เกิดอะไรขึ้นกับ Skype กับยุครุ่งเรืองสู่ยุคตกต่ำของอดีตเบอร์หนึ่งแห่งแอปวีดีโอคอล

หากการแพร่ระบาดของ COVID-19 เกิดขึ้นเร็วกว่านี้ซัก 10 ปี ทุกคนคงหันมาใช้งาน Skype กันทั้งหมดแล้วนะครับ แต่ดูเหมือนว่าภาพจำของ Skype ในยุครุ่งเรืองนั้นกำลังจางหายไปตามกาลเวลา

ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ก่อนที่เหล่าแอปเครือข่ายโซเชียลมีเดียจะเกิดขึ้น Skype เป็นแอปยอดนิยมสำหรับทั้งการโทรด้วยเสียงและวีดีโอคอล

Skype ที่ก่อตั้งโดย Niklas Zennstorm และ Janus Friis เปิดตัวในปี 2003 และหนึ่งเดือนหลังจาการเปิดตัว ก็มียอดดาวน์โหลดสูงถึงหนึ่งล้านครั้ง มันเป็นการเปิดตัวที่น่าประทับจากมากที่สุดแอปหนึ่งของบริษัทเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้

Niklas Zennstorm และ Janus Friis สองผู้ก่อตั้ง Skype (CR:Atomico)
Niklas Zennstorm และ Janus Friis สองผู้ก่อตั้ง Skype (CR:Atomico)

ผ่านไปเพียงแค่ 3 ปี Skype มียอดผู้ใช้งานสูงถึง 115 ล้านคนทั่วโลกและได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก แต่อุปสรรคที่สำคัญของพวกเขาก็คือ ด้วยความเทพของเทคโนโลยีของ Skype นั่นทำให้บางประเทศถึงขั้นแบน เพราะส่งผลกระทบต่อธุรกิจทางด้านโทรคมนาคมภายในประเทศ

ในปี 2008 eBay ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัทที่มีอายุได้เพียง 2 ปี ด้วยมูลค่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ แม้มันจะเป็นตัวเลขที่สูงมาก แต่เหตุผลที่ eBay ซื้อ Skype ก็เพื่อช่วยเหลือในการสื่อสารระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อในธุรกิจ ecommerce

แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลตามที่ eBay คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเหล่าผู้ใช้ใน eBay แทบไม่ได้ใช้มันก่อนที่จะซื้อและขายกันด้วยซ้ำ ดังนั้นมันจึงกลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เหล่าผู้คนนิยมใช้การ chat มากกว่า

เมื่อ eBay ซื้อกิจการ Skype ก็มีผู้ใช้งาน 50 ล้านคนแล้วและมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกปี แต่ eBay ประสบปัญหาในการใช้งาน Skype มาเป็นส่วนเสริมของธุรกิจตนเอง

eBay ซื้อ Skype ก็เพื่อช่วยเหลือในการสื่อสารระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อในธุรกิจ ecommerce  (CR:The New York Times)
eBay ซื้อ Skype ก็เพื่อช่วยเหลือในการสื่อสารระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อในธุรกิจ ecommerce (CR:The New York Times)

eBay ได้จ้าง CEO คนใหม่ชื่อ Josh Silverman ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2008 เขาได้มุ่งไปที่การโทรผ่านวีดีโอ ปรับปรุงโปรแกรมการสมัครสมาชิกใหม่ และสร้างบัญชีพรีเมี่ยม นอกจากนั้นเขายังสร้างแอปสำหรับอุปกรณ์ iOS ซึ่งกลายเป็นการเดินเกมครั้งสำคัญ เนื่องจากยอดดาวน์โหลดแอปบนอุปกรณ์ iOS ทะลุล้านภายในเวลาเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น

นั่นทำให้ภายในปี 2009 Skype มีผู้ใช้งานเพิ่มสูงขึ้นถึง 380,000 คนต่อวันและมีรายได้ 740 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ภายในปี 2009 eBay ได้ขายหุ้น 70% ของ Skype ให้กลุ่มการลงทุนที่นำโดย Silvershake ในราคา 1.9 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2010 จำนวนการดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นเป็น 1 พันล้านครั้ง

Skype แทบจะผูกขาดการสนทนาทางวีดีโอ 25% ของวีดีโอคอลทั่วโลกใช้งาน Skype นั่นทำให้ดึงดูดให้ Google และ Microsoft ต้องการที่จะเข้ามาซื้อกิจการของ Skype จาก eBay ทันที

ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2011 Microsoft ได้ประกาศซื้อกิจการ Skype ด้วยมูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์ มันทำให้กลายเป็นแอปที่ได้รับการพูดถึงไปทั่วโลก โดยเฉพาะเรื่องมูลค่าของมันที่สูงกว่าราคาประเมินไว้ถึง 3 เท่า

