ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับเคล็ดลับในการทำงาน และสิ่งที่ควรทำอย่างแท้จริง

เมื่อคุณอยู่ในช่วงแรกสุดของอาชีพการงานของคุณ ต้องบอกว่ามีหลากหลายคำแนะนำในการทำงาน เช่น การสร้างความประทับใจที่ดี หรือ วิธีการเติมเต็มแรงบันดาลใจในการทำงานแต่สิ่งที่พูดถึงไม่บ่อยคือคำแนะนำที่คุณไม่ควรปฏิบัติตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

เคล็ดลับในการประกอบอาชีพที่พบบ่อยที่สุดที่เรามักได้ยินกัน เช่น แค่เป็นตัวของตัวเอง การให้ความสำคัญกับจุดแข็งของคุณ ทำตามสิ่งที่คุณรัก

ต้องบอกว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นคำพูดที่เพ้อฝัน และอย่านำไปทำในโลกแห่งความเป็นจริง แม้ว่าคำแนะนำจะรู้สึกมีความถูกต้องโดยสัญชาตญาณของเรา ข้อมูลและการวิจัยที่เกิดขึ้นจริงส่วนใหญ่ชี้ให้เห็นว่าเราน่าจะทำได้ดีกว่าหากทำสิ่งตรงกันข้ามกับคำแนะนำสวยหรูเหล่านี้

ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับการประกอบอาชีพบางส่วนที่เราควรเพิกเฉยและสิ่งที่เราควรทำ :

“แค่เป็นตัวของตัวเอง.”

นี่อาจเป็นคำแนะนำด้านอาชีพที่ใช้บ่อยที่สุดและเป็นอันตรายมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในสภาพแวดล้อมการทำงาน โดยเฉพาะการสัมภาษณ์งานผู้สัมภาษณ์มักไม่ต้องการเห็นบุคลิกที่ไม่กลั่นกรองมาก่อน และเป็นตัวของตัวเองของเราจนเกินไป

เหล่าคนสัมภาษณ์งาน พวกเขาสนใจที่จะเห็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของเรา ซึ่งนั่นก็คือเราจะมีพฤติกรรมที่ดีที่สุดในการบอกพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาต้องการฟัง แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจะพูดก็ตาม

การปฏิบัติตามมารยาททางสังคมการแสดงความยับยั้งชั่งใจ และการควบคุมตนเองรวมถึงการนำเสนอตัวเองจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานในขณะที่การ “เป็นตัวของตัวเอง” อาจทำให้เราดูเหมือนหลงตัวเอง และถูกมองผ่านในการสัมภาษณ์งานได้

สิ่งที่ต้องทำแทน : ในสถานการณ์ที่มีเดิมพันสูง เช่น การสัมภาษณ์งาน เราจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีกว่าหากเราจัดการและควบคุมภาพลักษณ์ของเราให้เหมาะสม 

ให้ทำในสิ่งที่เราต้องการให้คนอื่นเห็น แม้ว่าสิ่ง ๆ นั้น จะไม่ได้มากจากตัวตนของเราจริง ๆ 100% ก็ตามที

วิทยาศาสตร์ของการแสดงผลทางสังคมบอกว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการทำความเข้าใจกับสิ่งที่คนอื่นต้องการ และแสดงมันออกมาในสิ่งที่คนอื่นคาดหวังจากเรา จากนั้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเพื่อไม่ให้พวกเขาผิดหวัง 

ให้ความสำคัญกับบริบท ตัวอย่างเช่น หากเราสัมภาษณ์งานกับบริษัท Startup ทางด้านเทคโนโลยี เราก็ไม่ควรสวมชุดเดียวกันที่เราอาจจะใส่ไปสัมภาษณ์ที่ธนาคารใหญ่ ๆ หรือ บริษัทที่มีแนวคิดหัวโบราณ

บริษัท ที่ต้องการจ้างเรานั้น สิ่งต่าง ๆ อาจแตกต่างไป ในห้าปีต่อมาเมื่อเราอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคงในบริษัท และมีชื่อเสียงมากเพียงพอ แต่เราต้องเล่นไปตามเกมก่อนที่เราจะทำผิดกฎได้ กฎของเราอาจจะดีกว่า แต่การสัมภาษณ์งานไม่มีเวลามากพอนักที่เราจะแสดงอะไรโง่ ๆ ออกมา

“ให้ความสำเร็จของคุณพูดแทนตัวเอง”

โลกจะน่าอยู่ขึ้นหากผู้คนประสบความสำเร็จเพราะความสามารถมากกว่าความมั่นใจ ในโลกที่สมบูรณ์แบบ เราไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการโปรโมตตัวเอง เพื่อสร้างแบรนด์ให้กับตัวเอง

แต่น่าเศร้าที่เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ความจริง การมีสไตล์จะทำให้เราไปได้ไกลกว่าการไม่มีสไตล์ ในงานการวิจัยได้แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่าความเชื่อมโยงของการพยายามสร้างตัวตน หรือ สร้างแบรนด์ให้กับตัวเอง มีแนวโน้มที่จะเอาชนะคนที่มีเพียงแค่ความสามารถและศักยภาพเท่านั้น

