ต้องบอกว่าเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีข่าวเด่นดังไปทั่วโลกเลยสำหรับ อดีตนายกรัฐมนตรีของอิตาลีอย่าง Silvio Berlusconi หลายท่านอาจจะรู้จักเขาในนามเจ้าของสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่อย่าง AC Milan แต่ไม่ว่าในฐานะใด Silvio Berlusconi ก็มีประวัติที่น่าสนใจ จน netflix นำชีวประวัติของเค้ามาออกฉาย ใน My Way: The Rise and Fall of Silvio Berlusconi
ต้องบอกว่า Silvio Berlusconi นั้นมีประวัติที่น่าสนใจมาตั้งแต่เด็ก เค้าเกิดมาในครอบครัวชนชั้นกลางเท่านั้น และต้องอพยพครอบครัวหนีจากเมืองมิลานไปตั้งแต่วัยเด็ก เนื่องจากผลของการเข้าโจมตีของสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ 2
ถ้าพูดถึงทีมอย่าง AC Milan ในยุคนั้น ราว ๆ ช่วงปลาย 1980 นั้นต้องบอกว่าเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทีมนึงในยุโรปเลยก็ว่าได้ นักเตะดัง ๆ ในสมัยนั้น จุดสูงสุดในอาชีพนักฟุตบอล คือการได้มาร่วมทีมอย่าง AC Milan ทีมยักษ์ใหญ่ของศึก กัลโช่ ซีเรียอา ของ อิตาลี ซึ่งตอนนั้นถือเป็นลีคฟุตบอลอันดับหนึ่งในขณะนั้น
การเข้ามา Take Over ทีม AC Milan นั้นเป็นบันไดของ Silvio Berluscon เพื่อก้าวเข้าสู่อาชีพนักการเมืองอย่างเต็มตัว ต้องบอกว่าในช่วงนั้น จากฐานแฟนบอลของทีม AC Milan ที่มีมหาศาล รวมถึงภาพลักษณ์ นักบุกเบิก และปฏิวัติ ธุรกิจต่าง ๆ ที่ผ่านมาของ Silvio Berlusconi ทำให้ภาพของเค้าดูดีมาก ๆ ในสายตาของประชาชนในขณะนั้น กอรปกับ เป็นยุคที่ต้องบอกว่า การคอร์รัปชั่นเต็มบ้านเต็มเมือง อิตาลี ในยุคนั้น ทำให้ประชาชนต้องการนักการเมืองใหม่ ๆ มาปฏิรูปประเทศ
ผลงานของทีม AC Milan หลังจากการเข้ามา take over ของ Silvio Berlusconi นั้นทำให้เหล่าแฟนบอลรัก Silvio Berlusconi มากยิ่งขึ้น เพราะสามารถกวาดแชมป์ได้อย่างมากมาย รวมถึงการคว้าถ้วยที่ใหญ่ที่สุดอย่าง ยูโรเปี้ยนคัพในขณะนั้น ทำให้เหล่าแฟนบอลคลั่งไคล้ Silvio Berlusconi มากยิ่งขึ้น ส่งผลต่อคะแนนนิยมทางด้านการเมืองกับ Silvio Berlusconi โดยตรง
การก้าวเข้าสู่แวดวงการเมือง
ด้วยฐานธุรกิจ ทั้งทางด้านวงการโทรทัศน์ และ ฐานจากแฟนบอล AC Milan ต้องบอกว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าสู่อาชีพนักการเมือง ของ Silvio Berlusconi เลยก็ว่าได้ รวมถึงความเน่าเฟะ ของการเมืองอิตาลีในขณะนั้น การคอรัปชั่น เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด
ทำให้เป็นเรื่องไม่ยากนักสำหรับ Silvio Berlusconi ที่จะชนะการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีอิตาลี เค้าได้ตั้งพรรคที่ชื่อว่า Forza Italia ขึ้นมาใหม่ โดยรวมรวมเอานักการเมืองรุ่นใหม่เข้ามา รวมถึงแนวคิดใหม่ ๆ ของการหาเสียง ทั้งการหาเสียงผ่านช่องรายการมีวีของตัวเอง ทำให้สามารถเข้าถึงคนได้ทั้งประเทศ และการสร้างภาพลักษณ์ แบบ คิดใหม่ทำใหม่ จะมาปฏิรูปอิตาลีให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ทำให้สามารถครองเสียงส่วนใหญ่ได้สำเร็จในการลงเลือกตั้งหนแรกของเค้า
