นที่เป็นกลางทางการเมืองได้จริง ๆ เลย เพราะมักจะมองจากอีกฝั่งหนึ่งที่เสียประโยชน์ ว่าเป็นฝั่งตรงข้ามเสมอ

ความเชื่อส่วนตัวนั้นเชื่อว่าไม่มีประเทศไหนที่มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ดังอุดมคติ อยู่แล้ว มันมักจะถูกปรับไปตามวัฒนธรรม ประเพณี รวมถึงความเชื่อเรื่องต่าง ๆ ของประเทศนั้น ๆ  และยิ่งพูดถึงเรื่องการคอร์รัปชั่นแล้วนั้น ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อเลยว่าประเทศที่มีประชาธิปไตยสูงส่งอย่าง อเมริกา หรือ อังกฤษ ที่หลาย ๆ ประเทศยึดถือเป็นต้นแบบนั้น จะไม่มีการคอรัปชั่น

ส่วนตัวมองว่าสิ่งที่หลาย ๆ คนพูดเรื่องในอุดมคติ อย่างเรื่องการปลอดการคอร์รัปชั่นนั้น มันไม่มีจริง ๆ ในโลกใบนี้หรอก แม้กระทั่งอเมริกาเองก็ตาม ผมเชื่อว่า การได้มาซึ่งอำนาจ โดยเฉพาะ อำนาจทางการเมืองนั้น ทำให้คนสามารถเปลี่ยนได้ แม้ว่าจะเป็นคนดีแค่ไหน แต่อำนาจที่หอมหวนนั้น ก็อาจทำให้คนเปลี่ยนได้ ในอเมริกา เราอาจจะไม่เห็นการคอรัปชั่นกันตรง ๆ แต่ เค้าอาจจะมาในรูปแบบของ ล๊อบบี้ยิสต์ ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่ลงตัวกันของแต่ละฝ่าย ซึ่งมองไปลึก ๆ แล้วนั้น มันก็ไม่ต่างจากการคอรัปชั่นตรงไหนเลย ซึ่งผลประโยชน์ที่ว่านั้น อาจจะมหาศาลกว่า ที่ประเทศไทยเราเสียหายจากคอรัปชั่นไปเสียอีกก็เป็นได้

กลับเข้ามาที่เรื่องของนายกยิ่งลักษณ์ ต้องยอมรับว่าตอนที่แกเข้ามาเป็นนายกนั้น ต้องยกให้ทีมที่ออกแคมเปญในด้านนโยบายให้กับพรรคจริง ๆ เพราะถ้ามองจริง ๆ นั้น แทบจะทุกชั้นชั้นในประเทศไทย จะได้ผลประโยชน์จากนโยบายของพรรคเพื่อไทย ทั้ง นโยบายจำนำข้าวที่มอบให้ชาวรากหญ้า นโยบายขึ้นค่าแรงสำหรับแรงงาน นโยบายรถคันแรกสำหรับคนที่ทำงานใหม่ ๆ ต้องการมีรถ หรือ นโยบายบ้านหลักแรก ไปโดนใจกลุ่มคนมีอายุขึ้นมาหน่อยที่พร้อมจะมีบ้าน  เป็นการหว่านนโยบาย แบบทั่วถึง ซึ่งถือเป็นสิ่งแปลกใหม่ ที่ประเทศเราไม่ได้รับมานาน เพราะแทบจะทุกชนชั้น ได้ประโยชน์ จากภาษีที่เราเสียไป ไม่ใช่ไปเอาใจแต่คนจน หรือ ทำเพื่อคนรวยอย่างเดียว

แต่การนำนโยบายไปใช้จริง ๆ นั้นก็พบว่ามีปัญหามากมาย มีเพียงไม่กี่นโยบายที่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และถึงประชาชนจริง ๆ และด้วยความยากในการนำนโยบายไปใช้เช่น การจำนำข้าว ก็พบกับปัญหามากมาย รวมถึงการทุจริตต่าง ๆ ซึ่งก็คงมีมาแทบทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว แต่เนื่องด้วยตัวเลขจำนวนเงินมันค่อนข้างมาก เลยทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศมาก จึงทำให้คนไม่พอใจก็มากอยู่ เพราะมันกระทบกับภาษีที่ทุกคนเสียไป เลยเป็นปัญหาคาราคาซัง มาจนถึงวันนี้ ที่รัฐบาลคสช. เข้ามาบริหารประเทศ และ มีการเอาผิดกับโครงการต่าง ๆ ที่มีปัญหา

ซึ่งโครงการรับจำนำข้าวนั้นก็โดนไปเต็ม ๆ กับเรื่องนี้ มีผู้ที่เกี่ยวข้องมากมาย ทั้ง รัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูงหลายคน รวมถึงพ่อค้าข้าว ก็โดนไปด้วย หากเราได้ติดตามมาตลอดกับเรื่องนี้ เราก็จะไม่สงสัยในการตัดสินของศาลวันนี้เลย หากเรามองให้เป็นกลางมาก ๆ ถึงแม้จะยาก แต่หากพิจารณารายละเอียดคดี มาตั้งแต่ที่มีการยื่นไม่ไว้วางใจรัฐบาลแล้วนั้น จะเห็นได้ว่า โครงการนี้ เป็นโครงการที่มีการคอรัปชั่นแบบน่าเกลียดมาก ๆ ผมไม่สงสัยกับคำตัดสินของศาลเลย ที่แต่ละคนโดนโทษจำคุกกันยาวหลาย ๆ ปีแทบจะทุกคน ซึ่งทีมงานของนายก ยิ่งลักษณ์ก็คงพิจารณากันถี่ถ้วนแล้วกับเรื่องนี้ว่า ยังไงก็แพ้ จึงชิงหนีไปก่อนดีกว่า ปล่อยให้ ลูกน้องรับกรรมไปแทน ซึ่งทำให้ท่านอาจจะหมดอนาคตทางการเมืองไปเลย และไม่ได้รับการนับถืออีกต่อไปจากลูกน้องที่ต้องมารับกรรมแทนลูกพี่ ที่ชิงหนีไปก่อนแบบนี้

ผมมองว่าการตัดสินครั้งนี้ เป็นบรรทัดฐานใหม่ ทำให้นักการเมืองนั้นเกรงกลัวต่อการคอรัปชั่นมากขึ้น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี เหมือนการเขียนเสือให้วัวกลัวไว้ ต่อไปในอนาคต คงไม่กล้าทำอะไรแบบน่าเกลียดแบบนี้อีก ไม่ใช่ว่านโยบายจำนำข้าว เป็นสิ่งไม่ดี แต่การควบคุมไม่ให้เกิดการคอรัปชั่นนั้นผมมองว่า ท่านอดีตนายก บริหารได้ไม่มีประสิทธิภาพ ยิ่งเงินเป็นจำนวนมากขนาดนี้ ควรจะทำอะไรให้ละเอียดถี่ถ้วนกว่านี้ พูดแล้วก้เสียดายนโยบายดี ๆ หลายอย่างต้องมาพังเพราะ จำนำข้าว เจ้ากรรมนี่แหละ

Ref Image : manager.co.th

เมื่อผมกลายเป็นสาวก Lazada

ต้องบอกตรง ๆ เลยว่าเมื่อก่อนไม่ใช่คนที่จะชอปปิ้ง online บ่อยซักเท่าไหร่เลย นาน ๆ ซื้อที ก็ซื้อตามร้านค้า online ทั่วไป จนมาเปลี่ยนประสบการณ์การชอปปิ้งอย่างสิ้นเชิงเมื่อการเข้าเข้ามาของ lazada.co.th มาเปิดในไทย

ซึ่งตอนเข้ามาใหม่ ๆ lazada จะมี คูปองลดราคามายั่วใจบ่อย ๆ ทำให้เผลอ ช๊อปในสินค้าบางอย่างที่เราอาจจะไม่อยากได้ในตอนนั้นเลย แต่พลั้งเผลอมือไปกดสั่งซื้อทุกทีไป

