Geek Story EP35 : ประวัติ Elon Musk The Real Life Iron Man (ตอนที่ 2)

ต้องบอกว่าจากตอนที่แล้ว ในช่วงเรียนมหาลัยนี่เอง ที่ทำให้ อีลอน มัสก์ เกิดไอเดียที่ยิ่งใหญ่มากมาย ในหัว ทั้งเรื่องเกมส์ เรื่องอินเตอร์เน็ต พลังงานที่ไร้ขีดจำกัด และเรื่องการเดินทางในอวกาศ  ซึ่งล้วนแล้วแต่จะเป็นสิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ในอนาคตแทบจะทั้งสิ้น 

จากตอนนี้จะเห็นว่า ชีวิตในมหาลัยของมัสก์ นั้นเปลี่ยนจากช่วงมัธยมอย่างสิ้นเชิง เขาเริ่มเข้ากับผู้คนได้ และเริ่มมีความคิดที่ยิ่งใหญ่ ที่มันกำลังจะเกิดขึ้นจริง แล้วหลังจากเขาเรียนจบมหาลัย จะเกิดอะไรขึ้นต่อกับ อีลอน มัสก์ เขาจะหาเงินทุนมาสร้างธุรกิจที่เป็นไอเดียบรรเจิดของเขาได้อย่างไร โปรดอย่าพลาดติดตามตอนต่อไปครับผม

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/2SNK31I

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/33TMZ34

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/4ppmN611gkw

References : https://www.tharadhol.com/blog-series-elon-musk-the-real-life-iron-man/
https://www.businessinsider.com/paypal-mafia-members-careers-elon-musk-peter-thiel-reid-hoffman-2019-11

Geek Story EP16 : Linkedin กับบริการ Social Network สำหรับมืออาชีพ

Reid Hoffman ทำการสร้าง Linkedin ซึ่งเขาให้สโลแกนของ Linkedin คือ Online social network for Professional ก็ถือได้ว่าเป็นจุดแตกต่างจาก social network อื่น ๆ ในสมัยนั้น โดยเน้นกลุ่มไปที่ลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนทำงานแทน จึงได้รับผลตอบรับจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก และทำให้สามารถขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว

โดยจุดประสงค์หลักของ Linkedin คือ อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนแล้ว สามารถสร้างรายการที่ติดต่อของผู้คนที่พวกเขารู้จักและเชื่อถือในการทำธุรกิจ ซึ่งผู้คนในรายการนี้เรียกว่า “Connections” โดยผู้ใช้สามารถเชิญใครก็ได้ (ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ลิงกต์อินหรือไม่ก็ตาม) เข้ามาเป็น connectionของพวกเขา ซึ่งประโยชน์ของ Connection เหล่านี้ ก็เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้รายการอันนี้ในการหางานหรือหาผู้ร่วมงานได้แบบง่าย ๆ นั่นเอง

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3gR60Yi

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/2lEqPPg

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/3kw1GzX

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/NWiPTbLyYF4

Kiva กับแนวคิด Peer-to-Peer Lending ที่ปฏิวัติวงการ Microfinance

Kiva ใช้แพลตฟอร์ม Crowd Lending แบบ peer-to-peer ที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อให้ผู้ประกอบการทั่วโลกสามารถเข้าถึงเงินทุนที่พวกเขาต้องการเพื่อช่วยเหลือตนเองจากความยากจนได้

Kiva นั้นเกิดจากแนวคิดของ Premal Shah หนึ่งในสมาชิกของ Paypal Mafia โดยจุดเริ่มต้นของโครงการดังกล่าว เกิดจากการถูกมอบหมายให้ไปสร้างต้นแบบของแนวคิดด้าน micro-lending แบบบุคคลต่อบุคคล ในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ Shah นั้นสนใจมาตั้งแต่เรียนใน stanford

ซึ่งหลังจากทีได้ไปคลุกคลีทำงานในอินเดียถึง 2 ปี ทำให้เขาอยากเอาแนวคิดดังกล่าวมาช่วยเหลือคนที่เข้าถึงแหล่งทางการเงินยากๆ  ในประเทศอเมริกาบ้าง 

