Movie Review : Oppenheimer – ชีวประวัตินักวิทยาศาสตร์หรือเรื่องน่าอนาถของเกมการเมืองแบบอเมริกัน

ส่วนตัวเองก็ห่างหายจากการเข้าโรงภาพยนต์มาเป็นปี ๆ แล้ว แต่ต้องบอกว่าเรื่องราวของ Oppenheimer บิดาผู้สร้างระเบิดนิวเคลียร์นั้น ทำให้อดใจไม่ไหวที่จะต้องเข้าไปดูในโรง IMAX อีกครั้งหนึ่ง

มันเป็นเรื่องแปลกที่น่าเหลือเชื่อที่ชื่อของนักวิทยาศาสตร์ที่มีสร้างผลงานกระฉ่อนโลกอย่าง เจ. ออพเพนไฮเมอร์ นั้น ผมคิดว่าหลาย ๆ คนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเขาด้วยซ้ำมาก่อนหน้านี้ แม้กระทั่งบทเรียนทางวิทยาศาสตร์ของไทยเราก็แทบไม่ค่อยที่จะเอ่ยถึงชื่อของชายคนนี้มากนัก

ขอออกตัวก่อนว่าบทความนี้อาจจะมีการ spoil เนื้อหาบางส่วนของหนัง หากใครต้องการได้รับประสบการณ์ในการรับชมแบบเต็ม ๆ ที่ไม่ขัดใจสามารถเลื่อนผ่านไปได้ครับผม

หนังเรื่องนี้จะพาเราไปรู้จักกับชีวประวัติของ เจ. ออพเพนไฮเมอร์ ที่เป็นบิดาของระเบิดปรมาณู เรื่องราวดราม่าของชีวิตชายคนนี้ ทั้งเรื่องราวดราม่าความรัก เพื่อนเลิฟ และบุคคลสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเขา กว่าที่เขาจะนำทีมสร้างระเบิดมหาประลัย ที่สามารถยุติสงครามโลกครั้งที่สองได้สำเร็จที่ช่วยเหลือชีวิตเหล่าทหารชาวอเมริกันจำนวนมาก ที่ไม่ต้องยกพลขึ้นบกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะมีการสูญเสียอย่างหนัก

เจ. ออพเพนไฮเมอร์ ที่เป็นบิดาของระเบิดปรมาณู (CR:history.com)
เจ. ออพเพนไฮเมอร์ ที่เป็นบิดาของระเบิดปรมาณู (CR:history.com)

ชื่อของคริสโตเฟอร์ โนแลน รับประกันผลงานได้ดี ซึ่งจะเห็นจากกระแสของหนังเรื่องนี้ ที่สามารถเรียกกระแสให้ผู้คนเข้ามาดูกันในโรงภาพยนตร์แบบเต็มโรงกันได้อีกครั้ง

เอาจริง ๆ ส่วนตัวก็หวังว่าหนังเรื่องนี้จะฉายภาพชีวประวัติของ เจ. ออพเพนไฮเมอร์ กันแบบเต็ม ๆ เพราะหากมีโอกาสได้ดู trailer ของภาพยนตร์เรื่องนี้นั้น มันค่อนข้างชัดเจนว่าจะเนื้อหามันจะสื่อไปทำนองนั้น

แต่กลายเป็นว่าเนื้อหาของ Oppenheimer กว่าครึ่งนั้นกลายเป็นเรื่องของเกมการเมืองแบบสไตล์อเมริกันในยุคนั้น ด้วยความยาว 3 ชั่วโมงเต็ม ๆ เป็นการตัดสลับฉากเล่าสองเหตุการณ์เข้าด้วยกัน ที่ เจ. ออพเพนไฮเมอร์ กำลังโดนสืบสวนสอบสวนในข้อหาทรยศต่อชาติที่ตกอยู่ภายใต้เกมการเมืองของผู้มีอำนาจ และ หน้าที่หลักของเขาในการระดมเหล่านักวิทยาศาสตร์เพื่อสร้างระเบิดนิวเคลียร์ในโปรเจคแมนฮัตตัน

มีดาราชื่อดังมากมายที่มาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น เจ โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ (Cillian Murphy) , พันเอกเลสลีย์ โกรฟ (Matt Damon) ,  คิตตี้ ออปเพนไฮเมอร์ (Emily Blunt)  ภรรยาของ เจ โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ หรือแม้กระทั่ง ลิวอิส สเตราส์ (Robert Downey Jr.) รวมถึงดาราชื่อดังอีกมากมายที่เข้าร่วมในหนังเรื่องนี้

ดาราชื่อดังเพียงที่เข้าร่วมเล่นหนังเรื่องนี้ (CR:Digital Mafia Talkies)
ดาราชื่อดังเพียงที่เข้าร่วมเล่นหนังเรื่องนี้ (CR:Digital Mafia Talkies)