ซึ่งการที่จะพัฒนา AI ที่เล่นเกมส์โกะ ให้เอาชนะแชมป์โลกได้นั้น เป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อม และคงไม่มีนักเล่นโกะคนใด ที่คิดว่า Alpha Go จะสามารถเอาชนะ แชมป์โลกโกะได้ในขณะนั้น แต่ Deepmind นั้นก็ได้เริ่มพัฒนา Alpha Go ขึ้นมาโดยเริ่มแรกให้เรียนรู้จาก ผู้เล่น Online ที่อยู่ในระบบก่อน โดยเป็นการเรียนรู้การเล่นกว่าแสนเกมส์ ทำให้ช่วงแรกนั้นก็ยังมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง
จนถึงการมาพบกับแชมป์โกะของยุโรป อย่าง Fan Hui ซึ่งเป็นเจ้าของแชมป์ยุโรปคนล่าสุด ต้องบอกว่าก่อนมาแข่งนั้น Fan Hui นั้นมั่นใจมาก ๆ ว่า Alpha Go ไม่สามารถเอาชนะเขาได้แน่ ๆ แต่การแข่งขันจริงนั้น เขาแพ้ให้กับ Alpha Go ไปแบบหมดรูป 5-0 เกมส์ ทำให้มุมมองของ Fan Hui นั้นเปลี่ยนไปเลยทีเดียว ต้องหันกลับมามอง เจ้า Alpha Go ใหม่อีกครั้ง และสุดท้ายก็ยอมเป็นที่ปรึกษาให้กับ Deepmind เพื่อทำการพัฒนาเจ้า Alpha Go ให้เก่งขึ้นไปอีกระดับ ก่อนที่จะมาแข่งขันจริงกับ Lee Sedol แชมป์โลก ระดับ 9 ดั้ง ซึ่งถือเป็นชั้นสูงสุดของวงการเกมส์โกะ
ซึ่งต้องบอกว่าก่อนแข่งนั้น Lee Sedol ได้ปรามาส Alpha Go ไว้ค่อนข้างเยอะ และ ค่อนข้างมั่นใจเช่นเดียวกับ Fan Hui ว่าเขาสามารถเอาชนะ เจ้า Alpha Go ได้แน่ ๆ
ต้องบอกว่าเกมส์ นี้ เป็นเกมส์เดิมพันที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว Deepmind มีโอกาสที่จะเสียหน้าต่อสายตาคนทั้งโลกเลยก็ว่าได้ แม้กระทั่งหัวหน้าด้านการวิจัย Alpha Go ของ Deepmind เองก็ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ในตอนแรกว่า Alpha Go จะสามารถเอาชนะ Lee Sedolได้หรือไม่ เพราะก่อนแข่งนั้น Fan Hui ที่มารับบทที่ปรึกษาได้ค้นพบจุดอ่อนบางอย่างของ Alpha Go ซึ่งไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ทันการแข่งขัน จึงต้องทำการ Build Version ที่เสถียรที่สุดออกไปก่อน เพราะการแข่งขันได้ถูกกำหนดวันที่ไว้เป็นทีเ่รียบร้อยแล้ว
แต่ต้องบอกว่า การแข่งขันจริงนั้น Lee Sedol พ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป โดยเฉพาะ 3 เกมส์แรกนั้น ต้องบอกว่าการเดินหมากของ Lee Sedol นั้นไม่เป็นตัวของตัวเองเลยด้วยซ้ำ เหตุผลนึงน่าจะมาจาก เค้าไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของคู่แข่ง เหมือนแข่งกันมนุษย์จริง ๆ เพราะ Alpha Go ใช้คนเดินหมากแทน โดยให้ Alpha Go เป็นคนคิดว่าจะวางหมากไว้จุดใด ซึ่งทำให้ Lee Sedol ไม่สามารถอ่านใจคู่แข่งได้เลย ว่าอยู่ในอารมณ์ไหน ซึ่งเป็นจุดสำคัญจุดนึงเลยก็ว่าได้ ที่ Alpha Go มีความได้เปรียบ เพราะ ไม่มีการแสดงออกทางกายภาพเลยว่า ตอนนี้หมากในเกมส์เป็นอย่างไร ได้เปรียบ หรือ เสียเปรียบอยู่
