Geek Life EP28 : Xiaomi Miiiw Gadgets งบ 300 บาทที่สร้าง productivity ได้อย่างเหลือเชื่อ

ในยุคปัจจุันต้องเรียกได้ว่าเป็นยุคของ Information Overload อย่างแท้จริง การที่เราจะโฟกัสทำอะไรซักอย่าง มันมีสิ่งรบกวนอยู่แทบจะตลอดเวลา โดยเฉพาะ Notification ต่าง ๆ ที่เกิดจากแอปมากมายทั้งเครือข่ายโซเชียลมีเดียว สตรีมมิ่งแพลตฟอร์ม ฯลฯ

มีหลากหลายวิธีที่จะช่วยให้เราโฟกัสกับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งเนื้อหาจากในหนังสือ หรือ ช่อง Youtube ชื่อดังมากมาย ที่สอนการสร้าง productivity ส่วนตัวผมเองก็ลองมาหลายวิธี แต่ได้ไปค้นพบ Gadgets ตัวนึงในงบประมาณเพียง 300 บาท แต่สามารถช่วยเราสร้าง productivity ได้อย่างเหลือเชื่อ

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/4zxr7tw9

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/kkwak3dj

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://tinyurl.com/3vvn7x26

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4vhxuf4j

🎧 ฟังผ่าน Youtube 
https://youtu.be/Ivd9PszdXZ8

สนใจนาฬิกา Xiaomi Digital คลิกเลย -> https://shope.ee/5zy5fNHI2s

X, The Everything App กับแผนการครั้งใหม่ในการรีแบรนด์ Twitter ของ Elon Musk

ต้องบอกว่า X มันไม่ใช่ชื่อที่เพิ่งเกิดมาเพื่อเตรียมการรีแบรนด์ twitter เพียงเท่านั้น เพราะ X มันคือความฝันของ Elon Musk ตั้งแต่ยุคปฏิวัติอินเทอร์เน็ตในช่วงแรก ๆ

ตลอดทศวรรษ 1990 Musk จินตนาการถึงการสร้างธนาคารออนไลน์ที่ให้บริการเต็มรูปแบบที่ให้บริการบัญชีเช็คและบัญชีออมทรัพย์ นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และประกันภัย

ในเดือนมกราคมปี 1999 Musk ได้เริ่มวางแผนการสร้างธนาคารออนไลน์อย่างเป็นทางการในขณะที่ขาย Zip2 บริษัทเทคโนโลยีแห่งแรกของเขาให้กับ Compaq มูลค่ากว่า 307 ล้านเหรียญ

X.com เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1999 โดยมี Bill Harris อดีต CEO ของ Intuit ดำรงตำแหน่ง CEO คนแรก โดยภายในสองเดือนน X.com สามารถดึงดูดสมาชิกให้เข้ามาใช้งานได้ถึง 200,000 ราย

โดยในเดือนมีนาคมปี 2000 X.com ได้ควบรวมกิจการกับ Confinity ซึ่งตอนนั้นเป็นคู่แข่งที่ดุเดือดที่สุดที่ก่อตั้งโดย Peter Thiel โดยบริษัทใหม่มีชื่อว่า X.com Musk เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดและได้รับการแต่งตั้งเป็น CEO

X.com ได้ควบรวมกิจการกับ Confinity ซึ่งตอนนั้นเป็นคู่แข่งที่ดุเดือดที่สุดที่ก่อตั้งโดย Peter Thiel (CR:The Guardian)
X.com ได้ควบรวมกิจการกับ Confinity ซึ่งตอนนั้นเป็นคู่แข่งที่ดุเดือดที่สุดที่ก่อตั้งโดย Peter Thiel (CR:The Guardian)

แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในเดือนกันยายนปี 2000 เมื่อ Musk เดินทางไปฮันนีมูนในออสเตรเลีย เกิดการกบฎขึ้นภายใน X.com คณะกรรมการ X.com ได้ลงมติให้เปลี่ยน CEO จาก Musk เป็น Peter Thiel และในเดือนมิถุนายนปี 2001 X.com ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Paypal ก่อนที่ท้ายที่สุดจะถูกซื้อโดย eBay ด้วยมูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2002

โดย Musk เคยกล่าวไว้ว่า ชื่อ X มีคุณค่าทางจิตใจต่อเขาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีอวกาศ SpaceX หรือแม้การตั้งชื่อโมเดลของ Tesla ว่า “X”

