AI x Big Four เมื่อ PwC ทดลองแชทบอท ChatGPT เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำงานของทนายความ

สงครามของโลกธุรกิจยุคใหม่มันได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อการเกิดขึ้นของ ChatGPT แม้ในตอนนี้มันอาจจะไม่สมบูรณ์ 100% แต่หากธุรกิจใดเริ่มก่อน ก็สามารถที่ช่วงชิงความได้เปรียบก่อนอย่างแน่นอน

ในอุตสาหกรรม Consultant หรือ บริษัทตรวจสอบบัญชีก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้เริ่มนำเอาเทคโนโลยีอย่าง ChatGPT 4 เข้ามาช่วยเหลือพวกเขา โดยเฉพาะเกี่ยวกับงานด้านเอกสารต่าง ๆ

PricewaterhouseCoopers (PwC) ได้ประกาศการทดลองแชทบอทที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความเร็วการทำงานของทนายความ 4,000 คน ซึ่งเป็นสัญญาณล่าสุดที่บริษัทผู้ให้บริการมืออาชีพต่างเร่งนำ AI มาใช้จริงในการดำเนินธุรกิจ

PwC ได้ทำสัญญา 12 เดือนกับสตาร์ทอัพที่มีชื่อว่า Harvey ซึ่งจะช่วยให้นักกฎหมายเข้าถึง AI ทางกฎหมาย ซึ่ง PwC กล่าวว่าจะช่วยให้พวกเขาทำงานได้เร็วขึ้น เช่น การวิเคราะห์สัญญาและดำเนินการตรวจสอบสถานะต่าง ๆ ของคดีความ

บริษัท Big Four กล่าวว่ามีแผนที่จะหาวิธีใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการปฏิบัติงานด้านภาษีด้วยเช่นกัน

นับตั้งแต่เปิดตัว ChatGPT แชทบอท AI ที่พัฒนาโดย OpenAI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Microsoft ได้กระตุ้นความสนใจในศักยภาพของเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพ

ซอฟต์แวร์ของ Harvey สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีล่าสุดของ OpenAI นั่นคือ GPT-4 ซึ่งบริษัทกล่าวว่าดูเหมือนจะมีความสามารถในการให้เหตุผลทางกฎหมายที่ดีกว่ารุ่นก่อนเป็นอย่างมาก

Carol Stubbings ผู้บริหารที่ดูแลด้านภาษีและกฎหมายระดับโลกของ PwC กล่าวว่า เทคโนโลยีดังกล่าว “ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในบริการด้านภาษีและกฎหมายทั่วทั้งอุตสาหกรรม”

บริษัทกล่าวว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยเร่งการตัดสินใจโดยการสร้างคำตอบสำหรับคำถาม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบและเพิ่มเข้าไปข้อมูลที่ได้รับมาเพื่อช่วยเหลือในการดำเนินการต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ChatGPT สามารถวิเคราะห์ข้อความจำนวนมหาศาลและเขียนคำตอบที่น่าเชื่อถือสำหรับคำถามได้ จึงสามารถใช้สรุปสาระสำคัญจากชุดสัญญาต่างๆ ได้ และท้ายที่สุดเพื่อจัดทำรายงานการตรวจสอบสถานะเบื้องต้นตามคำแนะนำจากทนายความ

บริษัท Big Four กล่าวว่ามีแผนที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ของตนเองสำหรับลูกค้าด้านภาษีและกฎหมายโดยใช้แพลตฟอร์มของ Harvey

ไม่แทนที่แค่นำมาช่วยเหลือ

PwC จะไม่ใช้ AI เพื่อให้คำปรึกษาด้านกฎหมายและจะไม่แทนที่นักกฎหมาย แน่นอนว่าการมองหาวิธีการใช้ AI ของอุตสาหกรรมบริการระดับมืออาชีพถือเป็นพัฒนาการที่น่าสนใจในการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องสู่ระบบอัตโนมัติของงานที่มีลักษณะซ้ำซากจำเจ

