สร้าง Lamborghini ทั้งคันด้วย เทคโนโลยี 3D Printing

ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมาสมาคมภาพยนตร์แห่งอเมริกาเปิดตัวบริการสาธารณะที่เป็นการต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งได้กลายเป็น meme ซึ่งมุ่งเป้าไปที่เหล่าผู้ที่ดาวน์โหลดสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ เพลง อย่างผิดกฎหมาย

แต่ตอนนี้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) นั้นสามารถทำให้เรื่องที่เหลือเชื่อนั้นกลายเป็นจริงได้ นักฟิสิกส์ ที่มีนามว่า Sterling Backus ได้ทำการใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติสร้างรถยนต์เลียนแบบ Lamborghini Aventador -inspired supercar ในสนามหลังบ้านของเขาเอง โดยเขาและลูกชายของเขา ได้ทำงานกับโครงการนี้มาเกือบปีครึ่งแล้ว ซึ่งสเตอร์ลิงได้ใช้เงินประมาณ 20,000 เหรียญ ในโครงการดังกล่าว

Lamborghini จากเทคโนโลยี 3D Printing
Lamborghini จากเทคโนโลยี 3D Printing

ทั้งคู่ได้ทำการพิมพ์แผงตัวถัง ไฟหน้า และแม้แต่ช่องระบายอากาศจากพลาสติกหลากหลายชนิด เพื่อให้แน่ใจว่ารถปลอดภัยในการขับขี่ Sterling หุ้มชิ้นส่วนที่พิมพ์ไว้บางส่วนด้วยวัสดุที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์

ในทางเทคนิคแล้วรถไม่ได้ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนที่พิมพ์แบบสามมิติทั้งหมด: เครื่องยนต์ตัวถังและชิ้นส่วนโครงสร้างอื่น ๆ ถูกสร้างมาแยกชิ้นกันโดยไม่ได้มาจากเครื่องพิมพ์สามมิติ

“วัตถุประสงค์ของเรานั้น จะสร้างมันมาเพื่อให้กลายเป็นสถานที่แสดงรถ ให้กับเหล่านักเรียนที่สนใจในโรงเรียนในท้องถิ่น ซึ่งการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง 3D Printing นั้นจะทำให้เด็ก ๆ สนใจในวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีวิศวกรรม, ศิลปะและคณิตศาสตร์เพิ่มมากขึ้น จากการได้เห็นรถคันนี้นั่นเอง” สเตอร์ลิงกล่าว

และเขามองว่ามันไม่ใช่การละเมิดลิขสิทธิ์ของบริษัทผลิตรถยนต์ Lamborghini

“ การออกแบบชิ้นส่วนขึ้นมีต้นแบบมาจาก Lamborghini Aventador ก็จริง แต่เราได้ปรับเปลี่ยนหลายส่วนอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อเพิ่มมิติในการออกแบบของเรา” สเตอร์ลิง กล่าวเสริม “ นอกจากนี้จะไม่มีการทำแม่พิมพ์ชิ้นส่วนต่าง ๆ และจะไม่มีการจำหน่ายโดยเด็ดขาด นี่เป็นเพียงโครงการทดลองและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ เท่านั้น ไม่ใช่เป็นการสร้างมาเพื่อการขายอย่างแน่นอน”

References : 
https://www.3dprintingmedia.network/you-too-could-now-3d-print-a-lamborghini-aventador-at-home/

Reinventing The Wheel : Future of EV Car

ยานพาหนะขับเคลื่อนไฟฟ้าในปัจจุบันแทบจะไม่มีความแตกต่างกันมากนัก ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการออกแบบมาจากดีไซต์ของรถเครื่องยนต์กินน้ำมันแบบเดิม ๆ  ซึ่งอาจจะมีข้อยกเว้นที่พบได้บางอย่างเช่น มีการนำเอามอเตอร์เกียร์และส่วนประกอบอื่น ๆ ไปอยู่ภายใต้ตัวรถนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม REE บริษัท Startup จากอิสราเอล ได้ตัดสินใจที่จะใช้แนวทางที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงในการออกแบบรถยนต์ EV แบบไฟฟ้า ซึ่งโดยทั่วไปแล้วทุกสิ่งที่อยู่ใต้กระโปรงหน้ารถนั้น จะถูกติดตั้งเข้ากับล้อของรถ

“จนถึงขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการโดยการปรับปรุงการออกแบบแบบยานยนต์ใหม่แบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน”  CEO ของ REE (Daniel Barel) กล่าวในการแถลงข่าว “  ที่ REE เราเชื่อว่าเพื่อเร่งการปฏิวัติยานยนต์เราจำเป็นต้องบูรณาการ การออกแบบล้อใหม่ทั้งหมด”

แนวคิดการออกแบบรถยนต์แบบใหม่ฉีกกฏเกณฑ์เดิม ๆ ที่เคยมี
แนวคิดการออกแบบรถยนต์แบบใหม่ฉีกกฏเกณฑ์เดิม ๆ ที่เคยมี

REE แพลตฟอร์มรถเปิดตัวในงาน TechCrunch Mobility ที่ผ่านมา ซึ่งมันดูไม่เหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้าแต่มันดูเหมือนกับสเก็ตบอร์ดขนาดใหญ่เสียมากกว่า ซึ่งสร้างความสนใจให้กับผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก

แนวคิดของ REE ก็คือเหล่าผู้ผลิตรถยนต์สามารถสร้างยานพาหนะไฟฟ้าประเภทใดก็ได้ตั้งแต่รถกอล์ฟไปจนถึงรถกระบะที่อยู่ด้านบนของแพลตฟอร์มรถยนต์แบบแยกส่วนดังกล่าวนี้

“ค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุดสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ OEM คือ แพลตฟอร์มของการพัฒนา สายการผลิต และ Process ในการตรวจสอบความถูกต้องของการผลิต” Barel บอกกับสำนักข่าว NewAtlas “ มันมีค่าใช้จ่ายหลายพันล้าน และใช้เวลาหลายปี เราจึงสร้าง Model แบบใหม่  ที่เปิดโอกาสให้เหล่าผู้ผลิตหน้าใหม่ฉีกกรอบรูปแบบการผลิตแบบเดิม ๆ  ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีสายการผลิตขนาดใหญ่ สามารถผลิตเพียงไม่กี่คันก็ได้ คล้ายกับชิ้นส่วนทางคอมพิวเตอร์ที่สามารถนำมาประกอบกันได้นั่นเอง”

References : 
https://newatlas.com/ree-modular-mobility-platform/60486/

Spy ตัวจิ๋ว อาวุธใหม่แห่งการสอดแนมในอนาคต

ทีมวิศวกรจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียในลอสแองเจลิสได้สร้างหุ่นยนต์ที่บินได้แบบสี่ปีกที่ชื่อว่า Bee + ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 95 กรัมและมีขนาดเล็กกว่าเหรียญเพนนีเสียอีก

ส่วนก่อนหน้านี้นั้น ทีมนักวิจัยของ Harvard ได้สร้าง  หุ่นยนต์บินได้ขนาดเล็กอีกตัวหนึ่งที่ชื่อว่า RoboBee ในปี 2013 ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 75 กรัม

แต่ RoboBee ซึ่งมีเพียงสองปีก ทำให้การบินของมันไม่แน่นอนและไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งแต่ต่างจากปีกทั้งสี่ของ Bee + ซึ่งสามารถเรียนรู้วิธีควบคุมระดับเสียงและทิศทางในอากาศได้ดีกว่า

Robobee จาก Harvard ที่มีเพียง 2 ปีก
Robobee จาก Harvard ที่มีเพียง 2 ปีก

ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทีม Bee + ต้องเผชิญเพื่อเพิ่มจำนวนปีกให้มากถึงสี่ปีกคือน้ำหนักของมันนั่นเอง นักวิจัยได้ทำการออกแบบ “unimorph” ใหม่ที่อาศัยวัสดุ piezoelectric เพียงเส้นเดียวที่ขยายและหดตัวเมื่อมีการส่งกระแสไฟฟ้าผ่านมัน ทำให้สามารถลดน้ำหนักของ actuators ลงไปได้กว่าครึ่งหนึ่ง

“วิธีการที่ทีมได้นำเสนอนั้นมีประโยชน์มากในแง่ของน้ำหนัก ขนาด รวมถึงการควบคุมและกรรมวิธีในการสร้างมันขึ้นมา” ทีมงานบอกกับ เอ็มไอทีเทคโนโลยีรีวิว

มีข้อบกพร่องอย่างใหญ่หลวงอย่างหนึ่งของทั้ง RoboBee และ the Bee +:  พวกเขาไม่ได้ใช้เทคนิคของการสร้างแบบโดรนเนื่องจากต้องมีการพึ่งพาแหล่งพลังงานมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อนำเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มีพัฒนาใหม่เพื่อมาทำงานกับหุ่นยนต์ระดับนาโนอย่างเจ้า Bee + ก็ทำให้มันสามารถบินได้ด้วยตัวเอง

