จุดจบของ Watson Health กับความทะเยอทะยานที่ไม่สมดังหวังของ IBM

International Business Machines Corp (IBM) ได้ตกลงที่จะขายส่วนหนึ่งของธุรกิจ IBM Watson Health ให้กับบริษัทร่วมทุน Francisco Partners ซึ่งเป็นการลดความทะเยอทะยานที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีในด้านการดูแลสุขภาพ  

มูลค่าของสินทรัพย์ที่จำหน่าย ซึ่งรวมถึงชุดข้อมูลและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงซอฟต์แวร์ที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ตามรายงานของ Bloomberg

แต่ AI ควรจะเป็นอนาคตไม่ใช่หรือ? IBM ควรจะเก่งเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ?

ต้องบอกว่าทุกอย่างของ Watson นั้นเริ่มต้นได้ดี ผลงานชุดแรกๆ ของ Watson คือค้นหาการวินิจฉัยที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดจากความรู้สารานุกรมเกี่ยวกับโรคหายาก แต่ความท้าทายหลายอย่างได้กลายเป็นจุดจบของมัน ไม่ว่าจะเป็น ศพคอหัก รูกระสุน 15 รู และกลิ่นไซยาไนด์ที่แรง มันได้ทำให้เกิดคำถาม: ความล้มเหลวครั้งใหญ่ครั้งใดที่ทำให้ Watson ถึงจุดจบ

IBM Watson ได้กลายมาเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือในปี 2011 เมื่อใช้เทคโนโลยี natural language processing และ capacious knowledge models เพื่อเอาชนะ Jeopardy ซึ่งเป็นเกมโชว์ทางทีวีของอเมริกา

IBM ใช้โอกาสดังกล่าวในการเปิดตัว Watson Health  ด้วยการวิเคราะห์แบบอัตโนมัติ บริษัทได้กล่าวว่า แพทย์สามารถวินิจฉัยได้แม่นยำยิ่งขึ้น รวดเร็วขึ้น และเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง การรักษาจะตรงเป้าหมายมากขึ้นสำหรับผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น การปฏิวัติด้านการดูแลสุขภาพกำลังจะเป็นจริง

IBM ได้รังสรรค์สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในแมนฮัตตัน ซึ่ง Watson สามารถแสดงความสามารถอันน่าทึ่งได้ พันธมิตร สถาบันและองค์กรธุรกิจชั้นนำลงทะเบียนเพื่อการพัฒนาร่วมกัน และความมหัศจรรย์ของการเปลี่ยนโฆษณาให้กลายเป็นความจริงได้เริ่มต้นขึ้น

ในปี 2019 IEEE Spectrum ซึ่งเป็นวารสารขององค์กรวิชาชีพด้านวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของอเมริกา รายงานว่ามีการประกาศความร่วมมือประมาณ 50 รายนับตั้งแต่เปิดตัวระหว่าง IBM Watson และองค์กรด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลก

โดยระบุรายชื่อองค์กรที่มีชื่อเสียงสูงสุด 20 แห่ง โดยมีหน่วยงานชื่อดังมากมาย เช่น Mayo Clinic องค์กรระดับชาติของอเมริกาในด้านโรคมะเร็ง โรคหัวใจและการวิจัยด้านเนื้องอกวิทยา ตลอดจนโรงพยาบาลและบริษัทต่างๆ มากมาย 

แต่เมื่อมีการเผยแพร่การทดลองทางคลินิก Watson กลับล้มเหลวทุกครั้ง มันไม่สำคัญหรอกว่ามันจะอยู่ในสาขาไหน มันทำคะแนนได้น้อยกว่าแพทย์ที่เป็นมนุษย์อยู่สม่ำเสมอ บางครั้งความแม่นยำต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์เลยด้วยซ้ำ และแสดงให้เห็นถึงจุดบอดที่น่าตกใจในการรักษา ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์กังวลว่า AI จะไม่ได้ช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างแท้จริง

แน่นอนว่า AI สามารถเรียนรู้กฎของ Jeopardy ได้ในไม่กี่นาที แต่การจะเป็นหมอต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี Watson Health ไม่สามารถทำงานได้ในหลายสาขาพร้อมกัน ที่ต้องการความฉลาดทั่วไปที่ AI ยังไม่มีในปัจจุบัน จำเป็นต้องพัฒนาจากพื้นฐานกับผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เพื่อให้พวกเขาสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ วิธีการทำงาน ที่มีประสิทธิภาพวงการแพทย์ได้ 