ทั้งนี้ Bain & Co และ Boston Consulting Group กำลังทดลองใช้ OpenAI เช่นเดียวกัน รวมถึงบริษัทกฎหมาย Allen & Overy ที่มีการใช้ Harvey อยู่แล้ว และได้ออกมายืนยันว่าเทคโนโลยีนี้จะไม่แทนที่พนักงานคนใด พวกเขามองว่ามันจะช่วยลดต้นทุนของธุรกิจได้ในอนาคต

Robin AI ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Harvey กล่าวว่าได้ให้บริการแก่ที่ปรึกษา Big Four สองแห่งและสำนักงานกฎหมาย Clifford Chance ซึ่งใช้ซอฟต์แวร์เพื่อตรวจสอบและแก้ไขสัญญา บริการของพวกเขาสร้างขึ้นจากเทคโนโลยีที่พัฒนาโดย Anthropic บริษัทสตาร์ทอัพของสหรัฐฯ

“เป้าหมายคือทำให้งานที่มีปริมาณมากที่ซ้ำซากจำเจเป็นไปโดยอัตโนมัติซึ่งไม่ควรใช้มนุษย์มาทำสิ่งเหล่านี้” Richard Robinson ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Robin กล่าว

กลัวความลับรั่วไหล

แม้จะมีความสนใจอย่างกว้างขวาง แต่ที่ปรึกษาบางคนกังวลเกี่ยวกับผลที่ตามมาของข้อมูลและการรักษาความลับ

บริษัทด้าน Consultant ชื่อดังอย่าง Accenture ได้ห้ามไม่ให้พนักงานใช้ ChatGPT และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายกัน โดยไม่ได้รับอนุญาต 

บริษัทซึ่งมีพนักงานมากกว่า 700,000 คน แจ้งพนักงานในอีเมล โดยได้มีการปรับปรุงนโยบายเกี่ยวกับการรักษาความลับและการใช้เทคโนโลยีเพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน นอกจากนี้ยังกล่าวว่าบริษัทกำลังจัดตั้ง “centre of excellence” ด้าน AI เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าว

สำนักงานกฎหมายของเมือง Mishcon de Reya ได้บอกกับพนักงานว่าอย่าอัปโหลดข้อมูลลูกค้าไปยังเครื่องมือแชทบอทเหล่านี้ บริษัทกล่าวว่าทีมวิทยาศาสตร์ข้อมูลและนักกฎหมายบางคนกำลังหารือกันว่าบริษัทจะใช้เทคโนโลยีนี้ได้อย่างไร

บทสรุป

ลองจินตนาการสิ่งที่เกิดขึ้นจริงสำหรับเหล่าพนักงานในองค์กรต่าง ๆ หากได้ใช้งาน ChatGPT อย่างจริงจัง แน่นอนว่ามันต้องมีข้อมูลความลับของบริษัทที่อาจจะรั่วไหลออกไปได้เป็นเรื่องปรกติอยู่แล้ว เช่นเดียวกันกับ ที่เราต้องไปค้นหาสิ่งต่าง ๆ ใน Google เราก็มักจะไม่ได้คำนึงถึงจุดเหล่านี้เช่นเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับองค์กรธุรกิจเป็นอย่างมาก

แต่อย่างไรก็ดี แม้เทคโนโลยีจะยังไม่พร้อมสมบูรณ์แบบ 100% อย่างที่หลายๆ คนคาดหวัง แต่ธุรกิจไหนเริ่มต้นก่อน ก็มีโอกาสได้เปรียบก่อน และได้เห็นถึงศักยภาพมันได้ก่อนใคร ซึ่งจะเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจในยุค AI First ในวันข้างหน้านั่นเองครับผม

References :
https://www.ft.com/content/463f8cc1-9feb-46ac-a14e-7826c87e2bf4
https://www.ft.com/content/baf68476-5b7e-4078-9b3e-ddfce710a6e2
https://techcrunch.com/2022/11/23/harvey-which-uses-ai-to-answer-legal-questions-lands-cash-from-openai/
https://rivaltimes.com/ai-reaches-the-big-four-4000-professionals-from-one-of-the-large-consultancies-receive-a-text-generator-similar-to-chatgpt-to-streamline-their-work/

AI x Copyright เมื่อผลงานจาก AI อาจได้รับลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องได้ตามกฎหมาย

ปัญหาใหญ่ของวงการ AI คือข้อมูลที่มันได้ทำการ training มา โดยเฉพาะเหล่างานศิลปะทั้งหลายที่ถูกคัดลอกกันเป็นว่าเล่น เพราะ AI เหล่านี้มันไม่ได้สร้างสรรค์มันด้วยสมองของมันเอง แต่มันได้รับเอาข้อมูลจากงานของคนอื่นแล้วสร้างสรรค์ในรูปแบบใหม่ออกมา

ระบบ AI ใหม่ ๆ เช่น MidJourney , ChatGPT และ DALL-E ซึ่งสร้างทั้งข้อความและรูปภาพเพื่อตอบสนองต่อคำสั่งของมนุษย์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ลิขสิทธิ์นั้นเป็นทรัพย์สินทางปัญญารูปแบบหนึ่งที่คุ้มครองงานสร้างสรรค์ต้นฉบับ เช่น วรรณกรรม ดนตรี ศิลปะ และซอฟต์แวร์

กฎหมายด้านลิขสิทธิ์ให้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวแก่ผู้สร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้ในการควบคุม ผลิตซ้ำ การแจกจ่าย และการใช้ผลงานสร้างสรรค์ของตน ซึ่งหมายความว่าเฉพาะผู้สร้างงานหรือผู้ที่ได้รับอนุญาตจากผู้สร้างสรรค์เท่านั้นที่สามารถทำซ้ำ แจกจ่าย หรือใช้ผลงานในลักษณะใดลักษณะหนึ่งได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

หากเรามาลองไล่เรียงเทคโนโลยีสุดฮ็อตล่าสุดอย่าง ChatGPT เองนั้น เป็นระบบที่ได้รับการฝึกฝนในชุดข้อมูลขนาดใหญ่ของข้อความและสามารถที่จะสร้างการตอบสนองในลักษณะที่เหมือนมนุษย์

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญก็คือการตอบกลับจาก ChatGPT นั้นอาจมีข้อมูลที่ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายลิขสิทธิ์ เช่น ข้อความหรือรูปภาพที่คัดลอกมาจากแหล่งอื่น

แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วผลลัพธ์ของ ChatGPT จะไม่ได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลที่สามที่อาจเกี่ยวข้องและผู้ที่ใช้งานมันต้องแน่ใจว่าจะไม่ละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านั้นในผลงานของตัวเองใหม่ที่ถูกสร้างสรรค์จากคำตอบของ ChatGPT

สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลที่สามที่อาจเกี่ยวข้องจาก ChatGPT (CR:Youtube)
สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลที่สามที่อาจเกี่ยวข้องจาก ChatGPT (CR:Youtube)

ความน่าสนใจก็คือ สำนักงานลิขสิทธิ์ของอเมริกาได้ออกคำแนะนำใหม่ เมื่อชี้แจงว่า งานศิลปะที่สร้างขึ้นด้วยความช่วยเหลือของปัญญาประดิษฐ์มีสิทธิ์ที่จะได้รับลิขสิทธิ์เหมือนกัน

ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ นะครับ คำอธิบายที่ออกมาก็คือ การคุ้มครองลิขสิทธิ์จากผลงานพวกนี้นั้นขึ้นอยู่กับว่าการมีส่วนร่วมของ AI เป็นผลลัพธ์ จากการผลิตซ้ำหรือไม่ หรือ เป็นสิ่งที่สร้างจากความคิดของผู้สร้างมันขึ้นมาเอง

เดิมทีก่อนหน้านั้น สำนักงานด้านลิขสิทธิ์ปฏิเสธผลงานจากสิ่งเหล่านี้แทบจะทั้งหมด แต่ตอนนี้ได้มีนโยบายที่เปลี่ยนไป และเริ่มมองจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานของเครื่องมือ AI และวิธีการใช้เพื่อสร้างผลลัพธ์ในขั้นตอนสุดท้าย

เอาจริง ๆ เมื่อเทียบกับโลกแห่งความจริง งานศิลปะหลาย ๆ อย่าง มันก็ได้รับอิทธิผลจากผู้สร้างสรรค์คนอื่น ๆ เช่นเดียวกัน แม้จะไม่ได้ใช้ AI ช่วย แต่มนุษย์เรามักมีแรงบันดาลใจจากสิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ ทั้งงานด้านภาพ ทั้งภาพวาด ภาพถ่าย ดนตรี หรือแม้กระทั่งงานเขียนเองก็ตามที

ซึ่งความหมายก็คือ AI แค่ช่วยเร่งระยะเวลาในการสร้างแรงบันดาลใจเหล่านี้ให้เร็วยิ่งขึ้น แทนที่มนุษย์อาจจะต้องใช้เวลาสะสมประสบการณ์ การดูภาพถ่าย ภาพวาด หรืองานเขียนเป็นเวลานานแสนนาน เพื่อมาสร้างสรรค์งานของตัวเอง แต่ AI มันทำได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาที

มีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงแล้วนั่นก็คือภาพที่สร้างโดย Midjourney ในหนังสือการ์ตูนเรื่อง “Zarya of the Dawn” ของ Kris Kashtanova นั้นถือว่าได้รับลิขสิทธ์ที่ถูกต้อง

ภาพที่สร้างโดย Midjourney ในหนังสือการ์ตูนเรื่อง "Zarya  of the Dawn" (CR:Onmanorama)
ภาพที่สร้างโดย Midjourney ในหนังสือการ์ตูนเรื่อง “Zarya of the Dawn” (CR:Onmanorama)

นั่นคือการดัดแปลงและการเรียบเรียงใหม่อย่างสร้างสรรค์ของงานที่สร้างโดย AI เช่นการ์ตูนของ Kashtanova นั้นยังคงมีลิขสิทธิ์ได้ เครื่องมือทางเทคโนโลยีสามารถเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการในการสร้างสรรค์งานได้เช่นเดียวกัน

แต่ทางสำนักงานได้ปิดท้ายไว้ว่า เหล่าผู้ขอลิขสิทธิ์ต้องเปิดเผยอย่างชัดเจนเมื่อผลงานของพวกเขามีเนื้อหาที่สร้างโดย AI ซึ่งในปัจจุบันนั้นศิลปินหรือเหล่า creator ทั้งหลายต่างเลือกที่จะปิดบังมันมากกว่านั่นเองครับผม

References :
https://www.madhusudangaire.com.np/ChatGPT-OpenAI/ChatGPT-copyright-legal-or-not.html
https://www.reuters.com/world/us/us-copyright-office-says-some-ai-assisted-works-may-be-copyrighted-2023-03-15
https://www.cliffordchance.com/insights/resources/blogs/talking-tech/en/latest-articles/browse-by-topic/artificial-intelligence.html

ไฮเออร์เปิดตัวภาพยนตร์ไวรัลในคอนเซ็ปต์ Inspire Future Dreams ทีมเทคโนโลยีที่พาชีวิตเราไปให้สุด ดึง บอย-ปอป้อ นำเสนอเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าสุดล้ำ

ไฮเออร์เปิดตัวภาพยนตร์ไวรัลชุดใหม่ในคอนเซ็ปต์ Inspire Future Dreams ทีมเทคโนโลยีที่พาชีวิตเราไปให้สุด ชูจุดเด่นด้านเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า นำแสดงโดย บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ และ ปอป้อ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย แบรนด์แอมบาสเดอร์ ไฮเออร์ (ประเทศไทย) ตอกย้ำกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งของไฮเออร์ในปีนี้ 

ภาพยนตร์ชุดใหม่นี้ นำเสนอภายใต้คอนเซ็ปต์ Inspire Future Dreams ทีมเทคโนโลยีที่พาชีวิตเราไปให้สุด  เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่หยุดที่จะคิดค้นและพัฒนาผลิตภันฑ์พร้อมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่อยู่เสมอ โดยมี บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พระเอกหนุ่มมากความสามารถ ผู้ครองตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นปีที่ 5 และ ปอป้อ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย นักกีฬาแบดมินตันดีกรีแชมป์โลก ประเภทคู่ผสม นำแสดงภาพยนตร์ไวรัลชุดนี้ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ ไฮเออร์ (ประเทศไทย) โดยมีกำหนดออกอากาศวันที่ 14 มีนาคม 2566

