Face Filters เมื่อฟิลเตอร์ความงามกำลังเปลี่ยนวิธีที่สาว ๆ มองเห็นตัวเอง

ทุกวันนี้ มีหนุ่มสาวจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่น ที่ติดฟิลเตอร์ความงาม ที่ทำให้รูปลักษณ์ของพวกเขาสวยงามมากยิ่งขึ้น ทั้งการย่อขนาด เสริมแต่งส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงแม้กระทั่งการเปลี่ยนสีผิวในเฉดสีที่ตัวเองต้องการ

ต้องบอกว่าฟิลเตอร์เหล่านี้ กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วบนเครือข่ายโซเชียลมีเดีย และแน่นอนว่าเหล่าเด็กวัยรุ่นกำลังกลายเป็นกลุ่มเสี่ยง พวกเขาได้กลายเป็นหนูทดลองที่จะแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราสร้างตัวตนของเราได้อย่างไร ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้มันกำลังกลายเป็นเรื่องปรกติจนแทบจะไม่มีการกำกับดูแลจากหน่วยงานใด ๆ มากนัก

วัฒนธรรมการเซลฟี่ที่บ้าคลั่ง

ต้องบอกว่าฟิลเตอร์ความงามต่าง ๆ เป็นเครื่องมือแก้ไขภาพลักษณ์แบบอัตโนมัติ โดยพื้นฐานแล้วม้นถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และ Computer Vision เพื่อตรวจจับลักษณะใบหน้าที่มีการเปลี่ยนแปลง

เบื้องหลังการใช้ Computer Vision เพื่อตีความสิ่งที่กล้องมันมองเห็น และปรับแต่งตามกฏที่ผู้สร้างฟิลเตอร์เหล่านี้เป็นคนกำหนดขึ้นมา

โดยคอมพิวเตอร์ตรวจจับใบหน้าและทำการซ้อนเทมเพลตใบหน้าที่มองไม่เห็น ซึ่งประกอบด้วยจุดหลายสิบจุด ทำให้เกิดเป็นตาราง และใช้พลังของกราฟฟิก ในการแต่งแต้มสิ่งต่าง ๆ ไล่ตั้งแต่การเปลี่ยนสีตา ไปจนถึงการสร้างสิ่งแปลก ๆ ขึ้นบนหัวของเรา

แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมาบนโลกของเรา เพราะฟิลเตอร์วีดีโอแบบเรียลไทม์เหล่านี้มันเป็นการพัฒนามาจากปรากฏการณ์เซลฟี่ที่มีมาหลายสิบปีแล้ว

มันมาจากรากฐานของวัฒนธรรม “คาวาอิ” ของญี่ปุ่น ที่หมกมุ่นอยู่กับความน่ารัก และเมื่อมีการพัฒนา purikura (บูธถ่ายภาพที่อนุญาตให้ลูกค้าตกแต่งภาพเหมือนของตนเองได้)

ซึ่งภาพถ่ายที่ได้รับการปรุงแต่งเหล่านี้ มันได้กลายเป็นวัตถุดิบหลักในวีดีโออาร์เคดของญี่ปุ่นในช่วงกลางทศวรรษ 1990

หลังจากนั้นในเดือนพฤษภาคมปี 1999 ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Kyocera ก็ได้ทำการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกที่มีกล้องหน้า และภาพเซลฟี่ก็ได้เริ่มแพร่หลายสู่กระแสหลัก

หลังจากนั้นการถือกำเนิดของเครือข่ายโซเชียลมีเดียอย่าง MySpace และ Facebook ก็ทำให้เซลฟี่ได้กลายเป็นวัฒนธรรมสากลในช่วงปี 2000 ซึ่งรวมถึงการเปิดตัว Snapchat ในปี 2011

Snapchat ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่เสนอความรวดเร็วผ่านรูปภาพและเซลฟี่ในอุดมคติสำหรับการสื่อสารด้วยสายตา ความรู้สึก และ อารมณ์

ในปี 2013 Oxford Dictionaries ได้เลือกคำว่า “เซลฟี่” เป็นคำศัพท์แห่งปี และภายในปี 2015 Snapchat ได้เข้าซื้อกิจการบริษัท Lookery ของยูเครน และเปิดตัวฟีเจอร์ “Lenses” ทำให้เกิดความคลั่งไคล้ในกลุ่มวัยรุ่นเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะบูมสุดขีดกับแอปวีดีโอยอดนิยมอย่าง TikTok

หนูทดลองของเทคโนโลยีการสร้างตัวตนแบบใหม่

การเติบโตของ Snapchat ได้กลายเป็นตัวเลขที่น่าทึ่ง จนมีผู้ใช้งานทุกวัน 200 ล้านคนเล่นหรือดู Lenses ทุกวันเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ของพวกเขา ซึ่ง 90% ของคนหนุ่มสาวใน อเมริกา ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักรใช้ผลิตภัณฑ์ AR ของบริษัท

หรือใน Facebook ฟิลเตอร์ส่วนใหญ่ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ Facebook นั้นสร้างขึ้นโดยบุคคลที่สาม มีผู้สร้างกว่า 400,000 รายปล่อยเอฟเฟกต์รวมกว่า 1.2 ล้านเอฟเฟกต์

แม้ฟิลเตอร์ใบหน้าบนโซเชียลนั้น ดูเหมือนอาจจะไม่น่าประทับใจในเชิงเทคโนโลยี เมื่อเทียบกับการใช้ AR ในด้านอื่น ๆ

Jeremy Bailenson ผู้อำนวยการ Virtual Human Interaction Lab ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์มกล่าวว่า ฟิลเตอร์ลูกสุนัขแบบเรียลไทม์นั้นค่อนข้างเป็นความสามารถทางด้านเทคโนโลยีที่มีความน่าสนใจ

“มันเป็นเรื่องยากในทางเทคนิค” เขากล่าว แต่ด้วยเทคโนโลยี Neural Network ทำให้ตอนนี้ AI สามารถช่วยให้บรรลุถึงประเภทของการประมวลผลข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการแก้ไขวีดีโอแบบเรียลไทม์ และทำให้นักวิจัยอย่างเขาค่อนข้างประหลาดใจกับความสามารถของมันในตอนนี้

สิ่งสำคัญก็คือ เหล่าผู้คนบนเครือข่ายโซเชียลมีเดียเหล่านี้ เปรียบเสมือนหนูทดลองให้กับเหล่าผู้สร้างเทคโนโลยีฟิลเตอร์ได้เห็นว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนวิธีที่เราสร้างตัวตนของเราอย่างไรและเกี่ยวข้องกับผู้อื่นอย่างไร

ตอนนี้มันไม่เพียงแค่เป็นฟิลเตอร์ที่ใช้ในการกรองและปรับแต่งภาพจริงของกลุ่มวัยรุ่นเท่านั้น แต่มันยังกรองเรื่องราวในชีวิตของพวกเขาด้วยเช่นกัน

Claire Pescott นักวิจัยจาก University of South Wales ซึ่งศึกษาพฤติกรรมของเด็กก่อนวัยรุ่นในโซเชียลมีเดีย เธอสังเกตเห็นความแตกต่างทางเพศเมื่อพูดถึงฟิลเตอร์เหล่านี้

กลุ่มเด็กสาวมองว่าฟิลเตอร์ AR เป็นเครื่องมือในการเสริมความงามเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างผิวที่ไร้ที่ติ การเอารอยแผลเป็นและจุดต่าง ๆ บนใบหน้าที่ไม่ต้องการออกไป และเด็กเหล่านี้อายุ 10-11 ขวบเพียงเท่านั้น

มันเป็นคำถามที่น่าสนใจว่า เด็ก ๆ เหล่านี้มีความเข้าใจว่าฟิลเตอร์ส่งผลต่อความรู้สึกของตนเองอย่างไร พวกเขากำลังมีปัญหาในการแยกความแตกต่างระหว่างรูปภาพที่ผ่านฟิลเตอร์แล้วกับรูปภาพแบบธรรมดา

ภาพหน้าจอจากแกลเลอรี Instagram Effects นี่คือบางส่วนของฟิลเตอร์ชั้นนำในหมวดหมู่
ภาพหน้าจอจากแกลเลอรี Instagram Effects นี่คือบางส่วนของฟิลเตอร์ชั้นนำในหมวดหมู่ “เซลฟี่”