IBM พยายามหลีกเลี่ยงโดยการซื้อบริษัทอื่นที่มีผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ AI ที่ประสบความสำเร็จ เพื่อดูดเอาความสามารถของพวกเขา ซึ่งบริษัทเล็ก ๆ เหล่านี้สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองเมื่อเป็นการแข่งขันขนาดเล็ก และมีความคล่องตัวสูง แต่ไม่สามารถเติบโตได้เมื่อผนวกเข้ากับระบบการตลาดที่นำโดย Watson 

Watson Health ของ IBM ล้มเหลว เช่นเดียวกับเทคโนโลยี Machine Learning หลายๆ อย่าง มันต่างจากเกม Jeopardy ที่เกมดังกล่าวเป็นการสร้างคำถามจากชุดข้อมูล แต่การดูแลสุขภาพ การวินิจฉัย และการรักษาที่มีทักษะสูงสุดเป็นไปโดยอัตโนมัติโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งปัญหาไม่ได้อยู่ที่การรับข้อมูลมากที่สุดและการมีอัลกอริทึมที่ดีที่สุดแต่อย่างใด 

ต่างจากเกม Jeopardy ที่เกมดังกล่าวเป็นการสร้างคำถามจากชุดข้อมูล (CR:Huffpost)
ต่างจากเกม Jeopardy ที่เกมดังกล่าวเป็นการสร้างคำถามจากชุดข้อมูล (CR:Huffpost)

แพทย์ที่ดีจะพบกับผู้ป่วยคอยซักถามอาการ Watson ขาดความสามารถในส่วนนี้ ไม่เห็นภาพรวมของกระบวนการของการรักษา ซึ่งการทำงานของแพทย์ ไม่ใช่เพียงแค่การรับอินพุทข้อมูลเท่านั้น แต่มีกระบวนการอีกมากมายที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วย

IBM เปิดตัว Watson Health ในปี 2015 โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้แพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์หลักเพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการด้านสุขภาพวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากและปฏิวัติการรักษามะเร็ง แต่ในท้ายที่สุดความทะเยอทะยานของบริษัทก็ไม่สมหวัง ลูกค้าบางรายบ่นว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทไม่ตรงกับโฆษณา

ในปี 2012 แพทย์ที่ศูนย์มะเร็ง Memorial Sloan Kettering ที่ได้ร่วมมือกับ IBM ฝึกอบรม Watson เพื่อวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วย แต่ตามเอกสารของ IBM ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มักให้คำแนะนำที่ไม่ดี เช่น แนะนำให้ผู้ป่วยมะเร็งที่มีเลือดออกรุนแรงได้รับยาที่อาจทำให้อาการเลือดออกแย่ลง 

บทสรุปที่เกิดขึ้นกับ Watson Health ไม่ได้หมายความว่าเครื่องมือที่ใช้ AI ไม่สามารถใช้งานได้ในทางการแพทย์  Watson Health ใช้เวลาหลายปีกว่าจะถึงจุดจบ แต่ก็ได้ช่วยเหลือวงการแพทย์ในหลาย ๆ เรื่องเช่นเดียวกัน

แต่หลังจากใช้งบประมาณไป 4 พันล้านดอลลาร์ในการซื้อกิจการรวมถึงการวิจัยและพัฒนา Watson เองยังไม่สามารถสร้างก้าวหน้าแบบที่ IBM คิดไว้ในตอนแรกและธุรกิจนี้ก็ไม่สามารถทำกำไรได้ ปีที่แล้ว Wall Street Journal รายงานว่าธุรกิจดังกล่าวของ IBM สร้างรายได้ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์เพียงเท่านั้น

การตัดสินใจเลิกธุรกิจนี้ถูกมองว่าเป็นหนทางที่จะช่วยให้ Arvind Krishna ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่ในขณะนั้นมุ่งเน้นไปที่การดำเนินการคลาวด์คอมพิวติ้งที่เติบโตเร็วขึ้น สิ่งเป็นสิ่งที่ IBM มีความถนัดมากกว่านั่นเองครับผม 

References : https://www.theregister.com/2022/01/31/machine_learning_the_hard_way
https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-01-21/ibm-is-said-to-near-sale-of-watson-health-to-francisco-partners
https://missthinkup.com/watsons-fatal-misdiagnosis-the-register/
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6433269/
https://www.theverge.com/2018/7/26/17619382/ibms-watson-cancer-ai-healthcare-science

Geek Monday EP118 : ประสบการณ์ 3 ปีใน blockdit กับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2021