คำถามที่ได้รับคำตอบเสียที

มันมีคำถามที่น่าสนใจว่า เขาจะซื้อ Twitter ไปทำอะไรกันแน่ แต่ก็ต้องบอกว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่อาศัย Twitter สร้างประโยชน์ให้กับตัวเองได้มากที่สุดคนนึงในโลก

แสดงว่าเขาคงเห็นศักยภาพบางอย่างกับ Twitter และเขาก็เคย Tweet ออกมาว่า

“Buying Twitter is an accelarant to creating X, the everything app”

ตอนนั้นยังไม่มีใครคิดว่า Twitter จะถึงขั้นถูกรีแบรนด์ให้เป็น X เพราะว่าความแข็งแกร่งของ Twitter นั้นถือเป็นแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลอันดับต้น ๆ ของโลกอยู่แล้ว

แต่การประกาศรีแบรนด์ ครั้งใหญ่ในวันนี้ เปลี่ยนทุกอย่างของ Twitter ให้กลายเป็น X รวมถึง X.com ก็ถูก redirect ให้มายัง Twitter และยังจะเปลี่ยนคำที่ใช้กันมาอย่างยาวนานอย่าง “Tweet” ให้กลายเป็นตัวอักษร “X” เพียงเท่านั้น

เรียกได้ว่า เป็นการเฉลยทุกอย่างในสิ่งที่ Elon Musk ต้องการให้ Twitter เป็น เขามองว่า Twitter นั้นมีศักยภาพสูงที่จะกลายเป็น “Super Apps” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงโดยเฉพาะในประเทศจีนและส่วนอื่น ๆ ของเอเชีย

แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกตะวันตกนั้น เราไม่ค่อยเห็นแพลตฟอร์มใดที่สามารถผลักดันตัวเองให้กลายเป็น Super Apps อย่างที่ในประเทศจีนทำได้

ในโลกตะวันตกเราจะเห็นถึงการแข่งขันในแต่ละธุรกิจกันอย่างดุเดือด Ecommerce ก็ต้องยกให้ Amazon , Social Media ต้องยกให้ Facebook หรือ TikTok ส่วน App บริการทางการเงินนั้น ก็มีหลากหลายบริการมาก ๆ โดยมี Paypal เป็นผู้นำ

มันยากที่จะเห็น Super Apps ที่ควบรวมทุกสิ่งไว้ใน App เดียวอย่างที่เกิดขึ้นกับ Wechat ของ Tencent ที่เรียกได้ว่า บริการตั้งแต่สากเบือยันเรือรบเลยทีเดียว

Super Apps ที่ควบรวมทุกสิ่งไว้ใน App เดียวอย่างที่เกิดขึ้นกับ Wechat ของ Tencent (CR:Business Insider)
Super Apps ที่ควบรวมทุกสิ่งไว้ใน App เดียวอย่างที่เกิดขึ้นกับ Wechat ของ Tencent (CR:Business Insider)

ใน App อย่าง Wechat นั้น ผู้ใช้สามารถส่งข้อความ ทำธุรกรรมด้านธนาคารบนมือถือ ชำระสินค้าออนไลน์ เล่นเกม ชอปปิ้งออนไลน์ เรียกรถ และอื่น ๆ อีกมากมาย

ซึ่งก่อนหน้านี้ Elon Musk เองก็เคยแสดงความชื่นชม Wechat ว่าเป็น App ที่ยอดเยี่ยม และไม่มี App อย่าง Wechat ที่มีความสามารถเทียบเท่านอกประเทศจีนเลย

“ผมคิดว่ามีโอกาสที่เราจะทำสิ่งนั้น” Elon Musk ได้กล่าวกับพนักงาน Twitter

“โดยพื้นฐานแล้วทุกคนที่ใช้ Wechat ในประเทศจีนเพราะมันมีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน และผมคิดว่าถ้าเราทำแบบเดียวกันได้ หรือแม้แต่ใกล้เคียง Twitter จะกลายเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่”

แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า Super Apps อย่าง Wechat นั้น ไม่ประสบความสำเร็จนอกตลาดจีนเลย แม้กระทั่งในประเทศไทยเองที่พวกเขาทุ่มทุนมหาศาลตอนเปิดตัวนั้น ก็แป๊ก

ในขณะเดียวกัน Wechat นั้นถูกเซ็นเซอร์หนักจากรัฐบาลจีน ซึ่งแน่นอนว่า Musk คงไม่ทำแบบนั้นกับ Twitter อย่างแน่นอน

เอาจริง ๆ ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ นะครับ หาก Elon Musk จะผลักดัน Twitter ไปในแนวทางเดียวกับ Super Apps ของจีน

