Gemini เป็น large language model ล่าสุดของ Google ซึ่ง Sundar Pichai เปิดเผยครั้งแรกในงานประชุมนักพัฒนา Google I/O เมื่อเดือนมิถุนายน และตอนนี้ได้ทำการเปิดตัวออกสู่สาธารณะ ซึ่งจากคำกล่าวของ Pichai และ CEO ของ Google DeepMind อย่าง Demis Hassabis Gemini ถือเป็นก้าวกระโดดอย่างมหาศาลของโมเดล AI ที่ในที่สุดจะส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ของ Google เกือบทั้งหมด
Gemini ไม่ใช่แค่ AI โมเดลเดียว มีเวอร์ชัน lite ในชื่อ Gemini Nano ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรันบนอุปกรณ์ Android แบบออฟไลน์ มีเวอร์ชันที่แรงขึ้น คือ Gemini Pro ที่ในไม่ช้าจะใช้ในการขับเคลื่อน AI services ของ Google จํานวนมาก และเป็น AI backbone ของ Bard ที่เริ่มใช้งานตั้งแต่วันนี้ รวมถึงโมเดลที่มีความสามารถมากที่สุดที่ชื่อ Gemini Ultra ที่เป็น AI model ที่ทรงพลังที่สุดของ Google ที่เคยสร้างมา และดูเหมือนกําลังออกแบบมาเพื่อ data center และการประยุกต์ใช้งานในองค์กรธุรกิจ
หนึ่งในหนังสือเชิงปรัชญาที่เขาชอบมากที่สุดคือ The Hitchhiker’s Guide to the Galaxy โดย Douglas Adams ซึ่งเป็นหนังสือที่เสนอมุมมองเชิงปรัชญาในหลาย ๆ ด้าน เนื้อหานั้นเป็นเหมือนการรวมเอาหนังสืออย่าง Monty Python และ Star Wars มารวมกัน
ความน่าสนใจคือ Apple ในยุคที่ Steve Jobs ดำรงตำแหน่ง CEO และ Tim Cook รับตำแหน่ง COO นั้นทั้งคู่ดูเหมือนจะมีพลังที่อยู่ขั้วตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง Jobs นั้นดูเหมือนเป็นนักสร้างสรรค์ นักนวัตกรรม แต่เขามีคุณลักษณะนิสัยแบบก้าวร้าว แข็งกร้าว เอาแต่ใจ ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง ไม่ค่อยฟังผู้อื่น ดื้อดึง มั่นใจในตัวเองมาก ๆ
แต่ Tim Cook นั้นแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่แทบจะตรงข้ามกับ Jobs เพราะเขา ใจเย็น สงบนิ่ง ทำอะไรเป็นระบบ ละเอียดรอบคอบ ถ่อมตัว ประนีประนอม ชอบเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูด และมักแสดงความเห็นด้วยกับผู้อื่นตลอดเวลา
การถือกำเนิดของอินเทอร์เน็ตเป็นประโยชน์สำหรับชายที่มีชื่อว่า Hal Finney ซึ่งทำให้เขาสามารถเชื่อมต่อกับคนอื่น ๆ ในสถานที่ห่างไกลที่กำลังมีแนวคิดเกี่ยวกับลัทธิไซเบอร์ยูโทเปียที่มีความคลุมเครือ ซึ่งหากมองในอีกมุมหนึ่งก็ถือว่าเป็นแนวทางของพวกหัวรุนแรงได้เช่นเดียวกัน
Hal เป็นลูกหนึ่งในสี่คนของวิศวกรปิโตรเลียม เขาอ่านหนังสือแคลคูลัสเพื่อความสนุกสนาน เข้าเรียนที่ California Institute of Technology เขามักจะท้าทายสติปัญญาของตัวเองอยู่เสมอ ในช่วงปีแรกเขาได้เข้าเรียนหลักสูตรทฤษฎีสนามโน้มถ่วงซึ่งออกแบบมาสำหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา
แต่เขาไม่ใช่เด็กเนิร์ดทั่วไป ชายหนุ่มร่างใหญ่ผู้รักการเล่นสกีในภูเขาแคลิฟอร์เนียเขาเป็นคนที่ชอบเข้าสังคมเหมือนในหมู่นักเรียนส่วนใหญ่ของ Cal Tech
Hal ได้เข้าร่วมชุมชนออนไลน์ที่เก่าแก่ที่สุดเช่น Cypherpunks และ Extropians ซึ่ง ในชุมชนดังกล่าวได้มีการถกเถียงกันว่าเทคโนโลยีใหม่ ๆ สามารถที่จะกำหนดอนาคตที่พวกเขาฝันไว้ได้อย่างไร
Hal Finney เข้าร่วมกลุ่ม Cypherpunks เพื่อแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยี (CR:Bitcoin.fr)
แนวคิดดังกล่าวมันได้เริ่มก่อตัวขึ้นเนื่องจากกลุ่มการเมืองที่มีแนวคิดเสรีนิยมที่เริ่มแพรกระจายไปในแคลิฟอร์เนียช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 ความสงสัยเกี่ยวกับรัฐบาลเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจให้กับชายอย่าง Hal ที่ทำงานเพื่อสร้างโลกใบใหม่ผ่านการเขียนโค้ดโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่น
Hal ได้ซึมซับความคิดเหล่านี้ที่ Cal Tech และในการอ่านนวนิยายของ Ayn Rand ซึ่งในขณะนั้นประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวในยุคอินเทอร์เน็ตนั้นเริ่มได้แพร่กระจายไปไกลนอกเหนือจากกลุ่มการเมืองที่มีแนวคิดเสรีนิยมหรือในหมู่นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน
Cypherpunks ยังมองไม่เห็นวิธีแก้ปัญหา แต่ Hal และคนอื่น ๆ มุ่งค้นหาคำตอบทางเทคโนโลยีและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในศาสตร์แห่งการเข้ารหัสข้อมูล
Hal ถูกดึงดูดโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคำกล่าวอ้างของ Satoshi ที่ว่าผู้ใช้สามารถเป็นเจ้าของและซื้อขาย Bitcoins ได้โดยไม่ต้องให้ข้อมูลระบุตัวตนกับหน่วยงานกลาง ซึ่งตัว Hal เองก็ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในการทำงานกับโปรแกรมที่ทำให้ผู้คนทั่วไปสามารถหลบเลี่ยงการจ้องมองของรัฐบาลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
หลังจากอ่านคำอธิบายเก้าหน้าซึ่งมีอยู่ใน paper แล้ว Hal ก็ได้ตอบกลับไปอย่างกระตือรือร้น: