Geek Monday EP208 : 10 เรื่องราวของเทคโนโลยีที่สร้าง impact ต่อโลกธุรกิจมากที่สุดในปี 2023

ปี 2023 ที่ผ่านมาเราอาจจะได้เห็นข่าวเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI ที่เรียกได้ว่าทั้งโลกกำลังจับตามองเทคโนโลยีนี้อยู่ มันมีสองกลุ่มคนที่แนวคิดตรงกันข้ามอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ กลุ่มนึงเชื่อว่าหากปล่อยให้ AI ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อมนุษยชาติ และด้วยเหตุนี้จึงสนับสนุนให้มีกฎระเบียบที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

ส่วนกลุ่มฝั่งตรงข้ามเน้นย้ำถึงการผลักดันศักยภาพของเทคโนโลยี AI ขัดขวางกฎระเบียบต่าง ๆ ที่จะเข้ามาจัดการหรือควบคุม AI และผลักดันให้ใช้เชิงพาณิชย์และสร้างกำไรจากเทคโนโลยีให้ได้มากที่สุด และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับการรัฐประหาร Sam Altman ที่ล้มเหลว มันแสดงให้เห็นว่ากลุ่มหลังจะเป็นฝ่ายกำชัย และจะควบคุมเทคโนโลยีนี้ในอนาคต

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
http://tinyurl.com/2av5f8jp

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
http://tinyurl.com/ycbkynhm

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://tinyurl.com/3b8rzk3v

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
http://tinyurl.com/erwf2nxu

🎧 ฟังผ่าน Youtube : 
https://youtu.be/Q–MWiUnACo

ฮาร์ดคอร์แบบสุด ๆ กับการรีดประสิทธิภาพองค์กรในแบบฉบับ Elon Musk

ความบ้าของ Elon Musk นี่ต้องเรียกได้ว่าถึงขั้น Extreme สุด ๆ แต่เขาก็เป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูงสุดลำดับต้น ๆ ของโลก แม้พฤติกรรมของเขาจะแปลกแหวกแนวขนาดไหนก็ตามที

ต้องบอกว่าในยุคของ Twitter เดิมนั้น แพลตฟอร์มต่างได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีเสรีภาพในการพูดมากที่สุดในโลกอินเทอร์เน็ต

Twitter ไม่เหมือนบริษัทยักษ์ใหญ่ของ Silicon Valley รายอื่นๆ ที่หิวกระหายในเงินทอง คอยสูบเลือดสูบเนื้อจากผู้ใช้งาน รีดเงินออกมาให้ได้มากที่สุด

แต่ Twitter เรียกได้ว่ามีความแตกต่างในเรื่องอุดมการณ์มาตั้งแต่ยุคก่อตั้งของพวกเขาที่ไม่ได้สนใจเรื่องเงินเรื่องทองมากนัก เน้นไปที่อุดมกรณ์ “Free Speech” เป็นหลัก

แม้เรื่องราวภายในจะไม่ได้สวยหรูอย่างที่หลายคนคิด ผู้ก่อตั้งเองก็หักเหลี่ยมเฉือนคมกันเพื่อไต้เต้าขึ้นสู่อำนาจ แย่งกันไปแย่งกันมา จนสุดท้ายกลายมาเป็น Jack Dorsey ที่ได้ควบคุม Twitter ในท้ายที่สุด

Twitter ได้สร้างอิทธิพลให้กับกลุ่มคนหลายกลุ่ม ทั้งการเคลื่อนไหวทางด้านการเมือง ล้มล้างการปกครองมานับต่อนับ โดยเฉพาะเหตุการณ์สำคัญอย่างอาหรับสปริงที่เรียกได้ว่ามันได้แสดงศักยภาพให้โลกได้เห็นว่ามันมีอิทธิพลมากมายขนาดไหน

แต่ไม่มีใครเข้าใจอาวุธในการสร้างอิทธิพลผ่านเครือข่ายนี้ไปได้ดีกว่า Donald Trump ซึ่งในปี 2016 ได้ใช้มันเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันตัวเองเข้าสู่ทำเนียบขาวได้สำเร็จ

เมื่อ Twitter เปลี่ยนไป Elon Musk ก็เข้ามา

หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผ่านพ้นไป ทีมงาน Twitter ก็ได้เริ่มเห็นจุดอ่อนบางอย่างในแพลตฟอร์มของพวกเขา

Twitter ได้ทำการปรับนโยบายการกลั่นกรองเนื้อหาใหม่ทั้งหมด เพื่อให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และมุ่งเน้นที่จะทำให้แพลตฟอร์มของพวกเขาลดความ Toxic ลงไป

Twitter อ้างว่าจะไม่มีวันปล่อยให้แพลตฟอร์มถูกใช้โดยเผด็จการเพื่อยุยงให้เกิดความขัดแย้งและทำให้มีการแบ่งขั้วของผู้คนอีกต่อไป และได้แบน account ของ Donald Trump หลังจากเกิดจราจลครั้งใหญ่ที่รัฐสภาสหรัฐฯ

และนั่นเป็นฉนวนที่สำคัญที่สะกิดใจต่อ Elon Musk เป็นอย่างมากจนเขาต้องซื้อมัน ซึ่ง Musk มองว่าแพลตฟอร์มกำลังเสียหายเมื่อยอมรับเจตนารมย์ของรัฐบาลและกลุ่มชนชั้นสูงด้านสื่อเสรีนิยม รวมถึงการเตะ Trump ออกจากระบบ

และเฉกเช่นเดียวกับ Trump ชายอย่าง Elon Musk นั้นฉลาดและรู้วิธีการใช้งาน Twitter เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเขาเองก็เป็นคนที่ละเมิดทุกกฎเกณฑ์ แต่กลายเป็นว่ามันได้ทำให้เขากลายเป็นที่รักของแฟน ๆ ไม่น่าแปลกใจที่บัญชีของ Musk เป็นบัญชีที่มีผู้ติดตามอันดับที่สองของโลก

Musk เองเหมือนจะหลวมตัวโดยทุ่มเงินเข้าซื้อ Twitter สูงถึง 44 พันล้านดอลลาร์ และต้องการให้ Twitter กับมาเป็นแพลตฟอร์มที่ “Free Speech” อีกครั้ง

แต่ดูเหมือนสิ่งที่เขาต้องการให้เกิดขึ้นในแพลตฟอร์มนั้นจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาทำกับเหล่าพนักงาน Twitter เพราะใครที่ไม่เห็นด้วยหรือวิจารณ์แนวทางของ Musk ผู้นั้นก็จะถูกเลิกจ้างอย่างรวดเร็ว

ในการปฏิบัติหน้าที่เต็มตัวในฐานะ CEO วันแรก เขาได้สั่งให้ผู้บริหารส่งข้อความไปยัง Slack เพื่อส่งสัญญาณถึงเหล่าวิศวกรว่า Musk ต้องการดู Source Code ทั้งหมด ให้เหล่าโปรแกรมเมอร์พิมพ์โค้ด 50 หน้าที่ทำให้ช่วง 30 วันที่ผ่านมา

ซึ่งก็เหตุชุลมุนวุ่นวานเกิดขึ้น เหล่าวิศกรแตกตื่นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชะตากรรมของตน ต่างลุกลี้ลุกลนเพื่อหาเครื่องพิมพ์ไปทั่วสำนักงาน แต่อุปกรณ์จำนวนมากแทบจะใช้งานไม่ได้เนื่องจากไม่ได้ใช้งานมาเป็นเวลาสองปีหลังการระบาดของ COVID-19

ภายในสองชั่วโมงถัดมา เกิดการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ให้หยุดการพิมพ์โค้ดทั้งหมด และให้แสดง Souce Code ล่าสุดบนคอมพิวเตอร์ส่วนตัวแทน

การตรวจสอบ Source code เหล่านี้ ยิงไปตรงกลางหัวใจของแพลตฟอร์ม เพื่อค้นหาว่าพนักงานคนใดจะต้องถูกไล่ออกไป และคนกลุ่มใดต้องอยู่ต่อเพื่อให้แพลตฟอร์มสามารถทำงานต่อไปได้