ต้องบอกว่าผมเป็นหนึ่งในสมาชิกที่อยู่ในแพล็ตฟอร์ม Blockdit แห่งนี้มาตั้งแต่ช่วงต้น ๆ ที่ในช่วงแรก ๆ นั้นมีสมาชิกอยู่ไม่มากมายนัก และได้เห็นการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องของแพล็ตฟอร์ม Blockdit ที่ตอนนี้ต้องถือว่าเป็นอีกหนึ่งในแพล็ตฟอร์มที่น่าจับตามองมาก ๆ เลยทีเดียว

ในปี 2021 blockdit มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผมอยากจะมาแชร์ข้อมูลที่น่าสนใจจากการอยู่ในแพลตฟอร์มนี้มา 3 ปี ให้ฟังกันครับผม

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3oajvrG

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/3GbNk0X

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/2kxHtQ3

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/3HeS3Ax

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/YHmPcDILT0Y

References Image : https://www.blockdit.com/posts/60056fb8fddc101b54f6548d

NFT Marketplace ยอมรับว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของ NFT เป็นสแปม กลโกง และการหลอกลวง

OpenSea ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดซื้อขาย NFT ออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด ได้ออกมาประกาศว่าร้อยละ 80 ของ NFT ที่สร้างเสร็จผ่านเครื่องมือสร้างฟรีของพวกเขานั้นกลายเป็นสแปม การหลอกลวง และการฉ้อโกง

OpenSea ประกาศเปลี่ยนการตัดสินใจที่จะจำกัดการสร้าง NFT ฟรี ทำให้แฟน ๆ NFT และ crypto ไม่พอใจกับข้อจำกัดดังกล่าวนี้

“ทุกการตัดสินใจของเรา เราทำโดยคำนึงถึงผู้สร้างของเรา เดิมทีเราสร้างเครื่องมือเพื่อให้ครีเอเตอร์เริ่มต้นใช้งานได้ง่ายขึ้น” OpenSea กล่าว “อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้เราพบว่าการใช้คุณลักษณะนี้ในทางที่ผิดเพิ่มขึ้นอย่างมาก กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของรายการที่สร้างขึ้นด้วยเครื่องมือนี้เป็นงานลอกเลียนแบบ คอลเล็กชันปลอม และสแปม”

ซึ่งได้เกิดการถกเถียงขึ้น โดยมีหนึ่งในศิลปินได้ตอบกลับและกล่าวหาผู้สร้าง NFT ที่ไม่ระบุตัวตนว่าขโมยงานของพวกเขาและสร้างกำไรให้กับตัวเองในแพลตฟอร์ม OpenSea

“มีคนสร้างโปรไฟล์บน OpenSea และเอาทุกอย่างจากโปรไฟล์ Twitter ของฉัน” ผู้ใช้รายหนึ่งที่มีนามแฝงว่า Holley “ตอนนี้พวกเขากำลังขายงานศิลปะของฉันในรูปแบบ NFT ซึ่งนั่นไม่ใช่ฉัน! หากคุณสามารถช่วยรายงานบุคคลนี้ฉันจะขอบคุณมาก ๆ ”

การละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ใช่เรื่องใหม่ในพื้นที่ NFT ศิลปินบ่นเรื่องการโจรกรรมและการแฮ็คมาหลายเดือนแล้ว และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนักร้องร็อคชื่อดัง Ozzy Osbourne ได้เข้ามาถือครองผลงาน NFT มูลค่าหลายพันดอลลาร์

คำถามคือ ปัญหานี้จะแก้ได้อย่างไร? ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ Wall Street Journal ได้ออกมาสนับสนุนการควบคุมตลาด crypto ซึ่งสามารถช่วยลดการหลอกลวงและทำให้ตลาดมีเสถียรภาพ ประเด็นหลักของ crypto คือการกระจายอำนาจ แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ผลสำหรับศิลปินที่มีความสามารถและถูกลอกเลียนผลงานได้ง่ายจนเกินไป

References : https://kqeducationgroup.com/nft-marketplace-admits-that-80-percent-of-nfts-are-spam-scams-and-fraud/
https://www.nftradius.com/nft-marketplace-admits-that-80-percent-of-nfts-are-spam-scams-and-fraud-futurism-nftradius/
https://downwithwhatsup.com/nft-marketplace-admits-that-80-percent-of-nfts-are-spam-scams-and-fraud/
https://futurism.com/why-artists-hate-nfts

