The Great Firewall สื่อของรัฐและการเซ็นเซอร์จัดการกับ coronavirus ในจีนอย่างไร

ต้องบอกว่าเป็นคำถามที่สนใจมาก ที่สาเหตุใด ประเทศจีน ที่ดูเหมือนจะใช้วัคซีน ที่ผลิตในประเทศตัวเองเป็นหลักอย่าง sinopharm หรือ sinovac ที่กำลังเป็นประเด็นปัญหาในทั่วโลกอยู่ตอนนี้ในเรื่องความสามารถในการจัดการกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๆ เช่น สายพันธุ์ เดลต้า ที่กำลังระบาดหนักอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ แต่จัดการกับการแพร่ระบาดได้สำเร็จ

ต้องบอกว่า key หลักสำคัญหนึ่งประการในการจัดการการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในครั้งนี้ ก็คือเรื่อง ความสามารถในการควบคุมสื่อได้แบบเบ็ดเสร็จของรัฐบาลจีนผ่าน The Greate Firewall นั่นเอง

ซึ่งในช่วงต้นของการระบาดที่เกิดขึ้นในประเทศจีนนั้น มีการแสดงความไม่พอใจต่อรัฐบาลนับพัน ปรากฏขึ้นบนเครือข่าย Social Media ในประเทศจีน โดยมีการตั้งคำถามกับรัฐบาลว่ากำลังปกปิดเรื่องไวรัสที่คล้ายกับซาร์หรือไม่

แม้ในช่วงแรก ๆ รัฐบาลก็พยายามปิดกั้น เซ็นเซอร์ ข้อความต่าง ๆ เหล่านี้บนแพลตฟอร์ม เช่น Sina Weibo แต่มันก็มีปริมาณมากจนหลายคนยังสามารถที่จะมองเห็นได้

การเซ็นเซอร์ในช่วงแรก ๆ ของการแพร่ระบาดนั้นเป็นไปได้ช้า เนื่องจากความโมโหของประชาชนชาวจีน ซึ่งในช่วงเดือนมกราคม และ กุมภาพันธ์ปี 2020 นั้น สื่อหลายแห่งได้ใช้โอกาสนี้ ในการเผยแพร่การสืบสวน ซึ่งได้ถูกแชร์อย่างกว้างขวางบน Social Media ของจีน

ถึงขนาดที่ว่า ในช่วงการระบาดหนัก ๆ ในช่วงแรกนั้น มีการตำหนิไปทุกทิศทุกทางจากประชาชนชาวจีน ในช่วงกลางเดือนมกราคม ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง แทบจะหายไปจากหน้าสื่อของประเทศจีน เขาแทบไม่ถูกพบเห็นในที่สาธารณะเลยด้วยซ้ำ มีการคาดเดาว่าเขากำลังหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับประชาชนในช่วงวิกฤติหนักของการแพร่ระบาด

ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อปักกิ่งมีกลยุทธ์ใหม่ในการโฆษณาชวนเชื่อ รายงานเหล่านี้ ก็ถูกกำจัดหายไปจนหมดสิ้นบนโลกออนไลน์ของประเทศจีน

ภายในหนึ่งสัปดาห์ สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปอย่างมาก เจ้าหน้าที่ระดับสูงเริ่มเตือนรัฐบาลท้องถิ่นในอู่ฮั่นว่า “จะถูกตอกย้ำถึงความอับอายทางประวัติศาสตร์ตลอดไป” หากพวกเขาไม่เปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ในพื้นที่ของตน

นั่นทำให้ สื่อจีนและ social media นั้นยิงคำถามตรงไปที่รัฐบาลท้องถิ่นของอู่ฮั่นทันที โดยหนังสือพิมพ์อย่าง Beijing News ได้เขียนบทวิพากษ์วิจารณ์แบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนว่า “ทำไมอู่ฮั่นไม่แจ้งให้สาธารณชนทราบเร็วกว่านี้”

จากนั้นประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ในฐานะเสาหลักแห่งความเชื่อมั่น และความแข็งแกร่งท่ามกลางการฟื้นตัวของจีน

ในช่วงที่สังคมกำลังสับสน ดร.หลี่ เหวินเหลียง กลายเป็นที่รู้จักในระดับสากลในฐานะแพทย์ “ผู้แจ้งเบาะแส” ซึ่งพยายามเตือนเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับไวรัสที่มีลักษณะคล้ายซาร์ แต่เรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อ ดร.หลี่ ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ หลังจากพบกว่าเขาถูกสอบสวนในเรื่อง “แสดงความคิดเห็นที่เป็นเท็จ” ต่อสาธารณะ

