และทำให้มีผู้ใช้งานกว่า 100 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่ง Community Online ที่อยู่ในลำดับต้น ๆ ซึ่งตอนนี้ คงไม่กล่าวเกินเลยนักว่า Discord ก็ได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งใน Social Media แพล็ตฟอร์มที่น่าจับตามองแห่งหนึ่งแล้วเช่นกัน
ซึ่งต้องบอกว่า เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจ กับกลยุทธ์หลักของ Microsoft ที่เกิดขึ้นหลังจากการเปลี่ยน CEO มาเป็น Satya Nadella ที่กำลังเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจเดิม ๆ ของ Microsoft ให้ก้าวเข้าสู่เรื่องของซอฟต์แวร์และบริการเพิ่มมากขึ้น
และยังเป็นส่วนเติมเต็มบริการอย่าง Game Pass ของ Microsoft เอง ให้สามารถสร้างบริการที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมได้ในอนาคต สำหรับกลุ่มลูกค้าในธุรกิจเกมของพวกเขา เรียกได้ว่าเป็นการส่งผลกระทบโดยตรงกับ Microsoft ถึง 2 เด้ง เลยทีเดียว ถ้า Deal นี้สำเร็จขึ้นมาจริง ๆ นั่นเองครับผม
จากนั้นพวกเขาก็ติดต่อ Matt Nelson ผู้ก่อตั้ง We Rate Dogs หลังจากโพสต์ใน Social Media เพียงแค่โพสต์เดียว 30 นาทีต่อมาแคมเปญ Chico ระดมทุนได้เงินไปกว่า 18,840 ดอลลาร์
บัญชีโซเชียลมีเดียยอดนิยมของ Nelson อย่าง We Rate Dogs เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของภาพสุนัขที่น่ารัก คำบรรยายที่น่าสนใจ We Rate Dogs ได้ช่วยเหลือในการระดมทุนให้กับสุนัข 170 ตัวที่ต้องการ จากผู้ติดตามเกือบ 12 ล้านคนบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
ตอนนี้นอกเหนือจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องในโซเชียลมีเดียนับล้านของเขา Nelson ยังให้ความสำคัญกับการหาเงินให้กับสุนัขที่ต้องการ เช่น การโพสต์ลิงก์ไปยังแคมเปญ GoFundMe ในทุกวันศุกร์
ความสามารถพิเศษของการโพสต์ใน Twitter
Nelson อายุ 24 ปีเริ่มต้นบัญชี Twitter ส่วนตัวในปี 2014 การโพสต์ของเขาส่วนใหญ่เป็นเรื่องตลกและเขาสามารถดึงดูดผู้ติดตามหลายพันคนได้ด้วยการรีทวีตจากบัญชียอดนิยม
″ผมเสพติดการพยายามทำให้ผู้คนหัวเราะ” เขากล่าว
ขณะที่ Nelson ทวีตเขาสังเกตเห็นว่า ทุกครั้งที่โพสต์รูปสุนัขหรือเนื้อหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุนัขมันจะทำยอด engagement ได้ดีกว่าเนื้อหาอื่น ๆ มาก
ดังนั้น Nelson จึงเปิดตัว We Rate Dogs บน Twitter ในเดือนพฤศจิกายน 2015 เมื่อเขายังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแคมป์เบลล์ในนอร์ทแคโรไลนา เขาโพสต์ครั้งแรกของบัญชีจาก Applebee’s โดยมีสุนัขของเพื่อนที่เขาทานอาหารเย็นด้วย
จุดเปลี่ยนสำคัญกับ We Rate Dogs
ในคืนนั้น Nelson ได้รับข้อความหลายร้อยข้อความ จากเจ้าของสุนัขที่อยู่โปรโมตสุนัขของพวกเขาเช่นกัน Nelson โปรโมต We Rate Dogs จากบัญชี Twitter ส่วนตัวของเขาซึ่งมีผู้ติดตามประมาณ 10,000 คนในเวลานั้น
การออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อ We Rate Dogs
ในปี 2015 บัญชี Twitter ของ We Rate Dogs ยังมีผู้ติดตามไม่ถึง 100,000 คนและ Nelson ก็ประสบความสำเร็จในขายสินค้าเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็เริ่มได้รับข้อเสนอจากผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าบางคนในราคาหลายหมื่นดอลลาร์
มันทำให้เขาเห็นโอกาสทางด้านธุรกิจบ้างอย่าง เขาตัดสินใจลาออกจากวิทยาลัยและย้ายไปอยู่กับพ่อแม่ในเวสต์เวอร์จิเนียเพื่อมุ่งเน้นไปที่ We Rate Dogs แบบเต็มตัว
โชคดีสำหรับ Nelson พ่อแม่และเพื่อนสนิทของเขาให้การสนับสนุนการตัดสินใจนี้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าเขาจะสามารถเติบโตกับ We Rate Dogs ได้ต่อไป
พ่อของ Nelson ซึ่งเป็นกรรมการบริหารของสำนักงานกฎหมายในชาร์ลสตันยังช่วย Nelson จัดการการเติบโตของธุรกิจ เมื่อเขาเริ่มสร้างรายได้จำนวนมากขึ้น
จากข้อมูลของ Nelson ขณะนี้ We Rate Dogs สามารถสร้างรายได้ต่อปี 6 หลัก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะแบ่งรายได้ 50-50 กับ กับเนื้อหาที่มีแบรนด์มาสนับสนุน
เมื่อบัญชีเติบโตขึ้น Nelson ได้ว่าจ้างนักสร้างแอนิเมชั่น นักออกแบบ ช่างภาพ และมือตัดต่อวิดีโอพาร์ทไทม์จำนวนหนึ่งซึ่งทำงานบนเว็บไซต์สินค้า We Rate Dogs ที่เข้าเพิ่มขึ้นมา
