การปราบปราม Crypto ของสหรัฐฯ สามารถเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมได้อย่างไร

ชุมชน crypto ของสหรัฐมองว่า Gary Gensler เป็นหนึ่งในศัตรูตัวฉกาจมาช้านาน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พูดถึงอันตรายของสกุลเงินดิจิทัลและความจำเป็นในการควบคุมอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวดและตั้งแต่ FTX ล่มสลายในเดือนพฤศจิกายน Gensler ได้เพิ่มระดับความโหดเหี้ยมต่อวงการ crypto มากยิ่งขึ้น

ในขณะที่สภาคองเกรสมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยในการผ่านกรอบกฎหมายในการกำกับดูแลอุตสาหกรรม crypto แต่ Gensler ก็ใช้อำนาจของเขาเองในการปราบปรามอุตสาหกรรม ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ตั้งข้อหา บริษัท crypto รายใหญ่หลายแห่ง ที่ละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์

คนวงในเกี่ยวกับ crypto หลายคนกำลังบ่นว่าการกระทำของ Gensler กำลังขัดขวางนวัตกรรมและขับไล่ธุรกิจ crypto ไปยังต่างประเทศ อย่างไรก็ตามคนอื่นๆ ก็โต้แย้งว่าแนวทางของ Gensler จะกำจัดเหล่าโจรชั่วร้ายและช่วยสร้างความชอบธรรมให้กับอุตสาหกรรมที่ถูกตราหน้าอย่างหนักและมีความเสี่ยงกับประชาชนสูง ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป การกระทำของ Gensler เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรม crypto

“แน่นอนว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ปูพรมทิ้งระเบิดวงการ crypto” Kristin Smith ซีอีโอของ Blockchain Association ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ในวงการ crypto กล่าว

“ในขณะที่นักกฎหมายกำลังวิเคราะห์อุตสาหกรรมนี้ พวกเขากำลังคิดอย่างหนักว่าสหรัฐอเมริกาเป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการตั้งฐานที่มั่นทางธุรกิจของอุตสาหกรรม crypto หรือไม่”

ความไม่พอใจของรัฐบาลกลาง

หัวใจสำคัญของการต่อสู้ครั้งนี้คือการถกเถียงกันว่า cryptocurrencies ควรถือเป็นหลักทรัพย์หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งหากเป็นหลักทรัพย์จะได้รับการควบคุมโดย SEC ของ Gensler ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านกฎระเบียบที่เข้มงวดกว่า Commodities Futures Trading Commission (CFTC) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลสินค้าโภคภัณฑ์ 

ผู้นำในวงการ crypto หลายคนรวมถึง Sam Bankman-Fried จาก FTX ในวันที่เขายังคงมีอำนาจ ได้ออกมาโต้แย้งว่า cryptocurrencies ส่วนใหญ่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ และผลักดันให้ CFTC เป็นหน่วยงานในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมทำเงินของพวกเขา

ในทางกลับกัน Gensler มองผลิตภัณฑ์ crypto ส่วนใหญ่เป็นหลักทรัพย์ ตั้งแต่เดือนมกราคม เขาใช้กรอบการทำงานนี้เพื่อเรียกเก็บเงินจากแพลตฟอร์มด้าน crypto รายใหญ่หลายแห่ง รวมถึง Gemini, Genesis และ Kraken ที่ไม่ลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ทางการเงินกับ SEC บริษัททั้งสามแห่งเสนอโปรแกรมให้ผลตอบแทน ซึ่งนักลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยจากเงินที่พวกเขาฝาก 

ในขณะที่บริษัทต่าง ๆ ตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ต่างกัน Gensler ให้เหตุผลว่าพวกเขาทั้งหมดมีกลไกที่คล้ายคลึงกันซึ่งควรอยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจของสำนักงาน ก.ล.ต. Gensler ส่งคำเตือนไปยังโปรแกรมที่คล้ายกันทั้งหมดที่พยายามเลี่ยงบาลี ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าทำสิ่งใดอยู่

“ไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่า Lending, Earn, Yield, APY นั้นไม่สำคัญ… พวกเขาควรพยายามที่จะปฏิบัติตามกฎของเรา”

เหตุการณ์ที่ Genesis ล่มสลายหลังจากความผิดพลาดของ FTX และยังคงเป็นหนี้ 900 ล้านดอลลาร์ กับเหล่านักลงทุนที่ลงเงินใน Gemini Earn 

การกำหนดเป้าหมายไปยังเหล่าโปรแกรมที่ให้ผลตอบแทนของ Gensler เกิดขึ้นหนึ่งปีหลังจากหนึ่งในผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการล่มสลายของตลาด crypto ทั้งหมด 

ปีที่แล้ว Anchor สัญญากับนักลงทุนว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงถึง 20% หากพวกเขานำเงินของพวกเขาไปไว้ในระบบนิเวศของ Terra-Luna 

นักวิจารณ์หลายคน แม้กระทั่งผู้ที่อยู่ในวงการนี้ กล่าวว่า โมเดลของ Terra-Luna นั้นไม่ยั่งยืน และแน่นอนว่ามันพังทลายลงอย่างรวดเร็วเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

เมื่อสองสัปดาห์ก่อน Gensler ได้ตั้งข้อหา Terraform Labs และผู้ก่อตั้ง Do Kwon ด้วยข้อหาฉ้อโกงหลักทรัพย์ โดยกล่าวหาว่าพวกเขาหลอกลวงนักลงทุน 

 Do Kwon หนุ่มน้อยยอดอัจฉริยะจุดเริ่มต้นแห่งหายนะวงการ crypto (CR:MoneyWeek)
Do Kwon หนุ่มน้อยยอดอัจฉริยะจุดเริ่มต้นแห่งหายนะวงการ crypto (CR:MoneyWeek)

