ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่ Youtube ควรจะแยกตัวออกจาก Alphabet

ธุรกิจวีดีโอสตรีมมิ่งกำลังถึงจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการกลับมาของ Bob Iger สู่ตำแหน่งผู้บริหารของ Disney และการกลับมาอีกครั้งของ Reed Hastings ที่ Netflix รวมถึงข่าวล่าสุดที่ว่า Susan Wojcicki จะลาออกจาก YouTube หลังจากเก้าปี นั่นถือได้ว่าเป็นสัญญาณที่สำคัญของธุรกิจนี้ 

สถานการณ์ที่เริ่มสั่นคลอนของบริษัทแม่อย่าง Alphabet เมื่อ Sundar Pichai กำลังต่อสู้กับสงครามในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก ChatGPT ของ Microsoft ซึ่งกำลังทำให้เกิดการรุกล้ำในธุรกิจที่เป็นเครื่องจักรทำเงินอย่างการค้นหาของ Google

ด้วยสถานการณ์ที่ตลาดโฆษณาออนไลน์ที่เริ่มชะลอตัวและการแข่งขันจาก TikTok ซึ่งเป็นแอปวิดีโอสั้นที่กำลังร้อนแรง ทำให้รายรับจากโฆษณาของ Youtube ลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สองเมื่อเทียบเป็นรายปี

YouTube ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของโลกของความบันเทิง ซึ่งสำหรับหลาย ๆ คนแล้ว มันเป็นทั้ง คู่มือdiy ตำราทำอาหาร ตู้เพลง ครูสอนโยคะ ช่องข่าว และสถานีด้านกีฬา ซึ่งทั้งหมดนี้รวมเป็นหนึ่งเดียวภายใต้แพลตฟอร์ม Youtube 

Youtube มีผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่ 2.6 พันล้านคนต่อเดือนและมีรูปแบบการแบ่งรายได้ที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพที่ creator หลายล้านคนพึ่งพาเพื่อสร้างเนื้อหาออกมาอย่างต่อเนื่อง การตอบสนองต่อ TikTok โดยออกเวอร์ชั่น YouTube Shorts นั้นสามารถสร้างผู้ชมเฉลี่ยได้สูงถึง 5 หมื่นล้านครั้งต่อวัน

ข้อมูลที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้โดย Benedict Evans นักวิจารณ์ด้านเทคโนโลยี ตอกย้ำว่าแพลตฟอร์มนี้สามารถก้าวไปได้ไกลเกินกว่าสถานะที่อยู่ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก

YouTube ได้บดบังความยิ่งใหญ่ของ Netflix ซึ่งตามการประมาณการของ Evans Youtube ได้จ่ายเงินให้กับเหล่า creator เกือบเท่าๆ กับที่ Netflix จ่ายให้กับการผลิตเนื้อหาที่ใช้งบประมาณมหาศาล ผู้ใช้ YouTube ระดับท็อปอย่าง MrBeast ได้สร้างฐานแฟนคลับที่ไม่ต่างจากรายการยอดนิยมของ Netflix

MrBeast ที่เป็น Youtuber ระดับท็อปได้สร้างฐานแฟนคลับที่ไม่ต่างจากรายการยอดนิยมของ Netflix (CR:Tubefilter)
MrBeast ที่เป็น Youtuber ระดับท็อปได้สร้างฐานแฟนคลับที่ไม่ต่างจากรายการยอดนิยมของ Netflix (CR:Tubefilter)

แม้ว่ารายได้ 29,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้วจะคิดเป็นประมาณ 1 ใน 10 ของรายได้ของ Alphabet แต่ Richard Broughton จากบริษัทวิจัย Ampere Analysis ชี้ให้เห็นว่ารายได้จากตลาดโฆษณาออนไลน์เหล่านี้เทียบเท่ากับเม็ดเงินก้อนใหญ่มาก ๆ เมื่อเทียบกับตลาดโฆษณาทางโทรทัศน์และธุรกิจ broadcast ทั่วโลกที่มีมูลค่า 140,000 ล้านดอลลาร์

ยิ่งไปกว่านั้น YouTube ยังมีรูปแบบรายได้จากเพลง , พอดคาสต์ และ YouTube TV และเช่นเดียวกับ Amazon และ Apple บริการสมัครสมาชิกบริการสตรีมมิ่งของพวกเขาก็สร้างรายได้มหาศาลเช่นกัน และพวกเขาเพิ่งควักเงิน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดอเมริกันฟุตบอลในคืนวันอาทิตย์มาอีกด้วย 

เรียกได้ว่า Youtube สร้างกำแพงที่แข็งแกร่งในการปกป้องธุรกิจของตนเอง ทั้งภัยคุกคามของ TikTok จากจีน และพวกเขาจะเป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับวิดีโอหน้าจอขนาดเล็กทั่วโลก ตั้งแต่คลิปที่ผู้ใช้สร้างขึ้นและการสตรีมไปจนถึงการถ่ายทอดสดกีฬาชั้นนำ

Wojcicki มีความผูกพันกับ Sergey Brin และ Larry Page เป็นอย่างมาก เพราะ Google ยุคแรก ๆ ได้เริ่มสร้างเครื่องมือค้นหาในโรงรถของเธอ ซึ่งเธอช่วยดึงความเป็นมืออาชีพของ Google มาสู่ YouTube อย่างไม่ต้องสงสัย 

หลังจากความยุ่งเหยิงในช่วงแรก ๆ ของ YouTube ที่ก่อตั้งขึ้นเพียงหนึ่งปีก่อนที่ Google จะเข้าซื้อในปี 2006 เมื่อ Wojcicki จากไป มันเป็นคำถามสำคัญที่ว่า YouTube ซึ่งตอนนี้เปรียบเสมือนได้ผ่านช่วงวัยรุ่นไปแล้ว จะได้รับประโยชน์จากความผูกพันกับยานแม่อย่าง Alphabet มากเท่าที่เคยเป็นมาหรือไม่ 

Tim Mulligan จาก MIDiA ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยอีกแห่งหนึ่งคิดว่า Alphabet อาจขัดขวางการเติบโตของ YouTube มากกว่าช่วยเหลือ 

ถึงเวลา spin off แล้วหรือยัง?

