Geek Life EP133 : เมื่อเวลากลายเป็นอาวุธของมิจฉาชีพ ถอดรหัสจิตวิทยา! ทำไมคนฉลาดยังโดนหลอกด้วยความรีบ

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวกระโดด การสื่อสารไร้พรมแดน และข้อมูลข่าวสารไหลเวียนอย่างรวดเร็ว มนุษย์กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ในการตัดสินใจภายใต้แรงกดดันด้านเวลา

เป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจมาก ๆ จากเวที Ted Talks ในหัวข้อ How scammers rush you into poor choices โดย Zhuanghua Shi ศาสตราจารย์ในภาควิชาจิตวิทยา (GSN-LMU) และหัวหน้านักวิจัยที่ Multisensory Perception Lab ที่ LMU Munich

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Life’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/58rr3v4b

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/y8asvafm

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/fzYRgPig8oM

Geek Story EP267 : จากยางพาราสู่ชิปเซมิคอนดักเตอร์ เมื่อมาเลเซียท้าชิงบัลลังก์เทคโนโลยีในเอเชีย

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์เทคโนโลยีโลก มาเลเซียกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีขั้นสูง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเติบโตทางเศรษฐกิจธรรมดา แต่เป็นการปฏิวัติโครงสร้างอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ที่จะกำหนดอนาคตของประเทศในทศวรรษหน้า

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มาเลเซียได้ดึงดูดการลงทุนมูลค่ามหาศาลจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก Intel และ Infineon ต่างทุ่มทุนบริษัทละ 7 พันล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย Nvidia ที่เตรียมสร้างศูนย์ข้อมูล AI มูลค่า 4.3 พันล้านดอลลาร์ และ Texas Instruments ที่วางแผนลงทุน 3.1 พันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างโรงงานประกอบเซมิคอนดักเตอร์สองแห่ง ตัวเลขการลงทุนเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของมาเลเซียในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตเทคโนโลยีระดับโลก

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/yc8ftj47

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/5fecvdfh

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/3arckk9h

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/gXwIYL738nE

จากคนที่แย่ที่สุด สู่คนที่ดีที่สุด : Your Future Self หยุดทำร้ายตัวเองในอนาคตด้วยการตัดสินใจผิดๆ วันนี้

ต้องบอกว่าเป็นหนังสือที่น่าสนใจอีกหนึ่งเล่มนะครับ หนังสือ “Your Future Self” ที่เขียนโดย Hal Hershfield ได้เปิดมุมมองใหม่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง ผ่านแนวคิดที่ท้าทายความเชื่อดั้งเดิมที่ว่าตัวตนของเราเป็นสิ่งที่หยุดนิ่งและไม่เปลี่ยนแปลง

Hershfield นำเสนอมุมมองที่แตกต่างว่า ตัวตนของเราคือการเดินทาง เป็นเรื่องราวที่เขียนขึ้นใหม่ได้เสมอผ่านการตัดสินใจและการกระทำในแต่ละวัน

เรื่องราวของ Pedro Rodriguez Filio ที่ถูกหยิบยกมาเป็นตัวอย่างในหนังสือ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันน่าทึ่งของมนุษย์ในการเปลี่ยนแปลงตนเอง แม้จะเคยเป็นอาชญากรที่โหดร้าย แต่เขาก็สามารถพลิกผันชีวิตและสร้างตัวตนใหม่ได้อย่างสิ้นเชิง

การเปลี่ยนแปลงของเขาไม่เพียงท้าทายความเชื่อเรื่องโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เราตั้งคำถามกับความเชื่อที่ว่าตัวตนของเราถูกกำหนดโดยอดีตเพียงอย่างเดียว

การค้นพบตัวตน

จากการศึกษาของ Harvard Medical School พบว่า สมองของมนุษย์มีความยืดหยุ่นและสามารถสร้างเส้นทางประสาทใหม่ได้ตลอดชีวิต ซึ่งเป็นพื้นฐานทางชีววิทยาที่รองรับความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตนเองของมนุษย์ เรื่องราวของ Rodriguez Filio เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความจริงข้อนี้

เขาเกิดมาในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรุนแรง มีรอยแผลเป็นบนกะโหลกศีรษะจากการถูกพ่อแท้ ๆ ทำร้าย ความรุนแรงในวัยเด็กนำไปสู่เส้นทางอาชญากรรม

จนกระทั่งในปี 1985 เขากลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่คร่าชีวิตผู้คนไปถึง 71 ราย แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2007 เมื่อเขาได้รับโอกาสกลับสู่สังคม การเปลี่ยนแปลงของเขาเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมพื้นฐาน เช่น การตื่นแต่เช้าตรู่ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการละเว้นจากสิ่งเสพติดทุกชนิด

การศึกษาอันลึกซึ้งของ Professor Nina Strohminger ได้ช่วยไขปริศนาเกี่ยวกับธรรมชาติของอัตลักษณ์มนุษย์ ผ่านการศึกษาผู้ป่วยกลุ่มต่างๆ ทั้งผู้ป่วย Alzheimer’s, ALS และ frontotemporal dementia ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า แก่นแท้ของตัวตนไม่ได้อยู่ที่ร่างกายหรือความทรงจำ แต่อยู่ที่คุณค่าทางศีลธรรมและจริยธรรมที่เรายึดถือ

นักประสาทวิทยาได้ค้นพบว่า บริเวณสมองส่วน prefrontal cortex ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเชิงจริยธรรมและการควบคุมพฤติกรรม สามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลงได้แม้ในวัยผู้ใหญ่ ผ่านการฝึกฝนและประสบการณ์ใหม่ๆ การค้นพบนี้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของ Rodriguez Filio ที่เลือกสร้างตัวตนใหม่บนพื้นฐานของคุณค่าที่ดีงาม

ความท้าทายและอุปสรรค

การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยความท้าทาย เราต้องเผชิญกับอคติทางความคิดหลายประการที่ฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์ หนึ่งในนั้นคือ “projection bias” ที่ทำให้เราเชื่อว่าความรู้สึกและความต้องการในปัจจุบันจะคงอยู่ตลอดไป เช่น การตัดสินใจซื้อบ้านในวันที่อากาศร้อนจัด อาจทำให้เราให้ความสำคัญกับระบบปรับอากาศมากเกินไป โดยลืมพิจารณาปัจจัยสำคัญอื่นๆ

อีกหนึ่งอคติที่สำคัญคือ “end of history illusion” ที่ทำให้เราเชื่อว่าตัวตน ความชอบ และค่านิยมของเราจะไม่เปลี่ยนแปลงในอนาคต

การศึกษาจาก MIT แสดงให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่มักประเมินการเปลี่ยนแปลงของตนเองในอนาคตต่ำกว่าความเป็นจริงถึง 40% ความเชื่อนี้อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่เหมาะสม เช่น การสักรูปที่อาจไม่สะท้อนตัวตนในอนาคต หรือการเลือกเส้นทางอาชีพโดยไม่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของความสนใจ

ความท้าทายสำคัญอีกประการหนึ่งคือการมองตัวตนในอนาคตเป็นคนแปลกหน้า ทำให้เรามักตัดสินใจโดยคำนึงถึงแต่ความสุขเฉพาะหน้า เช่น การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยด้วยบัตรเครดิต การผลัดวันประกันพรุ่งในการทำงานสำคัญ หรือการเลือกรับประทานอาหารที่ให้ความสุขทันทีแทนที่จะคำนึงถึงสุขภาพในระยะยาว

การก้าวข้ามอุปสรรคสู่ความสำเร็จ

Hershfield นำเสนอกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการเชื่อมโยงกับตัวตนในอนาคต โดยเริ่มจากการเปลี่ยนมุมมอง แทนที่จะมองพวกเขาเป็นคนแปลกหน้า ให้มองว่าเป็นเพื่อนที่ต้องการความช่วยเหลือและการดูแล สร้างวิธีการในการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เช่น การเขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต การสร้างแคปซูลเวลาที่บรรจุความหวังและความฝันของเรา และการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนพร้อมแผนการปฏิบัติที่เป็นขั้นเป็นตอน

