เมื่อช่อง 3 จะจอดำ

ได้ฟังข่าว ๆ นี้มาซักพักใหญ่และพอได้รับรู้ข้อมูลจากทั้งสองฝั่งมาวิเคราะห์กันดี ๆ เราจะเห็นได้ว่า ช่อง 3 นั้นกำลังกำลังเล่นกับกสทช. อยู่ ซึ่งถ้าพิจารณาจาก ความเห็นล่าสุดตามที่ได้ออกรายการของคุณสรยุทธ์ในวันที่ 24 กันยายน นั้น

จากการสัมภาษของคุณประวิทย์ ล่าสุดนั้นจะเห็นได้ว่ามีท่าทีเปลี่ยนไปในเรื่องของการออกอากาศในระบบคู่ขนาน โดยโยนไปทางกสทช.  ซึ่งทางคุณประวิทย์นั้นได้อ้างข้อกฏหมายว่าไม่สามารถออกอากาศในทางคู่ขนานในระบบ TV Digital ได้เนื่องจาก เจ้าของเป็นคนละบริษัท โดยช่อง 3 Digital ทั้ง 3 ช่องที่ได้ไปประมูลมาทั้งสามช่องนั้น เป็นของบริษัท บีอีซี มัลติมิเดีย ซึ่งถือว่าเป็นนิติบุคคล คนละเจ้ากับ ช่อง 3 analog ซึ่งเจ้าของคือ บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ แต่อยู่ใต้ภายร่มชายคาเดียวกันคือบริษัท บีอีซี เวิร์ล  ซึ่งตรงนี้มองในแง่ของกฏหมาย ถือว่า ช่อง 3 ถูกต้อง แต่ถ้ามองกันจริง ๆ ท่าทีก่อนหน้านี้ทางช่อง 3 ไม่ได้ไม่ท่าที ที่จะออกคู่ขนานตั้งแต่แรกแล้ว เนื่องจาก business model ของช่อง 3 ชัดเจนตั้งแต่แรกว่าจะประมูลช่องทีวี ดิจิตอล มาทำรายการเพิ่ม ไม่ได้นำมาออกคู่ขนาน  แต่ตอนนี้มองว่าคงไม่มีทางไปแล้วจริง ๆ จึงจะขอออกในระบบคู่ขนาน และถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งเรื่องนี้ผมมองว่าถ้าช่อง 3 แสดงความชัดเจนแบบช่อง 7 มาตั้งแต่แรกคงไม่มีปัญหายืดเยื้อมาถึงจนบัดนี้

มาทางฝั่งของคู่กรณีของกสทช ซึ่งคนที่เป็นคนตอบโต้หลักคือ คุณ สุภิญญา ซึ่งถือว่ามีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ ซึ่ง คุณสุภิญญานั้น ถือว่าทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดีมากในเรื่องนี้  ซึ่งทางช่อง 3 ก็ขู่จะทำการฟ้องร้องกันด้วย แต่คุณ สุภิญญา ก็ค่อนข้างชัดเจน ไม่กลัว  ฟ้องมาก็ฟ้องกลับ ถ้าดูจากการสัมภาษณ์ในรายการตอบโจทย์ ในวันที่ 24 หลังจากช่อง 3 ได้ออกรายการสรยุทย์ ในตอนเย็นนั้น จะพบว่า คุณสุภิญญา มีหลักการค่อนข้างจะชัดเจนในเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก แต่มันมามีปัญหาตอน คสช.ยึดอำนาจ ทำให้ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ไม่ชัดเจน โดยมีทั้งประกาศของคสช.ที่ทางช่อง 3 นำมาอ้างในการออกอากาศต่อ ทำให้เรื่องมันเรยยืดยาวมาจนถึงปัจจุบัน จนกำลังจะจอดำของช่อง 3 ซึ่ง ตรงนี้มองว่า ถ้าช่อง 3 ไม่ออกอากาศคู่ขนานนั้น ก็สามารถที่จะ ออกกากาศในระบบ analog ( หนวดกุ้ง ก้างปลา) ได้เหมือนเดิม แต่ที่ช่อง 3 ไม่ทำเพราะมันจะทำให้เสียฐานลูกค้า ไปทันทีกว่า 70% ในระบบ ทีวีดาวเทียมและ เคเบิ้ล  ซึ่งตรงนี้ถือเป็นข้อมูลใหม่ของผมเหมือนกันว่าตอนนี้ ผู้ชมส่วนใหญ่ของประเทศนั้น อยู่ในระบบ ทีวีดาวเทียม และ เคเบิ้ล ถึงกว่า 70% ซึ่ง สามารถรับชมทีวี digital ได้อยู่แล้ว ผ่านกฏ must carry ของ กสทช.   ซึ่งช่อง 3 ในตอนนี้ผมคิดว่า มีทางออกเดียว ที่จะไม่ให้ส่งผลต่อ ธุรกิจของตนเอง ซึ่งมีผลประโยชน์ ทางด้านเม็ดเงินโฆษณาที่มหาศาล ที่ช่อง 3 แบ่งเค้กก้อนนี้ไปจำนวนมาก คือ ต้องมีการออกอากาศในระบบ คู่ขนาน ใน digital TV ให้เร็วที่สุดนั่นเอง