ดร.หลี่ เหวินเหลียง ผู้เสียสละตัวจริง (CR:VOANews)
ดร.หลี่ เหวินเหลียง ผู้เสียสละตัวจริง (CR:VOANews)

แม้รัฐบาลจีนจะยอมรับอย่างเป็นทางการว่า ดร. หลี่ เหวินเหลียง เป็นผู้เสียสละ แต่นักเคลื่อนไหวอีกหลายคน ก็ประสบพบเจอชะตากรรมเดียวกันไม่ต่างจาก ดร. หลี่

ในช่วงการระบาดของอู่ฮั่น นักข่าวพลเมืองจำนวนหนึ่งได้ทำการหลีกเลี่ยง “The Great Firewall” เพื่อกระจายข่าวเรื่องการระบาดในอู่ฮั่นออกไปทั่วโลก

ซึ่งรวมถึง เฉิน กุ้ยฉี ฝาง ถัง และ จาง จ้าน พวกเขาได้สร้างวีดีโอบน youtube ที่มียอดวิวกว่าหลายแสนครั้ง ที่พวกเขาได้ฉายภาพที่แท้จริงของสิ่งที่เกิดขึ้นในอู่ฮั่น

แต่พวกเขาก็ไม่รอดพ้นเงื้อมมือของรัฐบาล เพราะสุดท้ายได้ถูกจับกุมเข้าคุก และ youtube เองก็ถูกบล็อกในประเทศจีน ทำให้มีคนไม่กี่คนในประเทศที่ทราบถึงเรื่องราวที่แท้จริงดังกล่าวที่เกิดขึ้น

ตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นต้นมา จีนต้องการแสดงให้โลกเห็นว่า พวกเขาเอาชนะ COVID-19 ได้สำเร็จ แต่เห็นได้ชัดว่า การเซ็นเซอร์ ก็ได้พยายามกลบหลักฐานของความไม่พอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่กลุ่มคนหนุ่มสาว

เมื่อประวัติศาสตร์ได้ถูกบันทึกใหม่ผ่านเรื่องราวที่ถูกจัดสร้างโดยรัฐบาล

ฝาง ฟาง นักเขียนชาวจีนได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางเมื่อต้นปีที่ผ่านมา สำหรับการบันทึกชีวิตของเธอในอู่ฮั่น และเผยให้เห็นถึงความกลัวและความหวังของชาวอู่ฮั่นที่หาดูได้ยาก

อย่างไรก็ตามไดอารี่ออนไลน์ของเธอ ได้ตกเป็นเป้าหมายของรัฐบาลจีน ที่กล่าวหาว่าเธอพยายามที่จะทำร้ายชาติและสร้างมุมมองลบของจีนให้กับชาวโลก

ฝาง ฟาง ที่ถ่ายทอดเรื่องราวแท้จริงก็ถูกรํฐบาลจีนจ้องเล่นงาน
ฝาง ฟาง ที่ถ่ายทอดเรื่องราวแท้จริงก็ถูกรํฐบาลจีนจ้องเล่นงาน

สื่อของรัฐได้พยายามส่งเสริมหนังสืออื่น ๆ รวมทั้งหนังสือของชาวต่างชาติ ที่ส่งเสริมเรื่องราวในแง่ดีของรัฐบาลเกี่ยวกับการจัดการไวรัสของทางการ

แต่ในบางกรณี ก็มีการโต้กลับจากพลเมือง ที่ไม่เห็นด้วยกับสื่อของรัฐที่พยายามเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดการ การระบาดของอู่ฮั่น

สิ่งนี้ชัดเจนมาก ในเดือนกันยายนปี 2020 เมื่อ Heroes in Harm’s Way ละครเรื่องแรก ที่อิงจากเรื่องราวในชีวิตจริง ของพนักงานแนวหน้าที่ต้องรับมือกับการระบาด ได้ถูกวิจารณ์เกี่ยวกับ การดูถูกบทบาทที่ผู้หญิงมีต่อการระบาดครั้งนี้