นักจิตวิทยาจาก University of Pennsylvania พบว่า การจินตนาการถึงตัวเองในอนาคตอย่างละเอียดสามารถเพิ่มแรงจูงใจในการทำงานหนักเพื่อเป้าหมายระยะยาวได้ถึง 80%

การสร้างภาพที่ชัดเจนของตัวตนในอนาคตช่วยให้เราตัดสินใจในปัจจุบันได้ดีขึ้น เช่น การจินตนาการถึงตัวเองในวัยเกษียณที่มีความมั่นคงทางการเงิน อาจช่วยให้เราเริ่มออมและลงทุนตั้งแต่วันนี้

การสร้างสมดุลระหว่างความสุขในปัจจุบันกับเป้าหมายระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญ แทนที่จะมองว่าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เราสามารถผสมผสานทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันได้อย่างชาญฉลาด เช่น การฟัง Audio Book หรือพอดแคสต์ที่ให้ความรู้ระหว่างออกกำลังกาย การทำงานในร้านกาแฟที่ชื่นชอบเพื่อเพิ่มความสุขในการทำงาน หรือการแบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นขั้นตอนย่อยๆ ที่ทำให้รู้สึกสำเร็จและมีความสุขได้ในทุกๆ วัน

การวิจัยด้านพฤติกรรมศาสตร์พบว่า การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อพฤติกรรมที่ต้องการมีประสิทธิภาพมากกว่าการพึ่งพาแรงจูงใจเพียงอย่างเดียวถึง 3 เท่า ดังนั้น การจัดสภาพแวดล้อมให้สนับสนุนเป้าหมายระยะยาว เช่น การเก็บอาหารที่มีประโยชน์ไว้ใกล้มือ การตั้งค่าหักเงินออมอัตโนมัติ หรือการจัดตารางเวลาที่เอื้อต่อการออกกำลังกาย จึงเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการสร้างการเปลี่ยนแปลง

บทส่งท้าย: สู่อนาคตที่ดีกว่า

การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นการเดินทางที่ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์และความมุ่งมั่นในการพัฒนา แนวคิดของ Hershfield ไม่เพียงช่วยเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวตนในปัจจุบันและอนาคต แต่ยังชี้ให้เห็นว่า การสร้างความเชื่อมโยงกับตัวตนในอนาคตเป็นกุญแจสำคัญสู่การตัดสินใจที่ดีในปัจจุบัน

เมื่อเรามองตัวตนในอนาคตเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ไกลเกินเอื้อม เราจะเริ่มเห็นว่าการตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันล้วนมีความหมาย เปรียบเสมือนการวาดภาพที่ค่อยๆ เติมสีและรายละเอียดทีละนิด จนกลายเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบในที่สุด

ในท้ายที่สุด การสร้างอนาคตที่ดีกว่าไม่ใช่เรื่องของการเสียสละความสุขในปัจจุบันทั้งหมด แต่เป็นเรื่องของการสร้างสมดุลและความเชื่อมโยงระหว่างตัวตนในแต่ละช่วงเวลา เหมือนการเต้นรำที่ต้องก้าวไปข้างหน้าและถอยหลังอย่างสอดประสาน เพื่อสร้างท่วงทำนองที่งดงามของชีวิตนั่นเองครับผม

References :
หนังสือ Your Future Self: How to Make Tomorrow Better Today โดย Hal Hershfield

Geek Daily EP266 : อวสาน Programmer? โอกาสหรือวิกฤต เมื่อ AI เขียนโค้ดได้ดีกว่ามนุษย์

ท่ามกลางการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี AI ในช่วงต้นปี 2025 Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Meta ได้กล่าวถ้อยคำที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับวงการเทคโนโลยีทั่วโลก เขาคาดการณ์ว่าภายในปีเดียวกันนี้ บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะมี AI ที่สามารถทำงานได้เทียบเท่ากับวิศวกรระดับกลาง และในอนาคตอันใกล้ โค้ดส่วนใหญ่ในแอปพลิเคชันต่างๆ จะถูกพัฒนาโดย AI Engineers แทนที่จะเป็นวิศวกรที่เป็นมนุษย์

