TikTok vs Oracle กับการต่อสู้เพื่อควบคุมอัลกอริทึมที่กำลังถูกเฝ้ามองโดยสหรัฐอเมริกา

ถือเป็นข้อมูลที่น่าสนใจที่ส่วนตัวผมเองก็เพิ่งมีโอกาสได้อ่านเหมือนกันนะครับ สำหรับการที่ TikTok ยังสามารถใช้งานในสหรัฐอเมริกาได้โดยไม่ได้ถูกแบนแบบ 100% นั้นมันได้ถูกครอบงำไว้โดยเงื่อนไขบางอย่าง

ภายใน TikTok ที่เป็นแพลตฟอร์มระดับ Global นั้น มีพื้นที่ลับเฉพาะที่ถูกเรียกว่า “dedicated transparency center” ที่สร้างขึ้นสำหรับพนักงานของ Oracle เพื่อตรวจสอบซอร์สโค้ดของ TikTok ว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่ตามความกังวัลของหน่วยงานรัฐของสหรัฐอเมริกา

ความน่าสนใจก็คือพื้นที่แห่งนี้ มีการปะทะกันอย่างเข้มข้นระหว่าง TikTok ที่เป็นเจ้าของโดยจีนและ Oralce ที่มาในฐานะตัวแทนของสหรัฐอเมริกา

พนักงานของ Oracle เองจะนั่งที่โต๊ะโดยเหนือศรีษะถูก monitor โดยกล้องของบริษัท TikTok ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ถูกส่งตรงมาจากรัฐบาลจีน

จำนวนและตำแหน่งของกล้องนี่เองที่เป็นที่มาของความขัดแย้งระหว่างสองบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากทั้งสองประเทศ เพราะ ByteDace ที่เป็นบริษัทแม่ของ TikTok นั้นวางแผนที่จะตั้งกล้องไว้เหนือพนักงานของ Oracle แต่ละคนในขณะที่พวกเขากำลังทำงาน แต่ Oralce ไม่ยอม เพราะพวกเขามองว่ากล้องจะทำให้ ByteDance สามารถดูรหัสผ่านและข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทได้

และที่สำคัญสัญญาระหว่าง TikTok และ Oracle ในครั้งนี้ ในชื่อ Project Telesis ทำให้ ByteDance เป็นหนึ่งในลูกค้าที่สร้างกำไรให้ Oracle มากที่สุด

รายละเอียดจากข้อตกลงเมื่อฤดูร้อนปี 2022 ระหว่าง ByteDance และ ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี Biden โดยให้อำนาจแก่ Oralce ในการพิจารณาว่าซอร์สโค้ดของ TikTok มีสิ่งแปลกปลอมและพฤติกรรมสอดแนมทางฝั่งสหรัฐอเมริกาหรือไม่

ประธานาธิบดี Biden โดยให้อำนาจแก่ Oralce ในการตรวจซอร์สโค้ดของ TikTok (CR:USA Today)
ประธานาธิบดี Biden โดยให้อำนาจแก่ Oralce ในการตรวจซอร์สโค้ดของ TikTok (CR:USA Today)

ซึ่งหากพบสิ่งผิดปรกติ Oracle สามารถแจ้งรัฐบาลให้ระงับการทำงานของ TikTok ในสหรัฐฯ ชั่วคราวได้ ซึ่งต้องบอกว่าในสหรัฐฯ ถือเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นใหญ่ของ TikTok ที่มีผู้ใช้งานสูงถึง 150 ล้านคน

ในเดือนกันยายน 2020 เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่คำสั่งของประธานาธิบดี Donald Trump ที่จะสั่งแบน TikTok ทาง ByteDance ได้ยื่นข้อเสนอต่อฝ่ายบริหารงานของ Trump โดยมอบหมายให้บริษัท Oracle มาดูแลการตรวจสอบบริษัทอย่างเข้มข้นในการดำเนินงานในสหรัฐอเมริกา

ซึ่งก่อนที่ Oracle จะตกลงเป็นพันธมิตรกับ TikTok นั้น พวกเขาได้พยายามที่จะเข้าซื้อกิจการของ TikTok ในช่วงฤดูร้อนปี 2020 ซึ่งในช่วงนั้นประธานาธิบดี Donald Trump ได้ประกาศอย่างแข็งกร้าวว่าเขาจะแบน TikTok เว้นแต่ ByteDance จะขายแอปให้กับบริษัทในสหรัฐดำเนินการแทน

แต่ก่อนที่จะเกิดการซื้อขาย ทางรัฐบาลจีนได้แก้เกมด้วยการเปลี่ยนกฎในการขายแพลตฟอร์ม โดย ByteDance จะต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลจีนในการขายอัลกอริทึมการแนะนำที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกของ TikTok

Oracle จึงเปลี่ยนไปเซ็นสัญญาในการตรวจสอบแอป TikTok ในสหรัฐฯ แทนซึ่งสร้างรายได้ให้กับพวกเขามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี

Larry Ellison ผู้ก่อตั้ง Oracle ที่ได้รับอานิสงส์ไปเต็มๆ จากดีลดังกล่าวนี้ (CR:Wikipedia)
Larry Ellison ผู้ก่อตั้ง Oracle ที่ได้รับอานิสงส์ไปเต็มๆ จากดีลดังกล่าวนี้ (CR:Wikipedia)

และหลังจากที่ Donald Trump พ่ายแพ้การเลือกตั้งในปี 2020 Oralce ก็ได้ร่วมทำงานกับ TikTok และ ByteDance เพื่อเจรจาข้อตกลงกับ CFIUS (คณะกรรมการด้านการลงทุนของต่างประเทศในสหรัฐอเมริกา) ซึ่งบทบาทของพวกเขาได้ขยายไปไกลทั้งเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ จนถึงขั้นการตรวจสอบโค้ดของ TikTok

สิ่งหนึ่งที่ Oracle ไม่สามารถทำได้ภายใต้ข้อตกลงฉบับดังกล่าวคือการเปลี่ยนซอร์สโค้ดของอัลกอริทึม TikTok ซึ่งพวกเขายังเป็นเจ้าของและพัฒนาโค้ดหลักของแพลตฟอร์มต่อไป

มันเป็นสถานการณ์ที่น่าสนใจ ซึ่งคงเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่สามารถทำอย่างที่สหรัฐอเมริกาทำได้ TikTok เองก็ต้องเลือกระหว่างการลาจากตลาดสหรัฐอเมริกาที่สร้างรายได้ให้กับพวกเขาอย่างมหาศาล หรือต้องยอมทำตามความต้องการของรัฐบาลสหรัฐฯ

มันแสดงให้เห็นถึงการเดิมพันที่สูงมากของ TikTok เพราะพวกเขาไม่ใช่เป็นเพียงแค่เครือข่ายโซเชียลมีเดีย แต่เป็นมากกว่านั้น TikTok เปรียบเสมือนประตูที่เปิดแอปของจีนสู่โลกภายนอก ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีหลาย ๆ แอปกำลังทำตามตัวอย่างเช่น Shein หรือ TEMU ที่กลายเป็นกองทัพแพลตฟอร์มจีนที่กำลังบุกทะลวงสหรัฐอเมริกาอยู่ในขณะนี้นั่นเองครับผม

References :
https://www.forbes.com/sites/emilybaker-white/2023/08/24/tiktok-ban-oracle-bytedance-algorithm-fight
https://www.theinformation.com/articles/with-tiktok-deal-oracle-could-gain-billion-dollar-cloud-customer