การวิจัยของ Pescott ยังเปิดเผยว่าในขณะที่เด็ก ๆ มักได้รับการสอนเกี่ยวกับพฤติกรรมออนไลน์ แต่พวกเขาได้รับการศึกษาเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องของฟิลเตอร์ 

เมื่อพิจารณาถึงพลังและความแพร่หลายของฟิลเตอร์แล้วนั้น มีการวิจัยเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับผลกระทบของฟิลเตอร์เหล่านี้และยังมีเกราะป้องกันในการใช้งานเพียงเล็กน้อยอีกด้วย

กฏระเบียบและข้อจำกัดบางประการเกี่ยวกับการใช้ฟิลเตอร์ขึ้นอยู่กับบริษัทต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ฟิลเตอร์ของ Facebook หรือ Instagram จะต้องผ่านกระบวนการอนุมัติโดยระบบจะผสมผสานระหว่างมนุษย์กับ AI เพื่อตรวจสอบผลกระทบในขณะที่มีการเผยแพร่ออกไป

พวกมันจะได้รับการตรวจสอบสำหรับปัญหาบางอย่าง เช่น การสร้างความเกลียดชัง หรือ ภาพเปลือย และผู้ใช้ยังสามารถรายงานฟิลเตอร์ที่มีปัญหาได้

ผลกระทบระยะยาวที่ยังไม่มีใครเข้าใจมันจริง ๆ

จากการศึกษาของ Wall Street Journal ที่ได้เข้ามาทำการศึกษาอย่างจริงจังโดยโฟกัสที่ Instagram ซึ่งคำถามก็คือฟิลเตอร์ต่าง ๆ มันมีผลกระทบต่อเหล่าวัยรุ่นหรือฐานผู้ใช้งานอายุน้อย ๆ อย่างไรบ้าง

ซึ่งผลออกมาเรียกได้ว่าน่าตกใจมาก ๆ มีรายงานเกี่ยวกับความคิดการฆ่าตัวตายถึง 13% ของผู้ใช้งานชาวอังกฤษ และ 6% ของผู้ใช้ชาวอเมริกันก็ประสบพบเจอกับปัญหาเดียวกัน

“32% ของเด็กสาววัยรุ่นกล่าวว่า พวกเขารู้สึกแย่เกี่ยวกับร่างกายของพวกเขา Instagram ทำให้พวกเขารู้สึกแย่ลง”

มีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า 14% ของเด็กชายในสหรัฐอเมริกา ที่กล่าวว่า Instagram ทำให้พวกเขารู้สึกแย่กับตัวเองมากยิ่งขึ้น

Karina Newton หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะของ Instagram ได้กล่าวถึงรายงานดังกล่าวว่า บริษัทกำลังค้นคว้าวิธีที่จะดึงผู้ใช้ออกจากการหมกมุ่นอยู่กับโพสต์ Instagram บางประเภทที่เกี่ยวข้องกับฟิลเตอร์

Lori Trahan หนึ่งในสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวถึงข้อกังวลด้านสุขภาพจิตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับโซเชียลมีเดีย และเรียกร้องให้ Facebook ละทิ้งแผนการสร้าง Instagram สำหรับเด็ก และมุ่งโฟกัสไปที่การปกป้องผู้ใช้งานที่อายุน้อยแทน

“เอกสารภายในของ Facebook แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของบริษัทในการปกป้องเด็กบน Instagram โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง มันเป็นการละเลยโดยสิ้นเชิง และมันก็เกิดขึ้นหลายปีแล้ว” Trahan กล่าว

References : https://www.technologyreview.com/2021/04/02/1021635/beauty-filters-young-girls-augmented-reality-social-media
https://www.cnbc.com/2021/09/14/facebook-documents-show-how-toxic-instagram-is-for-teens-wsj.html
https://orge.medium.com/instagram-beware-of-the-toxic-culture-behind-it-7ecff96108b4
https://about.instagram.com/blog/announcements/using-research-to-improve-your-experience
https://www.wsj.com/articles/facebook-knows-instagram-is-toxic-for-teen-girls-company-documents-show-11631620739