สิ่งที่ต้องทำแทน : แบรนด์ของเราเป็นตัวขับเคลื่อนความสำเร็จในอาชีพการงานที่ยิ่งใหญ่กว่างานจริงของเรา ซึ่งหมายความว่าแม้แต่คนที่มีความสามารถส่วนใหญ่ก็ได้รับประโยชน์มากมายจากการสร้างแบรนด์ให้กับตัวเอง

การปลูกฝังความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเจ้านายและทำให้แน่ใจว่าคนที่มีอำนาจเห็นคุณค่า และต้องมีการเรียนรู้วิธีที่จะอยู่อย่างถ่อมตัว 

สถานการณ์ในอุดมคติ ก็คือ การให้เจ้านายของเราคิดว่าเราเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวพอ ๆ กับที่เค้าเห็นเราเป็นคนที่มีความสามารถ การเปิดเผยหรือแสดงออกมากเกินไป สามารถย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ในภายหลัง

สังเกตผู้คนในตำแหน่งที่มีอำนาจ และพยายามทำความเข้าใจว่าพวกเขากำลังพยายามแก้ไขปัญหาอะไร จากนั้นแสดงและบอกพวกเขาว่าเราสามารถช่วยได้อย่างไร นี่เป็นสูตรสำเร็จที่ดีกว่าการเพิกเฉยและไม่สนใจต่อผู้อื่นในโลกของการทำงาน

“มุ่งเน้นไปที่จุดแข็งของคุณ”

คนทั่วไปมักชอบคำแนะนำแบบนี้เพราะง่ายกว่าการปฏิบัติในรูปแบบอื่น ๆ แต่ปัญหาคือจุดแข็งเกิดจากแนวโน้มที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นส่วนที่เกิดขึ้นเองของตัวเราที่ยกระดับสถานะและชื่อเสียงของเราจากผู้อื่น

และในขณะที่ทุกคนต่างมีจุดแข็ง มันทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิตเว้นแต่เราจะเรียนรู้ที่จะตรวจสอบจุดอ่อนของตัวเราเองด้วย

ตัวอย่างเช่น เราอาจเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลก แต่ถ้าเราขาดความเอาใจใส่และความถ่อมตัว ความฉลาดของเราจะทำให้เราดูหยิ่งและเย็นชา เราอาจเป็นนักเขียนที่มีความสามารถมากที่สุด แต่ถ้าเราไม่มีการควบคุมตนเอง เราจะไม่มีวันสร้างงานหรือส่งมอบงานให้ตรงเวลาได้นั่นเอง

ยิ่งไปกว่านั้นหากใช้มันมากเกินไปจุดแข็งของเราก็จะกลายเป็นจุดอ่อนในที่สุด: ความมั่นใจที่มากเกินไปจะกลายเป็นความหลงผิด ความเมตตาที่มากเกินจะนำไปสู่การหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง

สิ่งที่ต้องทำแทน :  การปรับตัวให้เข้ากับโลกแห่งความเป็นจริงและสร้างความประทับใจให้กับผู้อื่นซึ่งจะมีประโยชน์มากที่สุดในช่วงเริ่มต้นอาชีพของเรา ให้สร้างความมั่นใจกับจุดแข็งของเรา แต่ก็ต้องพยายามหาจุดอ่อนตัวเราด้วยเช่นกัน

ผู้ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ มักจะมีการวิจารณ์ตัวเอง ซึ่งความทะเยอทะยานของพวกเขาเป็นผลมาจากความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะเอาชนะข้อจำกัด และไม่สามารถพอใจกับความสำเร็จเก่า ๆ ของพวกเขาได้

ในทำนองเดียวกันเมื่อเรารู้ว่าจุดอ่อนของเราคืออะไร เราจะรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งความรู้สึกดังกล่าวนั้นอาจผลักดันให้เราสามารถทำสิ่งที่ดีขึ้นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะผลักดันให้เราเติบโตได้เร็วขึ้น

“ทำตามความหลงใหลของคุณ”

แม้ว่าจะช่วยให้มีความคิดที่ชัดเจนว่าเราต้องการทำอะไรในชีวิต แต่การทำตามความหลงใหลของเรามักเป็นเพียงสูตรสำเร็จเท่านั้น หากความปรารถนาของเราสอดคล้องกับความต้องการของตลาดงานและความสามารถที่แท้จริงของเรา

และแน่นอนว่าเป็นความจริงเช่นกันที่ว่า ความหลงใหลเป็นสิ่งที่ไม่จีรังกว่าที่เราคิด ตัวอย่างเช่น ปีนี้เราอาจหลงใหลในการถ่ายภาพ แต่ในปีหน้าเราอาจหลงใหลในวิทยาศาสตร์ การเขียน หรือแอนิเมชั่น

ในกรณีส่วนใหญ่หากเรามองหาโอกาสในอาชีพการงานที่เรารักเท่านั้น แทนที่จะขยายมุมมองของเรา และพิจารณาสิ่งที่จะทำให้เราเติบโต เราอาจจะต้องเสียสละงานที่สามารถพัฒนาอาชีพของเราในสายงานได้

นอกจากนี้ยังเป็นการทิ้งโอกาสสำคัญในการค้นพบตัวเองนั่นคือโอกาสที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องการและไม่ต้องการ หรือทดลองกับสิ่งใหม่ ๆ ที่เราอาจจะทำได้ดีหรือชอบมากกว่า

