Geek Monday EP151 : เมื่อโลก Metaverse อย่าง Horizon Worlds ของ Meta กลายเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าที่น่าเศร้า

เกือบหนึ่งปีหลังจากที่Mark Zuckerbergรีแบรนด์ Facebook เป็นMeta Platforms Inc.  ในการย้ายเดิมพันของบริษัทใน metaverse เอกสารภายในแสดงการเปลี่ยนแปลงที่ต่อสู้กับเทคโนโลยีที่ผิดพลาด ผู้ใช้ที่ไม่สนใจ และขาดความชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำเพื่อประสบความสำเร็จ

ในขั้นต้น Meta ตั้งเป้าหมายในการเข้าถึงผู้ใช้งาน Horizon Worlds ถึง 500,000 รายต่อเดือนภายในสิ้นปีนี้ แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้แก้ไขตัวเลขดังกล่าวเป็น 280,000 ราย ซึ่งในปัจจุบันน้อยกว่า 200,000 ผู้ที่เข้ามา Horizon Worlds ส่วนใหญ่มักไม่กลับมาอีกหลังจากผ่านเดือนแรก และฐานผู้ใช้ลดลงอย่างต่อเนื่อง

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3g1sYAa

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/3EJZwsQ

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://bit.ly/3TIJuUz

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/3VB2Hcy

🎧 ฟังผ่าน Youtube : 
https://youtu.be/cghAbePECO8

Credit Image : WSJ

TikToker in your area เมื่อพนักงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดนไล่ออก หลัง vlogs บันทึกวันทำงานของพวกเขา

กลายเป็นพฤติกรรมใหม่ที่น่าสนใจไปแล้วนะครับ สำหรับ vlogs ตามที่สาธารณะต่าง ๆ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นชาว TikToker ซึ่งเราได้พบเห็นกันเป็นเรื่องปรกติในยุคนี้

ด้วยเครื่องมือการทำคลิปวีดีโอที่แสนง่ายดายของ TikTok นั้นก็ทำให้คนสามารถทำคลิปออกมาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แสดงตัวตนของตัวเองได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ต้องใช้เครื่องมือที่มีความซับซ้อนในการตัดต่อวีดีโอแบบในอดีตอีกต่อไป

และแน่นอนว่ามันรวมถึงเรื่องงานด้วย เพราะในตอนนี้ พนักงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยเฉพาะบริษัท Big Tech ยักษ์ใหญ่ได้สร้างวีดีโอที่มียอดวิวนับล้าน และสร้างผู้ติดตามได้จำนวนมาก ผ่าน TikTok

เว๊บไซต์ Theverge ได้เขียนบทความในเรื่องดังกล่าวนี้ แสดงให้เห็นพฤติกรรมใหม่ของ TikToker ในอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยี ที่มีการสร้าง vlogs เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ แสดงให้ผู้ติดตามเห็นถึงรายละเอียดของวันทำงาน

วีดีโอที่ส่วนใหญ่ทำแบบง่าย ๆ ใช้ดนตรีประกอบที่มีความสนุกสนานและมีชีวิตชีวา โดยถ่ายช่วงสั้น ๆ ของกิจกรรมระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็น สไลด์การประชุม ห้องทำงาน หรือลิ้นชักที่เต็มไปด้วยของว่าง

แต่มันได้กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจว่า มันเกิดขอบเขตของเรื่องส่วนตัวไปหรือไม่ เพราะมันเป็นสถานที่ทำงาน ทำให้เกิดคำเตือนของฝ่าย HR หรือแม้กระทั่งในเคสที่เลวร้ายที่สุดอาจจะถูกไล่ออกได้เลยด้วยซ้ำ

ตัวอย่าง Michelle Serna ที่ใช้ account @brokeasshorsegirl บน TikTok ได้อัพเดทชีวิตประจำวันของเธอทั้งในฟาร์มม้าและที่ทำงาน

Serna ซึ่งทำงานในบริษัทเทคโนโลยีด้านสุขภาพ Visionable ระมัดระวังที่จะไม่เปิดเผยชื่อนายจ้างของเธอบน TikTok

ในเดือนสิงหาคม Serna ได้อัปโหลดวีดีโอสั้นๆ ไปยัง TikTok เพื่อแสดงกาแฟที่เธอทำหกในเช้าวันจันทร์ แต่ดันบังเอิญว่าคลิปวีดีโอดังกล่าวมีเสียงการประชุมของบริษัทเบา ๆ ซึ่งวีดีโอดังกล่าวมีผู้ชมเพียงไม่กี่พันครั้ง แต่วันรุ่งขึ้น เธอถูกไล่ออกเนื่องจากความประมาทเลินเล่อ

เคสของ Serna ถือว่าน่าสนใจมาก ๆ นะครับ เพราะเธอแทบจะไม่เคยพูดถึงผลงานของเธอในที่ทำงานเลย และไม่มีคำเตือนใด ๆ จากบริษัทเกี่ยวกับที่เธอลงคลิป TikTok แต่ก็โดนไล่ออกแบบฉับพลันทันที

หรืออีกเคส Nylah Boone ครีเอเตอร์ TikTok ที่คิดว่าตัวเองเป็น micro influencers โดยปล่อยคลิปเกี่ยวกับการทำงานซึ่งเธอทำงานอยู่ที่ Apple

Nylah Boone ครีเอเตอร์ TikTok ที่ vlogs กิจวัตรในออฟฟิสจนตกงาน (CR:9to5mac)
Nylah Boone ครีเอเตอร์ TikTok ที่ vlogs กิจวัตรในออฟฟิสจนตกงาน (CR:9to5mac)

เธอได้โพสต์วีดีโอเกี่ยวกับการทำงานวันแรกของเธอจากสำนักงาน Apple ซึ่งได้แสดงกิจวัตรตอนเช้า และการเดินทางของเธอ พร้อมตัวอย่างอาคารภายในสำนักงานของ Apple หรือแม้กระทั่ง snack ที่มีอยู่ภายในสำนักงาน

วีดีโอชื่อ “หนึ่งวันในชีวิตสาวผิวดำที่ทำงานนด้านเทคโนโลยี” มีผู้เข้าชมเกือบ 400,000 ครั้ง โดยมีความคิดเห็นนับร้อยที่ขอคำแนะนำจากก Boone เกี่ยวกับอาชีพและคำถามเกี่ยวกับงานและกิจวัตรประจำวันของเธอ

“ผู้ติดตามหรือคนที่ติดต่อมาหาฉันหรือแสดงความคิดเห็นเป็นผู้หญิงผิวดำ 80%” Boone กล่าว

ซึ่งนั่นเป็นสิ่งสำคัญที่ Boone มองว่าเธอสามารถที่จะเชื่อมต่อกับผู้หญิงผิวดำคนอื่น ๆ ได้เพื่อให้กำลังใจพวกเขา และแสดงให้เห็นว่า คนแบบเธอสามารถทำงานในอุตสาหกรรมนี้และบทบาทนี้ได้ ในบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple

แต่ในเดือนพฤษภาคม Boone ตกงานโดยไม่คาดคิด Apple ไม่ต่อสัญญากับเธอ และเธอได้ทำวีดีโอเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งคลิปสามนาทีที่บันทึกการตกงานของเธอมีผู้เข้าชมประมาณ 150,000 ครั้ง

บทสรุป

ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนใจนะครับ ที่ตอนนี้เทรนด์ของโลกโดยเฉพาะสำหรับคนยุคใหม่ ๆ นั้นเป็นแบบนี้ไปแล้ว กิจวัตรประจำวันแม้แต่เรื่องการทำงานอาจจะถูกบันทึกไว้และถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์อย่าง TikTok

ซึ่งแน่นอนว่ามันก็มีทั้งผลดีและผลเสียกับองค์กร หากเป็นวีดีโอที่แสดงด้านดี ๆ ขององค์กร มันก็เหมือนการโปรโมตไปในตัว ว่าสถานที่แห่งนี้มันน่าทำงานขนาดไหน

แต่ก็อย่างว่า โลกมีสองด้านเสมอ หากมีการถ่ายคลิปในเรื่องแย่ ๆ ขององค์กร ก็อาจจะส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กรเช่นเดียวกัน ซึ่ง ส่วนตัวก็มองว่า HR ยุคใหม่ควรเริ่มเข้ามาสนใจประเด็นเหล่านี้ให้มากขึ้น ควรแม้กระทั่งกำหนดไว้ในสัญญาจ้างงานเลยด้วยซ้ำว่าสิ่งเหล่านี้มันทำได้หรือไม่ เพราะไม่งั้นเหล่า TikToker ที่ทำ vlogs เป็นชีวิตจิตใจ อาจจะประสบชะตากรรมเดียวกับ Serna และ Boone โดยไม่รู้ตัวได้นั่นเองครับผม

References :
https://www.theverge.com/23399448/big-tech-employees-tiktok-youtube-influencers-tech-girlies-vlogs
https://www.reddit.com/r/GoldandBlack/comments/n6ftna/tech_workers_turning_down_jobs_at_tiktok_after/

เมื่อฮาร์ดแวร์ถึงทางตัน กับกลยุทธ์ในการสร้างเครื่องจักรทำเงินใหม่ของ Apple ผ่านธุรกิจการเงิน