และเมื่อเขากลับมายัง Silicon Valley อีกครั้งในปี 2005 ก็ได้ไปเจอกับ Matt Flannery และ Jessica Jackley ที่กำลังก่อตั้งบริการด้าน micro-lending พอดี ซึ่งตรงกับความต้องการของ Shah ที่ต้องการมาสร้างบริการแบบนี้ที่อเมริกา

Premal Shah หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Kiva
Premal Shah หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Kiva

ซึ่งจากผลงานงานที่ผ่านมาของ Shah กับ Paypal นั้น ก็ทำให้ทั้ง Flannery และ Jackley เชื่อใจให้เขาเข้ามาร่วมปั้นบริการ Kiva ให้กลายเป็นองค์กรระดับโลกให้ได้ 

ซึ่งในที่สุด พวกเขาก็ได้ ก่อตั้ง Kiva ขึ้นในปี 2005 เป็นแพลตฟอร์มที่ไม่แสวงหาผลกำไรแห่งแรกที่พัฒนาขึ้นเพื่อเปิดใช้งาน “การระดมทุน” ของสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการในประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่สามารถเข้าถึงเครดิตในลักษณะที่เป็นทางการได้ 

Kiva ทำงานอย่างไร

Kiva ใช้เว็บไซต์เพื่อแสดงคุณสมบัติผู้ประกอบการทั่วโลกพร้อมด้วยรูปภาพของผู้ประกอบการจำนวนเงินกู้ที่ขอและคำอธิบายว่าจะใช้เงินกู้อย่างไร โดยสามารถเข้าสู่เว๊บไซต์ Kiva เรียกดูโปรไฟล์ผู้ประกอบการแต่ละรายได้

ด้วยความสามารถในการกรองข้อมูลของ อุตสาหกรรมในแต่ละภูมิภาค และคุณลักษณะอื่น ๆ และยังสามารถเลือกผู้ประกอบการที่พวกเขาต้องการให้ยืม ผู้ให้กู้สามารถมีส่วนร่วมโดยใช้เงินเพียงแค่ 25 ดอลลาร์ ในการเข้าร่วม

Kiva ดำเนินงานใน 83 ประเทศผ่านพันธมิตรกว่า 300 ราย เช่น สถาบันการเงินรายย่อย Microfinance Institutions(MFIs) ซึ่ง Kiva ได้สร้างพันธมิตรด้วย MFIs เหล่านี้ จะทำการกลั่นกรองผู้กู้เพื่อรับความเสี่ยงและความตั้งใจและเงินทุนที่ได้รับจากผู้ให้กู้

โดยเงินทุนของ Kiva จะถูกส่งไปยังผู้ประกอบการผ่านทาง MFI ในท้ายที่สุด โดยทั่วไปหุ้นส่วนของ Kiva จะปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติแบบดั้งเดิมและเรียกเก็บดอกเบี้ยให้กับลูกค้าของพวกเขาเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของพวกเขา (แม้ว่า Kiva เองจะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ จากจำนวนเงินกู้) 

อย่างไรก็ตามการดำเนินการผ่านทาง Kiva นั้น MFI ทั่วไปจะมีแหล่งเงินทุนขนาดใหญ่ซึ่งสามารถให้บริการลูกค้าได้มากกว่า Kiva ติดตามกระบวนการตรวจสอบความเสี่ยงอย่างละเอียดก่อนที่จะร่วมมือกับ MFIs ใหม่ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินงานทางการเงินและการควบคุมทางการเงินได้รับการการันตี เพื่อป้องกันการฉ้อโกงหรือการใช้ประโยชน์ทางการเงินในด้านอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง

ซึ่งแตกต่างจากเว็บไซต์ระดมทุนอื่น ๆ เช่น Kickstarter หรือ GoFundMe โดยแง่มุมที่แตกต่างของ Kiva คือมันเป็นแพลตฟอร์มการให้ยืม ไม่ใช่แพลตฟอร์มการลงทุนทางการเงิน