จำไว้ว่าการทำตามความปรารถนาของเรานั้นอาจเป็นวิธีในการปกป้องตัวเองวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราอยู่ใน comfort zone และขัดขวางการพัฒนาของเรานั่นเอง

สิ่งที่ต้องทำแทน :  โดยปกติแล้วยิ่งเราอายุน้อย เราก็จะต้องทำการค้นหาตัวเองให้มากขึ้นเท่านั้น ในช่วงอายุ 20 ปี เราควรคิดอย่างหนักเกี่ยวกับความสนใจและศักยภาพของเรากับโอกาสที่มีอยู่และคว้าสิ่งที่จะช่วยให้เราสามารถเรียนรู้และเติบโต

ในช่วงอายุ 30 ปีเราอาจต้องการเปลี่ยนโฟกัสจากการได้รับผลตอบแทนระยะสั้นเป็นการสร้างผลกระทบในระยะยาว และในทั้งสองขั้นตอนก็ควรที่จะมีความยืดหยุ่น

ในท้ายที่สุดการทำตามความหลงใหลของเราก็มีประโยชน์น้อยกว่าการหาคนที่ทุ่มเทอย่างจริงจังเพื่อช่วยให้เราสามารถเติบโตในระยะยาวได้นั่นเอง

ในระยะสั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้คือเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งหมายถึงการเปิดกว้างและพยายามประเมินข้อดีข้อเสีย ของแต่ละเส้นทางที่เรามีโอกาสได้ลองอย่างรอบคอบ

หลังจากนั้นโอกาสความสำเร็จของเราอาจเพิ่มมากขึ้น หากเราเพิ่มความเหมาะสมระหว่างศักยภาพ ความสนใจ และโอกาสของเราให้มากที่สุดนั่นเองครับ

References : https://hbr.org/2020/10/4-pieces-of-career-advice-its-okay-to-ignore

Geek Story EP62 : การก่อกำเนิดของเกม Pong กับการสร้างวัฒนธรรมแหกกฏครั้งแรกใน Silicon Valley

ในวันที่ Atari ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ปี 1972 Nolan Bushnell ได้ว่าจ้างวิศวกรคนแรกของเขา Al Alcorn ซึ่งเป็นนักฟุตบอลระดับมัธยมปลายจากละแวกซานฟรานซิสโก ที่เรียนรู้การซ่อมโทรทัศน์ด้วยตัวเองผ่านหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยเบิร์กลีย์

ในเวลานั้น Bushnell มีสัญญาที่จะสร้างวีดีโอเกมใหม่ให้กับ บริษัท Bally Midway ในเมืองชิคาโก ซึ่งแผนการคือการทำเกมแข่งรถ ซึ่งดูเหมือนจะน่าสนใจกว่า เกมยานอวกาศสุดฮิตอย่าง Spaewar ในสมัยนั้น

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3qbG66p

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/2HRsGv2

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/B1BjGBDDNM4

References : https://www.pinterest.com/pin/427771664586310436/?autologin=true

เมื่อ Raspberry Pi ถูกนำมาใช้แฮ็ค Tesla Model X

ComputerWeekly ได้รายงานว่านักศึกษาปริญญาเอกชาวเบลเยี่ยม ทำการ hack ระบบการรักษาความปลอดภัยของ Tesla Model X ได้สำเร็จด้วยอุปกรณ์ง่าย ๆ อย่าง Raspberri Pi

โดยพวกเขาได้ใช้เครื่องมือแฮ็กเกอร์ทั้ง มีดพก Swiss Army ,  Raspberry Pi พร้อมกับ Key fob (กุญแจรีโมท เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปเปิดประตูรถ) ที่ได้รับการแก้ไข และหน่วยควบคุมเครื่องยนต์ (ECU)  ช่องโหว่นี้บังคับให้ Tesla ต้องออกแพทช์ใหม่สำหรับรถยนต์ Model X ทันที

Lennert Wouters นักศึกษาปริญญาเอกจากกลุ่มวิจัยการรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ (Cosic) ของมหาวิทยาลัย Leuven ได้สร้างอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายกับรถ Tesla ได้ไกลถึง 5 เมตร 

ต้องบอกว่านี่เป็นครั้งที่สามที่ Wouters สามารถใช้ประโยชน์จาก key fob และเข้าถึงรถได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็สามารถที่จะโคลน fob ได้สำเร็จมาแล้ว

“การใช้ ECU ที่ได้รับการดัดแปลงซึ่งได้มาจาก Tesla Model X ทำให้เราสามารถบังคับ Key fobs ได้ในระยะทางไกลถึง 5 เมตร” Wouters กล่าว

ชุดอุปกรณ์ทั้งหมดมีราคา 195 เหรียญและสามารถซ่อนไว้ในกระเป๋าเอกสารหรือกระเป๋าพกพาได้อย่างง่ายดาย

ซึ่งทำให้โจร สามารถที่จะเดินไปตามเป้าหมาย และควบคุมกุญแจของพวกเขาได้ จากนั้นก็รอเพียงแค่เวลาที่หัวขโมยจะต้องใช้ตัวเชื่อมต่อ Raspberri Pi เพื่อจับคู่ Key fob ที่แก้ไขแล้ว จากนั้นพวกเขาก็สามารถควบคุมยานพาหนะได้ทั้งหมด