ผมเริ่มช็อป lazada ช่วงแรกในสินค้าราคาหลักไม่เกิด 1000 บาท เป็นสินค้าชิ้นเล็ก ๆ ที่คงไม่มีปัญหาในการจัดส่ง หรือไม่แตกระหว่างทางเท่านั้น ต้องยอมรับว่าช่วงแรก ๆ นั้น กระแส lazada ใน pantip นั้นไม่ค่อยดีเลย พบแต่ปัญหาเยอะมาก ๆ จนใครหลายคน ไม่กล้าที่จะสั่งซื้อสินค้าผ่าน lazada

แต่เหมือนกับว่า lazada เริ่มตั้งตัวติด เริ่มที่จะมีปัญหาน้อยลงจากที่เข้ามาใหม่ ๆ มีการปรับปรุงการบริการที่ดีขึ้น เริ่มส่งเก็บเงินปลายทางที่ราคาขั้นต่ำเพียง 100 บาทเท่านั้น ซึ่งถือเป็นจุดเด่นเลยที่ผมกลายเป็นขาประจำกับ lazada เพราะเราสั่งสินค้า อาจจะราคาแค่ 100 กว่าบาท เค้าก็เก็บเงินปลายเหมือนกัน คิดว่าเค้าทำได้อย่างไรในสินค้าราคาขนาดนี้ คิดว่าไม่สามารถมี margin ไปทำกำไรได้

แต่เหมือนโดนเวทย์มนต์สะกด หลังจากนั้น ผมก็เริ่มสั่งซื้อสินค้าที่ชินใหญ่ขึ้น อย่างทีวี จอ 55 นิ้ว ผมก็สั่งผ่าน lazada หรือ เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งเป็นสินค้า ที่คิดว่าไม่น่าจะมาซื้อ online ก็สั่ง online หมด จนตอนหลังผมมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในการซื้อสินค้าทุกชนิด ต้องเช็คราคา ผ่าน lazada ก่อนทุกครั้ง ซึ่งถือเป็นความโรคจิตอย่างนึง แม้กระทั่งเดินในห้าง ก็จะคอยเช็คราคากับ lazada ทุกครั้งหากเราอยากได้อะไรขึ้น  ผ่านมาปีเดียว ผมก็ซื้อสินค้า ผ่าน lazada กว่า 100 รายการ ทั้งสินค้าราคาแพง ระดับ ครึ่งแสน หรือ สินค้า ราคาหลักร้อย ก็ซื้อผ่าน lazada ทั้งหมด ซึ่งมีของที่เราต้องการแทบทุกหมวดหมู่

เมื่อก่อนนั้นอาจจะซื้อแค่สินค้าที่มี review ดีเท่านั้น แต่ปัจจุบันผมแทบไม่สนใจแล้ว เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น เคยมีสินค้าที่มีปัญหาเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จาก 100 รายการที่ทำการสั่งซื้อมา จึงค่อนข้างมั่นใจกับ lazada ได้แล้ว และ นโยบายการคืนเงินของ lazada ก็สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว หรือการเคลมสินค้า ก็ไม่เคยมีปัญหาใด ๆ ในการชอปปิ้งเท่าที่ผ่านมาของผม

ก็อยากจะแนะนำให้ลองมาใช้ lazada กันเยอะ ๆ  ตอนนี้ถือได้ว่า lazada สามารถยกระดับการบริการให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาใด ๆ อีกแล้ว หากจะซื้อสินค้า online ซึ่งผมคิดว่าในอนาคต ก็จะมีใคร หลาย ๆ คนที่มีอาการเหมือนผม คือ ซื้อแต่สินค้าผ่าน online เนื่องจากรับประกันเรื่องราคา รวมถึง คุณภาพก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าการซื้อในห้างสรรพสินค้าแต่อย่างใด