หลังจากนั้นก็ได้กระทำการอย่างโหดเหี้ยม สั่งให้ผู้บริหารค้นหาว่าพนักงานส่วนอื่นๆ คนใดยังจำเป็นบ้างเพื่อให้แพลตฟอร์มยังทำงานได้ต่อไป ใครที่ไม่เข้าข่ายก็จะถูก lay-off อย่างไม่ใยดี และคำสั่งของ Musk ก็ทำให้พนักงานหายไปเกินครึ่ง

Musk ทำการยกเลิกสิทธิประโยชน์หลักต่างๆ ของ Twitter แทบจะทั้งหมด ทั้งเรื่องการเบิกค่ารักษาสุขภาพ ชั้นเรียนต่าง ๆ หรือเรื่องของอาหารกลางวัน และบีบให้พนักงานทำงานเพิ่มมากขึ้น

Musk ได้นำทีมงานวิศวกรหลายสิบคนจากองค์กรอื่นๆ ที่เขาดูแล รวมถึง Tesla , Neuralink และ Boring Company เพื่อช่วยดูแล Twitter และคัดแยกพนักงาน แม้กระทั่งลูกพี่ลูกน้องเขาสองคนอย่าง Andrew และ James Musk ก็ถูกนำเข้ามาช่วยเหลือในภารกิจนี้

เลือดที่ไหลออกไม่หยุด

มันไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของพนักงานที่ถูกเลิกจ้างไปเป็นจำนวนมากเพียงเท่านั้น เพราะแหล่งรายได้หลักของ Twitter อย่างการโฆษณาก็ค่อย ๆ ทยอยหายไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน

แบรนด์ยักษ์ใหญ่หลายๆ แบรนด์เริ่มที่จะยกเลิกการลงโฆษณากับ Twitter มันทำให้แม้กระทั่งเงินจ่ายค่าเช่าสำนักงาน Musk ยังไม่มีปัญญาที่จะจ่าย ถึงกับต้องเร่ขายเฟอร์นิเจอร์ภายในออฟฟิศออกไป

หรือการปิดศูนย์ข้อมูลบางส่วนอย่างกะทันหัน ซึ่งคุกคามสเถียรภาพของแพลตฟอร์มเป็นอย่างยิ่ง นั่นทำให้แพลตฟอร์มล่มเป็นระยะ ๆ บางครั้งนานกว่า 12 ชั่วโมงเลยทีเดียว

แม้จะพยายามกู้วิกฤติด้วยโมเดลธุรกิจใหม่ๆ อย่าง Twitter Blue ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแหล่งรายได้จากการโฆษณาไปสู่การสมัครสมาชิก แต่ดูเหมือนมันจะทดแทนไม่ได้เลย ซึ่งทำให้สุดท้าย Twitter เริ่มเสนอค่าโฆษณาฟรีหลายแสนดอลลาร์เพื่อดึงดูดเหล่านักการตลาดใก้กลับมาสนใจแพลตฟอร์มของพวกเขาอีกครั้ง

แม้เขาจะพยายามบอกว่าจะเป็น CEO เพียงชั่วคราวเพียงเท่านั้น แต่ความเสียหายที่เขาทำในสามเดือนมันส่งผลต่อความมั่นคงของบริษัท และเสี่ยงที่จะทำให้ Twitter ล้มละลายได้เลย

อัจฉริยะหรือคนบ้า

ในโลกธุรกิจบางครั้งแรกก็แยกคนอัจฉริยะกับคนบ้าแทบไม่ออก ซึ่งมันมีประวัติศาสตร์มากมายที่คนที่มีพฤติกรรมไม่ต่างจาก Musk แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างสูงในโลกของธุรกิจ

มันกลายเป็นว่าแม้พนักงานจะหายไปกว่าครึ่ง แพลตฟอร์มอาจะล่มบ้างเป็นระยะๆ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ดำเนินงานต่อไปได้ มุ่งสู่ทิศทางใหม่ที่ Musk ต้องการให้ Twitter เป็น (สุดท้ายเปลี่ยนเป็น X)

มันเป็นแง่มุมหนึ่งที่น่าสนใจว่าบางสิ่งที่ Elon Musk ทำนั้นมันก็ได้พิสูจน์ว่ามัน Work และถึงขั้นที่ว่าเหล่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายๆ แห่งต้องทำตามโดยเฉพาะนโยบายในการลดคน

Mark Zuckerberg คู่รักคู่แค้นของ Musk เองยังออกมากล่าวชมในเรื่องการรีดประสิทธิภาพขององค์กร ด้วยแนวทางแบบ Musk ซึ่งถึงแม้มันจะโหดเหี้ยม แต่มันเป็นการรีดประสิทธิภาพองค์กรได้อย่างสูงสุด และเขาก็พยายามทำตามกับ Meta เช่นเดียวกันด้วยการปลดพนักงานล็อตใหญ่หลังจากนั้นเพียงไม่นาน

สุดท้ายเราก็ไม่มีทางรู้ว่า Elon Musk นั้นเป็นอัจฉริยะหรือคนบ้าที่ทำสิ่งเหล่านี้กับ Twitter ซึ่งกาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าอีกหนึ่งธุรกิจของ Musk มันจะประสบความสำเร็จเหมือนที่เขาเคยทำกับธุรกิจอื่นๆ มาแล้วได้หรือไม่นั่นเองครับผม

Catch me if you can บันทึกประวัติศาสตร์การหลบหนีจากญี่ปุ่นของ Carlos Ghosn

ในฤดูใบไม้ผลิของปี 2019 อดีตหน่วยรบพิเศษกรีนเบอเรต์ ชื่อไมเคิล เทย์เลอร์ ที่อยู่ระหว่างงาน เขากำลังได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนเก่า ที่สายดังกล่าวจะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล

“เฮ้ เรามีงานใหญ่ให้คุณทำ” เพื่อนซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวเลบานอนกล่าว “เขาสนิทกับเรา เขาต้องการหนีออกจากญี่ปุ่น มีอะไรที่คุณช่วยได้ไหม?” อาลี นามแฝงที่เทย์เลอร์ตั้งให้กับเขา ไม่ให้รายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม ของบุคคลดังกล่าว แม้กระทั่งชื่อ

“เป็นไปได้” เทย์เลอร์บอกเพื่อนของเขา แต่เขาต้องการข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่านี้

การโทรดังกล่าวไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เทย์เลอร์เคยบริหาร American International Security Corporation ซึ่งเป็นผู้รับเหมาทหารเอกชนที่เชี่ยวชาญในการประเมินความเสี่ยง และเพื่อช่วยเหลือผู้คนจากสถานการณ์ที่มีความซับซ้อน

กว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา เขาได้สร้างชื่อเสียงในแวดวงหนึ่งสำหรับภารกิจการลับที่น่าทึ่งที่มีการดำเนินการไปทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นการอ้างอิงอย่างไม่เป็นทางการจาก FBI หรือกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา

ไม่ว่าจะเป็นเด็กสาวที่ถูกพ่อชาวเลบานอนลักพาตัวไปท่ามกลางข้อพิพาทเรื่องการดูแล หรือวัยรุ่นที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในคอสตาริกา และต้องโทษจำคุก

Captain America

ในอาชีพการงานของเขา เขาทำสำเร็จมานับไม่ถ้วน โดยสามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าได้ตั้งแต่ 20,000 ถึง 2 ล้านดอลลาร์ต่องาน ภารกิจซึ่งใช้เวลาหลายปีในการวางแผนและดำเนินการ ทำให้เทย์เลอร์มีชื่อเล่นว่า กัปตันอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2004 ในขณะที่ให้การรักษาความปลอดภัยแก่เหล่าผู้สืบสวนของสหรัฐฯ ในแบกแดด เทย์เลอร์ได้รู้จักกับนักธุรกิจชาวเลบานอนชื่ออาลี ซึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนคนหนึ่งของเขา

อาลีทำธุรกิจการขายประกันในอิรักในช่วงสงครามอิรัก ทั้งรถยนต์ ธุรกิจ ชีวิต และต้องการคนคุ้มกัน เทย์เลอร์และทีมคอยรับ อาลี จากสนามบิน แล้วพาไปจากสนามบินแบกแดดซึ่งเป็นทางหลวงที่อันตรายที่สุดในโลกในขณะนั้นเพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่กรีนโซน