ซึ่งน่าสนใจอย่างยิ่งว่า เทคโนโลยียานบินขนาดเล็กเหล่านี้ น่าจะมีบทบาทสำคัญในเรื่องของภารกิจสอดแนมต่าง ๆ ที่ต้องมีการนำมาใช้อย่างแน่นอนในอนาคต ซึ่งน่าจะส่งผลต่อการรบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน

References : 
https://www.technologyreview.com/s/613528/a-tiny-four-winged-robotic-insect-flies-more-like-the-real-thing/

Sex Robots กับหุ่นยนต์ที่ใช้บำบัดอาการทางเพศ

หุ่นยนต์ทางเพศในอนาคตอันใกล้นี้ วันหนึ่งม้นอาจได้รับใช้คุณตามสิทธิในประกันสุขภาพของคุณได้ ตามที่นักจิตวิทยาคลินิกและนักบำบัดโรคทางเพศ Marianne Brandon ได้กล่าวไว้

ในระหว่างการนำเสนอของเธอที่งานสัมมนาสุขภาพจิตกับการประยุกต์  เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนแบรนดอน ได้เสนอว่าวันหนึ่งหมออาจสั่งหุ่นยนต์ทางเพศที่มีความสมจริง ให้กับผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่า “ มีความผิดปกติทางเพศ”

และในขณะที่เรื่องนี้อาจฟังดูเป็นทางออกที่ไม่น่าจะเป็นพิษเป็นภัย และสามารถที่จะแก้ปัญหาที่น่าเศร้าของผู้ป่วยที่อาการที่เกี่ยวกับความผิดปรกติทางเพศได้นั้น

จากเรื่องราวที่มาจากนิตยสาร Physology Today แบรนดอน กล่าวในระหว่างการนำเสนอของเธอว่าหุ่นยนต์ทางเพศกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและหุ่นยนต์ที่ช่วยบำบัดอาการทางเพศที่มีความซับซ้อนมากน่าจะสามารถนำมาใช้ได้จริงภายในไม่กี่สิบปีข้างหน้า

หุ่นยนต์เหล่านี้จะสามารถกระทำทางเพศได้เกือบทุกอย่าง และอาจมีบุคลิกที่สร้างมาที่ทำให้พวกมันดูฉลาดและมีไหวพริบมากกว่าที่คุณคิด

แบรนดอนยังเชื่อว่าชายส่วนใหญ่ในสภาคองเกรสจะให้การสนับสนุนและผ่านกฎหมายที่ทำให้แพทย์สามารถกำหนดหุ่นยนต์เหล่านี้ให้กับผู้ป่วยได้โดยมี บริษัท ประกันภัยที่ รองรับการป่วยในกรณีดังกล่าวให้ผู้ป่วยสามารถที่จะเคลมประกันได้

ในระหว่างการนำเสนอของเธอแบรนดอนได้แชร์ให้เห็นถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นที่เธอคิดว่าอาจมาพร้อมกับการปรากฎขึ้นของหุ่นยนต์ทางเพศ

เพราะหุ่นยนต์ทางเพศจะเป็นคู่หูทางเพศที่ “ สมบูรณ์แบบที่สุด” – มีความน่าดึงดูดใช้งานได้สะดวก – พวกเขาจะสร้างความสัมพันธ์“ ของจริง” กับเรื่องบนเตียงของพวกเขา 

บางคนอาจเลือกที่จะไม่ใช้ความสัมพันธ์ทางเพศในรูปแบบเดิม ๆ กับหุ่นยนต์ แบรนดอนกล่าวในระหว่างการนำเสนอของเธอซึ่งเรื่องนี้นั้นอาจนำไปสู่การแต่งงานที่ลดลงและอัตราการเกิดที่น้อยลงไปด้วย แต่ลดปัญหาในเรื่องการคุกคม หรือ อาชญากรรม ทางเพศได้

กล่าวอีกนัยหนึ่งหุ่นยนต์ทางเพศอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีปัญหาในเรื่องทางเพศ  แต่หากลองมองภาพที่ใหญ่ขึ้น เราอาจจะเห็นพวกมันนำเข้าสู่จุดจบของสังคมมนุษย์หรือความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์จริง ๆ ก็เป็นได้ในอนาคต

References : 
https://www.psychologytoday.com/us/blog/darwins-subterranean-world/201906/sex-robots-and-the-end-civilization