International Business Machines Corp (IBM) ได้ตกลงที่จะขายส่วนหนึ่งของธุรกิจ IBM Watson Health ให้กับบริษัทร่วมทุน Francisco Partners ซึ่งเป็นการลดความทะเยอทะยานที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีในด้านการดูแลสุขภาพ
มูลค่าของสินทรัพย์ที่จำหน่าย ซึ่งรวมถึงชุดข้อมูลและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงซอฟต์แวร์ที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ตามรายงานของ Bloomberg
แต่ AI ควรจะเป็นอนาคตไม่ใช่หรือ? IBM ควรจะเก่งเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ?
ต้องบอกว่าทุกอย่างของ Watson นั้นเริ่มต้นได้ดี ผลงานชุดแรกๆ ของ Watson คือค้นหาการวินิจฉัยที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดจากความรู้สารานุกรมเกี่ยวกับโรคหายาก แต่ความท้าทายหลายอย่างได้กลายเป็นจุดจบของมัน ไม่ว่าจะเป็น ศพคอหัก รูกระสุน 15 รู และกลิ่นไซยาไนด์ที่แรง มันได้ทำให้เกิดคำถาม: ความล้มเหลวครั้งใหญ่ครั้งใดที่ทำให้ Watson ถึงจุดจบ
IBM Watson ได้กลายมาเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือในปี 2011 เมื่อใช้เทคโนโลยี natural language processing และ capacious knowledge models เพื่อเอาชนะ Jeopardy ซึ่งเป็นเกมโชว์ทางทีวีของอเมริกา
IBM ใช้โอกาสดังกล่าวในการเปิดตัว Watson Health ด้วยการวิเคราะห์แบบอัตโนมัติ บริษัทได้กล่าวว่า แพทย์สามารถวินิจฉัยได้แม่นยำยิ่งขึ้น รวดเร็วขึ้น และเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง การรักษาจะตรงเป้าหมายมากขึ้นสำหรับผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น การปฏิวัติด้านการดูแลสุขภาพกำลังจะเป็นจริง
IBM ได้รังสรรค์สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในแมนฮัตตัน ซึ่ง Watson สามารถแสดงความสามารถอันน่าทึ่งได้ พันธมิตร สถาบันและองค์กรธุรกิจชั้นนำลงทะเบียนเพื่อการพัฒนาร่วมกัน และความมหัศจรรย์ของการเปลี่ยนโฆษณาให้กลายเป็นความจริงได้เริ่มต้นขึ้น
ในปี 2019 IEEE Spectrum ซึ่งเป็นวารสารขององค์กรวิชาชีพด้านวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของอเมริกา รายงานว่ามีการประกาศความร่วมมือประมาณ 50 รายนับตั้งแต่เปิดตัวระหว่าง IBM Watson และองค์กรด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลก
โดยระบุรายชื่อองค์กรที่มีชื่อเสียงสูงสุด 20 แห่ง โดยมีหน่วยงานชื่อดังมากมาย เช่น Mayo Clinic องค์กรระดับชาติของอเมริกาในด้านโรคมะเร็ง โรคหัวใจและการวิจัยด้านเนื้องอกวิทยา ตลอดจนโรงพยาบาลและบริษัทต่างๆ มากมาย
แต่เมื่อมีการเผยแพร่การทดลองทางคลินิก Watson กลับล้มเหลวทุกครั้ง มันไม่สำคัญหรอกว่ามันจะอยู่ในสาขาไหน มันทำคะแนนได้น้อยกว่าแพทย์ที่เป็นมนุษย์อยู่สม่ำเสมอ บางครั้งความแม่นยำต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์เลยด้วยซ้ำ และแสดงให้เห็นถึงจุดบอดที่น่าตกใจในการรักษา ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์กังวลว่า AI จะไม่ได้ช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างแท้จริง
แน่นอนว่า AI สามารถเรียนรู้กฎของ Jeopardy ได้ในไม่กี่นาที แต่การจะเป็นหมอต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี Watson Health ไม่สามารถทำงานได้ในหลายสาขาพร้อมกัน ที่ต้องการความฉลาดทั่วไปที่ AI ยังไม่มีในปัจจุบัน จำเป็นต้องพัฒนาจากพื้นฐานกับผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เพื่อให้พวกเขาสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ วิธีการทำงาน ที่มีประสิทธิภาพวงการแพทย์ได้
IBM พยายามหลีกเลี่ยงโดยการซื้อบริษัทอื่นที่มีผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ AI ที่ประสบความสำเร็จ เพื่อดูดเอาความสามารถของพวกเขา ซึ่งบริษัทเล็ก ๆ เหล่านี้สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองเมื่อเป็นการแข่งขันขนาดเล็ก และมีความคล่องตัวสูง แต่ไม่สามารถเติบโตได้เมื่อผนวกเข้ากับระบบการตลาดที่นำโดย Watson
Watson Health ของ IBM ล้มเหลว เช่นเดียวกับเทคโนโลยี Machine Learning หลายๆ อย่าง มันต่างจากเกม Jeopardy ที่เกมดังกล่าวเป็นการสร้างคำถามจากชุดข้อมูล แต่การดูแลสุขภาพ การวินิจฉัย และการรักษาที่มีทักษะสูงสุดเป็นไปโดยอัตโนมัติโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งปัญหาไม่ได้อยู่ที่การรับข้อมูลมากที่สุดและการมีอัลกอริทึมที่ดีที่สุดแต่อย่างใด
แพทย์ที่ดีจะพบกับผู้ป่วยคอยซักถามอาการ Watson ขาดความสามารถในส่วนนี้ ไม่เห็นภาพรวมของกระบวนการของการรักษา ซึ่งการทำงานของแพทย์ ไม่ใช่เพียงแค่การรับอินพุทข้อมูลเท่านั้น แต่มีกระบวนการอีกมากมายที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วย
IBM เปิดตัว Watson Health ในปี 2015 โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้แพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์หลักเพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการด้านสุขภาพวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากและปฏิวัติการรักษามะเร็ง แต่ในท้ายที่สุดความทะเยอทะยานของบริษัทก็ไม่สมหวัง ลูกค้าบางรายบ่นว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทไม่ตรงกับโฆษณา
ในปี 2012 แพทย์ที่ศูนย์มะเร็ง Memorial Sloan Kettering ที่ได้ร่วมมือกับ IBM ฝึกอบรม Watson เพื่อวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วย แต่ตามเอกสารของ IBM ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มักให้คำแนะนำที่ไม่ดี เช่น แนะนำให้ผู้ป่วยมะเร็งที่มีเลือดออกรุนแรงได้รับยาที่อาจทำให้อาการเลือดออกแย่ลง
บทสรุปที่เกิดขึ้นกับ Watson Health ไม่ได้หมายความว่าเครื่องมือที่ใช้ AI ไม่สามารถใช้งานได้ในทางการแพทย์ Watson Health ใช้เวลาหลายปีกว่าจะถึงจุดจบ แต่ก็ได้ช่วยเหลือวงการแพทย์ในหลาย ๆ เรื่องเช่นเดียวกัน
แต่หลังจากใช้งบประมาณไป 4 พันล้านดอลลาร์ในการซื้อกิจการรวมถึงการวิจัยและพัฒนา Watson เองยังไม่สามารถสร้างก้าวหน้าแบบที่ IBM คิดไว้ในตอนแรกและธุรกิจนี้ก็ไม่สามารถทำกำไรได้ ปีที่แล้ว Wall Street Journal รายงานว่าธุรกิจดังกล่าวของ IBM สร้างรายได้ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์เพียงเท่านั้น
การตัดสินใจเลิกธุรกิจนี้ถูกมองว่าเป็นหนทางที่จะช่วยให้ Arvind Krishna ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่ในขณะนั้นมุ่งเน้นไปที่การดำเนินการคลาวด์คอมพิวติ้งที่เติบโตเร็วขึ้น สิ่งเป็นสิ่งที่ IBM มีความถนัดมากกว่านั่นเองครับผม
References : https://www.theregister.com/2022/01/31/machine_learning_the_hard_way
https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-01-21/ibm-is-said-to-near-sale-of-watson-health-to-francisco-partners
https://missthinkup.com/watsons-fatal-misdiagnosis-the-register/
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6433269/
https://www.theverge.com/2018/7/26/17619382/ibms-watson-cancer-ai-healthcare-science