แน่นอนว่านอกเหนือจากการบอกพลเมืองของตนเองว่าจีนสามารถเอาชนะสงครามเหนือ COVID-19 ได้สำเร็จแล้ว จีนยังต้องการบอกให้โลกได้รับรู้ด้วย

จีนพยายามส่งเสริมแนวคิดที่ว่าความสำเร็จในการจัดการ COVID-19 ของจีน หมายถึงรูปแบบทางการเมือง (ปกครองแบบคอมมิวนิสต์) ที่ประสบความสำเร็จมากกว่าของตะวันตกอีกด้วย

บทเรียนที่น่าสนใจจากการควบคุมสื่อแบบเบ็ดเสร็จของจีน

จะเห็นได้ว่า แนวความคิดในการจัดการกับ COVID-19 ของจีนนั้น ไม่ได้โฟกัสไปที่เรื่องของวัคซีนเป็นหลักเหมือนประเทศแถบตะวันตก ที่สามารถที่จะเอาชนะศึกได้ด้วยวัคซีนที่มีคุณภาพ

แต่จีน ใช้ความเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งรูปแบบการปกครอง และการจัดการสื่อต่าง ๆ ทั้ง online หรือ offline ได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมาก ๆ

และด้วยการที่โลกเราในตอนนี้โดยเฉพาะในแพล็ตฟอร์ม Social Media ต่าง ๆ นั้น ใครจะลุกขึ้นมาเป็นสื่อก็ได้ และสามารถสร้างข่าวปลอม ข่าวปั่น ที่ต้องการยอดไลค์ ยอดแชร์ ที่ดูเป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไขได้ โดยเฉพาะเรื่อง COVID-19 ที่ยิ่งทำให้โลกเราปั่นป่วนมากยิ่งขึ้น

ซึ่งบางครั้ง เราก็อยู่ในโลกออนไลน์ที่แทบจะแยกกันไม่ออกแล้วว่าเรื่องใดเป็นข่าวจริง เรื่องใดเป็นข่าวเท็จในยุคปัจจุบันที่มีข้อมูลมหาศาลจำนวนมากมายผ่านตาเรา ที่ถูกส่งตรงผ่านเครือข่าย Social Media เหล่านี้

เราได้เห็นปัญหานี้เกิดขึ้นมากมาย แม้กระทั่งสื่อกระแสหลักก็ตาม ก็ยังหลุดปล่อยข่าวปลอมออกมาได้ ซึ่งเมื่อข่าวปลอมต่าง ๆ นั้นถูกแพร่กระจายไปแล้ว สิ่งที่ยากก็คือ การแก้เรื่องราวความจริงให้กลับมา มันเป็นสิ่งที่ยากมาก ๆ เพราะคนต่างเชื่อไปแล้ว

ซึ่งจากเรื่องราวทั้งหมดคงไม่น่าแปลกใจ ว่า ทำไมประเทศจีน จึงสามารถจัดการปัญหาเหล่านี้ได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แม้วัคซีน นั้นจะไม่ใช่อาวุธหลักในการแก้ปัญหาของพวกเขาก็ตามที

แต่ประเทศเราคงจะเลียนแบบจีนได้ยาก เพราะเราเป็นประเทศประชาธิปไตย (หรือกึ่งประชาธิปไตย) ที่อย่างน้อยทุกคนมีสิทธิ์มีเสียง ที่รัฐบาลคงไม่สามารถที่จะไปปิดกั้น เซ็นเซอร์สิ่งต่างๆ แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือใช้อำนาจการจัดการแบบเด็ดขาด แบบที่จีนทำได้

เพราะฉะนั้นทางรอดของเราก็คงมีทางเดียว นั่นคือการเดินทางตามแบบตะวันตก ด้วยการจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ และ ทำการระดมฉีดประชาชนให้มากที่สุด และ เร็วที่สุด อย่างที่ โลกตะวันตกสามารถทำได้สำเร็จมาแล้วนั่นเองครับผม

References : https://www.nytimes.com/2020/12/19/technology/china-coronavirus-censorship.html
https://www.bbc.com/news/world-asia-china-55355401
https://edition.cnn.com/interactive/2021/02/asia/china-wuhan-covid-truthtellers-intl-hnk-dst/
https://www.hrw.org/news/2021/01/26/chinas-covid-success-story-also-human-rights-tragedy
https://theconversation.com/chinas-coronavirus-cover-up-how-censorship-and-propaganda-obstructed-the-truth-133095


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube