Spotify vs Apple เมื่อเกิดศึกระหว่างนักพัฒนากับผู้คุมกฎที่แข่งขันทางธุรกิจกันโดยตรง

การได้ควบคุม ecosystem ทั้งหมดของแพลตฟอร์มนั้น ก็คงไม่ต่างจากมาเฟียที่คุมถิ่นของตนเอง ใครคิดจะทำอะไรออกนอกหน้า หรือ คิดจะมาหากินในถิ่นของพวกเขา ก็ต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดา

มันไม่ใช่เคสแรกที่เกิดขึ้น ที่ Apple มีปัญหากับบริษัททางด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่อาศัย ecosystem ของ Apple ในการทำมาหากิน

ก่อนหน้านี้มีประเด็นกับทั้งบริษัทเกมอย่าง Epic ในเรื่องส่วนแบ่งรายได้ ที่ Epic มองว่า Apple นั้นขูดรีดขูดเนื้อพวกเขามากจนเกินไป หรือ การปรับ policy ครั้งใหม่ที่ Apple อ้างว่าข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้นั้นพวกเขาหวงแหนเป็นอย่างมากและส่งผลกระทบต่อ Facebook โดยตรง แต่ตรงกันข้าม ตอนนี้ Apple กำลังรุกเข้าสู่ธุรกิจโฆษณาโดยอาศัยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้แบบเต็มตัว

Epic ที่เคยมีปัญหากับ Apple มาก่อนในประเด็นเดียวกันนี้ (CR:CNN)
Epic ที่เคยมีปัญหากับ Apple มาก่อนในประเด็นเดียวกันนี้ (CR:CNN)

ศึกครั้งใหม่นี้ ในที่สุดก็ต้องมาปะทะกันอีกครั้ง เอาจริง ๆ Apple ก็แทบไม่ชอบขี้หน้า Spotify เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นคู่แข่งโดยตรงในบริการสตรีมมิ่งเพลงที่ Apple นั้นส่ง Apple Music ลงสนาม

Spotify เป็นผู้มาก่อน และเป็นคนแรกที่ปฏิวัติวงการสตรีมมิ่งให้เกิดขึ้นจริง เปลี่ยนโมเดลธุรกิจใหม่ จากเดิมที่อุตสาหกรรมเพลงนั้นเกือบจะล้มละลายกันอยู่แล้ว เนื่องจากปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์

แต่ Daniel Ek กับเหล่าวิศวกรยอดอัจฉริยะของเขา ก็ได้สร้างสิ่งที่คนในวงการเพลงต้องตกตะลึง ด้วยการสตรีมมิ่งที่ใช้เวลาในการรอฟังน้อยมาก ๆ ทำให้คนส่วนใหญ่เลิกไปโหลดเพลงจากเว็บไซต์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์เพลง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของวงการเพลงเลยก็ว่าได้

Daniel Ek ต้องการให้บริษัทของเขาเป็นช่องทางหลักในโลกของเสียง แต่เมื่อเขาผลักดันบริการสมัครสมาชิกนอกเหลือจากเพลงและ podcast อย่าง Audiobooks เขาก็ได้พบอุปสรรคที่เหมือนกำแพงยักษ์คอยกั้นขวางไว้นั่นก็คือ Apple

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา Apple ผู้ดูแล App Store ได้ปฏิเสธแอปของ Spotify ถึงสามครั้ง โดยกล่าวว่าฟีเจอร์ Audiobooks ใหม่ของ Spotify นั้นละเมิดกฎของ Apple ที่ควบคุมวิธีที่นักพัฒนาสื่อสารกับลูกค้าเกี่ยวกับการซื้อออนไลน์

Daniel Ek ที่มองว่า Apple ขัดขวางคู่แข่ง (CR:Celebrity Net Worth)
Daniel Ek ที่มองว่า Apple ขัดขวางคู่แข่ง (CR:Celebrity Net Worth)

มันเป็นสงครามที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนานระหว่าง Spotify และ Apple ซึ่งเป็นเวลากว่า 7 ปีแล้วที่บริษัทต่าง ๆ ไม่เห็นด้วยกับกฎเกณฑ์ของ Apple ในการเก็บค่าธรรมเนียม 30% สำหรับบริการและผลิตภัณฑ์ที่ขายใน App Store

Spotify มองว่าความขัดแย้งเกี่ยวกับ Audiobooks นั้นเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของวิธีที่ Apple ขัดขวางคู่แข่ง ซึ่งนับตั้งแต่มีการร้องเรียนเรื่องการต่อต้านการผูกขาดกับ Apple ในยุโรปในปี 2019

Spotify ได้เรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลและผู้ร่างกฎหมายให้อิสระแก่นักพัฒนาแอปในการบอกลูกค้าเกี่ยวกับวิธีการซื้อผลิตภัณฑ์และบริการนอกระบบการชำระเงินของ Apple ซึ่งมันเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับแอปจำนวนมาก

ส่วนฝั่งของ Google Play นั้นน Spotify แทบไม่มีปัญหาใด ๆ ทาง Google อนุมัติแอป Android ของ Spotify ให้ผู้ฟังคลิกปุ่มและรับอีเมลเกี่ยวกับวิธีการซื้อหนังสือเสียงออนไลน์ได้

บทสรุป

มันก็ต้องมองทั้งสองมุมนะครับในเรื่องนี้เพราะ Apple ก็กำหนดทุกสิ่งทุกอย่างไว้ตั้งแต่แรก เมื่อเหล่านักพัฒนาคิดจะทำอะไรบนแพลตฟอร์มของ Apple มันก็มีกฎเกณฑ์ที่ระบุไว้ตั้งแต่การเริ่มพัฒนาอยู่แล้ว

Apple ก็สามารถมองได้ว่าการจัดจำหน่าย iPhone และ iPad หลายพันล้านเครื่องช่วยให้ Spotify และแอปอื่นๆ ประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน และพวกเขาทำทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าใน ecosystem ของพวกเขา

มุมมองฟากฝั่งนักพัฒนาก็อยากที่จะได้รายได้มากที่สุดจากหยาดเหงื่อแรงกายของพวกเขาในการสร้างฟีเจอร์หรือนวัตกรรมต่าง ๆ ขึ้นมา

มันคงเป็นเรื่องโต้เถียงกันไปอีกนานสำหรับเรื่องนี้ โดยเฉพาะกับบริษัทที่มีปัญหากับ Apple มาก่อนอย่าง Spotify ซึ่งท้ายที่สุด ใครก็ตามที่คุม ecosystem ทุกอย่างได้แบบเบ็ดเสร็จ ก็จะเปิดช่องทางให้พวกเขาสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ทุกอย่างได้อย่างที่พวกเขาต้องการเหมือนที่ Apple กำลังทำอยู่ในตอนนี้นั่นเองครับผม

References :
https://www.theverge.com/2022/10/25/23423384/spotify-apple-competitive-behavior-antitrust-commission-audiobooks
https://www.nytimes.com/2022/10/25/business/spotify-apple-audiobooks-app.html