เรียกได้ว่ายังไม่มี App ไหนของฝั่งตะวันตกสามารถทำได้เทียบเคียงกับสิ่งที่ Wechat ทำได้เลย

หากแผนการของ Elon Musk สำเร็จ ก็น่าสนใจอย่างยิ่งว่าอาจจะทำให้ Twitter ที่จะกลายมาเป็นแบรนด์ X สามารถที่จะครองความยิ่งใหญ่ในฐานะ Super Apps อันดับหนึ่งของโลกเราได้ในอนาคตนั่นเองครับผม

References :
https://www.forbes.com/sites/brianbushard/2023/07/23/elon-musk-directs-xcom-to-twitter-plans-to-ditch-twitter-bird/?sh=6179978d4542
https://en.wikipedia.org/wiki/X.com
https://www.cnbc.com/2022/10/05/elon-musks-twitter-plans-may-take-inspiration-from-chinese-super-apps.html
https://fortune.com/2022/10/05/what-is-x-app-elon-musk-twitter-takeover-accelerant-for-wechat-rival/
https://www.reuters.com/technology/musk-says-twitter-deal-is-accelerant-creating-everything-app-2022-10-04/

Geek Monday EP186 : บทเรียนการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ Toxicของ Travis Kalanick ที่มีต่อ Uber

Travis Kalanick ก่อตั้ง Uber ในปี 2009 ร่วมกับ Garrett Camp ภายใต้การนำของ Kalanick Uber เติบโตอย่างรวดเร็ว ขยายไปสู่หลายร้อยเมืองทั่วโลก และดึงดูดการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม การดำรงตำแหน่งที่ Uber ของ Kalanick ก็มีข้อโต้เถียงและเรื่องอื้อฉาวมากมายที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมในที่ทำงานของบริษัท การดำเนินธุรกิจ และความท้าทายทางกฎหมาย ในปี 2017 หลังจากแรงกดดันจากนักลงทุนและเรื่องอื้อฉาวมากมาย Kalanick ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของ Uber แล้วปัจจัยอะไรที่ส่งผลให้ Kalanick ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดและตกต่ำอย่างรวดเร็วที่ Uber มันเป็นบทเรียนที่สามารถเรียนรู้ได้จากประสบการณ์ของเขา

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/5f35ta9a

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/ykdtrdbv

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://tinyurl.com/2xuw68ne

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/bdf8tmn9

🎧 ฟังผ่าน Youtube : 
https://youtu.be/iLKxtB1Bhjk

References Image : https://qz.com/1011300/uber-ceo-travis-kalanick-pissed-people-off-and-it-made-the-company-great

Movie Review : Oppenheimer – ชีวประวัตินักวิทยาศาสตร์หรือเรื่องน่าอนาถของเกมการเมืองแบบอเมริกัน

ส่วนตัวเองก็ห่างหายจากการเข้าโรงภาพยนต์มาเป็นปี ๆ แล้ว แต่ต้องบอกว่าเรื่องราวของ Oppenheimer บิดาผู้สร้างระเบิดนิวเคลียร์นั้น ทำให้อดใจไม่ไหวที่จะต้องเข้าไปดูในโรง IMAX อีกครั้งหนึ่ง

มันเป็นเรื่องแปลกที่น่าเหลือเชื่อที่ชื่อของนักวิทยาศาสตร์ที่มีสร้างผลงานกระฉ่อนโลกอย่าง เจ. ออพเพนไฮเมอร์ นั้น ผมคิดว่าหลาย ๆ คนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเขาด้วยซ้ำมาก่อนหน้านี้ แม้กระทั่งบทเรียนทางวิทยาศาสตร์ของไทยเราก็แทบไม่ค่อยที่จะเอ่ยถึงชื่อของชายคนนี้มากนัก

ขอออกตัวก่อนว่าบทความนี้อาจจะมีการ spoil เนื้อหาบางส่วนของหนัง หากใครต้องการได้รับประสบการณ์ในการรับชมแบบเต็ม ๆ ที่ไม่ขัดใจสามารถเลื่อนผ่านไปได้ครับผม

หนังเรื่องนี้จะพาเราไปรู้จักกับชีวประวัติของ เจ. ออพเพนไฮเมอร์ ที่เป็นบิดาของระเบิดปรมาณู เรื่องราวดราม่าของชีวิตชายคนนี้ ทั้งเรื่องราวดราม่าความรัก เพื่อนเลิฟ และบุคคลสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเขา กว่าที่เขาจะนำทีมสร้างระเบิดมหาประลัย ที่สามารถยุติสงครามโลกครั้งที่สองได้สำเร็จที่ช่วยเหลือชีวิตเหล่าทหารชาวอเมริกันจำนวนมาก ที่ไม่ต้องยกพลขึ้นบกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะมีการสูญเสียอย่างหนัก