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด

ในขณะที่ ก.ล.ต. เป็นผู้นำในการฟ้องร้อง crypto หน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ก็หันหลังให้กับอุตสาหกรรมเช่นกัน Federal Reserve, Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) และ Office of the Comptroller of the Currency (OCC) ออกแถลงการณ์ร่วมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เตือนธนาคารเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของเหรียญ Stablecoin 

ทำเนียบขาวออก แถลงการณ์เตือนถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ crypto เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ และกรมบริการทางการเงินของนิวยอร์กประกาศว่าได้สั่งให้ Paxos ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ Stablecoin ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกอย่าง Binance USD (BUSD) หยุดสร้างโทเค็นใหม่ทั้งหมด

หมายความว่าเหล่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแวงวง crypto ในทุกช่องทาง ไล่ตั้งแต่นักขุด แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยน ไปจนถึงผู้ให้กู้ มีแนวโน้มที่จะมีความระแวงมากขึ้นเกี่ยวกับการทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเกรงว่าพวกเขาจะเสี่ยงต่อการดำเนินการทางกฎหมายในภายหลัง

แพลตฟอร์ม DeFi หลายแห่งได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับนักลงทุนในต่างประเทศอยู่แล้ว ในขณะที่จำกัดผู้ใช้ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่อาจลุกลามบานปลาย

“โดยรวมแล้ว ความสนใจของนักลงทุนที่ต้องการพัฒนาเงินทุนในสหรัฐฯ ลดลงอย่างแน่นอน” Smith จากสมาคม Blockchain กล่าว 

Kristin Smith ซีอีโอของ Blockchain Association ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ในวงการ crypto (CR:Coindesk)
Kristin Smith ซีอีโอของ Blockchain Association ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ในวงการ crypto (CR:Coindesk)

“นักพัฒนาต้องคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเริ่มต้นบางอย่างที่นี่ในสหรัฐอเมริกา” Smith กล่าวว่า ก.ล.ต. กำลังใช้แนวทางที่จะส่งผลกระทบต่อบริษัท crypto รวมถึง ผู้ให้บริการ stake แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยน ตลอดจนถึงเหล่าผู้ร่วมทุนทั้งหลาย 

ในขณะเดียวกัน Smith และสมาคม Blockchain กำลังชั่งน้ำหนักในทางเลือกของพวกเขากับการดำเนินการด้านกฎระเบียบล่าสุดของ Gensler 

บริษัท crypto บางแห่งแทบจะเหมือนถูกแช่แข็งอยู่ในการต่อสู้ทางกฎหมายกับ ก.ล.ต. เป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปีเนื่องจากความผิดที่คล้ายคลึงกัน รวมถึง Ripple และ Grayscale

“เรากำลังทำงานร่วมกับทีมกฎหมายของเราและนักกฎหมายจากภายนอกเพื่อพยายามหาว่ามีการตอบโต้เชิงรุกที่เราควรทำในศาลหรือไม่” Smith กล่าว “เราคิดว่านี่เป็นการต่อสู้ที่คุ้มค่าที่จะสู้”

บทสรุป

ก็ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องราวที่สอดรับกับแวดวง VC ที่เริ่มเข็ดขยาดกับแวดวง crypto อย่างที่ผมได้เคยเขียนไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้อุตสาหกรรมกำลังเจอจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ และเจอตอใหญ่อย่างหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งคงจะเป็นรูปแบบเดียวกันทั่วทั้งโลก แม้กระทั่งประเทศไทยเองก็ตามที

ผมเองยังจำได้ว่าช่วงแรก ๆ ที่นวัตกรรมเหล่านี้ออกมา ไปส่องตามช่อง Youtube ดัง ๆ เมื่อมีคนจากหน่วยงานกำกับดูแลมาอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้ฟัง ก็จะเจอคอมเม้นต์ แทบจะดูถูกเหยียดหยาม หรือ หาว่าเป็นคนหัวโบราณ ไม่ทันต่อนวัตกรรม ซึ่งกลายเป็นว่าเมื่อเวลาผ่านพ้นไปแล้วเกิดความเสียหายขึ้นกับนักลงทุนชาวไทยสิ่งที่พวกเขาพูดไว้มันโครตถูกต้องมาก ๆ (สามารถลองไปหาช่อง youtube ดัง ๆ ที่ให้หน่วยงานกำกับดูแลมาออกรายการได้เลย)

เอาจริง ๆ ตอนนี้ หากทุนจาก VC ยักษ์ใหญ่เริ่มตีจาก เหล่ายอดอัจฉริยะ ทั้งหลายคงเริ่มขยับตัวลำบาก แถมกระแสโลกเทคโนโลยีกำลังขับเคลื่อนไปทาง AI ไม่ใช่ Crypto อีกต่อไป คงพอจะเดาอนาคตของอุตสาหกรรมนี้ได้ไม่ยากว่ามันคงจะไม่ใช่เทคโนโลยีที่ Cool หรือ กลายเป็น Buzzword ที่ทุกคนต้องหันมาสนใจมันอีกต่อไปนั่นเองครับผม

References :
https://www.sec.gov/news/press-release/2023-25
https://www.coindesk.com/policy/2023/03/02/sec-chair-gensler-says-crypto-exchanges-may-not-be-qualified-custodians/
https://www.reuters.com/article/fintech-crypto-ftx-genesis-idTRNIKBN2SN07K
https://www.coindesk.com/business/2023/02/02/crypto-winter-led-to-91-plunge-in-vc-and-other-investments-for-january/
https://cryptoslate.com/gensler-says-crypto-trading-lending-platforms-not-fit-for-custody-suggests-adoption-of-new-safeguarding-rule/