 

 

การมาของ Iphone 6 , Iphone 6 Plus และ Apple Watch

เปิดตัวกันมาซักพักแล้วนะครับสำหรับ ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ apple ซึ่งปีนี้ ถือว่า Wow พอสมควรสำหรับการเปิดตัว apple watch เนื่องจากไม่มีข้อมูลใด ๆ หลุดออกมาก่อนหน้านี้เลยซึ่งจะต่างจากตัว iphone 6 และ iphone 6 plus ซึ่งจะค่อนข้างมีภาพหลุดออกมาพอสมควร จึงถือว่า น่า surprise ในส่วนของ apple watch อยู่เหมือนกัน

 

apple_iphone6_iphone6_plus_ap

 

Iphone 6 and Iphone 6 plus

สองตัวนี้ไม่ได้เป็นเรื่องน่า Surprise แต่อย่างใด เนื่องจากมีรูปหลุดออกมาค่อนข้างจะมากอยู่ ทั้งขนาด รวมถึง Design นั้นไม่ต่างอะไรจากที่ได้หลุดมาก่อนหน้านี้ซักพักแล้ว ทำให้ตัว iphone 6 ที่ออกมานั้นขาดความน่าสนใจไปค่อนข้างเยอะ  ซึ่งโดยรวมถือว่า iphone 6 นั้นมาถูกทางแล้วสำหรับการสร้างมือถือ apple จอใหญ่เป็นครั้งแรก ซึ่งก็น่าที่จะมาแย่งตลาดไปได้พอควร สำหรับตลาดมือถือ จอใหญ่ หรือ phablet ที่ทางฝั่ง android นำโดย Galaxy Note นั้นครองตลาดอยู่ ซึ่งผมคิดว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่อาจจะเปลี่ยนใจจากการใช้ android จอใหญ่ย้ายฝั่งมาทางฝั่ง apple ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่า samsung กำลังประสบปัญหาไม่ใช่น้อย ทั้งเรื่องยอดขายในตลาดมือถือ เรือธง รวมถึงตลาดล่างที่ มือถือทางฝั่งจีนนั้น กำลังลุกไล่ตลาดอยู่ โดยส่วนตัวมองว่า ตลาดนี้คงจะสู้กันมันในฝั่งของ มือถือ Hi end ที่ apple เริ่มจะเข้ามาแย่งตลาดคืนในส่วนของมือถือ จอใหญ่ ซึ่งคงไม่ต้องคาดเดาว่า ในสองรุ่นนี้น่าจะทำลายยอดขายของ iphone 5S ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ซึ่งเมื่อเรามามองในเรื่องของ Spec นั้น apple นั้นก็ได้ปรับในส่วนของ CPU เป็น A8 รวมถึงมีการ upgrade GPU มาให้ในเครื่อง iphone 6 และ iphone 6 plus สำหรับส่วนที่ผิดหวังนั้นน่าจะเป็นเรื่องของ RAM ที่ยังคงแค่ 1 GB เท่านั้น ซึ่งถือว่าผิดคาดอย่างยิ่ง  จะเห็นได้ว่าในยุคนี้นั้น มือถือรุ่นเรือธงของค่ายต่าง  ๆ ก็อัด RAM มาให้อย่างต่ำที่ 2 GB กันทั้งนั้น ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทางฝั่ง apple กำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งถ้ามองว่า ประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ต่างกันนั้น ผมไม่มองอย่างนั้น ถ้าใช้งานจริง ๆ นั้น หากมีการโหลด Web page ในหลาย ๆ Tab นั้นทางฝั่ง apple iphone ก็มีปัญหาไม่ใช่น้อยเลย และรวมถึงการทำงาน multitasking แบบไม่จริง ของ ทางฝั่ง apple ก็ถือว่า RAM 1 GB นั้นยังน้อยเกินไปในมือถือ พ.ศ.นี้ ส่วนฝั่งกล้องนั้น ก็ยังมีความละเอียดเท่าเดิมที่ 8 megapixel ซึ่งน่าจะมีการปรับเพิ่มในส่วนนี้ได้แล้วถึงแม้จะมีข้อมูลว่าถ่ายรูปผ่าน iphone นั้นมีความสวยงามกว่า android ยี่ห้ออื่น   ๆ  ก็จริง แต่ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ควรจะเพิ่มมาให้ได้แล้วถ้าเทียบกับราคาที่มีการปรับตัวขึ้นมาขนาดนี้