เจ. ออพเพนไฮเมอร์ ที่เป็นบิดาของระเบิดปรมาณู (CR:history.com)
เจ. ออพเพนไฮเมอร์ ที่เป็นบิดาของระเบิดปรมาณู (CR:history.com)

ชื่อของคริสโตเฟอร์ โนแลน รับประกันผลงานได้ดี ซึ่งจะเห็นจากกระแสของหนังเรื่องนี้ ที่สามารถเรียกกระแสให้ผู้คนเข้ามาดูกันในโรงภาพยนตร์แบบเต็มโรงกันได้อีกครั้ง

เอาจริง ๆ ส่วนตัวก็หวังว่าหนังเรื่องนี้จะฉายภาพชีวประวัติของ เจ. ออพเพนไฮเมอร์ กันแบบเต็ม ๆ เพราะหากมีโอกาสได้ดู trailer ของภาพยนตร์เรื่องนี้นั้น มันค่อนข้างชัดเจนว่าจะเนื้อหามันจะสื่อไปทำนองนั้น

แต่กลายเป็นว่าเนื้อหาของ Oppenheimer กว่าครึ่งนั้นกลายเป็นเรื่องของเกมการเมืองแบบสไตล์อเมริกันในยุคนั้น ด้วยความยาว 3 ชั่วโมงเต็ม ๆ เป็นการตัดสลับฉากเล่าสองเหตุการณ์เข้าด้วยกัน ที่ เจ. ออพเพนไฮเมอร์ กำลังโดนสืบสวนสอบสวนในข้อหาทรยศต่อชาติที่ตกอยู่ภายใต้เกมการเมืองของผู้มีอำนาจ และ หน้าที่หลักของเขาในการระดมเหล่านักวิทยาศาสตร์เพื่อสร้างระเบิดนิวเคลียร์ในโปรเจคแมนฮัตตัน

มีดาราชื่อดังมากมายที่มาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น เจ โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ (Cillian Murphy) , พันเอกเลสลีย์ โกรฟ (Matt Damon) ,  คิตตี้ ออปเพนไฮเมอร์ (Emily Blunt)  ภรรยาของ เจ โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ หรือแม้กระทั่ง ลิวอิส สเตราส์ (Robert Downey Jr.) รวมถึงดาราชื่อดังอีกมากมายที่เข้าร่วมในหนังเรื่องนี้

ดาราชื่อดังเพียงที่เข้าร่วมเล่นหนังเรื่องนี้ (CR:Digital Mafia Talkies)
ดาราชื่อดังเพียงที่เข้าร่วมเล่นหนังเรื่องนี้ (CR:Digital Mafia Talkies)

ถ้าจะดูให้สนุกจริง ๆ ต้องทำการบ้านมาบ้างพอสมควร เพราะเป็นการดำเนินเรื่องตัดสลับไปสลับมาตามสไตล์ของโนแลน และดำเนินเรื่องแบบรวดเร็วมาก ๆ ตัวละครในเรื่องบางคนนั้น แทบไม่ได้เกริ่นเรื่องราวของเขามาก่อนเลย อยู่ดี ๆ ก็จัดเข้ามาแบบเต็ม ๆ ตลอดทั้งเรื่อง ทำให้ไม่แปลกที่กระแสเรื่องนี้ ทำให้หลายคนอาจจะบ่นว่างงกับเนื้อหาของมัน ซึ่งเรียกได้ว่าต้องอ่าน sub กันแบบเมามัน พลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว

ผมว่าถ้าเป็นแฟนโนแลนอยู่แล้ว ต้องชอบแน่นอนสำหรับหนังเรื่องนี้ เพราะยังคงสไตล์ของพี่เค้าได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะลำดับการเล่าเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์ติดตัวเขาไปเสียแล้ว มันเป็นการ Mixed รวมสไตล์การเล่าแบบทั้ง Interstellar , Dunkirk หรือแม้กระทั่ง Inception มารวม ๆ กันได้อย่างน่าสนใจอีกเรื่องนึงที่คนทั่วไปคงไม่งงเท่า Tenet และผลงานเรื่องนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งผลงานขึ้นหิ้งของ โนแลน ได้อีกเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน

แต่ผมมองว่าหากเป็นคนทั่วไป ที่ต้องการเสพเนื้อเรื่องแบบสนุก ๆ เล่าชีวประวัติแบบเพลิดเพลินเหมือนหนังเรื่องอื่น ๆ ที่เล่าเรื่องราวชีวประวัติของเหล่านักวิทยาศาสตร์ อาจจะไม่ได้ประทับใจมากนัก

สิ่งที่ผมไม่ชอบจากผลงานหลัง ๆ ของ โนแลน ก็คือ เรื่อง sound ที่ใส่มาเกินเบอร์มาก ๆ บางครั้งฉากธรรมดามาก ๆ แต่ใส่ sound อลังการงานสร้างเกินจริง ผมสังเกตเห็นมาตั้งแต่เรื่อง Dunkirk แล้วว่า โนแลน พยายามยัด sound ที่มันเว่อร์วังอลังการเกินฉากของเนื้อเรื่องจริง ๆ ไปมาก

แต่เรื่องอื่น ๆ ทั้งงานออกแบบภาพ มุมกล้องในการถ่ายทำ การถ่ายทอดอารมณ์ของเหล่านักแสดงคุณภาพทั้งหมด มีฉากตื่นเต้นที่บีดรัดหัวใจตลอดแทบจะทั้งเรื่อง ผสมผสานการถ่ายทอดเรื่องราวความรู้ทั้ง ประวัติศาสตร์ ชีวประวัติของบุคคลสำคัญ การเมือง และวิทยาศาสตร์ ได้อย่างลงตัว

คือสรุปหนังเรื่องนี้ คุณอาจจะดูจากตัวอย่าง trailer หนังนั้น อาจจะไม่ตรงปกซะทีเดียว เพราะในตัวอย่างแทบไม่มีฉากของการสอบสวนอย่างหนักในข้อหาทรยศชาติของ เจ. ออพเพนไฮเมอร์ ที่เข้าไปพัวพันกับพรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังก่อตัว ที่เป็นเนื้อหาเกินกว่าครึ่งของหนังเรื่องนี้

แต่เราก็ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชายที่ยิ่งใหญ่อีกคนที่เหมือนจะไม่ได้รับการยกย่อง และให้เครดิตกับผลงานของเขาเมื่อเทียบกับนักวิทยาศาสตร์ท่านอื่น ๆ ซึ่งผลงานของเขาในเชิงวิทยาศาสตร์นั้นก็เป็นที่ประจักษ์ไม่ต่างจากนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังหลายๆ ที่เป็นตำนานในบทเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์

เจ. ออพเพนไฮเมอร์ นั้นเป็นบุคคลสำคัญที่มีผลกระทบต่อจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญครั้งใหญ่ของประวัติศาสตร์มนุษชาติ เพราะการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ที่เป็นผลงานเขาและทีมงาน กับเมืองฮิโรชิม่า และ นางาซากิ ของประเทศญี่ปุ่นนั้น มันเป็นเหตุการณ์ที่ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองของอาวุธที่จะสามารถทำลายล้างโลกของเราอย่างระเบิดนิวเคลียร์ไปตลอดกาลนั่นเองครับผม

Geek Daily EP186 : ตีความหา … จาก The Innocence Files สู่การใช้การตีความกฎหมายเล่นงานคุณพิธา

ผมจินตนาการว่าในอนาคต วันนึงเราอาจจะเพียงแค่เปิดหน้าจอ promp คอมพิวเตอร์ขึ้นมาแล้วก็ถามว่า “คุณพิธา ถือหุ้นสื่อหรือไม่” และได้รับคำตอบออกมาเป็นเอกฉันท์ ไม่ต้องไปถกเถียงให้วุ่นวายกันเหมือนดั่งที่เห็นกันในทุกวันนี้

ต้องบอกว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์นึงของมนุษย์เรา ที่สร้างความปวดหัวให้กับสังคมมนุษย์เป็นอย่างมากนนะครับ โดยเฉพาะเรื่องของการตีความกฎหมาย แล้วมันไม่มีที่ดีกว่านี้แล้วจริง ๆ หรือในการตีความกฎหมายที่โลกของเราพัฒนามาไกลมากแล้ว แต่มนุษย์เรายังตีความกฎหมายกันอยู่เหมือนในยุคที่ต้องจารึกกฎหมายกันในศิลาจารึก

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://tinyurl.com/4t8mcwnd

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://tinyurl.com/4fz5tdwd

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://tinyurl.com/3b5rkuh8

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://tinyurl.com/4u8szdsr

🎧 ฟังผ่าน Youtube : 
https://youtu.be/lAanV6FtfNE

References Image :
https://www.sanook.com/campus/1394829/