เมื่อโทรจากเบรุต อาลีก็ถามคำถามมากมาย การดำเนินการจะทำงานอย่างไร? ราคาเท่าไหร่? เทย์เลอร์บอกอาลีว่าเขาไม่รู้ การลักพาตัวใครบางคนออกจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศเกาะที่มีประชากรหนาแน่น ไม่ใช่รัฐที่ล้มเหลว เขาไม่เคยทำมาก่อน “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราเคยเห็นในทีวี” เทย์เลอร์บอกเขา “ที่นี่ไม่ใช่ฮอลลีวูด”

เทย์เลอร์ตัดสินใจทำการค้นคว้าข้อมูลบางอย่าง เขาใช้เวลาไม่นานในการสืบค้นข้อมูลของชายที่เป็นปัญหา วันรุ่งขึ้น เทย์เลอร์โทรกลับหาอาลี: คาร์ลอส กอส์น อดีตซีอีโอของนิสสัน ถูกกักบริเวณในบ้านในโตเกียวหรือเปล่า อาลียืนยัน

“นี่จะเป็นงานใหญ่” เทย์เลอร์เล่าให้เขาฟัง

เทย์เลอร์ ซึ่งตอนนั้นอายุ 59 ปี รู้ว่าการตอบตกลงจะส่งผลให้เขาถูกจับกุม หรือแม้กระทั่งการจับกุมปีเตอร์ ลูกชายของเขา และความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปญี่ปุ่นเอง

คนรวยไม่ชินกับการถูกจำกัดเสรีภาพ การเดินทางไปมาระหว่างประเทศเป็นหนึ่งในสิทธิพิเศษที่พวกเขาควรพึงมี คาร์ลอส กอส์น เป็นประธานบริษัทรถยนต์สามแห่ง ได้แก่ นิสสัน มิตซูบิชิ และเรโนลต์

กอส์น มีบ้านอยู่ในริโอ เบรุต ปารีส และอัมสเตอร์ดัม แต่สถานการณ์ในตอนนั้น หลังจากอยู่ในความดูแลของญี่ปุ่นเป็นเวลาสี่เดือน โลกของเขาถูกลดขนาดลงมาที่บ้านของเขาในโตเกียว ซึ่งเขากำลังรอการพิจารณาคดีในข้อหายักยอกทรัพย์

มีกล้องวงจรปิดสามตัวติดอยู่ที่ประตูหน้าของเขา และหนังสือเดินทางสองเล่มของเขา—บราซิลและเลบานอน—ถูกพรากไปจากตัวเขา โดยถูกล็อกเก็บไว้ที่สำนักงานทนายความของเขา การละเมิดเงื่อนไขการถูกกักบริเวณในบ้านจะทำให้เขาต้องเสียเงินประกัน 9 ล้านดอลลาร์

กอส์น ถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมทางการเงินจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงการรายงานรายได้ต่ำกว่าปกติ 80 ล้านดอลลาร์ในช่วงระยะเวลาแปดปี ทำให้บริษัทสูญเสียเงินไปกว่า 16 ล้านดอลลาร์

การใช้เครือข่ายบริษัทเชลล์ที่มีความซับซ้อนเพื่อเรียกเก็บเงินไปยังนิสสัน สำหรับเงินใช้จ่ายฟุ่มเฟือยของเขา ไลฟ์สไตล์ คฤหาสน์ของเขาในเบรุต ตามรายงานของ Nissan สิ่งเหล่านี้ถูกซื้อและปรับปรุงด้วยเงินทุนของบริษัทเกือบ 15 ล้านดอลลาร์

ในขณะเดียวกัน กอส์น ยืนยันว่าข้อกล่าวหาของเขาเป็นส่วนหนึ่งของ “แผน” ขององค์กรที่ได้รับความช่วยเหลือจากทางการญี่ปุ่นเพื่อขับไล่เขาออกจาก Nissan

เพื่อนของกอส์นในเลบานอนเป็นห่วงเขา ถูกกักตัวอยู่แต่ในบ้านวันแล้ววันเล่า อนุญาตให้ออกไปรับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอทที่อยู่ใกล้ๆ เท่านั้น หรือไปเยี่ยมทนายความของเขา
เขาเริ่มรู้สึกสิ้นหวัง เขาได้เรียนรู้ว่าคดีฟ้องร้องเขาอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะผ่านการพิจารณาคดีในศาลญี่ปุ่น

ซึ่งหมายความว่าเขาอาจถูกกักบริเวณในบ้านอย่างไม่มีกำหนด “ผมอาจจะตายที่นี่” เพื่อนคนหนึ่งจำได้ว่าเขาพูด ความหวังของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว เขาแทบไม่ได้กินลอาหารตามปรกติและหยุดออกกำลังกาย

เมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จากอาลีที่รู้จักแคโรล ภรรยาของกอส์น อาลีบอกกอส์นเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่เขาเคยรู้จักในแบกแดดที่เชี่ยวชาญด้านภารกิจการแบบนี้ กอส์นจะสนใจไหม?

อาลีแนะนำเทย์เลอร์กับแคโรล ซึ่ง กอส์น ซึ่งตอนนั้นอายุ 66 ปี แต่งงานกับแคโรลในปี 2016

ในปีนั้น ทั้งคู่ได้จัดงานเลี้ยงธีมมารี อองตัวแนตต์ที่ฟุ่มเฟือยที่แวร์ซาย พร้อมไวน์วินเทจจากไร่องุ่นส่วนตัวของพวกเขา

แคโรล ภรรยาของกอส์น ที่มองว่าสามีเธอไม่ได้รับความยุติธรรมในญี่ปุ่น (CR:GettyImage)
แคโรล ภรรยาของกอส์น ที่มองว่าสามีเธอไม่ได้รับความยุติธรรมในญี่ปุ่น (CR:GettyImage)

เทย์เลอร์บินไปยังเบรุต ซึ่งเขาได้พบกับแคโรลที่คฤหาสน์แห่งหนึ่งในย่านอัคคราฟีอันเก่าแก่ พวกเขาคุยกันเป็นชั่วโมง แคโรลบอกเทย์เลอร์ว่ากอส์นได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นเชลยศึก ระหว่างการควบคุมตัวของสามี

เธอบอกเทย์เลอร์ว่า ไฟในห้องขังเล็กๆ ของเขาถูกเปิดไว้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน และเขาได้รับอนุญาตให้ออกไปเพียงครึ่งชั่วโมงในแต่ละวัน เขาถูกสอบสวนเป็นเวลานานถึงแปดชั่วโมงและแทบไม่มีเตียงสำหรับนอนด้วยซ้ำ

เธอบอกกับเทย์เลอร์ว่าข้อกล่าวหาที่มีต่อเขานั้น “หลอกลวง” ซึ่งนำโดยเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นที่ต้องการป้องกันไม่ให้กอส์นควบรวมกิจการนิสสันกับเรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์ของฝรั่งเศส “พวกเขาไม่ชอบชาวต่างชาติ” แคโรลกล่าวถึงชาวญี่ปุ่น

เทย์เลอร์บินกลับบ้านที่แมสซาชูเซตส์โดยรู้สึกสงสัยและรู้สึกทึ่งเหมือนกัน ต่อมา เขารู้สึกตกใจกับสิ่งที่เขาอ่านเกี่ยวกับระบบยุติธรรมทางอาญาของญี่ปุ่น ซึ่งคณะกรรมแห่งสหประชาชาติประณามว่าเปรียบเหมือน “ยุคกลาง”

ผู้ต้องสงสัยมักถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าถึงทนายความ และสามารถถูกจำคุกและสอบสวนเป็นเวลานานโดยไม่ถูกตั้งข้อหา ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำ กระนั้นก็ตาม มีอัตราการตัดสินลงโทษที่ 994 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าเกาหลีเหนือ

เทย์เลอร์เชื่อว่ากอส์นเป็นเหยื่อ “ผมรู้สึกว่าเขาเป็นตัวประกัน” เทย์เลอร์กล่าว “เขาถูกทรมาน จากนั้นผมก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้ชายคนนั้น”