นอกจากนี้เขายังนำพนักงานประจำสองสามคน รวมถึงผู้จัดการธุรกิจมาช่วยดูแลการส่งภาพถ่ายสุนัขนับร้อยในแต่ละวัน จัดการการขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ของเขา และทำงานร่วมกับ Nelson เพื่อรักษาความเป็นหุ้นส่วนของแบรนด์ที่ช่วยให้ธุรกิจของเขาคงสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
We Rate Dogs มีข้อเสนอสำหรับเนื้อหาที่มีตราสินค้ากับ บริษัท ที่มีชื่อเสียงเช่น Disney ซึ่งทำงานร่วมกับ Nelson เพื่อสร้างโพสต์ธีม “Lady and the Tramp”ในบัญชีโซเชียลมีเดียของ We Rate Dogs รวมถึง Netflix และ Budweiser
Lady and the Tramp แคมเปญร่วมกับ Disney (CR:Twitter)
นอกเหนือจากการสนับสนุนให้ผู้ติดตามโซเชียลมีเดียนับล้านของเขามีส่วนช่วยเหลือสุนัขที่ต้องการความช่วยเหลือแล้ว Nelson ยังบริจาคให้กับแคมเปญต่าง ๆ เป็นประจำอีกด้วย
Nelson หวังที่จะแบ่งปันแคมเปญเหล่านี้กับแฟน ๆ ของเขาต่อไปและหาเงินจำนวนมากขึ้นเขากล่าวในขณะที่เขาพบว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงจำนวนมากต้องดิ้นรนเพื่อหาเงินมาเพื่อให้ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากพวกเขาส่วนใหญ่ไม่มีประกันสัตว์เลี้ยง
Gail Wong นักลงทุนและโค้ชสำหรับผู้ประกอบการ กล่าวว่า Lim มีพลังในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการสตรีรายอื่น ๆ
″Lim เริ่มต้นตั้งแต่ยังเด็กจริงๆ เธอไม่ได้มีการศึกษาในระดับ Ivy League แบบที่คนบางประเภทมองหา และเธอมีภาระหน้าที่นี้ที่จะต้องทำให้มันสำเร็จ” Wong กล่าว
เรื่องที่น่าสนใจอีกหนึ่งเรื่องของ การแจ้งเกิดของเธอนั้น มาจากการสร้าง Blog ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเสื้อผ้าแฟชั่น และการใช้ภาษาอังกฤษนั้น ถือเป็นการทลายกำแพงเรื่องภาษา ที่สามารถทำให้คนเข้าถึงได้ทั่วโลก ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน case study ที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับสำหรับคนที่จะริเริ่มสร้างแบรนด์แฟชั่น ที่ต้องการให้กลายเป็นบริษัท Global แบบที่ Lim ทำ
เขาเข้าร่วมโรงยิมซึ่งเขาพบว่า เขาได้เรียนรู้จาก YouTube เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ เขาใช้วิธีการดังกล่าวเพื่อพลิกชีวิตการศึกษาของเขา และนั่นทำให้เขาได้ปริญญาในหลักสูตรบริหารธุรกิจและการจัดการของ Aston University
จากนั้น Ben ก็ต้องการเว็บไซต์เพื่อขายสิ่งต่างๆ และหลังจากตกหลุมรักวงการฟิตเนส เขาก็เริ่มขายอาหารเสริม โดยเขาได้เริ่มลิสต์รายการอาหารเสริมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเว็บไซต์ของเขา และ ทำการจัดส่งมัน
เมื่อมีการสั่งซื้อกับเขา เว็บไซต์ของเขาจะสั่งซื้อจากซัพพลายเออร์และส่งให้ลูกค้า Ben ใช้เวลาหกสัปดาห์ในการขายครั้งแรก และแล้วแบรนด์ Gymshark ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
ซึ่งนั่นคือปี 2012 ตอนนั้น Ben อยู่ที่ Aston University ในตอนกลางวัน และทำงานเป็นคนขับรถส่งของของ Pizza Hut ในตอนกลางคืนตั้งแต่ 17.00 น. ถึง 22.00 น. จากนั้นเมื่อกลับถึงบ้านเขาก็ทำงานในโครงการตามความฝันของเขาต่อไป
Lewis Morgan อดีตนักเรียนมัธยมปลายของบรอมส์โกรฟ ผู้ที่ได้เข้ามาเริ่มต้นธุรกิจกับ Ben กล่าวว่า “เราตระหนักได้เร็วมากว่าเรากำลังทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมและเมื่อมาถึงจุดนี้เองที่ Gymshark เริ่มกลายเป็นธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น”
เขานำนักธุรกิจมากประสบการณ์สองคน Steve Hewitt ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการค้าที่ Reebok Europe และ Paul Richardson ซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าปลีกแฟชั่น AllSaints และยังเป็น MD ของ Knowaste ซึ่งเป็นธุรกิจจัดการขยะ
Ben กล่าวว่า: “ผมคิดว่าผมเก่งในบางเรื่องเท่านั้น และเมื่อมาถึงจุดนี้เราได้นำ Paul เข้ามาช่วยในฐานะประธานบริหาร และ Steve ในฐานะหัวหน้าผู้บริหาร ซึ่งได้เป็นการปฏิวัติธุรกิจอย่างสมบูรณ์”
ในเดือนมีนาคมปี 2020 (ในขณะที่ยอดจองในอุตสาหกรรมโรงแรมลดลง 70% , และรายงานจาก American Hotel & Lodging Association คาดว่ารายได้โดยรวมของอุตสาหกรรมจะลดลง 50% ในปี 2020)