เหมือนเคย

ผ่านนัดที่สองไปแบบเจ็บช้ำใจ สำหรับแฟน ๆ ทีมอาเซน่อล หลังจากบุกไปแพ้ stoke แบบครองบอลอยู่ฝั่งเดียวแทบจะทั้งเกมส์ แต่โดนทีเด็ดของนักเตะใหม่อย่าง เฆเซ่ ที่มาปิดบัญชีให้อาเซน่อล แพ้อย่างไม่น่าให้อภัย

จากเปอร์เซ็นต์การครองบอลหลังจบเกมส์ที่กว่า 80% เป็นของอาเซน่อล แต่ก็ไม่สามารถแม้กระทั่งจะตีเสมอทีมอย่าง stoke ได้ ซึ่ง ก็แทบไม่ต่างจากหลาย season ที่ผ่าน ๆ ที่เน้นการเคาะบอลไปมา ดูเหมือนจะครองเกมส์อยู่ฝ่ายเดียวแต่แทบไปไม่ถึงเขตอันตรายของ stoke ได้เลย โอกาสการทำประตูก็ไม่ต่างจาก stoke ที่เน้นเล่นสวนกลับซักเท่าไหร่ กองหลังก็อ่อนปวกเปียกเหมือนเดิม ไม่ต่างจาก season ที่แล้ว

ถ้าจะพิจารณาในรายละเอียดของเกมส์นั้น การเล่นหลัง 3 นั้น เหมือนจะทำให้หลุดเข้าไปสู่เขตอันตรายของอาเซน่อลได้ง่ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ จะเห็นในหลาย ๆ จังหวะ ที่กองหลังดันสูง แล้วโดนสวน ให้เสียววาบกันหลายครั้ง โดยส่วนตัวคิดว่าแผนนี้ยังไม่เหมาะกับทีมซักเท่าไหร่ ดูโอซิลเล่นไม่ค่อยออกกับแผน 3-4-3 แต่หลังจากเปลี่ยนมาเล่น 4-3-3 เหมือนเดิมนั้น โอซิลสามารถเล่นได้คล่องตัวมากกว่า และอาจจะถนัดมากกว่าการเล่นหลังสาม ซึ่งดูแล้วอึดอัดมาก

การปรับมาใช้แผนนี้ก็เลียนแบบมาจากเชลซี ใน season ที่แล้วที่พอเปลี่ยนมาเล่นหลัง 3 ก็สามารถไต่อันดับขึ้นไปและครองแชมป์ได้อย่างสมศักดิ์ศรี  ปีนี้เลยมีหลายทีมเปลี่ยนมาเล่นหลัง 3 กันมากขึ้น ซึ่งอาจจะไม่ใช่ข้อได้เปรียบเหมือนเชลซีในปีที่แล้วอีกต่อไป  สาเหตุนึง ก็น่าจะเป็นเพราะปีที่แล้ว มีน้อยทีมที่เล่นแผนเดียวกับเชลซี ทำให้เชลซีเล่นง่าย และเป็นแผนที่ถนัดของ คอนเต้ โดยตรงตั้งแต่คุม ยูเวนตุส อยู่แล้ว แต่ปีนี้ ก็คงจะยากขึ้น เมื่อหลาย ๆ ทีมเริ่มเลียนแบบที่จะใช้หลัง 3 คน เช่นเดียวกับ อาเซน่อล ที่ผมมองยังไงก็ไม่ work กับการมาเล่นแผนนี้

สุดท้าย ก็อยากจะฝากถึงกองเชียร์ ว่ายังไงปีนี้ก็ยังมีอีกยาวไกล ให้ได้ลุ้น ดูจากผลสองนัดแรก แต่ละทีมก็เสียแต้มกันพอสมควร ทำให้คะแนนก็ไม่ห่างมาก มีแมนยู ทีมเดียวเท่านั้นที่ฟอร์มร้อนแรก ชนะ 2 นัดรวมมาได้ ทีมลุ้นแชมป์อื่น ๆ ก็เสียแต้มกันหมด คิดว่าสถานการณ์ในตอนนนี้ก็ยังบอกอะไรไม่ได้มาก ต้องดูกันยาวๆ  ว่าใครจะเป็นแชมป์ตัวจริงในฤดูกาลนี้

Image Ref : bleacherreport.com