เทย์เลอร์เองก็รู้สึกผิดกับระบบยุติธรรมทางอาญา ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวในชีวิตของเขา ในปี 1984 ขณะที่เขาทำงานในกรุงเบรุตหลังจากออกจากกองกำลังพิเศษ ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวหาว่าเขาข่มขืนเธอ

นั่นส่งผลให้ถูกตั้งข้อกล่าวหาทางอาญาและถูกจับกุม แม้ข้อหาดังกล่าวจะถูกเพิกถอนหลังจากเพื่อนร่วมงานให้การว่าเทย์เลอร์อยู่ต่างประเทศในขณะที่ถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าว

ในปี 2007 เพื่อนเก่าคนหนึ่งในสมัยกองกำลังพิเศษของเขาซึ่งทำงานในอัฟกานิสถานได้แนะนำเทย์เลอร์ให้ทำการประมูลสัญญาการฝึกทหารอัฟกันที่กำลังต่อสู้กับกลุ่มตอลิบานกับเพนตากอน เทย์เลอร์ซึ่งในตอนนั้นบริหารบริษัทรักษาความปลอดภัยของตัวเองได้ยื่นข้อเสนอชนะที่ 54 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลาห้าปี

วันหนึ่งในปี 2012 สองเดือนหลังจากสัญญาอัฟกานิสถานสิ้นสุดลง เทย์เลอร์อยู่ในภารกิจของสำนักงานปราบปรามยาเสพติด ทองคำแท่งมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของมูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตเผด็จการลิเบีย ถูกขายให้กับกลุ่มฮิซบัลเลาะห์

เทย์เลอร์ได้รับมอบหมายให้สกัดกั้นทองคำแท่งดังกล่าวในทะเล ระหว่างทางที่จะไปซีเรีย ก่อนที่เขาจะทำภารกิจได้สำเร็จ เขาถูกเรียกตัวกลับบ้านและถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงข้อหาอื่นๆ

จากข้อมูลของอัยการรัฐ เทย์เลอร์ได้รับข้อมูลพิเศษเกี่ยวกับสัญญาเพนตากอนจากอดีตเพื่อนหน่วยรบพิเศษของเขา ซึ่งเทย์เลอร์ถูกกล่าวหาว่าเขาได้มีการติดสินบนเพื่อให้ได้งานจากสัญญาดังกล่าว
เทย์เลอร์ถูกปฏิเสธการประกันตัวและใช้เวลา 14 เดือนในเรือนจำของรัฐในยูทาห์เพื่อรอการพิจารณาคดี

เงินเขาหมดและไม่สามารถจ่ายค่าทนายความได้ เขาจึงตัดสินใจสารภาพตามข้อกล่าวหาสองข้อ เขาถูกจองจำในคุกเกือบ 19 เดือน

ประสบการณ์ดังกล่าวทำให้เทย์เลอร์ไม่ไว้วางใจรัฐบาลอย่างลึกซึ้ง “ผมถูกบังคับให้สารภาพและสาบานว่าผมได้สารภาพในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ” เขากล่าว “มันเปลี่ยนทั้งชีวิตของผม มันทำลายธุรกิจที่ผมทำงานมา 17 ปี”

ภารกิจกอบกู้ความยุติธรรม

เทย์เลอร์มองเห็นชะตากรรมของกอส์นผ่านประสบการณ์ของเขาเองในยูทาห์ ชายผู้ถูกกระทำผิดถูกคุกคามโดยระบบที่ไม่ยุติธรรม ถูกคุมขัง สิ้นหวัง และถูกทำลาย ไม่นานหลังจากเทย์เลอร์กลับบ้านจากการพบกับแคโรล กอส์น ในกรุงเบรุต เขาโทรหาอาลีทันที

เทย์เลอร์มีความเหมาะสมกับภารกิจของกอส์นในหลายๆ ด้าน ตำแหน่งของเขาในกองกำลังพิเศษ ซึ่งเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมและแปลกใหม่ที่สุดของกองทัพสหรัฐ

นั่นทำให้เขาคุ้นเคยกับเลบานอน และเขามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับประเทศและประชาชนในประเทศ เขาได้ปลูกฝังเครือข่ายที่กว้างขวางของอดีตผู้ปฏิบัติการที่เชี่ยวชาญในทุกสิ่งตั้งแต่อาวุธยุทโธปกรณ์ไปจนถึงการขนส่ง

การนำ กอส์น ออกจากญี่ปุ่นดูเหมือนเป็นงานที่ยาก แต่ เทย์เลอร์ รู้สึกว่าเขามีโอกาส “ร้อยเปอร์เซ็นต์” ที่จะพาตัวกอส์นออกมาได้ เขาบอก แน่นอนว่าไม่มีใครเห็นด้วยถ้าไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์

เทย์เลอร์ ไมเคิล แอนเดอร์สัน เกิด ในรัฐแอริโซนาในปี 1960 พ่อของเขาซึ่งเป็นลูกครึ่งเชโรกี (ชื่อชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันชนเผ่าหนึ่ง) ได้ทิ้งครอบครัวไปไม่นานหลังจากนั้น

เบ็ตตีแม่ของเทย์เลอร์ซึ่งเป็นลูกครึ่งเชโรกีเช่นกัน เขาเติบโตขึ้นมาในกระท่อมไม้ขี้เถ้าที่มีหลังคามุงด้วยไม้อัด และนอนบนเปลข้างพี่ชายและน้องสาวของเขา

แม่ของเขาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟค็อกเทลที่บาร์ในท้องถิ่น ซึ่งเธอได้พบกับโรเบิร์ต เทย์เลอร์ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองทางทหาร ในไม่ช้าพวกเขาก็แต่งงานกัน

เทย์เลอร์ เปลี่ยนจากการใช้ชีวิตอย่างยากจนข้นแค้นมาสู่การได้รับประสบการณ์จากกองทัพอเมริกันในช่วงสงครามเวียดนาม “เรามีบาสเก็ตบอล สระว่ายน้ำ เบสบอล” เขาเล่า “มันเหมือนกับว่า ว้าว ที่นี่คือสวรรค์”

เมื่อครอบครัวย้ายไปอยู่ที่ฟอร์ตเดเวนส์ รัฐแมสซาชูเซตส์ เทย์เลอร์กลายเป็นกัปตันทีมฟุตบอลระดับไฮสคูลและได้รับการโหวตว่าเขาประสบความสำเร็จมากที่สุด

เขาจะใช้เวลาหกชั่วโมงต่อวันที่ห้องยกน้ำหนักบนฐานซึ่งเขาได้พบกับทหารกองกำลังพิเศษที่ทำให้เขาคิดถึงอาชีพที่ไม่ใช่แค่ในกองทัพ แต่ยังอยู่ในตำแหน่งอันทรงเกียรติที่สุด

ในขณะนั้น กองทัพบกกำลังทำการทดลอง โดยคัดเลือกคนรุ่นใหม่เข้าสู่กองกำลังพิเศษจากโรงเรียนมัธยมโดยตรง แต่โปรแกรมดังกล่าวก็ใช้ได้ไม่นานเนื่องจากมีอัตราการออกจากงานสูง

แต่ในปี 1978 เทย์เลอร์เป็นหนึ่งใน 169 คนที่ได้รับคัดเลือก ตามที่เขาพูด เมื่อพวกเขาจบการศึกษาจากหลักสูตรคุณสมบัติกองกำลังพิเศษ เหลือผู้ชายเพียงสามคน: จอห์น คาร์ล ซึ่งปัจจุบันทำงานในกรมตำรวจลอสแองเจลิส แกรี่ กอร์ดอน ซึ่งเสียชีวิตในเฮลิคอปเตอร์ Black Hawk ที่ตกในโซมาเลียในปี 1993; และเทย์เลอร์

เทย์เลอร์เข้าร่วมกลุ่มกองกำลังพิเศษที่ 10 ในยุโรป ซึ่งเขาได้รับการฝึกฝนให้กระโดดร่มชูชีพในระดับสูง โดยตกลงมาอย่างอิสระห้าไมล์และจะมีการปล่อยร่มชูชีพก่อนถึงพื้นเพียง 2,000 ฟุต