พอถึงเกมส์ที่ 4 ซึ่ง Lee Sedol เริ่มไร้ความกดดันใด ๆ แล้ว เพราะยังไงก็แพ้แน่นอนแล้ว จึงทำให้สามารถกลับมาเล่นในเกมส์ของตัวเองได้อีกครั้ง และครั้งนี้ เหมือนกับ Alpha Go จะมีการเดินหมากที่ผิดพลาดอยู่หลายครั้งมาก ทั้งที่ควรจะชนะไปได้แบบไม่ยากเย็น แต่ Lee Sedol ก็สามารถแก้เกมส์กลับมาเอาชนะไปได้ ซึ่งความกดดันนั้นน่าจะเป็นเหตุผลหลักเหตุผลนึงเลยก็ว่าได้ ที่ทำให้ Lee Sedol แพ้ไปอย่างหมดรูปใน 3 เกมส์แรก พอเริ่มคลายความกดดัน จึงสามารถเล่นเกมส์ ของตัวเองได้ จนมาชนะในเกมส์ที่ 4 แต่ในเกมส์สุดท้าย Alpha Go ก็กลับมาชนะได้อีกครั้ง รวมเป็นผล 4-1 ต้องถือว่าบรรลุเป้าหมายของทาง Deepmind ที่สามารถเอาชนะมนุษย์ที่เก่งเกมส์โกะ ที่สุดในโลกไปได้
การเอาชนะแชมป์โกะเปลี่ยนแปลงมุมมองต่อ AI อย่างไร?
ต้องบอกว่า ก่อนหน้านี้ ที่ IBM เคยเอาชนะแชมป์หมากรุกโลกได้นั้น ถือเป็นเรื่องเล็ก ๆ ไปเลย เมื่อเทียบกับเกมส์โกะ เพราะเกมส์โกะ เป็นเกมส์ที่มีความน่าจะเป็นในกระดานสูงมาก และต้องคิดแบบหลายชั้น ซึ่งการที่ AI สามารถเอาชนะขีดจำกัดในข้อนี้ของมนุษย์ได้นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา เราต้องลองจินตนาการว่า หาก Alpha Go สามารถเอาชนะแชมป์โลกโกะ ได้ แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อ AI สามารถเรียนรู้การทำงานของมนุษย์ และรู้ถึงจุดอ่อนของมนุษย์เราได้
ต่อจากนี้เราก็อาจจะได้เห็น Alpha Go ในทุก Domain เลยก็ว่าได้ลองจินตนาการว่า หมอที่เก่งที่สุดในโลกในด้านที่ AI สามารถจำลองการทำงานได้ เช่น รังสีแพทย์ ที่ใช้ในการวิเคราะห์ผลจากการถ่าย X-RAY ไม่ว่าจะเป็น Ultrasound , MRI , CT-Scan เพื่อใช้ในการวิเคราะห์โรคร้ายต่าง ๆ ซึ่งหมอเล่านี้นั้น ต้องใช้การเรียนรู้ + ประสบการณ์ในการ วิเคราะห์ภาพที่ได้จากเครื่อง X-RAY ชนิดต่าง ๆ ซึ่ง ไม่ยากเลยสำหรับ AI ที่จะเรียนรู้แบบหมอได้ และเทคโนโลยีปัจจุบันนั้น คิดว่า สมมติว่ามีการแข่งขัน ให้หมอที่เทพที่สุดด้านนี้ มาแข่งกับ AI ผลน่าจะไม่ต่างจากเกมส์โกะ ที่สามารถเอาชนะแชมป์โลกไปได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ก็อยู่ที่ว่ามนุษย์เรานั้นจะสามารถยอมรับได้หรือไม่ หากต่อไป นั้น เราจะถูกวินิจฉัยโดย AI ซึ่งไม่ใช่หมอ เช่นเดียวกับ ในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะยอมรับได้มั๊ยว่า รถแบบขับเคลื่อนอัตโนมัตินั้น จะเป็นรถปรกติที่วิ่งบนถนนเดียวกับเรา ซึ่ง ยังไงอัตรการเกิดอุบติเหตุจาก AI เหล่านี้ ก็น่าจะน้อยกว่ามนุษย์อยู่แล้ว เพราะความแม่นยำที่สามารถตรวจสอบได้ และขีดจำกัดหลาย ๆ อย่างของมนุษย์นั้น จะไม่สามารถทำงานได้เทียบเท่า AI อีกต่อไป