การปล่อยมือถือรุ่นเรือธงล่าสุดอย่าง iPhone 14 ที่ออกมานั้น เรียกได้ว่า อาจจะสร้างความผิดหวังไม่ใช่น้อยให้กับเหล่าสาวก Apple ที่มือถือรุ่นใหม่ที่ออกมาล่าสุด ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนมากมายอย่างที่หลาย ๆ คนคิด

แน่นอนว่ายังไงชื่อของ iPhone มันก็ยังขายได้ จากยอดจองถล่มทลาย คนต่อคิวกันเป็นว่าเล่นในช่วงเปิดตัว ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์แต่อย่างใด

แต่ถ้ามองแบบโฟกัสในเรื่องฟีเจอร์ โดยเฉพาะความสามารถของฮาร์ดแวร์นั้น ก็ต้องบอกว่า Apple ทำได้อย่างดีเยี่ยมมาตั้งหลายปีแล้ว และมันแทบจะสุดทางของอุปกรณ์อย่างมือถือ ที่จะได้เห็นอะไรว้าว ๆ เหมือนในรุ่นก่อน ๆ หน้ามันเริ่มยากเต็มที

สอดรับกับข่าวหลังจากการจากลาของ Jony Ive ที่ชัดเจนว่าค่อนข้างมีปัญหากับแนวนโยบายของ Apple ยุคใหม่ที่เริ่มเปลี่ยนไป เพราะ Tim Cook เริ่มหันมาหาหนทางสร้างรายได้ใหม่กับธุรกิจบริการมากยิ่งขึ้น

และหนึ่งในนั้นก็มีการประกาศออกมาล่าสุดอย่างที่เป็นข่าวใหญ่ว่า Apple กำลังเปิดตัวบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมโดยร่วมมือกับ Goldman Sachs สำหรับลูกค้า Apple Card

Ecosystem สุด Exclusive ของ Apple นั้นยากที่คู่แข่งจะไล่ตามทัน การใช้ระบบแบบปิดตั้งแต่แรก มันทำให้ทุกอย่างมันสามารถ control ง่ายกว่า และสามารถเสกสรรค์บริการใหม่ ๆ ให้แก่ผู้ใช้งานที่อยู่ใน Ecosystem ของพวกเขาได้ง่าย

Tim Cook เริ่มหันมาหาหนทางสร้างรายได้ใหม่กับธุรกิจบริการมากยิ่งขึ้น (CR:CNBC)
Tim Cook เริ่มหันมาหาหนทางสร้างรายได้ใหม่กับธุรกิจบริการมากยิ่งขึ้น (CR:CNBC)

มันคือกลยุทธ์ธุรกิจที่สุดยอดมาก ๆ ตั้งแต่ Steve Jobs ได้ออกแบบมันไว้แต่แรก แม้ในรอบแรกศึกคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลนั้นจะพ่ายแพ้ไปให้กับ Microsoft อย่างราบคาบก็ตาม แต่ในยุคสมาร์ทโฟน พวกเขามีบทเรียนและไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแบบเดียวกับในศึกคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

มันได้แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานที่เพิ่มขึ้นของ Apple ในด้านการเงิน เนื่องจากพยายามนำบริการเข้าสู่กระเป๋าเงินดิจิทัลโดยตรง

กลุ่มลูกค้าที่มากมายมหาศาลใน Ecosystem ของ Apple นั้น แน่นอนว่าก่อนหน้านี้พวกเขาอาจจะเป็นเพียงแค่กระเป๋าเงินให้กับผู้บริโภค แต่ก้าวใหม่ในครั้งนี้ Apple ต้องการมอบประสบการณ์ใหม่ซึ่งอาจจะกลายเป็นธนาคารขนาดย่อมบนมือถือในอนาคต

สำหรับ Apple Card นั้นเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2019 และให้บริการในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ซึ่งทาง Apple Card นั้นเสนอ cashback 1% ในขณะที่ Apple Pay ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินแบบไม่ต้องสัมผัสเสนอให้ 2%

ซึ่ง Apple Pay นั้นถือเป็นหนึ่งของแผนกบริการของ Apple ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนไปสู่โมเดลธุรกิจใหม่อย่างธุรกิจบริการซึ่งมีอัตรากำไรที่สูง และสร้างเครื่องจักรทำเงินใหม่ให้กับ Apple ในช่วงเวลาที่การเติบโตของ iPhone เริ่มจำกัด

ที่น่าสนใจก็คือ ในไตรมาสที่ผ่านมา รายได้จากธุรกิจบริการซึ่งรวมถึง App Store และบริการ Subscription ทั้งหลายของ Apple เพิ่มขึ้น 12% เป็น 19.6 พันล้านดอลลาร์ โดยมีผู้ใช้ 860 ล้านคนทั่วโลกใช้บริการ subscription แบบประจำอย่างน้อยหนึ่งครั้ง

ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า Ecosystem หรือแพลตฟอร์ม Super App ขนาดใหญ่ ๆ ทั่วโลก กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่โมเดลเดียวกันนั่นก็คือธุรกิจทางด้านการเงิน อย่างที่เราได้เห็นในแพลตฟอร์มอย่าง shopee , grab หรือ Wechat ในประเทศจีน ซึ่งล้วนแล้วมีจุดหมายปลายทางเดียวกันนั่นคือธุรกิจการเงิน

การเดินเกมใหม่ของ Apple นั้นน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า พวกเขาจะ balance ในเรื่องข้อมูล พฤติกรรมต่างๆ ของผู้บริโภคได้อย่างไร กับนโยบายปกป้องความเป็นส่วนตัวของพวกเขา เพราะสุดท้ายหากจะมาลุยธุรกิจทางด้านการเงินแบบเต็มตัว อย่างไรเสียก็ต้องแลกกับการลุกล้ำข้อมูลส่วนตัวของกลุ่มสาวก Apple ในท้ายที่สุดนั่นเองครับผม

References :
https://www.ft.com/content/f956de93-e505-4c84-a1ab-2bd23c041004
https://www.apple.com/newsroom/2022/10/apple-card-will-let-users-grow-daily-cash-rewards-while-saving-for-the-future/
https://www.cnbc.com/2022/10/13/apple-goldman-sachs-introduce-interest-bearing-savings-accounts.html

Geek Daily EP150 : ถึงเวลาที่ Mark Zuckerberg ควรลงจากตำแหน่ง CEO ของ Meta แล้วหรือยัง?

Meta กำลังเผชิญกับปัญหาทางธุรกิจที่รุนแรงที่สุดในชีวิตในขณะนี้ เศรษฐกิจมีแนวโน้มจะเข้าสู่ภาวะถดถอยทั่วโลกครั้งแรกนับตั้งแต่ Facebook ทำ IPO ในปี 2012 อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ากำลังทำลายผลกำไรของบริษัท รวมถึงมาตรการความเป็นส่วนตัวของ Apple ได้จำกัดความสามารถของ Facebook และ Instagram ในการรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับผู้ใช้

สถานการณ์วิกฤติขนาดนี้ แต่ดูเหมือน Mark Zuckerberg จะโฟกัสอยู่แต่ Metaverse เหล่าพนักงาน Meta อ้างถึงโครงการ metaverse ว่าคือโครงการ MMH หรือ “Make Mark Happy” ซึ่งโครงการการจัดการขนาดเล็กแบบนี้เหมาะกับบริษัทสตาร์ทอัพขนาดเล็กไม่ใช่ CEO ที่ดำเนินกิจการบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 ที่มีปัญหาอื่นๆ มากมาย

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3RU1Mk5

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/3VqnMWP

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://bit.ly/3MtdQYt

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/3RZBg91

🎧 ฟังผ่าน Youtube : 
https://youtu.be/suURDC3Z-bg

Credit Image : tienphong.vn

Geek Daily EP149 : มรสุมที่รุมเร้า Mark Zuckerberg และ Meta แล้วพวกเขาจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้อย่างไร

คุณสมบัติความเป็นส่วนตัวของ Apple เริ่มมีผลและไม่น่าแปลกใจที่ Facebook ได้รับผลกระทบอย่างมาก เมื่อไม่กี่เดือนก่อน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ฟีเจอร์ App Tracking Transparency ของ Apple ซึ่งจำกัดการติดตามผู้ใช้ iPhone นั้นทำให้ Facebook สูญเสียรายได้ไป 12 พันล้านดอลลาร์

แน่นอนว่าคุณสมบัติ App Tracking Transparency ในการติดตามแอปของ Apple ไม่ใช่ปัญหาเดียว แต่มีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เจ้าของ Facebook Meta ได้ลงทุนอย่างมากในที่เรียกว่า Metaverse ซึ่งเป็นเดิมพันที่ยังไม่ได้รับผลตอบแทน ในเวลาเดียวกันคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดอย่าง TikTok ก็ปรากฏตัวขึ้นมาแย่งฐานลูกค้าที่เป็นไข่ในหินของ Facebook อย่างกลุ่มวัยรุ่น

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
https://bit.ly/3rK7wT9

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
https://apple.co/3Vgyf7c

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
https://bit.ly/3eoKQ7O

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
https://spoti.fi/3EzP86X

🎧 ฟังผ่าน Youtube : 
https://youtu.be/kRouY-rhvOA

Credit Image : 20Minutos