ความรู้สึกกับการได้รับคัดเลือกในรางวัล Best Creator Awards

รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งอีกครั้งหนึ่งนะครับสำหรับรางวัล Best Creator Awards ในปี 2021 ที่ทางทีมงาน blockdit ได้ประกาศผลออกมา ซึ่งต้องบอกว่าสังคม blockdit นั้นมีนักเขียนคุณภาพมากมายที่สร้างสรรค์คอนเทนต์ดี ๆ ให้กับแพลตฟอร์มอยู่เสมอ

แพล็ตฟอร์มแห่งนี้เปิดพื้นที่ให้กับทุก ๆ คน ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นนักเขียน ที่ไม่ได้มีชื่อเสียง หรือ อะไรมาก่อนเลย และมาเขียน blockdit เป็นที่แรกเหมือนกับอีกหลาย ๆ ท่าน ซึ่งก็เริ่มจาก 0 follower เช่นเดียวกันกับทุก ๆ คน

อยากให้ผู้เขียนหลาย ๆ ท่านอย่าเพิ่งท้อใจกับช่วงแรก ๆ อาจจะเริ่มจากจำนวนคน follow น้อย ๆ แต่หากเป็นงานเขียนที่น่าสนใจจริง ๆ ก็สามารถที่จะสร้างผู้ติดตามจำนวนมากได้เช่นเดียวกัน

ผมก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ถือว่าเขียนมาเป็นระยะเวลานานพอสมควรเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่ในยุคแรก ๆ ช่วงปลายปี 2018 ซึ่งก็เหมือนกับหลาย ๆ ท่าน ที่ในตอนนั้นเราแค่อยากได้มีที่ไว้สำหรับแสดงผลงานด้านการเขียน ในเรื่องที่เราชื่นชอบ

ซึ่งแน่นอนว่า ส่วนของเพจผมใครหลายคนที่ติดตามน่าจะทราบดีว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ AI หุ่นยนต์ รวมถึงประวัตินักธุรกิจหลาย ๆ คนโดยเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีที่ผมนำมาเล่าผ่าน Blog Series หลาย ๆ ชุด

แต่อย่างที่ทราบกันว่า Blockdit นั้นได้เปิดทำการหารายได้ โดยผู้ที่มี follower เกิน 1000 คนก็จะสามารถที่จะหารายได้จากงานเขียนของท่านได้ทันที โดยจะได้จาก โพสต์ ที่ติดดาว รวมถึงโฆษณาภายในโพสต์ ซึ่งเป็น อัลกอริทึมที่ทาง Blockdit พิจารณามาอย่างดีแล้ว จากทั้ง engagement like share ฯลฯ

ต้องบอกว่าถึงตอนนี้ blockdit ก็เติบโตขึ้นมาอีกขั้นนึงแล้ว นักเขียนหลาย ๆ ท่านก็อยู่กันมาตั้งแต่ในยุคที่สมาชิกยังไม่มากมายเหมือนในยุคปัจจุบัน ซึ่งหลาย ๆ ท่านก็เป็นแรงผลักดันให้ blockdit ก้าวขึ้นมาได้ถึงวันนี้ และผมเองก็คิดว่า blockdit นั้นยังมีช่องว่างให้เติบโตได้อีกมาก

ส่วนตัวผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อในศักยภาพของคนไทย โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยี ที่ผมมองว่าคนไทยเราก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก ต้องบอกว่าปัจจุบันแพล็ตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ Social Network นั้น เราถูกบุกรุกจากต่างชาติ จนเข้ามากลืนกินพฤติกรรมของคนไทยในหลาย ๆ ด้าน จนแทบจะไม่เหลือที่ยืนให้ผู้ประกอบการชาวไทย

แต่ตอนนี้ เราคนไทย ยังมีพื้นที่อย่าง blockdit ซึ่งยังเป็นสถานที่ ๆ เปิดโอกาสให้ทุกท่านได้มาแสดงฝีมือในการเขียน หรือสร้างสรรค์ Content ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งบทความ , Podcast หรือ VDO ตามความชอบของแต่ละท่าน

blockdit ถือเป็นสังคมใหม่ ที่ท่านจะไม่ได้เห็นในแพล็ตฟอร์มอื่น ๆ มี เนื้อหา สาระ หลากหลายรูปแบบ หรือ ข้อถกเถียงมากมายที่เกิดขึ้นที่แพล็ตฟอร์มนี้ ที่ส่วนใหญ่จะมีการยอมรับเหตุผลซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในแพล็ตฟอร์ม Social Media อื่น ๆ ในยุคปัจจุบัน