เทย์เลอร์เรียนภาษาอาหรับ พัฒนาความสัมพันธ์ที่กว้างขวาง และได้พบกับภรรยาของเขา ทั้งคู่ตั้งรกรากอยู่ในแมสซาชูเซตส์ ไม่นานหลังจากที่เขาตั้งบริษัทเป็นผู้รับเหมาทหารเอกชน กองกำลังเฉพาะกิจของรัฐบาลกลางได้ว่าจ้างให้เขาปลอมตัวเพื่อแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มอาชญากรในเลบานอน

เทย์เลอร์ค้นพบว่ากลุ่มที่ทำงานในหุบเขาเบก้าของเลบานอนอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการลักลอบขนยาเสพติดระดับโลก ทางการสหรัฐฯ สามารถยึดกัญชามูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ที่จะส่งไปยังบอสตันผ่านถังมะกอกพลาสติกสีน้ำเงิน

ซึ่งในขณะนั้น เป็นการยึดยาเสพติดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เทย์เลอร์ได้รับเงิน 335,000 ดอลลาร์สำหรับงานของเขา

ในปี 1997 เทย์เลอร์ได้รับงานสำคัญอีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่เคยได้ยินเรื่องการจับยาเสพติดได้โทรมาแจ้งถึงผู้หญิงอเมริกันคนหนึ่งที่ต้องการความช่วยเหลือ

อดีตสามีของเธอลักพาตัวลูกสาวหนีไปเลบานอน เอฟบีไอทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนั้นสหรัฐฯ ไม่มีความสัมพันธ์ทางการฑูตกับเลบานอน เทย์เลอร์สามารถพาเด็กสาวคนนั้นกลับมาได้

จากนั้นก็มีสงครามต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้ชายอย่างเทย์เลอร์ ในช่วงที่สงครามรุนแรงที่สุดในอิรัก เทย์เลอร์มีพนักงานเกือบ 2,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีตสมาชิกของกองกำลังพิเศษหรือชุมชนข่าวกรอง

เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในอิรักและอัฟกานิสถาน แต่กลับบ้านทุกฤดูใบไม้ร่วงเพื่อฝึกสอนฟุตบอลที่ Lawrence Academy โรงเรียนประจำใน Groton รัฐแมสซาชูเซตส์ “ผมจะไปอิรักเมื่อไม่ใช่ฤดูกาลฟุตบอล และกลับมาในช่วงฤดูกาลฟุตบอล แล้วก็กลับไปอีกครั้ง” เขาเล่า

หลังจากที่เทย์เลอร์สารภาพผิดในการทำสัญญากับอัฟกานิสถาน ชีวิตที่เขาสร้างขึ้นก็พังทลายลง เขาถูกบังคับให้ปิดบริษัทของเขา การอ้างอิงจากเอฟบีไอและรัฐถูกลบออกจากฐานข้อมูล

เมื่อนึกถึงแนวคิดที่เขามีเมื่อหลายปีก่อน เขาจึงตัดสินใจสร้างแบรนด์น้ำวิตามินปราศจากน้ำตาลของตัวเองเพื่อทดแทนเครื่องดื่มเกลือแร่รสหวาน เขาตั้งชื่อมันว่า Vitamin 1 และเริ่มขายที่ร้านขายของชำในท้องถิ่น

นั่นคือตอนที่สายจากอาลีเข้ามา เทย์เลอร์ไม่เห็นด้วยกับงาน กอส์น เท่าไหร่นักในช่วงแรก แต่เขารู้สึกว่ามันคือการช่วยเหลือ คนที่ถูกกระทำแบบที่เขาโดนจากรัฐที่มันไม่แฟร์

อาลีบอกให้กอส์นรู้ว่าแผนนั้นกำลังจะเริ่มต้น จากข่าวดังกล่าว กอส์นเริ่มรับประทานอาหารอีกครั้งและเริ่มออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตของเขาในฐานะผู้ลี้ภัยระดับนานาชาติ

เทย์เลอร์โทรหาทนายความของเขาและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายคนอื่นๆ และถามว่าการช่วยเหลือใครสักคนในญี่ปุ่นหนีการประกันตัวจะเป็นการละเมิดกฎหมายของสหรัฐฯ หรือไม่

เทย์เลอร์รู้จากแคโรลว่ากอส์นไม่จำเป็นต้องสวมกำไลข้อเท้า และเขาได้รับอนุญาตให้เก็บหนังสือเดินทางฝรั่งเศสของเขาไว้ แต่นอกเหนือจากกล้องวงจรปิดที่ประตูทางเข้าของเขาแล้ว กอส์นยังถูกตรวจสอบโดยนักสืบนอกเครื่องแบบสองคนที่นิสสันจ้างอีกด้วย

มีเพียงสองทางออกจากญี่ปุ่น: ทางอากาศหรือทางทะเล การหลบหนีทางทะเลจำเป็นต้องล่องเรือไปตามชายฝั่งของญี่ปุ่นและข้ามน้ำเปิด 2,600 ไมล์ไปยังประเทศไทย

ซึ่ง กอส์น ยังคงต้องขึ้นเครื่องบินเพื่อกลับไปยังเลบานอน การเดินทางจะใช้เวลาสองถึงสามสัปดาห์ ซึ่งทำให้เทย์เลอร์มองว่ามันเป็นภารกิจที่เสี่ยงต่อชายวัยเกษียณอย่างกอส์น ดังนั้น เทย์เลอร์ จึงต้องการเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว

เทย์เลอร์รู้จากประสบการณ์ว่าศัตรูตัวฉกาจที่สุดในภารกิจแบบนี้คือตัวผู้ต้องขังและครอบครัวของพวกเขา “เมื่อพวกเขารู้ว่าคุณกำลังจะช่วยพวกเขา” เขากล่าว “พวกเขาจะเริ่มบอกคุณถึงวิธีการทำสิ่งต่างๆ”

กอส์นยืนยันจะเดินทางโดยเรือ จากนั้นเขาต้องการบินออกจากโตเกียว จากนั้นเขาก็เรียกร้องให้เขาออกไปทันที มี “ความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง” และต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการรักษาแผนการเดิมของเขา

ตลอดฤดูใบไม้ร่วงนั้น เทย์เลอร์ได้รวบรวมทีมปฏิบัติการที่มีความสามารถหลากหลาย: ปฏิบัติการทางทะเล ความปลอดภัยของสนามบิน ไอที ตำรวจ การเฝ้าระวัง มันเหมือนกับการคัดเลือกนักแสดงภาพยนตร์ปล้นระดับฮอลลีวูด

แต่ละคนขาดไม่ได้สำหรับชุดทักษะของเขา ส่วนใหญ่เป็นอดีตกองกำลังพิเศษ พวกที่เทย์เลอร์รู้จักมา 40 ปีหรือมากกว่านั้น

การโทรครั้งแรกที่เทย์เลอร์ทำคือโทรหานายทหารในตะวันออกกลางซึ่งเกษียณแล้วและกำลังทำธุรเกี่ยวกับอัญมณี เทย์เลอร์ยังเรียกชายคนหนึ่งที่เขาเคยต่อสู้ด้วยในอิรักซึ่งในภายหลังให้บริการการรักษาความปลอดภัยส่วนตัว

ชายคนนั้นซึ่งมี connection ที่ดีในเอเชีย ได้รวบรวมเอกสารเกี่ยวกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการ: กอส์น เพื่อนร่วมงานของเขา ภรรยาของเขา ผู้จัดการของอาคารผู้โดยสารทุกแห่งในสนามบินที่อาจหาทางหลบหนี

สรุปแผนการขั้นสุดท้ายต้องเดินทางโดยเครื่องบิน (CR:ExpressDigest)
สรุปแผนการขั้นสุดท้ายต้องเดินทางโดยเครื่องบิน (CR:ExpressDigest)

Box Of Magic

แล้วเครื่องบินเจ็ตล่ะ? เทย์เลอร์จำเป็นต้องหาบริษัทเช่าเหมาลำที่จะไม่ถามคำถามมากเกินไป พวกเขาสามารถจัดการกับผู้โดยสารที่ไม่ต้องมีขั้นตอนที่วุ่นวายได้หรือไม่?