“ภาพยนตร์ชุดนี้มาพร้อมแนวคิดที่ว่า ไฮเออร์พร้อมที่จะสนับสนุนให้ผู้คนก้าวไปสู้เป้าหมายอย่างไม่ยอมแพ้ เพราะทุกความสำเร็จล้วนแล้วแต่มีทีมเวิร์กอยู่เบื้องหลังเสมอ โดยเราได้คุณบอย ปกรณ์ และคุณปอป้อ ทรัพย์สิรี เข้ามาเสริมภาพลักษณ์ความเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจเลือกนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เหมาะกับตนเอง

ไฮเออร์ขอเป็นอีกหนึ่งทีมเวิร์กที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้มีเพียงแค่ดีไซน์สวย แต่ยังอำนวยความสะดวกด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตมากขึ้น” มร.จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว

ไฮเออร์ ภูมิใจนำเสนอนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ประกอบด้วย เครื่องปรับอากาศรุ่น UV Cool Smart New Generation 2023 มาพร้อมเทคโนโลยี UVC Sterilization ที่สามารถกำจัดเชื้อโรคและไวรัสได้มากถึง 99.99% เครื่องซักผ้าฝาหน้าพร้อมถังซักขนาดใหญ่ 525 มม. และเครื่องอบผ้าที่ช่วยอบผ้าในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ทำลายเนื้อผ้า หรือตู้เย็น IOT ที่สามารถควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน Haismart ได้อย่างอัจฉริยะ

นอกจากนี้ยังมี ตู้แช่ โทรทัศน์ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่ช่วยอำนวยความดวกทั้งด้านฟังก์ชันการใช้งานและการดูแลสุขภาพที่ดี 

เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์มีวางจำหน่ายทั้งในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตัวแทนจำหน่ายไฮเออร์ทั่วประเทศ และบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ 

ติดตามชมภาพยนตร์ไวรัลของแบรนด์แอมบาสเดอร์คู่ซี้คู่ใหม่ ได้ที่ Facebook, Instagram และ YouTube : Haier Thailand หรือดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ www.haier.com/th หรือโทร 1789

Geek Talk EP32 : MH370 The Plane That Disappeared กับทฤษฎีสมคบคิดที่น่าขันจาก Netflix

โลกต้องตะลึงเมื่อในปี 2014 เที่ยวบินของสายการบินมาเลเซียนแอร์ไลน์เที่ยวบิน MH370 จากกัวลาลัมเปอร์ไปยังปักกิ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่พบซากเครื่องบินในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่เรดาร์ตรวจพบ และแม้จะมีความพยายามอย่างเต็มที่จากหลายประเทศ แต่ก็ไม่มีใครสามารถระบุตำแหน่งเครื่องบินหรือซากเครื่องบินได้ ราวกับว่ามันหายไปจากพื้นโลก

สารคดี MH370: The Plane That Disappeared เริ่มต้นด้วยเสียงพากย์ที่อ้างว่าการหายไปของเครื่องบินพาณิชย์ในปี 2014 ยังคงเป็น ‘หนึ่งในปริศนาการบินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล’ แต่พวกเขากลับนำเสนอทฤษฎีสมคบคิดที่แปลกประหลาดสุด ๆ ในสารคดีชุดนี้

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

🎧 ฟังผ่าน Podbean : 
http://bit.ly/3yHKXSj

🎧 ฟังผ่าน Apple Podcast :
http://bit.ly/3ZUKtEm

🎧 ฟังผ่าน Google Podcast : 
http://bit.ly/3FwE3Ds

🎧 ฟังผ่าน Spotify : 
http://bit.ly/3n1V4Pd

🎧 ฟังผ่าน Youtube : 
https://youtu.be/HkYxnJqDp68

BYD (The New Toyota) กับแนวทางการเป็น Toyota ในแบบฉบับรถยนต์ EV

Tesla อาจเป็นผู้ผลิต รถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก และตามที่ Elon Musk ได้คุยโวไว้ว่าพวกเขาล้ำหน้ากว่าคู่แข่งมากจนแทบมองไม่เห็นใครที่จะมาต่อกรพวกเขา

