แนวความคิดแรกของผู้บริหาร Microsoft ที่จะส่ง Zune ออกมาแก้ขัดในตลาด ก่อนที่จะนำไปสู่งระบบคลังเพลงบนระบบ Cloud ดูเหมือนหนทางจะมืดมน เพราะ ตอนนั้นยังไม่มีบริการเชื่อมต่อใด ๆ ให้กับ Zune และในฐานะ Hardware ตัวหนึ่งนั้น Zune เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่คุ้มทุนเลย คล้าย ๆ กับ Xbox ที่ Microsoft ยอมขายเครื่องขาดทุนเพื่อไปเอากำไรจากบริการด้าน Software ที่เป็นเกมส์มากกว่า รวมถึงบริการในการเล่นออนไลน์นั่นเอง
ซึ่ง Microsoft นั้นก็ได้มอง Zune ในรูปแบบธุรกิจเดียวกัน ยอมขายเครื่องขาดทุน แล้วค่อยไปหาทางสร้างรายได้กับ Software กับการฟังเพลงบน Cloud ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นของถนัดของ Microsoft มากกว่า
จอห์น สกัลลีย์ อดีด CEO ของ Apple ที่เป็นคนมาแทนสตีฟ จ๊อบส์ ให้ความเห็นในเรื่องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดูเหมือนจ๊อบส์นั้นทำให้ลูกค้าอยากได้ผลิตภัณฑ์ของ Apple ในแบบที่แบรนด์อื่น ๆ ไม่สามารถทำได้ มันเป็นเรื่องของอารมณ์ที่อยู่เหนือเหตุผลในการซื้อสินค้าของ Apple
ซึ่งแน่นอนว่า Apple นั้นสามารถทำกำไรได้ทั้งในส่วน Hardware คือ iPod และส่วนของ Software & Service อย่าง iTunes นี่คือจุดแตกต่างระหว่างบริษัททั้งสอง ในตอนที่ Zune ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการนั้น มันเป็นสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดจนแทบจะไม่มีใครอยากดูการ present เลยด้วยซ้ำ
มันเป็นความแตกต่างตั้งแต่ปรัชญาของสองบริษัทที่แตกต่างกันสิ้นเชิง ทีมงานของ Microsoft นั้น ฉลาดเป็นกรด มีแต่วิศวกรเก่ง ๆ อัจฉริยะทั้งนั้น ที่มาช่วยกันสร้าง Zune แต่ปรัชญาของ Microsoft นั้นจะต้องทำผลิตภัณฑ์ขึ้นมาก่อน แล้วค่อยตามแก้ปัญหาในภายหลัง ส่วน Apple ของ สตีฟ จ๊อบส์ ไม่เคยทำอย่างนั้น เขาจะไม่ปล่อยอะไรออกมาจนกว่าทุกอย่างจะดูสมบูรณ์แบบ
รวมถึง Ecosystem ที่อยู่รายรอบผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ Apple นั้นดูเหมือนจะบริหารสิ่งเหล่านี้ได้ดีกว่า Microsoft อย่างชัดเจน เพราะ Microsoft นั้นไม่ได้สนใจองค์รวมของ Ecosystem ของทั้งธุรกิจที่จะไปด้วยกันอย่างที่เราเห็นกับ Apple ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ผลักดันให้ iPod กลายเป็นสินค้ายอดฮิตติดตลาดไปในที่สุดนั่นเอง
ดูเหมือนว่า Microsoft นั้นจะมีผลิตภัณฑ์มากมายเต็มไปหมด และ Zune ก็เป็นหนึ่งในนั้น แถมยังโดนผู้บริหารมองเป็นสินค้าขัดตาทัพเพียงเท่านั้น เหมือนเป็นการทดลองตลาดของ Microsoft ในศึกเครื่องเล่นเพลงดิจิตอลแบบพกพา ที่ Apple นั้นนำห่างออกไปเรื่อย ๆ
ความแตกต่างตั้งแต่ ปรัชญา ความปราณีตของผลิตภัณฑ์ ที่ Apple ดูจะเหนือกว่าอย่างชัดเจน และสามารถสร้างสิ่งที่เข้าใจผู้บริโภคจริง ๆ รู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร Apple ก็จะบรรจงสร้างมาให้ User ใช้งานได้ทันทีโดยแทบจะไม่ต้องมีการเรียนรู้ด้วยซ้ำ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ในตลาด Consumer Product ที่มีขนาดของตลาดใหญ๋มหาศาลเช่นนี้ และ Microsoft ดูเหมือนจะพลาดในเกมนี้แล้ว
อุปกรณ์นี้ยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบและการวิจัยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่อุปกรณ์นี้เป็นอุปกรณ์แรกที่สร้างประโยคแบบเต็มรูปแบบ ในแบบที่คนอื่นสามารถเข้าใจได้โดยอ้างอิงจาก Scientific American – มันเป็นความหวังครั้งสำคัญสำหรับผู้ที่สูญเสียความสามารถในการสื่อสารจากโรคร้ายต่าง ๆ หรือความพิการ
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย University of California, San Francisco (UCSF) ได้ใช้ AI เพื่อเชื่อมโยงสัญญาณที่สมองส่งไปยังผู้ใช้งาน โดยจะสอดคล้องกับคำศัพท์เฉพาะ ซึ่งท้ายที่สุดจะจำลองพฤติกรรมของการสร้างคำที่ฟังดูสมจริงเหมือนการสื่อสารแบบปรกติของมนุษย์ ซึ่งในการทดสอบการทำงานอุปกรณ์นี้สามารถสังเคราะห์เสียงพูดได้ในขณะที่ผู้พยายามใช้ความคิดอย่างเงียบ ๆ
นักวิจัยได้คิดค้นวิธีสองขั้นตอนสำหรับการแปลความคิดเป็นคำพูด ขั้นแรกในการทดสอบกับผู้ป่วยโรคลมชักซึ่งมีการวัดการสื่อสารของระบบประสาทด้วยอิเล็กโทรด ลงบนพื้นผิวของสมอง นักวิจัยจะบันทึกสัญญาณจากบริเวณสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อลิ้น ริมฝีปาก และลำคอ ต่อมาหลังจากใช้อัลกอริธึมคอมพิวเตอร์ Deep Learning ที่ฝึกฝนจากคำพูดที่เป็นธรรมชาติพวกเขาก็นำมาแปลการเคลื่อนไหวเหล่านั้นให้เป็นประโยคที่ได้ยิน
กองทัพเรือ UK กำลังทดสอบระบบพลังงานกลที่น่าทึ่งสำหรับอาวุธ Dragonfire Laser Directed Energy Weapon บนเรือที่มีความทันสมัยที่สุดในโลก และการออกแบบระบบใหม่ทั้งหมดนั้นมาจาก ทีม Williams แห่งการแข่งรถ Formula 1
“เทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนามาโดยทีม William F1” โฆษกทหารกองทัพ UK แอนดรู เทต กล่าวในการแถลงข่าว “ เราเห็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการเพิ่มความสามารถในการป้องกันด้วยการสร้างระบบพลังงานที่แข็งแกร่งและระบบป้องกันแห่งอนาคตสำหรับเรือรบ”