คำกล่าวนี้ไม่ได้มาจาก Zuckerberg เพียงคนเดียว ในปี 2024 มีการเปิดเผยการสนทนาภายในของ Amazon ที่หัวหน้าฝ่าย Cloud ได้กล่าวในทำนองเดียวกันว่า นักพัฒนาส่วนใหญ่อาจหยุดเขียนโค้ดเมื่อ AI เข้ามาแทนที่ ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยโดย Business Insider จากการได้รับบันทึกเสียงการประชุมภายใน ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับวงการเทคโนโลยีอย่างมาก

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/yrxpcrk7

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/4n53ze67

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/4bajbe69

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/ZZMj7knAHrw

4 ฤดูกาลแห่งชีวิต : เข้าใจตัวเอง เข้าใจโลก เข้าใจความสำเร็จ กับบทเรียนจาก Tony Robbins

ทุกความสำเร็จล้วนมีจุดเริ่มต้น เช่นเดียวกับเรื่องราวของ Tony Robbins ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ที่เริ่มต้นอาชีพด้วยความกล้าที่จะท้าทายตนเอง และเป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่สนใจจาก PBD Podcast ที่สัมภาษณ์ Tony Robbins โดยมีเนื้อหาที่น่าสนใจมาก ๆ ในหัวข้อ “Patterns Can Make You UNSTOPPABLE” 

ในปี 1984 ที่ Los Angeles Tony ได้ทำงานกับนักกีฬาโอลิมปิก จนประสบความสำเร็จด้วยการคว้าชัยชนะในการแข่งขันว่ายน้ำท่าฟรีสไตล์ 1,500 เมตร ทั้งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน จากนั้นเขาได้ร่วมงานกับบุคคลสำคัญระดับโลกมากมาย ทั้ง Nelson Mandela, Mother Teresa, Gorbachev และ Clinton

ปัจจุบัน Tony กำลังจะมีอายุครบ 65 ปี มีครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมด้วยลูก 5 คนและหลาน 5 คน โดยลูกสาวคนโตอายุ 50 ปี และคนเล็กอายุเพียง 3 ปีครึ่ง เนื่องจากเขารับเด็ก 3 คนมาเลี้ยงดูตั้งแต่อายุ 24-25 ปี

เมื่อมองไปที่อนาคตของลูกหลาน Tony ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการที่ 40% ของงานจะถูกแทนที่ด้วย AI หุ่นยนต์ สิ่งนี้ทำให้เขาค้นพบว่าทักษะสำคัญที่จะช่วยให้มนุษย์ประสบความสำเร็จในอนาคตประกอบด้วยการจดจำรูปแบบ การใช้รูปแบบ และการสร้างรูปแบบใหม่ ๆ

Tony อธิบายว่าการจดจำรูปแบบที่เคยเกิดขึ้นจะช่วยขจัดความกลัว เช่น เมื่อเราเข้าใจว่าความขัดแย้งทางการเมืองไม่ได้รุนแรงเท่าในอดีต ซึ่งการใช้รูปแบบสามารถเรียนรู้ได้จากผู้ประสบความสำเร็จ เช่น นักลงทุนระดับโลกอย่าง Ray Dalio, Carl Icahn และ Warren Buffett ส่วนการสร้างรูปแบบใหม่จะเกิดขึ้นได้หลังจากที่เราเรียนรู้และเข้าใจรูปแบบที่มีอยู่อย่างลึกซึ้ง

การพัฒนาของมนุษยชาติมีจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อเราเริ่มเข้าใจ “ฤดูกาล” ย้อนไปในยุคโบราณ มนุษย์เราต้องเร่ร่อนเพื่อหาอาหาร แต่เมื่อเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล เราจึงสามารถตั้งถิ่นฐาน สร้างชุมชน และพัฒนาอารยธรรมขึ้นมาได้

Tony ชี้ให้เห็นว่าการทำสิ่งที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ เปรียบเสมือนการเพาะปลูกที่ต้องทำในฤดูกาลที่เหมาะสม