ในขณะที่บริษัทยานยนต์ยักษ์ใหญ่ยุคเครื่องยนต์สันดาปอย่าง Toyota ก็ไม่ได้สนใจภัยร้ายที่ย่องมาเงียบ ๆ จากผู้ผลิตชาวจีนอย่าง BYD ซึ่งในปีนี้อาจแซงหน้า Tesla ในฐานะผู้ขายรถยนต์ EV รายใหญ่ที่สุดของโลก (ไม่รวมถึงรถไฮบริดซึ่งพวกเขาก็ผลิตด้วยเช่นกัน)

ความน่าสนใจก็คือ BYD และ Toyota พวกเขาเป็นพันธมิตรกันในประเทศจีน ที่สำคัญกว่านั้น BYD ได้เลียนแบบคุณลักษณะหลายอย่างของ Toyota ที่ได้กลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกมานานหลายทศวรรษ

บริษัททั้งสองมีความคล้ายคลึงกันทางประวัติศาสตร์ พวกเขาไม่ได้เริ่มต้นในอุตสาหกรรมรถยนต์ Toyota เริ่มต้นธุรกิจด้วยการผลิตเครื่องทอผ้าแบบอัตโนมัติ

ผลิตภัณฑ์แรกของ BYD คือแบตเตอรี่สำหรับโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเมื่อมองจากจุดเริ่มต้นพวกเขาตามหลังคู่แข่งด้านการผลิตรถยนต์ระดับโลกในยุคของตัวเองเป็นอย่างมาก

BYD ใช้ความเชี่ยวชาญด้านแบตเตอรี่และมุ่งเน้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้าและรถปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งเป็นที่รู้จักในจีนว่าเป็นรถยนต์พลังงานใหม่ ( NEV ) ทั้ง Toyota และ BYD ฝึกปรือฝีมือด้วยตลาดภายในประเทศและเมื่อพวกเขาเริ่มออกไปตีตลาดต่างประเทศก็เริ่มต้นในตลาดรถยนต์ในประเทศที่ค่อนข้างด้อยพัฒนา

แต่จุดเริ่มต้นในการผลิตรถยนต์ได้ยกระดับธุรกิจของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ในช่วงหกปีตั้งแต่ปี 1955 ถึง 1961 การส่งออกของ Toyota เติบโตมากกว่า 40 เท่า และนั่นคือจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ของ Toyota

ฟากฝั่ง BYD ต้องใช้เวลา 13 ปีในการผลิตรถยนต์ NEV หนึ่งล้านคันแรก ใช้เวลาอีกหนึ่งปีกว่าจะได้ล้านที่สอง หกเดือนต่อมาก็สามารถผลิตได้ถึงสามล้านคัน พวกเขามีฐานการผลิตหลายแห่งตั้งแต่จีนไปจนถึงบราซิล ฮังการี อินเดีย และอื่นๆ ทั่วทุกมุมโลก

ปัจจุบัน BYD เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนรายใหญ่อันดับสองของโลก รองจาก CATL ของจีน เป็นผู้ผลิตยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ เช่น รถบรรทุกและแท็กซี่ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งเหล่านี้ทำให้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายตัวไปยังทั่วโลก

ปัญหาที่พวกเขาพบเจอก็คล้ายคลึงกัน Toyota ได้ตกเป็นเหยื่อของ สงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯและญี่ปุ่นในช่วงปี 1980 ฟากฝั่ง BYD ก็ต้องประสบพบเจอกับสงครามการค้าระหว่างจีน-อเมริกันที่ใกล้จะถึงจุดเดือดอยู่ในตอนนี้

Tu Le จาก Sino Auto Insights ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านยานยนต์ EV ได้ขนานนาม BYD ว่าเป็น “The New Toyota” ซึ่ง Toyota นั้นถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะด้านการผลิตของอุตสาหกรรมมานานหลายทศวรรษ “วิถีแห่งโตโยต้า” คือการรวมกันของการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องหรือไคเซ็น การผลิตแบบลีน และการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่เหนือชั้น