Raspberry Pi ถือว่าเป็น อุปกรณ์ที่มีต้นทุนต่ำ ใช้งานง่าย และใช้พลังงานในการประมวลน้อย ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเจ้าบอร์ดเล็ก ๆ ตัวนี้ มีอะไรมากกว่านำมาใช้ในการเรียนรู้การเขียนโค้ด หรือ เชื่อมต่อวงจรไฟ LED กระพริบ แบบที่เราได้เคยเห็นกันเพียงเท่านั้น

แน่นอนว่าข่าวนี้น่าสนใจ ตอนนี้รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า นั้นแทบจะมีระบบปฏิบัติการทางด้านคอมพิวเตอร์อยู่ด้านใดคอยจัดการในส่วนต่าง ๆ ของรถ ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตรถยนต์เหล่านี้ ก็จะเป็นเป้าหมายที่สำคัญของเหล่า Hackers ที่สามารถเข้าถึงได้ไม่ยากอีกต่อไป ซึ่งต่อไปเราอาจจะได้เห็น Ransomware ที่จะมาเรียกค่าไถ่จากรถยนต์ก็เป็นได้นั่นเองครับ

References : https://www.computerweekly.com/news/252492564/Belgian-security-researcher-hacks-Tesla-with-Raspberry-Pi
https://www.geeky-gadgets.com/tesla-model-s-hacked-by-raspberry-pi-mini-pc-in-seconds-11-09-2018/

Geek Monday EP70 : 11 สิ่งที่คุณควรรู้จากแพล็ตฟอร์ม Blockdit

ต้องบอกว่าผมเป็นหนึ่งในสมาชิกที่อยู่ในแพล็ตฟอร์ม Blockdit แห่งนี้มาตั้งแต่ช่วงต้น ๆ ที่ในช่วงแรก ๆ นั้นมีสมาชิกอยู่ไม่มากมายนัก และได้เห็นการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องของแพล็ตฟอร์ม Blockdit ที่ตอนนี้ต้องถือว่าเป็นอีกหนึ่งในแพล็ตฟอร์มที่น่าจับตามองมาก ๆ เลยทีเดียว

และในวันนี้ ผมได้มีโอกาสที่ดีจากทีมงาน และ ผู้บริหารของ Blockdit ให้เกียรติตอบคำถามสัมภาษณ์ในหลาย ๆ คำถาม ที่ผมเชื่อว่า หลาย ๆ ท่านสมาชิกที่อยู่ในแพล็ตฟอร์มนี้อยู่แล้ว หรือ คนทั่วไปที่ยังไม่เคยรู้จักแพล็ตฟอร์มนี้ อยากที่จะทราบกันครับ

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ 

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/2JqhIgE

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/3mktxn6

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/RgxrSPn86QM

11 สิ่งที่คุณควรรู้จากแพล็ตฟอร์ม Blockdit

ต้องบอกว่าผมเป็นหนึ่งในสมาชิกที่อยู่ในแพล็ตฟอร์ม Blockdit แห่งนี้มาตั้งแต่ช่วงต้น ๆ ที่ในช่วงแรก ๆ นั้นมีสมาชิกอยู่ไม่มากมายนัก และได้เห็นการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องของแพล็ตฟอร์ม Blockdit ที่ตอนนี้ต้องถือว่าเป็นอีกหนึ่งในแพล็ตฟอร์มที่น่าจับตามองมาก ๆ เลยทีเดียว

และในวันนี้ ผมได้มีโอกาสที่ดีจากทีมงาน และ ผู้บริหารของ Blockdit ให้เกียรติตอบคำถามสัมภาษณ์ในหลาย ๆ คำถาม ที่ผมเชื่อว่า หลาย ๆ ท่านสมาชิกที่อยู่ในแพล็ตฟอร์มนี้อยู่แล้ว หรือ คนทั่วไปที่ยังไม่เคยรู้จักแพล็ตฟอร์มนี้ อยากที่จะทราบกันครับ


Question : ที่มา ที่ไปของ Blockdit จุดเริ่มต้นเป็นอย่างไร มองเห็นโอกาสอะไร ถึงมาทำ Social Network Platform ที่ส่วนใหญ่มีแต่ Platform ต่างชาติ ที่กำลังยึดครองตลาดในประเทศไทย ?

Answer :

จุดเริ่มต้นของไอเดียทำแพลตฟอร์มชื่อ Blockdit เริ่มต้นขึ้นช่วงปลายปี 2017

ในตอนนั้นเรามองเห็นถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับแพลตฟอร์มที่คนไทยใช้กันอยู่ ไม่ว่าจะเป็น

– การนำเสนอให้เห็นข้อมูลด้านเดียว โดยแต่ละคนจะได้รับข้อมูลจากกลุ่มเพื่อนที่กระจุกตัวเป็นข้อมูลชุดเดียวกัน เมื่อเขาเหล่านั้นไปเจอข้อมูลอีกชุดหนึ่งที่ขัดกับความเชื่อของกลุ่มของตน ก็เกิดการโต้แย้ง และเกิดการแบ่งฝ่ายเป็นสองข้าง