 

Apple-Pay-main1

 

Apple Pay 

Service ตัวใหม่ที่มาพร้อม ios8 นั้น ถือว่า apple ทำการบ้านในส่วนนี้มาอย่างดี ซึ่งจะเห็นได้ว่า รูปแบบการชำระเงินผ่าน NFC ทางฝั่งของ google ก็พยายามดันมาซักพักนึงแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ซึ่งการมาเข้าตลาด payment ของ apple ในครั้งนี้ ก็ถือว่า ได้ว่ามีการเตรียมตัวมาอย่างดี มีการ join กับพันธมิตรใหญ่ ๆ ในตลาดบัตรเครดิตเรียบร้อยหมดแล้ว ทั้ง VISA , Master Card รวมถึง American Express ซึ่งการสร้าง ecosystem ที่พร้อมนั้นทำให้ user ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มอีกเลยเปิดตัวมา ก็สามารถใช้งานได้ทันที ซึ่งส่วนนี้เป็นสิ่งที่ apple ทำได้ดีมาตลอด คือ สร้าง ecosystem ทั้งหมดไว้ให้พร้อมและมีการวิเคราะห์มาอย่างดีแล้ว สำหรับ User ก็เพียงใช้งานมันเท่านั้น ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า Service นี้เกิดแน่นอนและจะปฏิวัติวงการ การจ่ายเงิน ที่เราใช้กันอย่างเคยชินมานานแสนนานด้วย

 

apple-watch

 

Apple Watch 

สิ่งที่ Wow ที่สุดสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ apple ในรอบนี้คือ apple watch เนื่องจากไม่มีใครทราบมาก่อนว่า หน้าตามันจะเป็นอย่างไร จะทำงานอย่างไร รวมถึง Design ของมันจะเป็นยังไง ทำให้การเปิดตัวในครั้งนี้ถือว่า Surprise ค่อนข้างมาก apple ทำการบ้านมาอย่างดีสำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีการปกปิดเป็นความลับที่สุด โดยไม่มีผู้ใดรู้เลย จนกระทั่งเปิดตัว  ซึ่งการทำงานนั้นถือว่า ตอบโจทย์ในส่วนของ Wearable Device ได้ดี แต่ apple ตีโจทย์มาให้เป็นนาฬิกามากกว่าจะเป็นอุปกรณ์อย่างอื่น เหมือนเจ้าอื่นๆ  ที่ออกมาก่อนหน้านี้ในฝั่งของ Android ซึ่งตัว apple watch นั้นจะเป็นอีกนวัตกรรมที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ ได้อย่างรุ่นพี่ ( Ipod , Ipad , Iphone) ได้หรือไม่นั้นเราก็ต้องมาดูผลกันต่อไปว่าจะสามารถกลายเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของ apple ในอนาคต นี้ได้หรือไม่

ปัญหา Itexpdf ใช้ HTMLWorker ไม่แสดงผลภาษาไทย

ปัญหานี้ผมได้พบกับปัญหาขึ้นในการแสดงผลภาษาไทยโดยใช้ itextpdf เพื่อแสดงผลส่วนของ HTML file / HTML String โดยใช้ HTMLWorker ของ itext  โดยตอนแรกปัญหาที่พบคือ จะไม่ Show ข้อมูลภาษาไทยใด ๆ ใน PDF ที่ Render ออกมาเลย โดยโปรแกรมจะตัด ภาษาไทยออกไป สำหรับ วิธีแก้ปัญหาดังกล่าวคือ

itextpdf

 