การทำธุรกรรมสามารถปิดบังได้หรือไม่? ทุกที่ที่พวกเขาติดต่อไปต้องพบกับความผิดหวัง จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเกี่ยวกับบริษัทตุรกีที่มีข่าวลือว่าได้ทำการบินขนทองคำออกจากเวเนซุเอลา อันเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ

การเจรจาก็เกิดขึ้น เทย์เลอร์อธิบายว่าเขาต้องการนำบุคคลวีไอพีที่ไม่ได้ต้องการให้สังเกตเห็นออกจากญี่ปุ่น

เราคุ้นเคยกับการทำเช่นนี้ คุณต้องการอะไร?

ด้วยตัวเลือกเที่ยวบินที่ปลอดภัย เทย์เลอร์จึงต้องคิดว่าเขาจะลักลอบขนคนข้ามพรมแดนได้อย่างไรโดยไม่มีใครตรวจพบ

“คุณต้องไปกับกล่อง” เขากล่าว

กล่องจะต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะบรรจุ กอส์น และหนักพอที่จะรองรับน้ำหนักของเขาได้ เทย์เลอร์ให้คนของเขาวัดประตูห้องเก็บสินค้าบนเครื่องบินเช่าเหมาลำ

จากนั้นเขาก็ใช้บริษัทแสดงละครในกรุงเบรุตสร้างกล่องไม้อัดสีดำสองกล่องพร้อมมุมเสริม ซึ่งเป็นแบบที่ใช้เก็บและขนส่งลำโพง เขากำหนดว่ากล่องจะแคบกว่าประตูสินค้าบนเครื่องบินหนึ่งเซนติเมตร เพื่อให้สามารถบรรทุกได้โดยไม่มีปัญหา

และต้องมีลูกล้อติดอยู่เพื่อการเคลื่อนตัวที่ง่ายดาย และเจาะรูที่ก้นเพื่อให้ กอส์น หายใจได้ กอส์นหนัก 165 ปอนด์ เขาจะแทนที่ซับวูฟเฟอร์ในกล่องใดกล่องหนึ่งและหนักประมาณ 110 ปอนด์ เทย์เลอร์คิด

คาร์ลอส กอส์น หนีจากญี่ปุ่นในกล่องดนตรี (CR:GettyImage)
คาร์ลอส กอส์น หนีจากญี่ปุ่นในกล่องดนตรี (CR:GettyImage)

ในที่สุดก็มีคำถามเรื่องเวลา เทย์เลอร์ต้องการพากอส์นออกไปให้ทันช่วงคริสต์มาส แต่เมื่อถึงเวลาเตรียมการทั้งหมด เครื่องบินเจ็ตก็ไม่พร้อมใช้งาน จากนั้น เมื่อเครื่องบินเจ็ตพร้อมอีกครั้ง กอส์นก็ต้องขึ้นศาล

ไม่กี่วันก่อนวันคริสต์มาส เทย์เลอร์อยู่ที่สนามบินแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง พร้อมที่จะเดินทางไปญี่ปุ่น เมื่อเขารู้ว่านักบินไม่ได้รับการสรุปภารกิจอย่างสมบูรณ์ เขายกเลิกปฏิบัติการในนาทีสุดท้ายก่อนเครื่องจะออก

เทย์เลอร์ได้เรียนรู้ว่ากล้องวงจรปิดที่อพาร์ตเมนต์ของกอส์นถูกเปิดไว้ตลอดเวลา แต่นี่ไม่ใช่การถ่ายทอดสด ฟุตเทจถูกรวบรวมสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น ในวันจันทร์ วันอังคาร หรือวันพุธ

หากกอส์นสามารถหนีออกมาได้ในวันพฤหัสบดีหรือวันศุกร์ เจ้าหน้าที่อาจไม่ทราบว่าเขาหายตัวไปจนกว่าจะถึงสัปดาห์ถัดไป

The Operation Begins

ในวันอังคารที่ 24 ธันวาคม กอส์นได้คุยโทรศัพท์หนึ่งชั่วโมงกับแคโรล หลังจากนั้นในวันคริสต์มาส กอส์นก็ต้องเข้าร่วมการพิจารณาคดีอีกครั้ง

ประมาณเที่ยงคืนของวันศุกร์ มีโทรศัพท์เข้ามาทางโทรศัพท์มือถือที่ไม่ได้ลงทะเบียนซึ่งลักลอบนำเข้ามา มันคือเทย์เลอร์ เขาพูดกับกอส์นง่ายๆ ว่า “เจอกันพรุ่งนี้”

เช้าวันเสาร์ เทย์เลอร์มาถึงสนามบินนานาชาติดูไบ ส่วนคู่หูที่ต้องปฏิบัติการร่วมกับเขาคือจอร์จ ซาเย็ค อดีตสมาชิกของกองทหารเลบานอนที่โฆษณาตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญใน “สงคราม อาวุธ และดินแดนที่เป็นปรปักษ์”

เครื่องบินมีความล่าช้า และไม่ take off จนกว่าจะถึงเวลา 10:16 น ซึ่งช้ากว่ากำหนด 90 นาที โดยมีจุดหมายปลาทางคือสนามบินนานาชาติคันไซในโอซาก้า

ทีมของเทย์เลอร์ได้ศึกษาสนามบิน 5 แห่งใกล้โตเกียว และ Kansai International ได้เปิดเผยข้อบกพร่องที่สำคัญ เทอร์มินัลไม่มีเครื่องสแกนที่ใหญ่พอที่จะรองรับสินค้าที่มีขนาดเท่ากับซับวูฟเฟอร์

นักบินชาวตุรกีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับภารกิจ เทย์เลอร์ทบทวนซักซ้อมภารกิจตลอดเที่ยวบิน “มันเป็นเรื่องใหญ่เสมอเมื่อคุณช่วยชีวิตใครบางคนหรืออนาคตของชีวิตพวกเขา”

เครื่องบินลำดังกล่าวลงจอดที่โอซาก้าเวลา 10:30 น ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 29 ธันวาคม เทย์เลอร์ทราบจากการค้นคว้าข้อมูลของเขาว่าการรักษาความปลอดภัยที่สนามบินจะใกล้สิ้นสุดกะการทำงานอันยาวนานของพวกเขา ซึ่งจะทำให้มีการตื่นตัวในการตรวจสอบน้อยลง

กล่องลำโพงสองกล่องถูกบรรจุไว้ที่ด้านหลังของรถตู้ที่จอดรอ ซึ่งส่งเทย์เลอร์และซาเย็คได้เข้าไปที่โรงแรมสตาร์เกทใกล้สนามบิน ที่นั่นพวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อุ่นขึ้นและขึ้นรถไฟหัวกระสุนไปโตเกียว

บนรถไฟ โทรศัพท์ของเทย์เลอร์เริ่มอัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติโดยไม่คาดคิด “สิ่งแรกที่ผมคิด คือ ผมสงสัยว่า NSA รู้หรือไม่” เขาเล่า การอัปเดตหมายความว่า เทย์เลอร์ จะไม่สามารถเข้าถึงแอพใด ๆ ที่เขาต้องการเพื่อติดต่อกับสมาชิกคนอื่น ๆ ในทีมในขณะที่ภารกิจกำลังดำเนินอยู่

ในขณะเดียวกันที่โตเกียว กอส์นออกจากบ้านตอน 14:30 น ในตอนบ่าย สวมหน้ากากอนามัย จากนั้นเขาเดินไปครึ่งไมล์ถึงโรงแรมแกรนด์ไฮแอท

ทางโรงแรมได้รับการคัดเลือกเนื่องจากมีทางเข้าออกหลายทาง และเนื่องจาก กอส์น แวะเวียนมารับประทานอาหารกลางวันเป็นประจำ การไปที่นั่นจะไม่เบี่ยงเบนไปจากกิจวัตรปกติของเขา

กอส์นยืนอยู่ข้างเสาในล็อบบี้ใกล้ทางออกและรอ ตามคำแนะนำก่อนหน้านี้ ไม่นานนัก ชายคนหนึ่งชื่อเทย์เลอร์ก็เดินเข้ามาหาเขา พวกเขาจับมือกัน “ได้เวลากลับบ้านแล้ว” เทย์เลอร์บอกกับกอส์น