– ข้อมูลที่นำเสนอในโซเชียลมีเดีย มีความบาง (Thin Content) โดยแพลตฟอร์มที่มีอยู่เกือบทั้งหมดสนับสนุนให้เกิดความบางของเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดตัวอักษร หรือการให้แต่ละคนบอกสั้นๆว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งทำให้เนื้อหาเชิงลึก (Deep Content) มีน้อยลง และถูกบดบังโดยเนื้อหาเชิงความคิดเห็นที่จะเป็นส่วนใหญ่ของเนื้อหาทั้งหมดในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียปัจจุบัน

– การนำเสนอในโซเชียลมีเดีย ปัจจุบัน เน้นที่ “Look at me” หรือมองมาที่ตัวฉัน วันนี้ฉันทำอะไรมา ฉันกินอะไรมา เพื่อนำสิ่งนั้นอวดกันในกลุ่มคนที่รู้จักกัน ซึ่งทำให้เนื้อหาประเภท “Look at there” หรือบอกเรื่องราว ที่น่าสนใจของสิ่งต่างๆบนโลกนี้น้อยลงไป

หลังจากนั้น Blockdit จึงถือกำเนิดขึ้น โดยการนำไอเดียนี้ไปเสนอต่อนักลงทุนกลุ่มหนึ่ง และทุกคนเห็นด้วยกับไอเดียนี้ และได้รับระดมทุน Series A ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2018 ซึ่งเงินทุนดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม และเกิดแพลตฟอร์ม Blockdit ขึ้นในรูปแบบแอปพลิเคชันครั้งแรกในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2018

Blockdit มีความตั้งใจจะเปลี่ยนสังคมให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น โดยเน้นแนวคิดดังนี้

– สร้างพลังให้เกิดการนำเสนอข้อมูลจากหลายด้าน โดยบุคคลตัวเล็กๆ หรือ บุคคลที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน ก็สามารถนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจให้กับสาธารณะได้

– สนับสนุนทำให้เกิดคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาเชิงลึก ที่อธิบายสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ที่เป็นเนื้อหาประเภท Look at there ในขณะเดียวกันเนื้อหาเชิงลึกเหล่านี้ ต้องกระชับ อัดแน่น ไม่น่าเบื่อเยิ่นเย้อ จึงเป็นที่มาของคำว่า Blockdit ซึ่งมาจากคำว่า Block + Edit ซึ่งหมายความว่าเราสามารถสร้างสรรค์เนื้อหาเป็น บล็อก ซึ่งเป็นรูปแบบที่ทำให้คนเขียนไม่เขียนติดกันเป็นพรืด คนเขียนจะพยายามเขียนเป็นบล็อกที่กระชับ ซึ่งสุดท้ายรูปแบบเป็นบล็อกจะทำให้ง่ายต่อการอ่าน และสามารถทำให้เราอ่านข้อมูลได้มากๆได้โดยที่ไม่เบื่อ

ทั้งนี้เราได้ทำการทดลอง A/B Testing กับกลุ่มคนสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งอ่านเป็นบล็อก อีกกลุ่มหนึ่งอ่านแบบปกติ ผลปรากฏว่า กลุ่มคนที่อ่านเนื้อหาแบบเป็นบล็อก สามารอ่านจำนวนโพสต์ที่มากขึ้น และใช้เวลาอยู่กับแพลตฟอร์มนานขึ้น มากกว่าแบบปกติ ถึง 30%


Question : ในปัจจุบัน มีการสร้าง Content โดยเฉลี่ยแต่ละวันจาก user ใน Platform Blockdit ทั้งหมดจำนวนเท่าไหร่ และสัดส่วนระหว่าง content ที่เป็น  บทความ , podcast และ vdo เป็นอย่างไร

Answer :

ในแต่วันจะมีคอนเทนต์จาก User โดยเฉลี่ย 3,000 คอนเทนต์ ใน 1 เดือนจะมีประมาณ 90,000 คอนเทนต์ และ ในปีจะมี 1,000,000 คอนเทนต์อยู่ในแพลตฟอร์ม Blockdit

ซึ่งในตอนนี้การมีคอนเทนต์ที่มากทำให้อันดับเว็บไซต์ของ Blockdit.com ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเว็บไซต์ Top200 ของประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว

เนื่องจากเนื้อหาที่มีคุณภาพปริมาณมากได้ถูกส่งขึ้นไป ทำให้เมื่อคน Search หาเรื่องที่อยากรู้ บทความ Blockdit ที่มีเป็นล้านคอนเทนต์จะติดอยู่ในอันดับแรกๆของการค้นหา ซึ่งด้วยแนวโน้มลักษณะนี้ เราคิดว่า เราจะเป็น Top100 เว็บไซต์ของประเทศไทย ได้ในเร็วๆนี้

ในขณะนี้ สัดส่วนคอนเทนต์ประเภทบทความจะยังเป็นประเภทหลักของเนื้อหา ซึ่งกินสัดส่วนประมาณ 90% ของคอนเทนต์ทั้งหมดอยู่


Question : เทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง AI , Machine Learning , Big Data ฯลฯ มีบทบาทต่อ Platform Blockdit อย่างไรบ้าง

Answer :