ดังนั้นผู้ให้กู้สามารถคาดหวังว่าไม่เพียงช่วยคนที่ต้องการเงินทุนเท่านั้น แต่ยังสามารถรับเงินปันผลคืนได้ โดยได้รับการพิสูจน์มาแล้ว เนื่องจาก Kiva มีอัตราการชำระหนี้สูงถึง 98.5% จากสินเชื่อทั้งหมด

Peer-to-Peer Lending สนับสนุนผู้ประกอบการที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนปรกติ
Peer-to-Peer Lending สนับสนุนผู้ประกอบการที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนปรกติ

นอกเหนือจากความเสี่ยงด้านสินเชื่อที่จำกัด Kiva ยังเสนอแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ Kiva ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการบริจาคเงินกู้และไม่ใช้เงินยืมใด ๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของตนเอง

ซึ่งแทนที่จะได้รับเงินทุนภายนอกจากการบริจาคเหมือนบริการ Crowd Funding อื่น ๆ นอกจากนี้กระบวนการตรวจสอบอย่างละเอียดของ Kiva ในการจัดการความเสี่ยงนั้นได้รับการสนับสนุนโดย Kiva Fellows ซึ่งเป็นอาสาสมัครที่ใช้เวลาประมาณ 10 สัปดาห์ในการทำงานกับพันธมิตรทางการเงินรายย่อยของ Kiva เพื่อช่วยระบุถึงพฤติกรรมการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นได้

Kiva ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่และธุรกิจขนาดเล็กทั่วโลก รูปแบบ peer-to-peer ช่วยให้ผู้ให้กู้สามารถค้นหาผู้ประกอบการที่ต้องการสนับสนุนและติดต่อกับบุคคลเหล่านั้นได้ทันที 

การขยายแพลตฟอร์มด้วย Kiva Zip

ในปี 2011 Kiva ได้ใช้โมเดล Kiva Zip ซึ่งเป็นนวัตกรรมเพิ่มเติมบนแพลตฟอร์มที่มีผู้คนใช้งานจำนวนมาก ผ่านทาง Kiva Zip, ซึ่ง Kiva หวังว่าจะให้บริการสินเชื่อดอกเบี้ย 0% แก่ธุรกิจขนาดเล็ก (เทียบกับรูปแบบการคิดดอกเบี้ยแบบดั้งเดิมที่เรียกเก็บโดย MFIs)

โดยใช้เครือข่ายส่วนบุคคลของผู้ประกอบการ เพื่อวัดความน่าเชื่อถือ และขอให้พวกเขารับรองผู้ประกอบการที่ต้องการกู้เงิน 

หลังจากที่ถึงเกณฑ์การระดมทุนที่กำหนดที่จะได้รับจากผู้ที่ได้รับการรับรอง ซึ่ง แคมเปญสินเชื่อของผู้ประกอบการที่ได้รับนั้น ก็จะกลายเป็นโปรไฟล์แบบสาธารณะ สำหรับให้ผู้อื่นในแพลตฟอร์มที่จะมีส่วนร่วมในการสนับสนุนสินเชื่อต่อ (เริ่มต้นที่ 25 ดอลลาร์)  

นอกจากนี้ Kiva Zip ยังมีข้อเสนอเพิ่มเติมของความสามารถในการสนทนาโดยตรงกับผู้ยืมเมื่อผู้ให้กู้สนับสนุนเงินกู้ของพวกเขา ซึ่งเมื่อเทียบกับรูปแบบ Kiva ดั้งเดิม ที่ผู้ให้กู้ไม่มีการสื่อสารกับผู้ยืมเป็นหลัก 

รูปแบบนวัตกรรมของ Kiva ในการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อให้การทำธุรกรรมแบบ peer-to-peer ประสบความสำเร็จอย่างมากในปัจจุบัน ผู้คนมากกว่า 1.9 ล้านคนให้ยืมแก่ผู้ประกอบการกว่า 3.6 ล้านคนทั่วโลกโดยมีสินเชื่อเกือบ 1 ล้านบัญชี ที่มีมูลค่ากว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

