ต้องบอกว่าสถานกาณ์ในขณะนี้โลกการเมืองและโลกของเทคโนโลยีได้หลอมรวมกันอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ที่ซึ่งอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี
เมื่อไม่นานมานี้ Trump ได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้สนับสนุนบิทคอยน์นับพันคนในงานประชุมประจำปีที่เมือง Nashville โดยเขาได้ให้คำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่นว่า หากได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง เขาจะทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็น “มหาอำนาจบิทคอยน์ของโลก”
คำพูดนี้ได้สร้างความตื่นเต้นและความหวังให้กับผู้คนในวงการคริปโตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่พวกเขารู้สึกอึดอัดกับการตรวจสอบด้านกฎระเบียบที่เข้มงวดจากรัฐบาลชุดปัจจุบัน
Trump ได้กล่าวด้วยความมั่นใจว่า “งานของผมคือการปลดปล่อยพวกคุณให้เป็นอิสระ” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเขาที่มีต่ออุตสาหกรรมคริปโต คำพูดนี้ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ฟัง ที่มองว่านี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐอเมริกา
การปรากฏตัวของ Trump ในครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทัศนคติของเขาที่มีต่อคริปโตเคอเรนซี เมื่อเทียบกับเพียงสามปีก่อนที่เขาเคยเรียกบิทคอยน์ว่าเป็น “การหลอกลวง” ที่คุกคามเงินดอลลาร์สหรัฐ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่สร้างความประหลาดใจให้กับหลายคน แต่ยังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดคริปโตด้วย
ทันทีที่ข่าวนี้แพร่สะพัด ราคาของบิทคอยน์ก็พุ่งทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ โดยแตะระดับ 70,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็นช่วงสั้นๆ และเกือบจะทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 73,000 ดอลลาร์สหรัฐ ปรากฏการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลอันมหาศาลที่การเมืองสามารถมีต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
Shervin Pishevar นักลงทุนร่วมทุนชื่อดัง ได้แสดงความเห็นต่อ Financial Times ว่า “ผมคิดว่า Trump จะเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่สนับสนุนคริปโตอย่างเต็มที่” คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังที่สูงของวงการคริปโตที่มีต่อ Trump และนโยบายที่อาจเกิดขึ้นหากเขาได้กลับมาเป็นผู้นำประเทศอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การที่วงการคริปโตหันมาสนับสนุน Trump อย่างเต็มที่นั้น เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมนี้กำลังพยายามฟื้นฟูภาพลักษณ์หลังจากเหตุการณ์อื้อฉาวของ Sam Bankman-Fried ผู้ก่อตั้ง FTX ที่ถูกจำคุก 25 ปีในข้อหาฉ้อโกงเมื่อต้นปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีการปราบปรามอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ที่สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ประกอบการในวงการนี้เป็นอย่างมาก
Marc Andreessen ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทร่วมทุน Andreessen Horowitz ซึ่งอ้างว่าเป็นนักลงทุนคริปโตรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้แสดงความคิดเห็นว่า คริปโตกำลังเผชิญกับ “การโจมตีอย่างรุนแรง” ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Biden และ Gary Gensler ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) เขากล่าวด้วยความผิดหวังว่า “มันเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดอย่างมากและเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เกิดความคืบหน้าในเรื่องนี้กับทำเนียบขาว”
ในทางตรงกันข้าม Trump ได้แสดงจุดยืนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง โดยเขาได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่และครอบคลุมทั้งหมดสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต เขากล่าวว่า “มันเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง 180 องศาจากสิ่งที่เราเคยประสบมา” คำพูดนี้สร้างความหวังให้กับผู้ประกอบการและนักลงทุนในวงการคริปโตเป็นอย่างมาก
การปรากฏตัวของ Trump ใน Nashville นั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับท่าทีของฝ่ายรัฐบาล Biden โดย Kamala Harris รองประธานาธิบดี ซึ่งเคยอยู่ในการเจรจาขั้นสุดท้ายเพื่อกล่าวสุนทรพจน์ในงานเดียวกันนี้ แต่กลับตัดสินใจไม่เข้าร่วมในที่สุด การตัดสินใจนี้ถูกมองว่าเป็นการพลาดโอกาสสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับวงการคริปโต
ในขณะเดียวกัน บริษัทชั้นนำในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลก็พร้อมที่จะทุ่มเทสนับสนุนการรณรงค์หาเสียงของ Trump อย่างเต็มที่ เมื่อเดือนที่แล้ว Pishevar ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานระดมทุนให้ Trump ใน Silicon Valley ที่บ้านของนักลงทุน David Sacks โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำในวงการคริปโตเข้าร่วมมากมาย รวมถึงผู้บริหารของ Coinbase และ Tyler และ Cameron Winklevoss ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน Gemini
ที่น่าสนใจคือ แต่ละคนได้บริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในรูปแบบบิทคอยน์ให้กับการรณรงค์หาเสียงของ Trump นอกจากนี้ Jesse Powell ผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโต Kraken ก็ได้บริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของอีเธอร์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลอีกตัวที่ได้รับความนิยมรองจากบิทคอยน์
การสนับสนุนอย่างล้นหลามจากวงการคริปโตนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในห้องประชุมเท่านั้น แต่ยังแพร่กระจายไปทั่วเมือง Nashville ในช่วงที่มีการจัดงาน ผู้เข้าร่วมงานหลายคนสวมหมวกสีแดงที่มีข้อความว่า “Make Bitcoin Great Again” ซึ่งเป็นการดัดแปลงคำขวัญหาเสียงของ Trump ให้เข้ากับบริบทของคริปโต นอกจากนี้ ยังมีรถ Tesla Cybertruck ที่ติดโฆษณา Bitcoin วิ่งวนรอบสถานที่จัดงาน สร้างสีสันและความตื่นเต้นให้กับผู้คนในพื้นที่
ในสุนทรพจน์ของ Trump เขาได้ให้คำมั่นสัญญามากมายสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตของสหรัฐฯ ตั้งแต่การเรียกพวกเขาว่าเป็น “Edison ยุคใหม่” ไปจนถึงการพิจารณาลดโทษให้กับ Ross Ulbricht ผู้ซึ่งถูกจำคุกตลอดชีวิตจากการสร้างตลาดมืดออนไลน์ Silk Road
คำสัญญาเหล่านี้ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาสัญญาว่าจะปลด Gary Gensler ออกจากตำแหน่งประธาน SEC ซึ่งเป็นบุคคลที่วงการคริปโตมองว่าเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม
ภายใต้การดำรงตำแหน่งของ Gensler SEC ได้ดำเนินการทางกฎหมายกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตรายใหญ่หลายราย รวมถึง Binance, Coinbase, Kraken และ Gemini ตลอดจนผู้ให้บริการชำระเงิน Ripple Labs และบริษัทซอฟต์แวร์บล็อกเชน Consensys ในข้อหาละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์
การดำเนินการเหล่านี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับวงการคริปโตเป็นอย่างมาก และทำให้พวกเขามองหาทางเลือกใหม่ทางการเมืองที่จะเข้าใจและสนับสนุนอุตสาหกรรมของพวกเขามากขึ้น
Trump ยังให้คำมั่นว่าจะยุติ “การกดขี่” ต่ออุตสาหกรรมคริปโต โดยกล่าวว่ากฎระเบียบควร “เขียนโดยคนที่รักอุตสาหกรรมของคุณ ไม่ใช่คนที่เกลียดอุตสาหกรรมของคุณ” คำพูดนี้ได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้องจากผู้เข้าร่วมงาน ที่รู้สึกว่าในที่สุดก็มีนักการเมืองระดับสูงที่เข้าใจความต้องการของพวกเขา
นอกจากนี้ คำสัญญาของ Trump ที่จะสร้าง “คลังสำรองบิทคอยน์แห่งชาติเชิงกลยุทธ์” (strategic national bitcoin stockpile) โดยไม่ขายบิทคอยน์ประมาณ 210,000 เหรียญที่ถูกยึดโดยรัฐบาลกลาง ก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้เข้าร่วมการประชุม แนวคิดนี้ถูกมองว่าเป็นการยอมรับถึงความสำคัญของบิทคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ทางยุทธศาสตร์ของประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อนโยบายการเงินและเศรษฐกิจในอนาคต
Fred Thiel ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Marathon Digital Holdings บริษัทขุดคริปโตชั้นนำ กล่าวหลังจากพบกับ Trump ว่า “ผมคิดว่าเขาได้รับคะแนนเสียงเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของวงการคริปโตที่มีต่อ Trump และนโยบายที่เขานำเสนอ
อย่างไรก็ตาม การรณรงค์หาเสียงของ Trump ที่สนับสนุนคริปโตนั้นไม่ได้เพิ่งเริ่มต้นขึ้น แต่ได้ดำเนินมาหลายเดือนแล้ว เขาได้รับการชำระเงินในรูปแบบคริปโตและกล่าวว่าการรณรงค์หาเสียงของเขาได้รับเงินบริจาคในรูปแบบคริปโตมากกว่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ JD Vance ตัวเลือกรองประธานาธิบดีของเขา ก็ถือครองบิทคอยน์มูลค่าสูงถึง 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตามแบบฟอร์มเปิดเผยข้อมูลทางการเงินปี 2022 สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้การรณรงค์หาเสียงของพรรครีพับลิกันได้รับคำชมเชยเพิ่มเติมจากผู้บริหารในวงการคริปโต
ในขณะเดียวกัน ตลาดคริปโตก็ได้พัฒนาความรู้ความเข้าใจทางการเมืองมากขึ้นนับตั้งแต่สมัยที่ Sam Bankman-Fried สนับสนุนนักการเมืองรายบุคคล กลุ่มสนับสนุนคริปโต Fairshake ได้กลายเป็นหนึ่งในกลุ่ม Super PAC (กลุ่มทำงานด้านการเมืองที่สามาถระดมทุนและใช้จ่ายเงินได้โดยไม่จำกัดจำนวน) ที่ใหญ่ที่สุดในปีนี้ โดยระดมทุนได้เกือบ 203 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
กลุ่มนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการคริปโตหลายแห่ง เช่น Coinbase, Ripple และ Andreessen Horowitz แม้ว่าจะไม่มีแผนที่จะมีส่วนร่วมโดยตรงในการรณรงค์หาเสียงประธานาธิบดี แต่การมีอยู่ของกลุ่มนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของอุตสาหกรรมคริปโตที่จะมีอิทธิพลต่อนโยบายระดับชาติ
ผู้บริหารระดับสูงของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตในสหรัฐฯ รายหนึ่งได้แสดงความคิดเห็นว่า “ชัดเจนว่า [Trump] คิดมานานแล้วเกี่ยวกับการรักษาอุตสาหกรรมของอเมริกาไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการปกป้องการค้าหรือการรักษาสิ่งต่างๆ ไว้ในประเทศ ผมสงสัยว่านั่นคือหลักการพื้นฐาน” คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของวงการคริปโตที่มีต่อวิสัยทัศน์ของ Trump ในการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อมั่นในความมุ่งมั่นของ Trump ที่มีต่อคริปโต Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการสนับสนุน Trump ของตลาดที่อาจมองเพียงผลประโยชน์ระยะสั้น เขาเขียนในบล็อกโพสต์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า การสนับสนุนผู้สมัครที่เป็นมิตรกับคริปโตเพียงเพราะพวกเขาแสดงท่าทีสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาอุตสาหกรรมในระยะยาว
นอกจากนี้ ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความสัมพันธ์ที่อาจมองเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่าง Trump และอุตสาหกรรมคริปโต
Vinod Khosla ผู้ก่อตั้ง Khosla Ventures กล่าวว่า “ความคิดเห็นของ Trump สามารถซื้อได้ดังที่เราเห็น” โดยเสริมว่าผู้บริหารกำลังบริจาคให้กับการรณรงค์หาเสียงของเขาอย่างชัดเจนเพื่อให้ได้รับกฎระเบียบที่ผ่อนคลายลง ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาสามารถทำกำไรได้มากขึ้น
Sheila Warren ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Crypto Council for Innovation ได้แสดงความคิดเห็นในเชิงวิเคราะห์ว่า การรณรงค์หาเสียงของ Trump “แน่นอนว่าฉลาดมากเมื่อพูดถึงการรู้ว่าใครเป็นผู้ให้การสนับสนุนและรู้ว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มไหนอาจเป็นประโยชน์” อย่างไรก็ตาม เธอยังเตือนว่า “การลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีและการเป็นประธานาธิบดีเป็นเรื่องที่แตกต่างกันมาก… สิ่งที่เขาจะทำจริงๆ เมื่อเข้ารับตำแหน่งเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป”
ท่ามกลางความหวังและความกังวล การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ Trump และการตอบรับจากวงการคริปโตได้สร้างความตื่นเต้นและการถกเถียงอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่ในวงการการเงินและเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในแวดวงการเมืองด้วย การผสมผสานระหว่างการเมืองและเทคโนโลยีการเงินแบบใหม่นี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในนโยบายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
ในขณะที่วงการคริปโตกำลังตื่นเต้นกับวิสัยทัศน์ของ Trump เกี่ยวกับ “มหาอำนาจบิทคอยน์โลก” เราต้องไม่ลืมว่าการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการเงินมักจะมาพร้อมกับความท้าทายและความเสี่ยงที่ไม่คาดคิดเช่นเดียวกัน
การสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและการกำกับดูแลที่เหมาะสมจะเป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร สิ่งที่แน่นอนคือ บทบาทของคริปโตเคอเรนซีในระบบการเงินและเศรษฐกิจโลกจะยังคงเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองและถกเถียงกันอย่างกว้างขวางต่อไปในอนาคต
References :