และในอนาคต ส่วนตัวผมเองก็อยากเห็นภาพที่คนไทยหันมาสนับสนุน Social Network ของไทยอย่าง blockdit กันมากยิ่งขึ้น เหมือนกับที่เราสนับสนุนแพล็ตฟอร์มจากต่างชาติ เพราะอย่างน้อยทั้งในเรื่องของเงิน และ ข้อมูลต่างๆ  ของเรานั้น มันไม่ได้รั่วไหลไปไหน แต่ฝากไว้กับ Blockdit ที่ถือได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยแท้ ๆ นั่นเองครับผม

สุดท้ายก็ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ทีมงาน blockdit สำหรับรางวัลที่มอบให้ ถือเป็นกำลังใจที่ดีให้ผมสร้างสรรค์คอนเทนต์ดี ๆ ในแพลตฟอร์มแห่งนี้ต่อไปครับผม

รางวัล Best Creator Award
รางวัล Best Creator Award

เป๋าตัง x ลอตเตอรี่ออนไลน์ กับศักยภาพในการก้าวขึ้นเป็น Super App อันดับหนึ่งในไทย

เรียกได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด ถูกจุดมากเลยทีเดียวสำหรับข่าวล่าสุดที่ บอร์ดสลากฯ ได้เห็นชอบให้สำนักงานสลากฯไปจัดทำระบบจำหน่ายสลากผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือแพลตฟอร์อออนไลน์ ภายใต้ชื่อ แพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล (ดิจิทัล ลอตเตอรี่) 

วิธีการก็คือทำการสแกนสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวจริงแล้วนำไปโพสต์ขายบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ลอตเตอรี่ ซึ่งจะเป็นมาร์เก็ตเพลสของสำนักงานสลากฯเอง เพื่อเป็นช่องทางการจำหน่ายสลากให้ผู้ได้รับโควต้าสลาก แต่ผู้ค้าจะต้องขายในราคาไม่เกิน 80 บาท

และเมื่อทำการซื้อขายสลากฯ ผู้ซื้อจะมีเอกสารหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมภาพสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นหลักฐาน โดย สำนักงานสลากฯ จะจัดเก็บข้อมูลไว้ ซึ่งล็อตเตอรี่ใบที่ได้จำหน่ายไปแล้ว จะไม่สามารถนำไปขายต่อได้อีก หรือเปลี่ยนสิทธิไม่ได้ เพราะสลากขายได้ครั้งเดียว

ส่วนผู้ซื้อจะต้องซื้อผ่านแอปเป๋าตังเท่านั้น เนื่องจากธนาคารกรุงไทย จะเป็นผู้ทำระบบทั้งหมดให้กับสำนักงานสลากฯ เรียกได้ว่าส่งผลบวกเต็ม ๆ กับแอปเป๋าตัง และอาจจะส่งผลให้ถึงจุดจบของแพลตฟอร์มขายสลากออนไลน์ของภาคเอกชน ตัวอย่างเช่น กองสลาก.com มังการฟ้า ฯลฯ เลยทีเดียว

ก่อนหน้านี้ ต้องบอกว่า แอปเป๋าตัง เรียกได้ว่า น่าจะเป็นแอปไทยเพียงไม่กี่แอปที่มีผู้ใช้งานจำนวนมหาศาลกว่า 40 ล้านคน ที่มีฐานลูกค้าพอที่จะสามารถต่อกรกับ แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ ที่กำลังบุกรุกจากต่างชาติได้

ไทยเป็นหนึ่งประเทศที่เรียกได้ว่าเสียเอกราชทางด้าน Data แบบเต็มรูปแบบ มองไปทางไหน ก็มีแต่แอปต่างชาติ คอยดูดข้อมูลของคนไทยเราไปสร้างรายได้ให้กับพวกเขาอย่างมหาศาล

บริการอย่าง Social Network นั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเพราะ เครือข่ายของ Facebook และ TikTok นั้นกินส่วนแบ่งการตลาดได้แบบเบ็ดเสร็จ ฝั่ง Ecommerce ก็นำโดยทุนจากจีนทั้ง Shopee ที่มีพี่ใหญ่อย่าง Tencent คอย Backup หรือ Lazada ที่ส่งตรงมาจากกองบัญาการใหญ่ของ Alibaba

ในอุตสาหกรรมที่พอจะสู้ได้ ก็คงจะเป็น Delivery Service แพลตฟอร์มที่ไทยเราเองยังพอมีที่ยืนให้กับแอปคนไทย หรือ ที่เกิดจากประเทศไทยบ้าง ทั้ง Lineman หรือ Robinhood