References : http://www.kiva.org/about/stats
http://www.kiva.org/zip
http://www.cnbc.com/2015/08/06/alternative-small-business-loans.html
http://www.nation.co.ke/lifestyle/smartcompany/How-online-lender-is-transforming-lives-through-small-loans/-/1226/2818906/-/pde99w/-/index.html
http://www.theatlantic.com/business/archive/2015/08/crowdfunding-success-kickstarter-kiva-succeed/400232/
https://openmicroc.com/how-a-kiva-loan-could-get-your-business-off-the-ground/

Peter Thiel กับเรื่องราวดราม่าของเจ้าพ่อนักลงทุนแห่ง Silicon Valley

ต้องบอกว่า Peter Thiel เป็นผู้ที่มีอิทธิพล ลำดับต้น ๆ ใน silicon valley เลยก็ว่าได้ ถือว่าเป็นนักลงทุน อันดับต้น ๆ ผู้ขับเคลื่อนเหล่า Startup หน้าใหม่ของอเมริกา รวมถึงการเป็นผู้ลงทุนกลุ่มแรก ๆ ของ facebook  social network อันดับหนึ่งของโลก

ชีวิตของ Thiel นั้นผ่านงานมาอย่างโชกโชน ทั้งงานด้านเสมียนในศาลฏีกา งานด้านกฏหมายในสำนักงาน  Sullivan & Cromwell ในเมืองนิวยอร์ก และเริ่มหันมาสนใจเรื่องการเงิน โดยย้ายมาทำงานเป็นนักเทรดอนุพันธ์ทางการเงิน เครื่องมือทางการเงินรูปแบบใหม่ ที่ Credit Suisse แต่เหมือนกับเป็นการค้นหาชีวิตว่าเขาชอบทำอะไรกันแน่ ทั้งที่ผ่านงานมาหลายรูปแบบ แต่เขาไม่ได้รู้สึกว่าตอบโจทย์กับชีวิตเขาเลยด้วยซ้ำ

ในวัย 30 ปี เขาได้ตัดสินใจเดินทางกลับมายังแคลิฟอร์เนีย ในขณะนั้น อินเตอร์เน็ตกำลังเติบโตอย่างบ้าคลั่ง เริ่มมีบริการต่าง ๆ ขึ้นไปออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตจำนวนมาก ทำให้ Thiel เห็นถึง Trend ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับยุคของอินเตอร์เน็ต

Thiel จึงตัดสินใจครั้งสำคัญว่าจะตกขบวนเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตครั้งนี้ไม่ได้ สิ่งที่เขาตามหามานาน แสนนาน ก็คือเจ้าอินเตอร์เน็ตนี่เอง เขาจึงได้ระดมทุนจากเพื่อน ๆ และครวบครัวและญาติพี่น้อง ได้เงินมากว่า 1 ล้านเหรียญเพื่อเป็นทุนตั้งต้นในการก่อตั้ง Thiel Capital Management บริษัทที่จะเน้นการลงทุนด้านบริการที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต

Thiel ได้ทดลองกับโครงการต่าง ๆ มากมาย ที่จะทำประโยชน์หรือหารายได้ผ่านอินเตอร์เน็ต แต่ผ่านไป 2 ปีแทบจะไม่มีโครงการไหนสำเร็จเลยเสียด้วยซ้ำ ในปี 1999 เขากับเพื่อนจึงได้ตัดสินใจเปิดบริษัทซอฟต์แวร์ในชื่อ Confinity ขึ้น โดยผลิตภัณฑ์แรกที่ทำการพัฒนาขึ้นมาชื่อว่า Fieldlink ซึ่งเป็นนวัตกรรมการชำระเงินผ่านเครื่อง Palm Pilot 

และในปีเดียวกันนั้นเองที่เขาเริ่มเห็นตลาดบางอย่างของการชำระเงินในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งในยุคนั้นการชำระด้วย Credit Card นั้นแทบจะเป็นบริการหลักที่ใช้ในการชำระเงินแบบออนไลน์สำหรับชาวอเมริกัน Thiel อยากสร้างทางเลือกอื่นให้กับผู้บริโภค

เขามองไปที่ Digital Wallet ที่จะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค ซึ่งต้องเป็นบริการที่มีความปลอดภัยมีการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อไม่ให้โดนโจรกรรมได้ง่าย และเขาก็ได้สร้างบริการ paypal ขึ้นมาได้สำเร็จในที่สุด 

และในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ก็ได้เกิดคู่แข่งที่สำคัญ สตาร์ทอัพ หน้าใหม่ ที่นำโดย Elon Musk ที่ได้เปิดบริการอย่าง X.com เข้ามาแข่งกับ paypal โดยตรง มันเป็นสงครามที่ดุเดือด ใครที่เป็นฝ่ายชนะ จะได้เขียนประวัติศาสตร์การปฏิวัติอุตสาหกรรมทางด้านการเงินแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งภายหลังทั้งคู่ก็ได้จับมือกันในที่สุด

เคยขับเขี่ยวกับ Elon Musk ใน Paypal
เคยขับเขี่ยวกับ Elon Musk ใน Paypal

และสุดท้ายก็เป็น Peter Thiel ที่นำพา paypal เข้าสู่ตลาดหุ้นได้สำเร็จในปี 2002 และถูกซื้อกิจการโดย ebay ในมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านเหรียญ

ความสำเร็จของ Peter Thiel ที่เป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดคงเป็นเรื่องการเป็น Angel Investor ให้กับ facebook บริการ Social Network หน้าใหม่ในปี 2004 โดยเขาลงทุนก้อนแรกให้ facebook ไปกว่า 500,000 เหรียญ เพื่อแลกกับหุ้น 10.2% ในบริษัท และกลายมาเป็นหนึ่งในกรรมการบริษัทในที่สุด

ภาพของ Peter Thiel ในเหล่า Startup ทั้งหลาย เปรียบดั่งเหมือนพระเจ้า บริษัท Startup ใหม่ๆ  ต่างมุ่งเข้าหา Peter Thiel เพื่อเสนอ idea ธุรกิจ รวมถึง model ธุรกิจใหม่ๆ  เพื่อชักจูง Peter Thiel เข้ามาลงทุนให้ได้  ซึ่งก็ต้องบอกว่า Peter Thiel นั้นเป็นผู้อยู่เบื้องหลังผู้ให้เงินลงทุน กับ Startup ชื่อดังหลาย ๆ ราย เช่น LinkedIn  , Yelp  หรือ Yammer  ซึ่งล้วนแต่เป็นกิจการที่กำลังทะยานมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งสิ้น

ซึ่ง Peter Thiel นั้นเป็นหนึ่งในกลุ่ม Paypal มาเฟีย ที่มามีอิทธิพล ต่อโลกของ Startup ยุคใหม่ เฉกเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมก่อตั้งของเขา ที่โด่งดังในตอนนี้อย่าง Elon Musk กลุ่ม Paypal มาเฟีย หลังจากขายกิจการ Paypal ให้กับ Ebay เป็นที่เรียบร้อย ก็หันมาเปิด Venture Capital เพื่อลงทุนต่อกับกลุ่ม Startup ใหม่ และพร้อมผลักดันให้ธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้น เฉกเช่นเดียวกับ ที่ facebook เคยทำได้

Thiel เป็นหนึ่งในบุคคลที่อิทธิพลสูงมากต่อเหล่า Startup ในอเมริกา
Thiel เป็นหนึ่งในบุคคลที่อิทธิพลสูงมากต่อเหล่า Startup ในอเมริกา