ถ้าจะดูให้สนุกจริง ๆ ต้องทำการบ้านมาบ้างพอสมควร เพราะเป็นการดำเนินเรื่องตัดสลับไปสลับมาตามสไตล์ของโนแลน และดำเนินเรื่องแบบรวดเร็วมาก ๆ ตัวละครในเรื่องบางคนนั้น แทบไม่ได้เกริ่นเรื่องราวของเขามาก่อนเลย อยู่ดี ๆ ก็จัดเข้ามาแบบเต็ม ๆ ตลอดทั้งเรื่อง ทำให้ไม่แปลกที่กระแสเรื่องนี้ ทำให้หลายคนอาจจะบ่นว่างงกับเนื้อหาของมัน ซึ่งเรียกได้ว่าต้องอ่าน sub กันแบบเมามัน พลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว

ผมว่าถ้าเป็นแฟนโนแลนอยู่แล้ว ต้องชอบแน่นอนสำหรับหนังเรื่องนี้ เพราะยังคงสไตล์ของพี่เค้าได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะลำดับการเล่าเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์ติดตัวเขาไปเสียแล้ว มันเป็นการ Mixed รวมสไตล์การเล่าแบบทั้ง Interstellar , Dunkirk หรือแม้กระทั่ง Inception มารวม ๆ กันได้อย่างน่าสนใจอีกเรื่องนึงที่คนทั่วไปคงไม่งงเท่า Tenet และผลงานเรื่องนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งผลงานขึ้นหิ้งของ โนแลน ได้อีกเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน

แต่ผมมองว่าหากเป็นคนทั่วไป ที่ต้องการเสพเนื้อเรื่องแบบสนุก ๆ เล่าชีวประวัติแบบเพลิดเพลินเหมือนหนังเรื่องอื่น ๆ ที่เล่าเรื่องราวชีวประวัติของเหล่านักวิทยาศาสตร์ อาจจะไม่ได้ประทับใจมากนัก

สิ่งที่ผมไม่ชอบจากผลงานหลัง ๆ ของ โนแลน ก็คือ เรื่อง sound ที่ใส่มาเกินเบอร์มาก ๆ บางครั้งฉากธรรมดามาก ๆ แต่ใส่ sound อลังการงานสร้างเกินจริง ผมสังเกตเห็นมาตั้งแต่เรื่อง Dunkirk แล้วว่า โนแลน พยายามยัด sound ที่มันเว่อร์วังอลังการเกินฉากของเนื้อเรื่องจริง ๆ ไปมาก

แต่เรื่องอื่น ๆ ทั้งงานออกแบบภาพ มุมกล้องในการถ่ายทำ การถ่ายทอดอารมณ์ของเหล่านักแสดงคุณภาพทั้งหมด มีฉากตื่นเต้นที่บีดรัดหัวใจตลอดแทบจะทั้งเรื่อง ผสมผสานการถ่ายทอดเรื่องราวความรู้ทั้ง ประวัติศาสตร์ ชีวประวัติของบุคคลสำคัญ การเมือง และวิทยาศาสตร์ ได้อย่างลงตัว

คือสรุปหนังเรื่องนี้ คุณอาจจะดูจากตัวอย่าง trailer หนังนั้น อาจจะไม่ตรงปกซะทีเดียว เพราะในตัวอย่างแทบไม่มีฉากของการสอบสวนอย่างหนักในข้อหาทรยศชาติของ เจ. ออพเพนไฮเมอร์ ที่เข้าไปพัวพันกับพรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังก่อตัว ที่เป็นเนื้อหาเกินกว่าครึ่งของหนังเรื่องนี้

แต่เราก็ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชายที่ยิ่งใหญ่อีกคนที่เหมือนจะไม่ได้รับการยกย่อง และให้เครดิตกับผลงานของเขาเมื่อเทียบกับนักวิทยาศาสตร์ท่านอื่น ๆ ซึ่งผลงานของเขาในเชิงวิทยาศาสตร์นั้นก็เป็นที่ประจักษ์ไม่ต่างจากนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังหลายๆ ที่เป็นตำนานในบทเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์

เจ. ออพเพนไฮเมอร์ นั้นเป็นบุคคลสำคัญที่มีผลกระทบต่อจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญครั้งใหญ่ของประวัติศาสตร์มนุษชาติ เพราะการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ที่เป็นผลงานเขาและทีมงาน กับเมืองฮิโรชิม่า และ นางาซากิ ของประเทศญี่ปุ่นนั้น มันเป็นเหตุการณ์ที่ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองของอาวุธที่จะสามารถทำลายล้างโลกของเราอย่างระเบิดนิวเคลียร์ไปตลอดกาลนั่นเองครับผม