ชีวิตมนุษย์ก็เช่นกัน มีฤดูกาลของตัวเอง เริ่มจากฤดูใบไม้ผลิในช่วงอายุ 0-21 ปี เป็นช่วงที่ทุกอย่างเติบโตได้ง่าย ได้รับการปกป้องดูแลและการศึกษา ต่อด้วยฤดูร้อนในช่วงอายุ 22-42 ปี เป็นช่วงแห่งการทดสอบที่ท้าทาย หลายคนเริ่มเข้าใจว่าความฝันและความเป็นจริงอาจแตกต่างกัน จากนั้นเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงในช่วงอายุ 43-63 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ประสบความสำเร็จและมีพลังสูงสุด และสุดท้ายคือฤดูหนาวในช่วงอายุ 63 ปีขึ้นไป เป็นช่วงที่ได้เก็บเกี่ยวผลแห่งความสำเร็จและพร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์ให้กับผู้อื่น

Tony ยังได้วิเคราะห์วงจรของประวัติศาสตร์ผ่านมุมมองของคนที่เกิดในปี 1910 ซึ่งเริ่มต้นชีวิตในยุคเฟื่องฟู แต่ต้องเผชิญกับ Great Depression ในปี 1929 และสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1939 คนรุ่นนี้ถูกเรียกว่า “The Greatest American Generation” เพราะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากและกลับมาเป็นวีรบุรุษ

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกเข้าสู่ยุคแห่งความหวังในช่วงปี 1950 ถึงต้นปี 1960 แต่หลังจากการลอบสังหาร Kennedy, Bobby Kennedy และ Martin Luther King Jr. สังคมก็เปลี่ยนแปลงไป เกิดความขัดแย้งระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ส่งผลให้รูปแบบการเลี้ยงดูลูกเปลี่ยนไป เกิดปรากฏการณ์ “latchkey kids” หรือเด็กที่ต้องดูแลตัวเองที่บ้าน

ค่านิยมในสังคมก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย จากที่เคยให้ความสำคัญกับปรัชญาชีวิตที่ทำให้มีความสุขในช่วงปี 1960-1970 กลับเปลี่ยนมาเน้นทักษะปฏิบัติเพื่อความมั่นคงทางการเงินในช่วงปี 1980-2000

Tony มองว่าปัจจุบันเราอยู่ในช่วงฤดูหนาวของประวัติศาสตร์ ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจและความขัดแย้งรูปแบบใหม่ แต่เขาเชื่อว่าหลังจากนี้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่ม Millennials และ Generation Z ที่กำลังผ่านช่วงเวลายากลำบากจะกลายเป็นวีรบุรุษรุ่นต่อไป

ในด้านการทำธุรกิจ Tony เน้นย้ำว่าความสำเร็จประกอบด้วยจิตวิทยาและอารมณ์ 80% และกลยุทธ์ 20% โดยกลยุทธ์ที่ถูกต้องสามารถประหยัดเวลาได้ถึง 10 ปี

โดยตัวเขาเองบริหารธุรกิจ 114 บริษัทมูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์ ด้วยการเป็นเจ้าของที่แท้จริงและบริหารโดยตรงเพียง 12 บริษัท ที่เหลือให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ผ่านโปรแกรม Business Mastery ที่รับประกันการเติบโต 30-130% ภายใน 18 เดือน

สาระสำคัญที่ Tony ต้องการสื่อคือ การเข้าใจวัฏจักรของชีวิต ธุรกิจ และประวัติศาสตร์ จะช่วยให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและใช้ประโยชน์จากทุกสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ซึ่งมักเป็นโอกาสในการสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ดังที่ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า บริษัทชั้นนำถึง 60% ใน Fortune 1000 เกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ เช่น FedEx และ Disney

ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่ในฤดูกาลไหน แต่อยู่ที่ว่าเราเข้าใจและใช้ประโยชน์จากฤดูกาลนั้นได้ดีเพียงใด การรู้จักจังหวะของชีวิตและประวัติศาสตร์จะช่วยให้เราก้าวผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายและเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกสถานการณ์ได้นั่นเองครับผม

References :
“Patterns Can Make You UNSTOPPABLE” – Tony Robbins BREAKS DOWN The Cycles Of Failure & Success
https://youtu.be/_uVm_MykGLk?si=Hqki639sLqXR_Q7y