เราอาจจะได้เห็นตามข่าว ล้วนมีแต่ด้านดี ๆ มอง Peter Thiel เป็นนักคิด นักพัฒนา หัวก้าวหน้า เพียงด้านเดียว แต่เค้าเป็นคนหนึ่งที่มารู้ภายหลัง ในเรื่องการสนับสนุนเงินทุนด้านการฟ้องร้องสื่อชื่อดังอย่าง Gawker.com เว๊บข่าวที่ตีแผ่ความจริงเรื่องต่าง ๆ ในสังคม ที่สื่อในกระแสไม่สามารถเผยแพร่ได้ จากการฟ้องร้องของ Hulk Hogan ที่ทำการฟ้องร้อง Gawker.com ที่ได้นำ clip หลุดการมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของเพื่อนเขา

Hulk Hogan ที่ยื่นฟ้อง Gawker.com หวังให้ล้มละลาย
Hulk Hogan ที่ยื่นฟ้อง Gawker.com หวังให้ล้มละลาย

เรื่องนี้ น่าสนใจอย่างยิ่ง ทำไม นักธุรกิจระดับหมื่นล้าน อย่าง Peter Thiel นั้นต้องมาสนับสนุนให้ฟ้อง Gawker.com ให้ถึงขั้นล้มละลายได้  ไม่น่าแปลกใจเลยเพราะ Gawker.com นั้นเล่น ในหลายประเด็นที่สื่อหลักไม่สามารถนำเสนอได้ เช่น เรื่องประเด็นเรื่องรสนิยมทาง เพศของ Peter Thiel ซึ่งคิดว่า Peter Thiel นั้นถึงขั้นเกลียด Gawker.com ที่มาเล่นประเด็นเรื่องนี้กับเขา รวมถึงแนวคิดต่าง ๆ ของ  Peter Thiel ที่ต้องบอกว่าแปลกประหลาดมาก ๆ ที่สื่อเทคโนโลยี ไม่ได้นำเสนอมุมมองด้านนี้ของ Peter Thiel ซักเท่าไหร่

คดีนี้ถือว่าเป็นคดีที่น่าสนใจในวงการสื่อของอเมริกา เนื่องจากการมาเปิดเผยภายหลังของ Peter Thiel ว่าเป็นผู้สนับสนุนหลักในการฟ้องร้อง Gawker.com และประกาศจุดยืนชัดเจนว่าต้องการให้ Gawker.com ล้มละลาย เนื่องจากความเกลียดส่วนตัว ซึ่งทำให้วงการสื่อสนใจเป็นอย่างมาก

เนื่องจากมีผลต่อเรื่องอิสระในการนำเสนอของสื่อชัดเจน และ ที่สำคัญ ต่อไปหากมีนายทุนคนไหนไม่พอใจ ก็จะหาวิธีในการทำลายสื่อด้วยวิธีการนี้ได้อีกนั่นเอง แต่ในที่สุดแล้วคดีนี้ นั้น Hulk Hogan ก็สามารถเอาชนะคดีได้ จนสุดท้ายต้องทำให้ Gawker.com ต้องยื่นขอล้มละลาย เพราะไม่สามารถนำเงินมาจ่ายชดเชยตามค่าปรับได้ ตามที่ศาลสั่ง เป็นตัวจุดชนวนที่น่าสนใจในวงการสื่อสารมวลชนอเมริกา ที่นายทุนรายใหญ่ สามารถ เอาชนะสื่อรายเล็ก ๆ อย่าง Gawker.com ได้สำเร็จนั่งเองครับ

References : wikipedia.org
https://www.forbes.com/sites/mattdrange/2016/06/21/peter-thiels-war-on-gawker-a-timeline/
https://www.vanityfair.com/news/2018/02/the-thiel-gawker-saga-takes-an-even-darker-turn
https://www.nytimes.com/2018/01/12/business/media/thiel-gawker-bid.html

PayPal Wars ตอนที่ 11 : Sell Out

JULY–OCTOBER 2002

ข่าวลือต่าง ๆ ได้หลุดออกไปอย่างรวดเร็วในเรื่องการควบรวมกิจการระหว่าง ebay และ PayPal มันเป็นการเจรจาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ๆ ระหว่างบริษัททั้งสองที่ไม่คิดจะสู้กันอีกต่อไป การควบรวมกิจการนั้นดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของทั้งสองฝ่าย

