หากคุณกำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟและคุณเห็นจิตรกรรมฝาผนังที่น่าหลงใหลอยู่บนผนัง คุณสามารถใช้สมาร์ทโฟนของคุณเพื่อระบุถึงศิลปินที่อยู่เบื้องหลังผลงานดังกล่าวได้แล้วในขณะนี้ผ่าน คุณลักษณะใหม่ของ Google Lens
ซึ่งตอนนี้ได้มีการทดสอบ Features ใหม่นี้ ในเมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะสามารถรับรู้งานศิลปะที่คุณเห็นด้านนอกของแกลเลอรี่และสามารถบอกวิธีการติดต่อกับศิลปิน
ในการใช้คุณสมบัตินี้นั้นเพียงแค่ไปที่แอพ Google บนสมาร์ทโฟนของคุณและเปิด Lens จากนั้นเล็งกล้องไปที่งานศิลปะที่คุณสนใจแล้วแตะจุดสีฟ้า โดยจะมีการแสดงแถบเลื่อนพร้อมข้อมูลเกี่ยวกับงานศิลปะนั้น ๆ ซึ่งคุณสามารถแตะเพื่อดูประวัติของศิลปินรวมถึงรายละเอียดการติดต่อกับพวกเขาได้
ก่อนที่การผลิตในอวกาศและการขุดเจาะดาวเคราะห์ต่าง ๆ จะกลายเป็นความจริง ยังมีงานอีกมากที่ต้องทำเนื่องจากตอนนี้้นักวิทยาศาสตร์ได้ทำเพียงขั้นตอนเริ่มต้นเพียงเท่านั้น เมื่อห้าปีก่อน Made In Space ในแคลิฟอร์เนีย ได้กลายเป็น บริษัทแรกที่พิมพ์วัตถุ 3 มิติด้วยแรงโน้มถ่วงเป็นศูนย์ได้สำเร็จ
ซึ่ง Made In Space ได้ทำสัญญาสำคัญกับ NASA ในปี 2018 เพื่อพัฒนา “ระบบการผลิตโลหะไฮบริดสำหรับการสำรวจอวกาศ” ความคิดคือการพิมพ์ชิ้นส่วนโดยใช้โลหะเกรดอากาศยานเช่นไทเทเนียมและอลูมิเนียมนั่นเอง
ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกง Samathur Li Kin-kan กำลังฟ้องร้อง บริษัท ที่จัดการบัญชีการลงทุนของเขาให้เกิดความสูญเสียหลายล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นคดีที่ศาลชั้นต้นได้เข้ามาตีความว่าใครควรเป็นผู้รับผิดชอบเมื่อมีการนำ AI เข้ามาใช้ในการลงทุน เพิ่มมากขึ้น
จากเรื่องราวของ Bloomberg เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว Li ได้พบกับ Raffaele Costa ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Tyndaris Investments ในเดือนมีนาคม 2017 โดยทาง Costa บอกกับ Li ว่าบริษัทของเขากำลังเปิดตัวกองทุนป้องกันความเสี่ยงโดย AI ที่มีการควบคุมโดยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ชื่อ K1
หลี่แสดงความสนใจในกองทุนดังกล่าว ดังนั้น Costa ได้เริ่มทำการสาธิตให้กับ Li ซึ่งแสดงให้เห็นว่า K1 สามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนเป็นตัวเลขสองหลักได้อย่างไร
K1 เริ่มจัดการการลงทุนของ Li ในปลายปี 2017 และเมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา AI เกิดการสูญเสียเงินไปเรื่อย ๆ ซึ่งทำให้เงินทุนของ Li เกิดความสูญเสียมากกว่า 20 ล้านเหรียญ
ทนายความของ Tyndaris ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวโดยยืนยันว่า บริษัท ไม่เคยรับประกันใด ๆ ว่า AI จะทำเงินให้หลี่
จากข้อมูลของBloomberg คดีนี้เป็นตัวอย่างแรกของมนุษย์ที่มีต่อศาลในเรื่องการสูญเสียทางการเงินที่เกิดจากระบบการซื้อขายแบบ AI อย่างไรก็ตามมันอาจจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราเห็นว่าระบบตุลาการนั้นจะเข้ามาข้องเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของ AI ที่เพิ่มขึ้นเป็นดอกเห็ดในปัจจุบัน
คำถามที่ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบเมื่อ AI ทำผิดพลาดนั้น กำลังเป็นปัญหาที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ของอุตสาหกรรมเกือบทุกอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี ไล่ตั้งแต่การขนส่ง ไปจนถึง การดูแลสุขภาพ แม้กระทั่งในเรื่องของกฏหมายเองก็ตาม AI ก็กำลังเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ควรเป็นคนที่เขียน Code หรือไม่? หรือจะเป็นคนที่ทำการตลาด AI หรือไม่? หรือผู้ใช้เองที่ควรรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้นจากการที่เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่คุณเป็นคนเลือกใช้เอง?