นิตยสารไทม์ ได้พาดหัวข่าว “อีกไม่กี่ปีข้างหน้า การซื้อ Skype ของ Microsoft มูลค่า 8.5 พันล้านดอลลาร์ จะดูเป็นเรื่องบ้าบอคอแตก และไม่ใช่ความคิดที่ดีอย่างแน่นอน”

การซื้อกิจการดังกล่าวนำไปสู่การรวมระบบระหว่าง Skype และ Microsoft Teams แม้ว่าสถานการณ์ในตอนนั้น Skype จะมีจำนวนผู้ใช้งานมหาศาลและแทบไร้ซึ่งคู่ต่อกร แต่ดูเหมือนว่า Microsoft เองก็ยังไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนผู้ใช้เหล่านี้ให้เป็นกำไรได้อย่างไร

Microsoft เลือกที่จะผลักดัน Teams โดยใช้คุณลักษณะหลายอย่างจาก Skype และปรับปรุงจุดอ่อนทั้งหมดเพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาด และดึงดูดผู้ใช้งานราว ๆ 100 ล้านคนต่อวันภายในปี 2020

นอกจากนี้ในปี 2016 Microsoft ยังได้เข้าซื้อกิจการของ Linkedin ดังนั้นเมื่อพวกเขาต้องการสร้างแพลตฟอร์มวีดีโอแชท Microsoft เลือกการผสานรวมระหว่าง Teams กับแอปภายนอกอย่าง Zoom และ BlueJeans ซึ่งแทบจะไม่ชายตามอง Skype ของบริษัทตัวเองเลยด้วยซ้ำ นั่นคือจุดเริ่มต้นของการล่มสลายของ Skype แทบจะทันที

หลังจากนั้นตลาดวีดีโอคอลก็แข่งขันกันอย่างบ้าคลั่ง Apple ก็มี Facetime ของตนเองที่ทำงานได้ดีในระบบนิเวศของ Apple รวมถึงการเกิดขึ้นของ Whatsapp หรือ Zoom ทำให้ Skype ได้รับความนิยมน้อยลงไปเรื่อย ๆ

แม้ในช่วงการแพร่ระบาดผู้ใช้งานของ Skype จะเพิ่มขึ้นจาก 24 ล้านคนในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 เป็น 40 ล้านคนในเดือนมีนาคม 2020 แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับผู้ใช้รายวันของ Zoom ที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในยุคการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งมีผู้ใช้งาน 300 ล้านคน

Zoom ที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในยุคการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งมีผู้ใช้งาน 300 ล้านคน (CR:Zoom Blog)
Zoom ที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในยุคการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งมีผู้ใช้งาน 300 ล้านคน (CR:Zoom Blog)

เหล่าผู้บริโภคทั่วไปและกลุ่มธุรกิจหันมาใช้เครื่องมืออย่าง Zoom หรือ Whatsapp ของ Meta แทน และยังมีตัวเลือกอีกมากมายในการติดต่อกับกลุ่มเพื่อนและเพื่อนร่วมงานผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็ว

หรือแม้กระทั่ง Teams ที่ Microsoft ผลักดันแบบเต็มตัว ก็ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น โดยมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นจากผู้ใช้เกือบ 250 ล้านคนในเดือนกรกฎาคม 2021 พุ่งขึ้นสูงเป็นมากกว่า 300 ล้านคนในไตรมาสแรกของปี 2022

บทสรุป

ต้องบอกว่า Microsoft ได้ซื้อผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม เพราะตอนที่เข้าซื้อกิจการ Skype มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 40% ของการโทรและวีดีโอคอลทั่วโลก

แต่สิ่งที่ทำให้ Skype ยอดเยี่ยมคือเบื้องหลังเทคโนโลยี เพียร์ทูเพียร์ (P2P) ซึ่งถ้าสังเกตุดี ๆ Skype จะทำงานได้ดีบนแล็ปท็อปและเดสก์ท็อป ในขณะที่การทำงานบนอุปกรณ์พกพานั้นพวกเขาทำได้แย่มาก ๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีอยู่มากมายในตลาด

นั่นเป็นเพราะ Skype ถูกสร้างขึ้นมาบนเทคโนโลยีเก่าบนฟังก์ชั่นเพียร์ทูเพียร์ ซึ่งในปี 2013 Microsoft ได้เปลี่ยนสถาปัตยกรรมเบื้องหลังของ Skype จาก P2P ไปยังเซิร์ฟเวอร์คลาวด์แทน หลังจากวันนั้น Skype ก็ทิ้งไว้แค่ชื่อ และกลายเป็นจุดจบของ Skype อย่างแท้จริงนั่นเองครับผม

References :
https://www.cnbc.com/2023/07/02/the-rise-and-fall-of-skype.html
https://medium.com/@startup_gist/the-rise-and-fall-of-skype-bca7bbdb6327
https://www.taskade.com/blog/skype-history/
https://www.yoozoom.co.uk/what-happened-to-skype