ส่วนแอปตระกูลธนาคารทั้งหลายที่เข้ามาแข่งขันในการดึง Data พฤติกรรมต่าง ๆ ของผู้บริโภค ซึ่งพวกเขาไม่ได้มองตัวเองเป็นธนาคารแบบเดิม ๆ อีกต่อไป จากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เราได้เห็นทั้ง SCB และ Kbank แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็มีฐานผู้ใช้งานที่แย่งกันอยู่ตามฐานลูกค้าธนาคารแต่ละราย ไม่มีใครสามารถกินรวบได้แบบเบ็ดเสร็จเหมือนที่เป๋าตังทำได้

เป๋าตัง กับ แอปมาแรงแซงทางโค้ง

สอดรับกับนโยบายที่ออกมามากมาย ทั้งคนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน ยิ่งใช้ยิ่งได้ ฯลฯ ทำให้ เป๋าตังเป็นแอปที่มีความได้เปรียบกว่าแอปอื่น ๆ เป็นอย่างมาก ในการสร้างฐานสมาชิก ซึ่งมันแทบจะบังคับ ทุกคนที่จะใช้นโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ที่รัฐได้อัดฉีดมาสร้างความคึกครื้นทางด้านเศรษฐกิจ ต้องโหลดแอปมาก่อน ถึงจะใช้บริการเหล่านี้ได้

แอป อื่นอาจจะมีต้นทุนในการหาฐานลูกค้าของตน แต่แอปอย่าง เป๋าตังแทบจะไม่มี หรือ อาจจะใช้งบน้อยมาก ๆ เพื่อทำการนำคนเข้ามาสู่แพลตฟอร์ม ซึ่งระยะยาวถือว่าเป็นสิ่งที่ได้เปรียบเป็นอย่างมาก

ตอนนี้ เรียกได้ว่า มีบริการต่าง ๆ มากมายที่เกิดขึ้น บนแอปเป๋าตัง ทั้งซื้อหุ้นกู้ ซื้อทองคำ สั่งอาหารแบบ Delivery และเป๋าตังเองก็แทบจะกลายเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลหลักของใครหลาย ๆ คนไปเสียแล้วด้วยซ้ำในตอนนี้

ศักยภาพของ เป๋าตัง ในการก้าวเป็น Super App ของคนไทยจริง ๆ

เรียกได้ว่าแทบทุกแพลตฟอร์ม มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็คือ การก้าวขึ้นเป็น Super App ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีการแย่งชิงตลาดกันเองบ้างแล้ว ซึ่งเป้าหมายสูงสุดคงหนีไม่พ้นการให้บริการทางด้านการเงินนั่นเอง สังเกตได้จากตอนนี้ หลาย App ปล่อยกู้กันง่ายมาก ๆ คลิกไม่กี่ครั้งก็ได้เงินกู้กันแบบง่าย ๆ แล้ว โดยอาศัยพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่พวกเขามีอยู่แล้วนั่นเอง

ส่วนเป๋าตัง ผมเองมองว่า มีศักยภาพที่สูงมาก ๆ ในการเป็น Super App ของคนไทยจริง ๆ ได้ เพราะสามารถแตกบริการได้อีกหลากหลายเป็นอย่างมาก ทั้งไปทาง Ecommerce , Fintech , Delivery Service , Online Travel Agency และอีกมากมายด้วยข้อมูล Big Data ที่มีความได้เปรียบเป็นอย่างมาก

จะเห็นได้ว่า มันยังมีช่องทางให้ เป๋าตัง ขยายบริการอีกมากมาย ซึ่ง ตอนนี้เป๋าตังน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของ Krungthai แต่ในอนาคตผมมองว่า เป๋าตังจะ spinoff กลายเป็นอีกหนึ่งบริการขนาดใหญ่ หรือ ขยับขยายกลายเป็นรัฐวิสาหกิจ หรือ บริษัทมหาชนขนาดใหญ่ แบบเดียวกับ AOT , การบินไทย , การไฟฟ้า , ไปรษณีย์ไทย , PTT หรืออีกมากมาย ที่จะให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้าน Data ครบวงจรในรูปแบบ Super App ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ในอนาคต และที่สำคัญที่สุดเป็นของคนไทยแท้ ๆ นั่นเองครับผม

References : https://www.matichon.co.th/economy/news_3154118
https://www.prachachat.net/finance/news-625774