แน่นอนว่าเมื่อเรามีข้อมูลอยู่บนแพลตฟอร์มจำนวนมาก ทำให้เราสามารถนำเทคโนโลยีมาเรียนรู้ข้อมูลที่มีอยู่ ทั้งการใช้ AI ในการจัดอันดับ Ranking

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง และการใช้ Machine Learning ในการกรองเนื้อหาที่ผิดลิขสิทธิ์ คัดลอกจากแหล่งอื่น ผิดกฎหมาย รุนแรง หรือหยาบคาย

อย่างไรก็ตาม เราได้เล็งเห็นการเดินทางผิดของหลายแพลตฟอร์มในปัจจุบัน ซึ่งเน้นแต่ว่าจะนำเสนอคอนเทนต์อย่างไรในด้านผู้ใช้งานต้องการ สำหรับ Blockdit จะนำเทคโนโลยีมาใช้โดยให้น้ำหนักกับการทำให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลที่หลากหลาย และไม่ได้เน้นแต่สิ่งที่ผู้ใช้งานชอบจนมากเกินไป


Question : อยากให้เล่าเบื้องหลังการทำงานของระบบการจัดลำดับ Ranking ที่อยู่ในหมวดยอดนิยม ของ Content แต่ละประเภท ทั้ง บทความ , Podcast และ VDO มีวิธีการทำงานอย่างไร

Answer :

การจัดลำดับ Ranking เราใช้การคิดของ AI ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติที่ใช้ข้อมูลหลาย Factor เข้ามาประกอบกัน

ซึ่งจะรวมไปถึง การกดอ่าน กดกดแสดงความรู้สึก การแสดงความคิดเห็น การแชร์ การกดบุ๊กมาร์ก การกดดูโปรไฟล์

ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกทำให้ Normalize คือ ทำให้เป็น Unique ต่อคน นั่นหมายความว่า คน 1 คน กดอ่านไป 100 ครั้ง ก็ไม่ได้มีประโยชน์ในการทำให้อันดับ Ranking ดีขึ้น

และสาเหตุที่ทำแบบนี้ได้ก็คือ ใน Blockdit เราเน้นผู้ใช้งานที่มีตัวตนจริง เช่นการให้ยืนยันเบอร์โทรศัพท์ ก่อนทุกครั้ง การใช้หลายอีเมลมาสมัครแล้วมี account หลุม, Avatar หลายร่างในหนึ่งคน จะเกิดขึ้นได้ยากสำหรับแพลตฟอร์ม Blockdit ในขณะเดียวกันเรื่องนี้มันเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติสำหรับแพลตฟอร์มอื่น

ดังนั้น ผู้ใช้งานใน Blockdit เป็นผู้ใช้งานที่ใช้จริง แต่ผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มอื่นอาจประกอบไปด้วยบัญชีปลอมจำนวนมากที่เฟ้อมากกว่าความจริง

เราเชื่อว่าในระยะยาวสังคมที่ดี ต้องไม่เน้นการหาผู้ใช้งานมากจนเกินไป

เราเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับแพลตฟอร์มอื่น จึงนำมาเป็นแนวทางให้กับ Blockdit ในการเลือกเริ่มต้นเดินไปในทางที่ถูกต้อง


Question : ในส่วนของ Features [โพสต์ที่เกี่ยวข้อง] มีเบื้องหลังการทำงานอย่างไร  ทาง Blockdit มีการวิเคราะห์ เนื้อหาภายในจาก podcast หรือ vdo ด้วยหรือไม่ หรือเป็นการวิเคราะห์เฉพาะส่วนของข้อความเพียงเท่านั้น

Answer :

โพสต์ที่เกี่ยวข้องเรามีระบบ AI ที่คอยหาเรื่องราวที่คล้ายกัน เพื่อนำเสนอให้กับผู้ใช้งาน

โดยสิ่งนี้จะตอบเป้าหมายของเราคือ การเห็นข้อมูลเรื่องเดียวกันในหลายมุมมอง

เพื่อให้ผู้อ่านมีวิจารณญาณในการตัดสินใจจากข้อมูลที่มีหลายด้านมากพอ

ส่วนเรื่องการวิเคราะห์ในปัจจุบันเรายังใช้วิธีจับเฉพาะส่วนของข้อความอยู่ แต่ในอนาคต เรามีแผนที่จะพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถจับเรื่องที่คล้ายกัน ในไฟล์ podcast และ vdo ด้วย


Question : อยากให้อธิบายในเรื่องระบบการให้ดาว ของ Platform Blockdit มีหลักการทำงานอย่างไร

Answer :

ระบบการให้ดาว จะมีระบบ AI ที่คล้ายกับระบบ Popular แต่จะเป็นอีกระบบหนึ่งที่มีเรื่องการหมดอายุของดาวในเวลา 24 ชั่วโมงหลังจากโพสต์ รวมถึงจะมีการคำนวณเรื่องจำนวนเงินที่ผู้ใช้งานสามารถสร้างรายได้ในโพสต์นั้นด้วย

แน่นอนว่าเราใช้ข้อมูลหลาย Factor เข้ามาประกอบกันซึ่งจะรวมไปถึง การกดอ่าน กดกดแสดงความรู้สึก การแสดงความคิดเห็น การแชร์ การกดบุ๊กมาร์ก การกดดูโปรไฟล์ ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกทำให้ Normalize ที่ Unique คล้ายกับการ Ranking แต่โพสต์ที่ได้ดาวทั้งหมดจะถูกตรวจสอบอีกชั้นว่า เนื้อหานั้นได้ถูกคัดลอกมาจากแหล่งอื่นหรือไม่