สำหรับ YouTube มีแรงสนับสนุนให้พวกเขาแยกตัวมากมาย อย่างแรกคือการโฟกัสที่ชัดเจนมากขึ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมบันเทิง ไล่มาตั้งแต่ TikTok และสงครามการสตรีม ความเข้มข้นของการแข่งขันนั้นเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ของ Alphabet มีสิ่งอื่นๆ มากมายเกินกว่าจะให้ความสนใจ YouTube ได้อย่างเต็มที่ 

รวมถึงรูปแบบของธุรกิจ หากไม่มียักษ์ใหญ่ด้านการโฆษณาคอยครอบงำ Youtube ก็จะมีอิสระในการทดลองรายได้จากโมเดลธุรกิจอื่น ๆ ได้มากขึ้น

ส่วนเรื่องน่าปวดหัวที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานกำกับดูแล คดีที่ศาลสูงสุดตัดสินเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ว่า YouTube ละเมิดกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายโดยใช้อัลกอริทึมที่แนะนำวิดีโอของกลุ่มหัวรุนแรงหรือไม่  หรือแม้กระทั่ง Facebook เองก็ได้รับความเดือดร้อนจากเนื้อหาทางการเมืองมากมายในแพลตฟอร์มของพวกเขา 

แต่การเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทที่ใหญ่กว่า Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook ทำให้ YouTube เป็นเป้าหมายที่น่าสนใจกว่า เนื่องด้วยความสามารถในการขยายบริการต่างๆ เช่น YouTube TV ไปทั่วโลกอาจถูกตัดแข้งตัดขาโดยข้อกังวลด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับขนาดของ Alphabet ที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ

และการตอบสนองอย่างตื่นตระหนกของ Sundar Pichai ต่อ ChatGPT ซึ่งเป็นหุ้นส่วนด้าน AI ระหว่าง Microsoft และสตาร์ทอัพชื่อดังอย่าง Open AI ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของเขา 

สถานการณ์ของ ChatGPT ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของ Sundar Pichai (CR:vnexpress)
สถานการณ์ของ ChatGPT ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของ Sundar Pichai (CR:vnexpress)

การแยกตัวออกจาก Alphabet ของ Youtube จะส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า Alphabet สามารถทุ่มเทสรรพกำลังไปยังเทคโนโลยี AI ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังช่วยให้ Alphabet สามารถแก้ข้อขรหาจากกระทรวงยุติธรรม ( doj ) ซึ่งในเดือนมกราคมได้ฟ้อง Google เกี่ยวกับการผูกขาดเทคโนโลยีโฆษณาดิจิทัลซึ่ง Alphabet ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าว 

การประเมินมูลค่าของ YouTube ในฐานะบริษัทมหาชนอาจจะพุ่งสูงขึ้นมาก ด้วยยอดขายโฆษณาใกล้เคียงกับรายได้ของ Netflix ที่ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ไม่นับรวมคลังเพลงกว่า 80 ล้านรายการและสมาชิกระดับพรีเมียมหรือรายได้จาก Youtube TV

Laura Martin จาก Needham ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุน ประเมินว่ามูลค่าของ Youtube อาจมีมูลค่าอย่างน้อย 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีมูลค่ามากกว่า Disney และ Netflix ถึงสองเท่า

แต่มันก็จะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญทางธุรกิจของผู้ก่อตั้งทั้งสองนั่นเพราะว่า Page และ Brin ควบคุมสิทธิ์ในการออกเสียงของ Alphabet มากกว่าครึ่งหนึ่ง และ Alphabet คงไม่ต้องการเป็นยักษ์ใหญ่แห่งเทคโนโลยีรายแรกที่เริ่มเทขายแหล่งทำเงินหลักของตัวเอง 

ฟากฝั่งของ TikTok ซึ่งเป็นของชาวจีน ดูเหมือนจะไม่เร่งรีบที่จะทำ IPO ออกสู่สาธารณะ นักลงทุนน่าจะชอบที่จะได้ครอบครองหุ้นบริษัทของชาวอเมริกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นบริษัทที่ครอบครองตั้งแต่คลิปที่ผู้ใช้สร้างขึ้น ,การสตรีม , การถ่ายทอดสดกีฬาชั้นนำไปจนถึงรายการโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ของโลกดั่งที่เราได้เห็นในทุกวันนี้นั่นเองครับผม

References :
https://www.cnbc.com/2019/10/29/analyst-alphabet-should-spin-off-youtube-would-be-worth-300-billion.html
https://fourweekmba.com/who-owns-youtube/
https://www.economist.com/business/2023/02/23/its-time-for-alphabet-to-spin-off-youtub
https://tek2day.com/2023/02/21/spin-off-youtube-and-google-cloud/
https://www.gizmodo.com.au/2023/02/youtubes-ceo-resigns/