‘ebay ทุ่มซื้อ PayPal มูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญ’ กลายเป็นข่าวใหญ่ของสื่อในช่วงเวลานั้น โดยเนื้อหานั้นกล่าวถึงการที่ ebay จะเปิดบริการ Billpoint ลง และให้ PayPal กลายเป็นบริการหลักของ ebay แทน

และเป็น Thiel ที่แอบไปเจรจา จน Deal นี้สำเร็จเสียที เป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน เป็นการแข่งขันในเกมธุรกิจที่เรียกได้ว่าสนุกที่สุดครั้งในประวัติศาสตร์ของบริษัทในอเมริกา แต่ถึงบัดนี้ ทั้งสองก็ได้จูบปากกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Thiel ได้ทำการนัดพนักงานเข้ามาเพื่อชี้แจ้งเรื่องดังกล่าว โดยกล่าวในรายละเอียดที่เกิดขึ้น ที่ได้สรุปข้อตกลงขายบริษัท PayPal ให้กับ ebay โดยจะเป็นการแลกเปลี่ยนหุ้นทั้งหมด ในสัดส่วน 0.39 หุ้นของ ebay สำหรับ PayPal ในทุก ๆ หุ้น

ซึ่งแน่นอนว่า อาจจะต้องใช้เวลาหกเดือน กว่าที่รายละเอียดของ Deal ทั้งหมดจะเสร็จสิ้น และในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ทั้งสองบริษัทจะแยกทำงานกัน โดยหลังจากทำการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ PayPal จะยังคงเป็นหน่วยงานอิสระ ภายใน ebay และทีมผู้บริหารปัจจุบันก็จะยังคงอยู่ทำงานต่อไป

เหล่าพนักงาน PayPal ฉลองชัย ที่สงครามสิ้นสุด เสียที
เหล่าพนักงาน PayPal ฉลองชัย ที่สงครามสิ้นสุด เสียที

และคำพูดสุดท้าย ที่ทำให้เหล่าพนักงานต่างส่งเสียงปรบมือกันเกรียวกราว ก็คือ “เมื่อการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ Billpoint จะถูกปิดตัวลง และ PayPal จะถูกรวมเข้ากับเว๊บไซต์ ebay” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการยุติสงครามที่มีความยืดเยื้อมาอย่างยาวนานนั่นเอง

และสิ่งสำคัญในการควบรวมครั้งนี้ก็คือ Thiel ต้องการประกาศให้เหล่าพนักงานของเขาได้รับรู้ว่า PayPal จะกลายเป็นสกุลเงินสำหรับอินเทอร์เน็ต ตามความฝันที่เค้าได้ตั้งใจไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มสร้าง PayPal ใหม่ ๆ และด้วยจำนวนผู้ใช้งานในระบบ ebay ในขณะนั้นกว่า 46 ล้านคน มันกลายเป็นพื้นที่ ที่เหลือเฟือสำหรับการเติบโตในอนาคตของ PayPal

และที่สำคัญการต่อสู้ในครั้งนี้ของ PayPal มันยังได้แสดงให้เห็นอีกอย่างนึงว่า PayPal บริษัท startup เล็ก ๆ ที่แจ้งเกิดได้เพียงไม่เกิน 3 ปีนั้น แต่พวกเขาสามารถเอาชนะยักษ์ใหญ่อย่าง ebay และกลายเป็นผู้ชนะตัวจริงในศึกปฏิวัติวงการชำระเงินออนไลน์ของโลกในครั้งนี้นั่นเองครับ

แล้วเราได้อะไรจากการเรื่องราวของ PayPal Wars จาก Blog Series ชุดนี้

ก็ต้องบอกว่าการเกิดขึ้นของ PayPal นั้นเป็นอีกหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุด ของวงการเทคโนโลยีโดยเฉพาะเหล่า Startup ใน อเมริกาเลยก็ว่าได้ เพราะผลผลิตจากกลุ่ม PayPal ที่ถูกกล่าวขานกันว่า PayPal Mafia นั้นได้กลายเป็นกลุ่มบุคคลที่คอยขับเคลื่อน Silicon Valley ในยุคต่อมาอย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบัน

บริการอย่าง Facebook ก็ได้รับเงินทุนตั้งต้นครั้งแรกจาก Peter Thiel ที่เป็นอดีต CEO ผู้พา PayPal เอาชนะ Billpoint ของ ebay ได้สำเร็จนั่นเอง และหลาย ๆ คนของเหล่าพนักงานหัวกะทิของ PayPal ก็ได้กลายมาเป็นนักลงทุนทางด้านเทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งการสร้างบริการใหม่ ๆ ขึ้นมาเอง ตัวอย่างเช่น Linkedin ของ Reid Hoffman หรือ Youtube , Yelp หรือ นวัตกรรมสุดล้ำต่าง ๆ ที่ Elon Musk กำลังสรรค์สร้างขึ้นมาอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน

มันได้ส่งผลทำให้เกิด Startup ในยุคหลัง ๆ ของ Silicon Valley หลาย ๆ บริการที่กลายมาเป็นบริการโด่งดังในปัจจุบัน ซึ่งก็ล้วนแต่ผ่านมือพวกเขาเหล่านี้ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งมาแล้วแทบจะทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Uber , Instragram , Youtube , Kiva.org , AirBnb หรืออีกหลายธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

บริษัทชื่อดังมากมายที่ล้วนเป็นผลผลิตมาจากเหล่าพนักงาน PayPal
บริษัทชื่อดังมากมายที่ล้วนเป็นผลผลิตมาจากเหล่าพนักงาน PayPal

ต้องบอกว่า จากเนื้อเรื่องใน Blog Series ชุดนี้ มันคือการหล่อหลอมให้เหล่าพนักงานของ PayPal ยุคบุกเบิกนั้น ได้กลายมาเป็นนักลงทุนทางเทคโนโลยีที่มีวิสัยทัศน์อย่างที่เราเห็น มันเกิดจากการสู้ของพวกเขาแทบจะทั้งสิ้น พวกเขาได้เจอประสบการณ์ต่าง ๆ มากมายในการนำพา บริษัทเล็ก ๆ ที่เพิ่งเกิดใหม่ อย่าง PayPal ให้ต่อกรกับ ebay ที่ถือเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเทคโนโลยีในขณะนั้นได้ถือว่าเป็น case study ที่น่าสนใจครั้งนึงในการต่อสู้ทางธุรกิจของประเทศอเมริกา

จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้ได้ให้แนวคิดอย่างนึงก็คือ ด้วยทรัพยากรต่าง ๆ ที่จำกัด และด้อยกว่าคู่แข่งอย่าง ebay แบบเห็นได้ชัด แต่พวกเขากลุ่มนี้ เหล่าพนักงานหัวกะทิของ PayPal ได้รีดศักยภาพของตัวเองให้ออกมาได้มากที่สุด สร้างไอเดียที่สร้างสรรค์ คิดค้นกลยุทธ์ใหม่ ๆ พวกเขาต้องคอยคิดอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญมันต้องทำงานแข่งกับเวลาที่เงินทุนของพวกเขากำลังร่อยหรอลงเรื่อย ๆ เพื่อที่จะให้สามารถต่อสู้กับ ebay ได้ แม้จะเป็นรองแค่ไหน พวกเขาก็ไม่เคยยอมแพ้ ซึ่งสุดท้ายพวกเขาก็สามารถเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ได้สำเร็จ และได้กลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ในวงการชำระเงินออนไลน์ อย่างที่เราได้เห็นใน Blog Series ชุดนี้นั่นเองครับ

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :The New Recruit *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุดรวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด

อย่าลืมติดตามผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปของผมก่อนใครได้ที่ blockdit นะครับ โหลดได้เลย

อย่าลืม ค้นหา “ด.ดล Blog” แล้ว กด follow กันด้วยนะครับผม