Question : ตอนนี้ Platform Blockdit มีวิธีในการจัดการ Fake News อย่างไร และมีการปรับใช้เทคโนโลยีมาช่วยเหลือในส่วนนี้หรือไม่ อย่างไร

Answer :

เราได้พยามใช้ Machine Learning ในการตรวจสอบ Fake News โดยเรียนรู้ว่าเนื้อหาประเภทไหนมีความเสี่ยงต่อการเป็นข้อมูลที่บิดเบือน อย่างไรก็ตามในตอนนี้การลบโพสต์ในแต่ละครั้งเราจะมีทีมงานมาคอยอนุมัติอีกชั้นหนึ่งก่อนที่จะลบโพสต์ใดๆ

ซึ่งในขณะเดียวกันเรามีระบบที่ให้ผู้ใช้งานสามารถ report โพสต์ที่ไม่เหมาะสม และจะมีทีมงานคอยรีวิวในทุกโพสต์ที่ถูกรายงานเข้ามา


Question : Free speech or Censorship ทาง Platform มีเส้นแบ่งระหว่างสองเรื่องนี้อย่างไร และมีการปรับใช้เทคโนโลยีมาช่วยเหลือในเรื่องนี้หรือไม่ อย่างไร

Answer :

Blockdit เชื่อใน Free speech และทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเขียนคอนเทนต์ หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องใดก็ได้ โดยปกติแล้ว Blockdit จะไม่ censor ใดๆ ยกเว้นว่าโพสต์นั้นผิดกติกาที่กำหนด เช่น ข่มขู่หรือสนับสนุนการทำร้ายตนเองหรือบุคคลอื่น ภาพอนาจาร ส่งเสริมการใช้อาวุธรุนแรง เป็นต้น ซึ่งรายละเอียดกติกาใช้งานสามารดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.blockdit.com/faqs#policy-blockdit


Question : หาก Platform เติบโตจนมีผู้ใช้งานหลักหลายสิบล้านคน เหมือน Platform Social Network จากต่างประเทศ Content ของ Feed หน้าแรกที่ user ทุกคนจะได้เห็นจากเพจที่พวกเขา Follow จะมีโอกาสที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นการถูกคัดเลือกโดย Algorithm เหมือน Platform ของต่างประเทศหรือไม่

Answer :

Blockdit เชื่อในแนวทางการใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสม

เราต้องยอมที่จะไม่ใช้เทคโนโลยีในบางเรื่อง และเรื่องนี้ก็เช่นกัน การจัดลำดับโพสต์ใน Blockdit หน้าโฮม Blockdit เลือกที่จะให้เรียงตามเวลา โดยที่ไม่ใช้ Algorithm ใดๆในการนำเสนอโพสต์ใดๆให้มาอยู่ข้างบนแซงหน้าโพสต์อื่น

เราเชื่อว่าการทำแบบนี้แฟร์สำหรับผู้ทำคอนเทนต์ทุกคน และแฟร์สำหรับผู้อ่าน เมื่อผู้ใช้งานเลือกที่จะติดตามแล้ว เขาควรมีโอกาสได้เห็นทุกโพสต์แบบเท่าเทียมกันเรียงตามเวลา โดยไม่ต้องมีระบบมาชี้นำว่าต้องเห็นโพสต์ไหนก่อน


Question : อะไรคือสิ่งที่ท้าทายที่สุดตั้งแต่เปิด Platform Blockdit ขึ้นมา และสามารถที่จะก้าวข้ามผ่านปัญหาดังกล่าวไปได้อย่างไร

Answer :

สิ่งที่ท้าทายคือ การสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจในเป้าหมายของ Blockdit ซึ่งหลายคนอาจยังคิดว่า Blockdit คล้ายแพลตฟอร์มอื่น และทำขึ้นมาแบบเล่น

แต่จริงๆแล้วเมื่อลองใช้งานดู จะพบว่าเราจริงจังในทุกเรื่อง เรามีทีมงานที่เก่ง และมี Passion กับเรื่องนี้

สังเกตได้จากการไหลลื่นของตัวแพลตฟอร์ม การออกแบบปโดยคำนึงถึงความง่ายในการใช้งาน ในขณะเดียวกันก็มีฟีเจอร์ที่ไม่มีในแพลตฟอร์มอื่น

Blockdit มีทั้งพอดแคสต์ การอ่านเป็นบล็อก การสร้างรายได้ ระบบดาว ระบบเพชร การนำเสนอคนที่ติดตามทุกคนแบบยุติธรรม การให้ประกาศโฆษณาเมื่อเป็นโพสต์โฆษณา การนำเสนอโพสต์ยอดนิยม ทั้งหมดนี้เราจะไม่ได้พบในแพลตฟอร์มอื่น และเราก็กำลังจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ให้มีความชัดเจนมากขึ้นอีก

หลายครั้งที่เราพบว่า ผู้ใช้งานส่งข้อเสนอแนะมาอยากให้มีฟีเจอร์หนึ่ง แต่เราสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าว่าผู้ใช้งานอยากมีฟีเจอร์นั้นและได้เริ่มพัฒนาไปแล้ว และสามารถเปิดตัวฟีเจอร์ได้หลังจากที่ผู้ใช้งานต้องการไม่นาน นี่อาจเป็นเสน่ห์หนึ่งของ Blockdit เพราะเรามี sprint ในการทำงานที่สั้นมาก ยืดหยุ่น และสามารถออกฟีเจอร์ใหม่ๆได้เป็นรายสัปดาห์เลยทีเดียว


Question : มองเป้าหมายระยะยาวของ Platfrom Blockdit ไว้อย่างไร?

Answer :

เราตั้งเป้าหมายว่า Blockdit จะเป็นหนึ่งในแพตลฟอร์มหลักของคนไทยทุกคน เราตั้งเป้าผู้ใช้งานระดับ 10 ล้านคน เราไม่ได้หวังว่าผู้ใช้งานจะเลิกใช้แพลตฟอร์มอื่น แต่มั่นใจว่า Blockdit จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆในการเป็นแพลตฟอร์มที่คนไทย จะอยากเปิดอ่านอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง

เพราะเราเชื่อว่า DNA ของมนุษย์ต้องการ wisdom องค์ความรู้ไปใช้เพื่ออยู่รอดในสังคม และ Blockdit ตอบโจทย์สิ่งนั้นในการได้ไอเดียใหม่ๆไปปรับใช้ในทุกครั้งที่เข้ามาใช้งานในแพลตฟอร์มนี้


บทสรุป

ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อในศักยภาพของคนไทย โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยี ที่ผมมองว่าคนไทยเราก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก ต้องบอกว่าปัจจุบันแพล็ตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ Social Network นั้น เราถูกบุกรุกจากต่างชาติ จนเข้ามากลืนกินพฤติกรรมของคนไทยในหลาย ๆ ด้าน จนแทบจะไม่เหลือที่ยืนให้ผู้ประกอบการชาวไทย

แต่ตอนนี้ เราคนไทย ยังมีพื้นที่อย่าง Blockdit ซึ่งยังเป็นสถานที่ ๆ เปิดโอกาสให้ทุกท่านได้มาแสดงฝีมือในการเขียน หรือสร้างสรรค์ Content ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งบทความ , Podcast หรือ VDO

ต้องบอกว่า Blockdit ถือเป็นสังคมใหม่ ที่ท่านจะไม่ได้เห็นในแพล็ตฟอร์มอื่น ๆ มี เนื้อหา สาระ หลากหลายรูปแบบ หรือ ข้อถกเถียงมากมายที่เกิดขึ้นที่แพล็ตฟอร์มนี้ ที่ยอมรับเหตุผลซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในแพล็ตฟอร์ม Social Media อื่น ๆ ในยุคปัจจุบัน

และที่สำคัญแพล็ตฟอร์มแห่งนี้ก็เปิดพื้นที่ให้กับทุก ๆ คน ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นนักเขียน ที่ไม่ได้มีชื่อเสียง หรือ อะไรมาก่อนเลย และมาเขียน Blockdit เป็นที่แรกเหมือนกับอีกหลาย ๆ ท่าน ซึ่งก็เริ่มจาก 0 follower เช่นเดียวกันกับทุก ๆ คน

อยากให้ผู้เขียนหลาย ๆ ท่านอย่าเพิ่งท้อใจกับช่วงแรก ๆ อาจจะเริ่มจากจำนวนคน follow น้อย ๆ แต่หากเป็นงานเขียนที่น่าสนใจจริง ๆ ก็สามารถที่จะสร้างผู้ติดตามจำนวนมากได้เช่นเดียวกัน

ต้องบอกว่าตอนนี้ Blockdit ก็เติบโตขึ้นมาอีกขั้นนึงแล้ว นักเขียนหลาย ๆ ท่านก็อยู่กันมาตั้งแต่ในยุคที่สมาชิกยังไม่มากมายเหมือนในยุคปัจจุบัน ซึ่งหลาย ๆ ท่านก็เป็นแรงผลักดันให้ Blockdit ก้าวขึ้นมาได้ถึงวันนี้ และผมเองก็คิดว่า Blockdit นั้นยังมีช่องว่างให้เติบโตได้อีกมาก

และที่สำคัญ Blockdit กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าคนไทยก็ทำได้ และผมเชื่อว่า วันหนึ่ง Blockdit นั้นจะประสบความสำเร็จทั้่งในเรื่องธุรกิจ และ จำนวนผู้ใช้งาน ไม่ต่างจากที่แพล็ตฟอร์มต่างชาติเคยทำได้มาก่อน

และในอนาคต ส่วนตัวผมเองก็อยากเห็นภาพที่คนไทยหันมาสนับสนุน Social Network ของไทยอย่าง Blockdit กันมากยิ่งขึ้น เหมือนกับที่เราสนับสนุนแพล็ตฟอร์มจากต่างชาติ เพราะอย่างน้อยทั้งในเรื่องของเงิน และ ข้อมูลต่างๆ  ของเรานั้น มันไม่ได้รั่วไหลไปไหน แต่ฝากไว้กับ Blockdit ที่ถือได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยแท้ ๆ นั่นเองครับผม