ผ่านไปอีกเกมส์สำหรับ Arsenal ในฤดูกาลนี้ หลังจากผลงานก่อนหน้านี้โดยรวมไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ กับการมีแค่ 6 แต้มจาก 4 นัดแรกของฤดูกาล แต่ก็ยังพอที่จะลุ้นแชมป์ได้อยู่บ้าง หลังจากการสะดุดของทีมหัวแถวตารางในสัปดาห์ที่แล้ว
เกมส์นี้ถือเป็น Big Match อีก หนึ่งเกมส์ที่ถือว่าหนักหนาพอสมควร ซึ่งต้องไปเยือนทีม เชลซี แชมป์เก่า ถึงถิ่น สแตมฟอร์ดบริดจ์ ซึ่งเชลซีก็ค่อยๆ ฟอร์มดีขึ้นมาหลังจากที่พ่ายแพ้ในนัดเปิดสนาม โดยผลงานสามนัดหลังชนะรวด จึงเป็นการเจอกันที่เร็วพอสมควร แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้เจอทีมใหญ่ซะให้หมด ๆ โดยเฉพาะการเป็นทีมเยือนก่อน ซึ่งจะทำให้ครึ่งฤดูกาลหลัง จะได้เป็นฝ่ายเจ้าบ้าน
ต้องยอมรับก่อนเลยว่าผลงานของอาเซน เวนเกอร์ในการเชลซีของ คอนเต้ นั้นค่อนข้างดี เจอกัน 4 ครั้งชนะไปถึง 3 และแพ้เพียงแค่นัดเดียว ถือว่าเป็นกุนซือที่แพ้ทาง เวนเกอร์พอสมควร และแผนการเล่นหลัง 3 ของอาเซน่อลในฤดูกาลนี้นั้น ก็เป็นผลจากความสำเร็จของเชลซีในฤดูกาลที่แล้ว จึงคิดที่จะเลียนแบบบ้างในปีนี้
เกมส์นี้ต้องถือว่าการวางแท็กทิคของเวนเกอร์นั้น แก้ทางมาดี สำหรับครึ่งแรก เห็นได้ชัดเจนว่าเล่นได้เหนือกว่าเชลซี มีโอกาสจบสกอร์มากกว่า เชลซีแบบชัดเจน และทำให้เกมส์ของเชลซีในครึ่งแรกนั้น ไปกันไม่ถูกเลยทีเดียว กับการขึ้นเพรสซิ่งสูง ตั้งแต่ แดนหน้า ซึ่งถือว่าทำได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว แต่ก็เสียดายที่ไม่ได้ประตูออกนำ ทั้งที่มีโอกาสหลายครั้งที่จะเป็นประตู
หลังจากจบครึ่งแรก คอนเต้ ทำการแก้เกมส์ด้วยการเพิ่ม midfeld แดนกลางเพิ่มขึ้นมา ถือว่าเป็นการแก้ tactics ที่เห็นผลอย่างชัดเจน เกมส์กลับมาเป็นของเชลซีอีกครั้ง แดนกลางที่น้อยกว่า ทำให้ อาเซน่อลไม่สามารถทำเกมส์ได้เลยในช่วงครึ่งหลัง โอกาสของเชลซี ก็เริ่มมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถเจาะประตูกันได้
จนเห็นว่าแดนกลางเริ่มสู้ไม่ได้ เวนเกอร์เลยต้องปรับ tactics ใหม่ด้วยการ เพิ่มกองกลางเข้าไปสู้ ทำให้เกมส์ดูอึดอัดมาก เพราะแดนกลางเริ่มแน่นกันไปหมด ต่างฝ่าย ต่างทำอะไรกันไม่ได้มากนัก ถือว่าเกมส์นี้ค่อนข้างเครียดเลยทีเดียวกับ กุนซือทั้งสอง และเกมส์ก็มาถึงช่วงใกล้หมดเวลา เชลซีมาเสีย ดาวิด ลุยซ์ ซึ่งโดนไล่ออกไปช่วงท้ายของเกมส์ หลังจากนั้น อาเซน่อลก็เริ่มบุกเพื่อหวังประตูชนะ แต่เนื่องจากเวลาค่อนข้างเหลือน้อย จึงไม่สามารถทำอะไรกันได้ เสมอกันไป 0-0 ซึ่งเป็นผลที่ถือว่าแฟร์กับทั้งสองทีม ที่เล่นกันได้พอ ๆ กัน โดยแลกหมัดกันด้วย tactics ของกุนซือล้วน ๆ ในเกมส์นี้
จากเกมส์นี้เราจะได้เห็นถึงความสำคัญของ tactics ที่มีต่อเกมส์ได้อย่างชัดเจนเลย ว่า การปรับเปลี่ยนผู้เล่น ปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยนั้นทำให้เกมส์สามารถเปลี่ยนโมเมนตัมได้อย่างชัดเจน ก็ถือว่าเป็นผลงานที่ไม่ขี้เหร่ เท่าไหร่กับเกมส์นี้ของอาเซน เวนเกอร์ แต่ทีมนำเริ่มจะทิ้งห่างออกไปอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ก็ต้องขอเอาใจช่วยทีมให้รีบเก็บแต้มไล่ตามผู้นำ เพื่อไม่ให้หมดลุ้นแชมป์รวดเร็วเกินไป