BYD ทำสิ่งต่าง ๆ ที่คล้ายคลึงกัน พวกเขาเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการบูรณาการในแนวดิ่งมากที่สุดในโลก ทำทุกอย่างตั้งแต่ที่นั่งของตัวเองไปจนถึงแบตเตอรี่และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งทาง Le ได้ใช้คำว่า Get shit done (GSD) เพื่ออธิบายความสามารถในการผลิตของ BYD

“มีเพียงมนุษย์ไม่กี่คนที่ทำการตรวจสอบในขั้นตอนสุดท้าย หุ่นยนต์ของ BYD ได้สร้างนิยามใหม่ให้กับการผลิตรถยนต์เช่นเดียวกับที่ Toyota เคยทำได้สำเร็จ” Warren Buffett ไอคอนด้านการลงทุนของอเมริกาเป็นแฟนตัวยงของ BYD รวมถึงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่

BYD ให้ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับผลการดำเนินงานที่น่าตกใจ แต่ในวันที่ 30 มกราคม บริษัทได้ประมาณการกำไรสุทธิเบื้องต้นในปี 2022 ที่ 2.4-2.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าปี 2021 มากกว่าห้าเท่า

จากข้อมูลนี้ บริษัทบ่งบอกเป็นนัยว่าในไตรมาสที่ผ่านมา อัตรากำไรของธุรกิจรถยนต์ของ BYD นั้นได้แซงหน้า Tesla ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่ทำกำไรได้มากที่สุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า BYD ที่เติบโตมาจากการสร้างรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสำหรับตลาด mass กำลังขายรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมที่มีกำไรสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแตกต่างจาก Tesla ตรงที่พวกเขามีรุ่นและสไตล์ที่หลากหลายและมีการออกรถรุ่นใหม่เป็นประจำ

บุกตลาดอเมริกา

ยังมีโอกาสใหญ่มาก ๆ สำหรับ BYD ในตลาดอเมริกา ซึ่งปัจจุบันพวกเขายังไม่ได้บุกไปยังตลาดนี้มากนัก แต่อุปสรรคใหญ่ในการเข้าสู่ตลาดอเมริกาคือภาษีศุลกากร ซึ่งเป็นนโยบายสมัยประธานาธิบดี Donald Trump ที่มีปัญหาอย่างหนักกับประเทศจีน และมีการกีดกันการค้าโดยเฉพาะส่วนประกอบ EV ที่ผลิตในจีน เช่น แบตเตอรี่

ในที่สุดการเปิดตัวในอเมริกาของ BYD คงเกิดขึ้นแน่ ๆ เหล่าผู้ผลิตรถยนต์อเมริกันก็ต้องพึ่งพายอดขายในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขาไม่สามารถกีดกันให้ BYD บุกเข้ามาในประเทศเขาได้เช่นเดียวกัน

BYD อาจนำเสนอรถยนต์ EV ที่ราคาต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์ ที่จะกระตุ้นตลาด mass ในสหรัฐอเมริกา และหากพวกเขาล้มเหลว BYD ก็สามารถที่จะขอความช่วยเหลือผ่านองค์ความรู้ของ Toyota ในการเจาะตลาดอเมริกา เพราะพวกเขามีความร่วมมือกันอยู่แล้วในประเทศจีน

สำหรับตอนนี้ Toyota ได้เริ่มตระหนักถึงความท้าทายจาก BYD ซึ่งก็มาก พอๆ กับโอกาสที่เกิดขึ้น พวกเขาทั้งสองมีคุณลักษณะหลายๆ อย่างที่คล้ายคลึงกันมาก Toyota และ BYD ไม่ได้คุยโม้โอ้อวดถึงจุดแข็งของตัวเองอย่างที่ Elon Musk ทำกับ Tesla แต่ให้ตัวเลขเป็นบทพิสูจน์ทางธุรกิจให้โลกได้เห็นนั่นเอง

References :
https://nepaldrives.com/byd-and-toyota-launch-joint-venture-to-conduct-battery-electric-vehicle-rd/
https://www.economist.com/business/2023/02/02/chinas-byd-is-overtaking-tesla-as-the-carmaker-extraordinaire