แก้โดยใช้ StyleSheet ดังรูปและทำการ กำหนด StyleSheet ก่อน แล้ว ก็ทำการ ใช้ FontFactory register font ที่เราต้องการ (ตัวอย่างคือ tahoma) จากนั้นกำหนด loadTagStyle เพื่อ force ทั้ง body ให้แสดงผลเป็น font tahoma เพื่อให้สามารถแสดงผลภาษาไทยได้จากนั้น ก็ ทำการ Write หรือPreview  ตัว PDF ออกมาได้เลยก็จะได้การแสดงผลที่สวยงามเป็นภาษาไทย

  • สามารถใช้กับ HTML Editor Tools ที่เป็น web ได้
  • การใช้พวก Symbol ต่าง ๆ นั้นให้เราเลือกใช้ symbol ตาม font ที่เราได้กำหนดไปสามารถไป copy ได้จากใน word มาได้เลย แต่หากเป็น Symbol ต่าง font นั้นจะไม่สามารถแสดงผลได้ถูกต้อง

 

 

Welcome Danny Welbeck

จบปิดตลาดซื้อขายหน้าร้อนไปอย่างเรียบร้อย  อารเซน่อลสุดที่รักของผมก็ได้กองหน้าตัวใหม่มาซักที แต่ไม่รู้จะดีใจหรือ เสียใจดีกับการได้เทพอย่าง Danny Welbeck มาร่วมทีม  แต่จังหวะช่วงเวลานี้ ขอใครก็ได้แล้วกัน เพราะมันไม่มีกองหน้าจะใช้ได้จริง ๆ แล้วสำหรับทีม อาเซน่อลในตอนนี้  ตัวความหวังอย่าง ชิรูด์ ก็ดันมาเจ็บยาวไปอีก  เวนเกอร์คงเห็นอะไรซักอย่างในตัว Danny Welbeck ถึงได้ไปกระชากตัวมาจาก Manchester United แบบนี้ ผมว่าราคาก็ไม่ได้สูงเกินไป ก็ถือว่าเป็นอนาคตที่ดีกับทีมอาเซน่อล

เท่าที่ได้ดูฟอร์มการเล่นในสองนัดแรกนั้น มองยังไงก็ยังเหมือนเดิมกับที่อยู่ Man U  ซึ่งถือว่า sense ฟุตบอลของ Welbeck นั้นอยู่ในระดับที่โอเคนะ  แต่จังหวะสุดท้ายนี่ยังไงก็ยังไม่เด็ดขาดพอ หวังว่าเจ๊เวนเกอร์ แกจะปั้นขึ้นมาได้  ดูสไตล์ ก็คล้าย ๆ Henry เหมือนกันในบางจังหวะ คิดว่าศูนย์หน้า สไตล์นี้แหละน่าจะเหมาะกับทีม อาเซน่อลที่สุดแล้ว คิดว่าถ้าปรับอีกหน่อย Welbeck คงจะโอเคกับอาเซน่อลนะ

สำหรับฟอร์มโดยรวมของทีม ผมรู้สึกว่ามันจะแย่กว่าฤดูกาลที่แล้วอีกนะ ปีที่แล้วนี่ ออกสตาร์ทมาแพ้แค่นัดแรก แล้่วทยอยโกยแต้มในช่วง แรก ๆ ได้ทันที แต่ปีนี้มานี่ หนักไปทางเสมอไปหน่อย แต่ก็ถือว่ายังดีที่ยังไม่แพ้ใคร ( หรือจะไร้พ่ายอีกซักฤดูกาล)  แต่ใจจริงก็ไม่อยากให้ออกตัวแรงมาก ๆ เด๋วจะไปแผ่วปลาย ๆ อีก  อยากให้ไปแรงตอนปลายฤดูกาลมากกว่า เพราะปีที่แล้วนี่ อุตส่าห์ออกตัวแรงนำมาตลอดดันไปตกม้าตายในตอนจบซะงั้น รู้สึกเสียอารมณ์อยู่บ้าง แต่ยังดีที่ได้รับรางวัลปลอบใจเป็นแชมป์ FA Cup มา

โดยส่วนตัวคิดว่าปีนี้อาเซน่อล คงจะลุ้นในอันดับสี่เหมือนเดิม  ซึ่งคิดว่าน่าจะได้อันดับเดิมด้วยซ้ำ ดูจากฟอร์ม เชลซีแล้ว ไม่น่าพลาดแชมป์ ทีมแกแน่นจริง ๆ สำหรับ มูรินโย่ ซึ่งดูจะห่างจากทีมอื่นอยู่พอตัว แต่ก็ประมาท แมนซิตี้ ไม่ได้เหมือนกัน ถ้านักเตะแกเล่นฟอร์มดีกันทุกคนนี่ น่ากลัวสุด ๆ สำหรับ แมนซิตี้  ส่วนคู่แข่งที่คิดว่าน่ากลัวสำหรับการมาลุ้น แชมเปี้ยนลีค คิดว่าน่าจะเป็น แมนยู  เพราะเสริมทัพเข้ามาได้น่ากลัว ๆ มั๊ก ๆ ในปีนี้ แถมยังไม่ต้องไปเล่นถ้วยยุโรปอีกต่าง ๆ หาก ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบสุด ๆ ซึ่งจากที่ได้สังเกตมานาน ทีมที่ไปเตะกลางสัปดาห์ จะกลับมาเล่นไม่ค่อยดีในวันเสาร์ อาทิตย์นั้น เนื่องจากต้องเดินทางด้วย คิดว่าทำให้เสียพลังไปเยอะกับการเตะกลางสัปดาห์ แต่สมัยนี้ ส่วนใหญ่ก็สร้างทีมได้ 2 ทีมอยู่แล้ว คิดว่าไม่ค่อยจะมีปัญหาอะไรหากมีการสลับผู้เล่นกันบ้าง ยังไงปีนี้ ก็ยังต้องเชียร์หนัก ๆ กับอาเซน่อลเหมือนเดิม ส่วนตัวก็ยังหวังลึก ๆ ว่าจะมีโอกาสได้แชมป์กับเขาบ้างหลังจากห่างหายมาหลายปี

Samsung เปิดตัว Note 4, Note Edge, Gear S และ Gear VR

ผ่านไปแล้วสำหรับงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Samsung ซึ่งรอบนี้ได้มาก่อนทางฝั่ง Apple ราวๆ  2 อาทิตย์ เรียกได้ว่าชิงตัดหน้าเปิดตัวก่อน ซึ่งถือเป็นแผนการตลาดที่ทำเสมอมา ของ samsung ซึ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ Flagship ตัวใหม่ที่ทาง Samsung ได้ทำการเปิดตัวนั้นประกอบด้วย Galaxy Note4 , Galaxy Note Edge , Samsung Gear S และ Samsung Gear VR ซึ่งจะว่าเป็นการจัดชุดใหญ่ก่อนทาง Apple เปิดตัวเลยก็ว่าได้images_14097577931

 

สำหรับตัวแรกคือ Galaxy Note4 นั้น ยังมา style เดิมมาก ๆ กล่าวคือแทบรูปลักษณ์ แทบจะไม่แตกต่างจาก Galaxy Note 3  โดยมีการอัด Spec ทางด้าน Hardware เพิ่มขึ้นมาเหมือนเดิม ซึ่งโดยส่วนตัวถือว่าตลาดนี้นั้น ต้องยกให้เจ้า Note นี่แหละที่ ถือว่าทำงานได้ที่สุดกับปากกา S pen โดยรวมนั้นยังทำงานได้ดี โดยปรับการทำงานของ S pen ให้ดียิ่งขึ้น ถือว่า Samsung ทำการบ้านในส่วนนี้มาได้อย่างดี  และเพิ่ม spec ในส่วนของกล้องหน้าความละเอียดถึง 3.7 ล้าน pixel  , เพิ่ม เซ็นเซอร์ อัตราการเต้นขอหัวใจเพิ่มขึ้นมา ซึ่งคิดว่า น่าจะทำงานร่วมกัน google fit ได้เป็นอย่างดี รวมถึงตัวตัว Gear S ที่ออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกันในส่วนของการเก็บข้อมูลด้านสุขภาพ ซึ่งจะเป็น Trend ในอนาคต ที่ทุกเจ้าคงจะมาเล่นในตลาดนี้พร้อม ๆ กัน แค่รอทางฝั่ง Apple ช่วยจุดให้ติดก่อน สำหรับคนที่ใช้งาน S pen เป็นประจำเหมือนเดิมนั้น ก็คงจะไม่พลาดกับการซื้อเจ้าตัว Galaxy Note 4 นี้แน่นอน แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่สาวกประจำผมก็ยังมองว่า Galaxy Note 3 นั้นยังสามารถทำงานตอบโจทย์ได้อีกนาน

note_edge

 

มาถึงทางฝั่งเจ้าตัว Galaxy Note Edge กันบ้าง ตัวนี้เป็นผลิตภัณฑ์ ที่ samsung นำจอโค้งมาใช้ประโยชน์กับมือถือ อย่างมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง ซึ่งตัว sceen นั้นจะแยกกันระหว่างหน้าจอหลักและหน้าจอโค้งตรงของ ทำให้การทำงานของ APP บางตัวนั้นสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น Style คล้ายๆ  Widget Menu , หรือ Widget ของเครื่องสามารถนำมา Add ในส่วนของขอบจอได้ และสามารถทำงานร่วมกับ S Pen ได้อย่างดี  ซึ่งตัวนี้ถ้ามองจริง ๆ นั้น ก็จะไม่ต่างจาก Galaxy Note เท่าไหร่โดยเพิ่ม ส่วนของ Second Screen ในส่วนของ จอโค้งขึ้น ก็คงต้องขึ้นอยู่กับผู้บริโภคว่าจะสนใจเจ้าตัวจอนี้มากขนาดไหน ต้องดูว่า Samsung จะทำ APP อะไรมา Support ให้น่าซื้อกันบ้าง

 

samsung-unpacked-gear-s-watch-2_2040_verge_super_wide

 

มาถึงฝั่ง Wearable Device อย่าง Galaxy Gear S กันบ้าง ซึ่งตัวนี้มาพร้อมระบบปฏิบัติการ tizen ของ Samsung เองที่ต้องการที่จะดันตัวระบบปฏิบัติการนี้ให้เกิด ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่า Samsung มาผิดทางสำหรับ Wearable Device ควรที่จะไปทาง Android Wear ที่จะ Support เจ้าตัว Google Fit ซึ่งน่าจะเป็น Open Standard ที่สำคัญสำหรับตลาด Wearable Device ในอนาคต เช่น เดียวกับ ทาง Health Kit ของฝั่ง Apple ซึ่งตัวนี้ น่าจะเป็นตัวที่ Failed ในตลาดได้ ดูจาก Spec และตัวการ Design แล้วนั้นก็ยังถือว่าไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ยังไม่น่าซื้อมาใช้เท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ดี ก็ต้องรอทางฝั่ง iwatch ของ apple ด้วยว่าจะออกมาแนวไหน ซึ่งในขณะนี้ก็ยังไม่ค่อยมีข่าวหลุดออกมาซักเท่าไหร่สำหรับ iwatch ซึ่งถือว่า  apple ปกปิดความลับของตัวนี้ได้ดีมาก ๆ ซึ่งจะต่างจาก iphone 6 ที่มีหลุดออกมาเป็นระยะ ๆ จนแทบจะรู้ทุกอย่างหมดแล้วสำหรับ iphone 6

Gear VR

 

สำหรับตัวสุดท้ายที่ Samsung ทำการเปิดตัว และถือว่า Surprise ใช่เล่นคือ Samsung Gear VR ซึ่งจะนำมาใช้กับ Galaxy Note 4 โดยเป็นอุปกรณ์เสริม ถือว่าเป็น gimmick  ที่ Samsung ได้สร้างขึ้นมาได้แหวกแนวมาก ๆ แต่ Samsung ก็ได้ร่วมมือกับทาง Oculus เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวนี้ขึ้นมา โดยเราอาจจะได้เห็น เกมส์ใหม่ ๆ ที่ Support เจ้าตัว Gear VR เพื่อประสบการณ์การเล่มเกมส์ในรูปแบบใหม่ในอนาคต รวมถึง การดูหนัง ที่จะสามารถใช้ Gear VR ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งโดยส่วนตัวนั้น ตัวนี้ น่าจะ แปลกแหวกแนวสุด สำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของ Samsung ในครั้งนี้ ก็ต้องมาลองดูกันว่า แต่ละตัวนั้น จะสามารถพิชิตใจผู้บริโภค อย่างเราๆ  ได้ดีขนาดไหน และสิ่งที่สำคัญ ก็คือ ต้องรอดูการเปิดตัวของทางฝั่ง Apple ว่าจะออกมาแนวไหน ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญของตลาด Mobile รวมถึง Gadget ในปีนี้