แต่ตามเอกสารของศาลที่ยื่นต่อในศาลรัฐบาลกลางแมสซาชูเซตส์ กอส์นขึ้นไปชั้นบนที่ห้อง 933 ซึ่งถูกจองไว้ภายใต้ชื่อปีเตอร์ ลูกชายของเทย์เลอร์ กอส์นได้เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ หนึ่งชั่วโมงต่อมา เทย์เลอร์และซาเย็คก็มาถึง และการเล่าเรื่องก็มาบรรจบกันอีกครั้ง

กอส์น, เทย์เลอร์ และ ซาเย็ค ออกจากโรงแรม Grand Hyatt และประมาณ 16:30 น ขึ้นรถไฟความเร็วสูงจากโตเกียว ผู้โดยสารแทบจะเต็มขบวน และชายทั้งสามก็นั่งเงียบๆ ไปจนถึงโอซาก้า

พวกเขากลับไปที่โรงแรมโดยที่เทย์เลอร์เสียบโทรศัพท์ของเขาเพื่ออัปเดตให้เสร็จและมุ่งหน้าไปยังสนามบินเพียงลำพัง

เทย์เลอร์อธิบายกับผู้จัดการสถานีว่า พวกเขาจะต้องรีบผ่านด่านตรวจรักษาความปลอดภัย เพื่อที่พวกเขาจะได้ออกทันตามกำหนดสำหรับการประชุมที่สำคัญในอิสตันบูล

เขายื่นซองให้ผู้จัดการซึ่งบรรจุเงินเยนญี่ปุ่นมูลค่า 10,000 ดอลลาร์ เมื่อเธอยืนยันว่าส่วนปลายนั้นใหญ่เกินไป เขาก็หยิบออกมาครึ่งหนึ่งแล้วคืนที่เหลือ

จากนั้นเทย์เลอร์ก็กลับไปที่โรงแรม โดยนำลำโพงออกจากกล่องที่ใหญ่กว่าของทั้งสองกล่องแล้ววางไว้ในกล่องที่เล็กกว่าเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับกอส์นที่ปีนเข้ามา เทย์เลอร์ปิดฝาและยึดสลักให้แน่น

ก่อนเวลา 22:00 น เล็กน้อย เทย์เลอร์และซาเย็คเข็นกล่องใส่รถตู้สองคันที่รอและมุ่งหน้าไปสนามบิน คนขับรถและเจ้าหน้าที่สนามบินที่ปฏิบัติหน้าที่ในเช้าวันนั้น ไม่มีใครสงสัยเลยด้วยซ้ำ

แต่เทย์เลอร์คงจะพร้อมแล้วกับเรื่องหลอก: เขาและเพื่อนของเขาได้เข้าร่วมชมคอนเสิร์ตที่โอซาก้า และเขามีตั๋วเพื่อพิสูจน์ว่าเขามาเพื่อร่วมชมคอนเสิร์ตจริง ๆ

เขายังคิดด้วยว่าจะทำอย่างไรถ้าเจ้าหน้าที่ศุลกากรเปิดกล่อง หรือถ้ากอส์นเกิดตื่นตระหนกขึ้นมา

เทย์เลอร์มาถึงก่อนเวลาเครื่องออก 20 นาทีเท่านั้น เวลา 22:30 น เขาช่วยเจ้าหน้าที่ขนสัมภาระขนกล่องทั้งสองกล่อง โดยอธิบายว่าพวกเขามีอุปกรณ์ที่มีความละเอียดอ่อนและจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายด้วยความระมัดระวัง

เทย์เลอร์ และลูกชายของเขา ปีเตอร์ โพสท่าเป็นนักดนตรีเพื่อช่วย กอส์น หลบหนี (CR:bbc)
เทย์เลอร์ และลูกชายของเขา ปีเตอร์ โพสท่าเป็นนักดนตรีเพื่อช่วย กอส์น หลบหนี (CR:bbc)

เทย์เลอร์และซาเย็ครีบเร่งผ่านด่านรักษาความปลอดภัย “ไม่มีอะไรถูกเอ็กซเรย์ แม้แต่กระเป๋าเป้ของเรา” เทย์เลอร์กล่าว

คนงานผลักกล่องขนาดเล็กที่มีลำโพงไปยังสายพานลำเลียงไปยังห้องเก็บสัมภาระ จากนั้นพวกเขาก็หยิบกล่องที่สองขึ้นโดยมี กอส์น อยู่ข้างใน

พนักงานคนหนึ่งมอบเงินที่เขาจ่ายให้กับผู้จัดการให้กับเทย์เลอร์โดยอธิบายว่าเป็นการขัดต่อนโยบายของบริษัทที่จะรับทิป

เมื่อประตูเครื่องบินปิดลง เทย์เลอร์ก็กลับไปที่ห้องเก็บสัมภาระ เขาเปิดกล่องและบอก กอส์น ว่าเขาจะแกะกล่อง เมื่อเครื่องบิน take off ลอยขึ้นไปอยู่ในอากาศ เขาหยิบผ้าเช็ดตัวจากห้องน้ำแล้วใช้แง้มฝาไว้

เวลา 23:10 น เครื่องบินออก เทย์เลอร์ และ ซาเย็ค อยู่ที่ญี่ปุ่นมา 13 ชั่วโมงแล้ว เมื่อเทย์เลอร์กลับไปตรวจเช็คกอส์นอีกครั้ง เขาได้นั่งไขว่ห้างอยู่บนกล่องและกำลังยิ้มแย้มกับความสำเร็จของภารกิจนี้

เครื่องบินลำดังกล่าวเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก โดยอยู่ในน่านฟ้าของจีนหรือรัสเซียตามคำร้องขอของเทย์เลอร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเติมเชื้อเพลิงในประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับญี่ปุ่น

บริษัทเช่าเหมาลำได้แจ้งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินว่าแขกวีไอพีต้องการความเป็นส่วนตัวบนเที่ยวบินขากลับ ดังนั้นพวกเธอจึงอยู่ในห้องครัวและไม่เคยเข้าไปในห้องโดยสารหลัก กอส์น รับประทานอาหารก่อนที่จะนอน เทย์เลอร์นั่งบนเก้าอี้ข้างเขาในขณะที่เขาหลับ

เครื่องบินลงจอดในอิสตันบูลเวลา 05:26 น ของวันที่ 30 ธันวาคม กอส์นถูกนำไปยังเครื่องบินลำที่สองซึ่งอยู่ห่างออกไป 100 หลา จุดหมายไปยังเบรุต เทย์เลอร์จดจ่ออยู่กับการทำงานให้เสร็จ และไม่มีคำขอบคุณหรือคำจากลา

จากนั้นเทย์เลอร์และซาเย็คก็นั่งแท็กซี่ไปที่สนามบินพาณิชย์เพื่อขึ้นเครื่องบินพาณิชย์ และมุ่งหน้าไปยังเบรุตเช่นกัน

Welcome to the land of freedom

เมื่อเทย์เลอร์ลงจอดที่เบรุต ข่าวการหลบหนีของกอส์นก็ถูกประโคมในสื่อท้องถิ่น แต่จนกระทั่งในวันอังคารถัดมา ทางการญี่ปุ่นก็ได้ตระหนักว่ากอส์นนั้นได้หนีออกไปแล้วจริง ๆ

กอส์น ได้รับการต้อนรับด้วยวีรบุรุษในเลบานอน ซึ่งเขาได้พบกับประธานาธิบดี Michel Aoun และบุคคลสำคัญอื่นๆ เขาอ้างว่าได้จัดการเรื่องหลบหนีด้วยตัวของเขาเอง และจัดงานแถลงข่าวซึ่งเขาได้ประณามญี่ปุ่นว่า “ความอยุติธรรมและการประหัตประหารทางการเมือง”

เขาเปรียบประสบการณ์ของเขากับเพิร์ลฮาร์เบอร์ ญี่ปุ่นออกหมายจับทั้งกอส์นและภริยา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าให้การเท็จ ฐานโกหกเรื่องการติดต่อกับพยาน อินเตอร์โพลออก “หมายแดง” ให้กอส์น ขอให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วโลกตามหาตัวและจับกุมตัวเขา ระหว่างรอส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังญี่ปุ่น

ในไม่ช้าข่าวลือก็เริ่มขึ้น การหลบหนีของกอส์น ถูกออกแบบโดยอดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส

เทย์เลอร์ไม่รังเกียจที่จะให้คนอื่นเชื่อในภารกิจนี้ แม้ว่าชื่อของเขาจะเชื่อมโยงกับสื่อถึงการหลบหนีของกอส์น แต่จุดยืนของเขาที่จะไม่แสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะ

ขณะที่เทย์เลอร์เปลี่ยนจากซูเปอร์ฮีโร่รับจ้างกลับไปเป็นพ่อบ้านในเขตชานเมือง ทางการญี่ปุ่นกำลังวางแผนการตอบโต้กลับ

เมื่อวันที่ 30 มกราคม ศาลแขวงโตเกียวได้ออกหมายจับเทย์เลอร์ และหลังจากนั้นไม่นาน ญี่ปุ่นได้ขอให้สหรัฐฯ จับกุมเทย์เลอร์อย่างเป็นทางการ

คำขอมาจากช่องทางการทูต โดยครั้งแรกมาถึงกระทรวงการต่างประเทศก่อนที่จะถูกส่งไปยังกระทรวงยุติธรรม ซึ่งส่งต่อไปยัง US Marshals Service

ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่เทย์เลอร์กำลังหลับอยู่ในบ้านของเขาในฮาร์วาร์ด รัฐแมสซาชูเซตส์ เมื่อปีเตอร์ ลูกชายวัย 27 ปีของเขาปลุกเขาให้ตื่น หลังจากที่ได้ยินเสียงเคาะประตูและเปิดประตู

เจ้าหน้าที่สหรัฐสิบห้าคนยืนอยู่ตรงนั้น พวกเขาไม่อยากให้เกิดปัญหา พวกเขาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น และได้นำตัวเทย์เลอร์และลูกชายของเขาไป

ในขณะเดียวกัน ในวอชิงตัน ดีซี มีทีมงาน 10 คนกำลังวิ่งเต้นเพื่อให้เทย์เลอร์ถูกปล่อยตัว Abbe Lowell ซึ่งเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาของ House Democrats ในระหว่างการฟ้องร้องของ Clinton และยังเป็นตัวแทนของ Jared Kushner และ Ivanka Trump ในคดีการไต่สวนเกี่ยวกับรัสเซียอีกด้วย

พวกเขาได้รับโทรศัพท์จากวุฒิสมาชิกรัฐมิสซิสซิปปี้ โรเจอร์ วิคเกอร์ ที่ต้องการทราบว่าเขาจะช่วยได้อย่างไร

ซึ่งในฐานะ CEO ของ Nissan กอส์น ได้สร้างโรงงานประกอบในเมือง Canton รัฐ มิสซิสซิปปี้ ในปี 2003 และวุฒิสมาชิก โรเจอร์ ไม่เคยลืมสิ่งนี้

“แผนการนำ กอส์น ออกจากญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในการหลบหนีที่เฉียบแหลมและวางแผนมาอย่างดีที่สุดในประวัติศาสตร์”

มีข่าวลือว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพาตัวกอส์นหนีออกจากญี่ปุ่น อยู่ที่ 30 ล้านดอลลาร์ ในความเป็นจริง เทย์เลอร์ กล่าวว่า กอส์น จ่ายแค่ประมาณ 13 ล้านดอลลาร์เพียงเท่านั้น

ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่หมดไปกับค่าเครื่องบินเจ็ตและจ่ายให้กับทีมงานระดับคุณภาพที่เทย์เลอร์จ้างมา

เทย์เลอร์กล่าวว่ากอส์น ซึ่งมีทรัพย์สินส่วนตัวประมาณ 120 ล้านเหรียญ ไม่ได้เสนอเงินชดเชยใด ๆ ให้กับเขา ซึ่งเป็นเรื่องปกติในโลกของเขา ท้ายที่สุดการลักลอบนำกอส์นหลบหนีออกจากประเทศญี่ปุ่นไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน

“ถ้าผมทำเพื่อเงิน” เขากล่าว “เงินนั้นจะต้องจ่ายล่วงหน้า”

ถ้าไม่ใช่เพื่อเงิน แล้วทำไมถึงทำ?

De oppresso liber เขาตอบโดยอ้างคำขวัญของกองกำลังพิเศษ

พระองค์ทรงปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่

References : https://www.bbc.com/news/business-57760993
https://www.vanityfair.com/news/2020/07/how-carlos-ghosn-escaped-japan
https://www.businessinsider.com/carlos-ghosn-describes-japan-box-escape-the-longest-wait-2021-7
https://www.theguardian.com/business/2021/jul/14/ex-nissan-boss-carlos-ghosn-talks-of-daring-escape-from-japan
https://www.autocar.co.uk/car-news/new-cars/outside-box-carlos-ghosn-his-escape-japan

Geek Life EP29 : รวม Management Tips ประจำปี 2023 จาก Harvard Business Review

ต้องเรียกได้ว่าปี 2023 มีการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ สิ่งโดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีอย่าง Generative AI ที่เข้ามาช่วยเหลือในการทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ๆ จนกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ไม่ต่างจากที่เรากำลังใช้สมาร์ทโฟน หรือ อินเทอร์เน็ต

เรื่องของการ Management นั้นก็มีความเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน เพราะวิธีการจัดการในแบบเดิม ๆ อาจจะใช้ไม่ได้กับการทำงานในยุคหน้า และนี่คือบทสรุป Management Tips ประจำปี 2023 จาก Harvard Business Review

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
http://tinyurl.com/4wkhrnb9

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
http://tinyurl.com/3urxhway

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://tinyurl.com/bdevjany

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
http://tinyurl.com/mh9t7x29

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/kFEUiv44ntg

สมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร ผนึก “ลีโอ” จัดงาน KhaoSan Countdown 2024 จัดเต็มความสนุกควบคู่ความปลอดภัย ปลุกกระแสการท่องเที่ยวไทยรับปีใหม่

สมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร จับมือ แบรนด์ลีโอ, สถานีตำรวจชนะสงคราม และหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ ผนึกกำลังจัดงาน “KhaoSan Countdown 2024” ร่วมส่งท้ายปี 2566 ต้อนรับปี 2567 เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2566

โดยมีกิจกรรมไฮไลท์ในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 31 ธันวาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 16.00 – 24.00 น. จัดเต็มความสนุกกับมินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน และ DJ รวมไปถึงโชว์ต่างๆ ที่จะมาร่วมสร้างความสุขให้กับนักท่องเที่ยวที่มาร่วมเฉลิมฉลอง 

 หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดคลี่คลายลง ตลอดปี 2566 ถือเป็นปีแห่งการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะถึงนี้ กับการจัดงาน “เคาท์ดาวน์”ตามสถานที่ไฮไลท์ต่างๆ ทั่วประเทศ ที่มีกิจกรรมรอต้อนรับนักท่องเที่ยวมากมาย ซึ่ง “ถนนข้าวสาร” ถือเป็นอีกหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรอคอยเพื่อมาพบกับความสุขและสนุกสนานต้อนรับปีใหม่ 

 งาน KhaoSan Countdown 2024 จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “เที่ยวเมืองไทย สนุก ปลอดภัย” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างความจดจำของผู้มาร่วมงาน พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าสู่ปี 2567 ด้วยความสนุก ปลอดภัยกับประสบการณ์ที่สร้างความประทับใจที่ไม่รู้ลืม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยอย่างยั่งยืนในอนาคต และทำให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยแข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว 

กิจกรรมดังกล่าวยังถือเป็นส่วนหนึ่งในแผนงานเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่ถนนข้าวสาร สู่เป้าหมาย 10 ล้านคน ในปี 2567 พร้อมยกระดับให้ถนนข้าวสารเป็นอีกหนึ่งจุดบนแผนที่เคาท์ดาวน์ของประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชีย พร้อมก้าวสู่ “แลนด์มาร์ค” สถานที่เคาท์ดาวน์ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก