นักวิจัยจาก Harvard สร้าง Dating App โดยการจับคู่ผ่าน DNA

George Church นักวิจัยทางด้านพันธุศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Harvard ได้ทำการสร้างแอปหาคู่ที่เหมาะกับผู้ใช้งานโดยคำนึงถึงโรคทางพันธุกรรมผ่านการตรวจ DNA ที่จะทำให้ปลอดภัยกับลูก ๆ ของพวกเขาหากต้องแต่งงานกันจริง ๆ

เพื่อให้เข้าใจว่า Dating App ใหม่นี้มันใช้งานได้อย่างไร ก็จำเป็นต้องรู้รายละเอียดเล็กน้อยเกี่ยวกับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมและโดยเฉพาะอย่างยิ่งว่ายีนนั้นมีความสามารถในการครอบงำได้อย่างไร

ซึ่งหมายความว่าหากคนสองคนมีลูกและคนคนหนึ่งมียีนเด่นสำหรับลักษณะใดลักษณะหนึ่งและอีกคนมียีนด้อยสำหรับลักษณะนั้น ๆ ก็มีแนวโน้มที่ลักษณะเด่นเหล่านั้นจะปรากฏในลูกหลานของพวกเขานั่นเอง

ตัวอย่างง่าย ๆ คือ : ยีนสำหรับดวงตาสีน้ำตาลเป็นยีนที่โดดเด่นในขณะที่สำหรับดวงตาสีฟ้านั้นถือเป็นยีนด้อย ดังนั้นถ้าคนที่มีตาสีน้ำตาลและคนที่มีตาสีฟ้ามีลูกก็จะน่าจะทำให้ลูกของพวกเขามีตาสีน้ำตาลนั่นเอง

โรคและเงื่อนไขทางพันธุกรรมบางอย่างเช่นโรคโลหิตจางนั้นเกิดจากยีนด้อย คนทั่วไปจะมียีนด้อยเหล่านั้นประมาณ 20 ตัว แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นเพราะพวกเขาได้รับยีนเหล่านี้จากพ่อแม่ของพวกเขา

แต่ถ้าพาหะของยีนที่ทำให้เกิดโรคทั้งคู่แต่งงานกัน ลูกหลานของพวกเขามีโอกาสถึง 25 เปอร์เซ็นต์ที่จะได้รับความทรมานจากโรคนี้นั่นเอง และนั่นคือสถานการณ์ที่ Church หวังที่จะหลีกเลี่ยงมันไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งแอพหาคู่ด้วยการจับคู่ DNA นั้นกำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนา จากการให้สัมภาษณ์กับรายการ “ 60 Minutes ” ของ CBS

“ คุณจะไม่สามารถทราบได้ว่าคนที่คุณไม่สามารถคบได้นั้นมียีนประเภทไหนจนกว่าจะได้รับการตรวจ” เขาบอกกับนักข่าวว่า Scott Pelley  ซึ่งแอพนี้จะช่วยให้ “คุณสามารถค้นหาได้ว่ายีนของคุณเข้ากันได้กับใคร และจะไม่มีปัญหาภายหลังเมื่อคุณคิดจะมีลูกนั่นเอง”

“คุณกำลังแนะนำว่าถ้าทุกคนมีลำดับจีโนมของพวกเขาและมีการจับคู่ที่ถูกต้อง โรคเหล่านี้จะถูกกำจัดไปได้หรือไม่” ผู้สื่อข่าว Scott Pelley ถาม

“ ถูกต้อง” George Church ตอบ

แน่นอนว่าเราอยู่ไกลจากโลกที่ทุกคนรู้ลำดับจีโนมของพวกเขาเอง

และเราก็ยิ่งห่างไกลจากการที่ทุกคนยินดีที่จะให้ข้อมูลจีโนมเพื่อช่วยพวกเขาตัดสินว่าใครจะเป็นคู่ครองด้วย แต่ในเรื่องนี้ก็มีบางคนยินดีที่จะเสี่ยงในเรื่องของความรัก ที่จะไม่สร้างปัญหาให้กับลูกหลานต่อไปในอนาคตนั่นเอง

ความเห็นเพิ่มเติมจากผู้เขียน

ถือเป็นอีกหนึ่ง App ที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับ Dating App ที่มีการจับคู่ผ่านการถอดรหัส DNA ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า Dating App นั้นมีอยู่มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีการทำงานที่คล้าย ๆ กัน

การสร้างรูปแบบใหม่ ๆ ของการหาคู่ต้องบอกว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะจากที่ทีมนักวิจัยโฟกัสนั้น จะเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาเรื่องโรคทางพันธุกรรมที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก ซึ่งเป็นปัญหาหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งในการกรองคู่รักผ่าน Dating App นี้

ซึ่งต่อไปเราอาจจะได้เห็นการจับคู่ที่นำยีนเด่นที่ต้องการ มาให้เลือกได้ผ่าน App เหล่านี้ อยากให้ลูกมีคุณลักษณะอย่างไรก็สามารถที่จะเลือก Matching ได้ ซึ่งถือเป็น Model ทางด้านธุรกิจที่น่าสนใจมาก นอกเหนือจากการทำงานแบบ Dating App เดิม ๆ ที่เน้นเรื่องของรูปร่างหน้าตา รวมถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ผ่านการ input ข้อมูลข้อไป แต่เรื่องของ DNA นั้นเป็นข้อมูลเชิงลึก ที่น่าสนใจ แต่ก็อาจจะมีปัญหาเรื่อง Data Privacy ที่ข้อมูลเหล่านี้ของเราก็จะไปอยู่ในโลกออนไลน์ได้ในท้ายที่สุดนั่นเอง

References : https://futurism.com/dating-app-match-users-dna

OPPO A5 2020 รีวิว พร้อมโปรโมชั่นราคาถูกที่สุด

OPPO A5 2020 เป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นกล้องระดับกลางตัวใหม่ซึ่งเปิดตัวในตลาด โดย มีเซ็นเซอร์กล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล, เลนส์แบบกว้างพิเศษ 8 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์ขาวดำ 2 ล้านพิกเซล, และอีก 2 เลนส์วัดความลึกความระเอียด 2 ล้านพิกเซลที่ด้านหลัง กล้องหน้า Selfie 8 MP

เครดิต : www.yugatech.com
เครดิต : www.yugatech.com

อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง

  • OPPO A5 2020
  • อะแดปเตอร์
  • สายเคเบิล Micro USB
  • ใบรับประกัน
  • คู่มือการใช้งานฉบับย่อ
  • เครื่องถอดซิมการ์ด
  • ฟิล์มป้องกันรอย
  • หูฟัง

ข้อมูลจำเพาะ Oppo A5 (2020)

  • ซีพียู:  โปรเซสเซอร์ Qualcomm Snapdragon 665 octa-core
  • RAM:  3/4 GB
  • ระบบปฏิบัติการ:  Android 9 Pie พร้อม ColorOS 6.0.1
  • จอแสดงผล: จอแสดงผล HD + waterdrop 6.5 นิ้วที่มีความละเอียดหน้าจอ 1520 x 720 พิกเซล
  • กล้องด้านหลัง: เซ็นเซอร์หลัก 12 ล้านพิกเซล, เลนส์กว้างพิเศษ 8 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์ภาพขาวดำ 2 ล้านพิกเซลและอีกเซนเซอร์ความลึก 2 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้า:  8 MP
  • ที่เก็บข้อมูลภายใน:  64 GB
  • อื่น ๆ :  สแกนลายนิ้วมือ
  • แบตเตอรี่:  5,000 mAh

การออกแบบการแสดงผล

OPPO มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบและเรื่องของกล้องและด้วยเหตุนี้ OPPO A5 2020 จึงไม่ทำให้เราผิดหวังเมื่อพูดถึงการออกแบบ ซึ่งมาพร้อมกับแผงด้านหลังมันวาวอย่างแท้จริงที่มีแบรนด์ OPPO อยู่ด้านล่าง ด้วยความสามารถใหม่อย่าง Mirror Black ที่มันทำหน้าที่เหมือนกระจกเงาเพราะแผงด้านหลังจะสะท้อนแสง มีน้ำหนัก 195 กรัมและให้ความรู้สึกพิเศษเมื่อถือไว้ในมือ

เครดิต : www.yugatech.com
เครดิต : www.yugatech.com

โมดูลกล้องจะอยู่ตรงกลางและเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือจะอยู่ด้านล่าง OPPO A5 2020 มีการตั้งค่ากล้องลักษณะสี่เหลี่ยมที่ด้านหลัง จะมีปุ่มเปิดปิดทางด้านขวาที่มาพร้อมกับสีเขียวที่เน้นการปรับปรุงรูปลักษณ์ของอุปกรณ์ 

นอกจากนี้ปุ่มถาดซิมและปุ่มปรับระดับเสียงจะอยู่ทางด้านซ้าย สมาร์ทโฟนมาพร้อมกับแจ็คหูฟัง 3.5 มม. และมีลำโพงสเตอริโอคู่ มันมาพร้อมกับการสนับสนุน Dolby ATMOS และด้วยเหตุนี้ประสบการณ์การสตรีม vdo ของคุณจะน่าทึ่งอย่างแน่นอน ลำโพงให้เสียงที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ

จอแสดงผล OPPO A5 2020 จะแสดงหน้าจอ HD + waterdrop ขนาด 6.5 นิ้วที่มีความละเอียด 1520 x 720 พิกเซล จอแสดงผลมาพร้อมกับ Corning Gorilla Glass 3+ ที่ด้านบน เป็นแผง IPS LCD และไม่ใช่ Full HD

เครดิต : www.yugatech.com
เครดิต : www.yugatech.com

แต่คุณจะไม่สังเกตเห็นความแตกต่างเมื่อพูดถึงประสิทธิภาพในชีวิตจริง หากคุณเป็นคนที่ชอบเพลิดเพลินกับวิดีโอและเกมจอแสดงผลจะไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณอย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้เวลากับเว็บไซต์สื่อ, Facebook, Twitter และอ่านข้อความจำนวนมากคุณอาจรู้สึกว่า จอแสดงผลจะคมชัดน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งอื่น ๆ

ขณะใช้งานสมาร์ทโฟนกลางแจ้ง มุมมองต่าง ๆ ก็ดีเช่นกัน แต่ก็คงดีกว่าถ้า OPPO ให้การแสดงผล Full HD ในรุ่นนี้

ส่วนต่อประสานผู้ใช้และซอฟต์แวร์

OPPO A5 2020 ทำงานบน Android 9 Pie โดยใช้ Color OS V6.0.1 ซึ่งมีคุณสมบัติเพิ่มเติมมากมายและสามารถปรับแต่งได้อย่างมาก Color OS มาพร้อมกับ Theme Store ที่ให้ผู้ใช้สามารถเลือกธีมได้หลายร้อยแบบ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติ inbuilt เช่น Clone Apps, App Split Screen และ Assistive ball ที่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสำหรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน และทำให้ขั้นตอนการทำงานของคุณเร็วขึ้น

Color OS ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ชื่อว่า Smart Assistant ซึ่งมีคุณสมบัติที่น่าทึ่งเช่น Step Tracker และผู้ติดต่อที่ชื่นชอบ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับข้อมูลสภาพอากาศ และปฏิทินเพื่อให้คุณสามารถใช้แอพเหล่านั้นได้โดยตรงโดยไม่ต้องเปิดโปรแกรมนั่นเอง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบแอปพลิเคชันของ Color OS มีแอพพลิเคชั่น App Drawer ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดตัวเรียกใช้งานแยกต่างหากเพื่อใช้งานสิ่งนั้น

โดยรวมแล้ว UI ของ OPPO A5 2020 นั้นยอดเยี่ยมมากและคุณจะสนุกไปกับมันได้อย่างแน่นอน

ประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์และการเล่นเกม

OPPO A5 2020 ใช้พลังงานจากโปรเซสเซอร์ Qualcomm Snapdragon 665 octa-core มันมาในสองรูปแบบ – หน่วยความจำ 3 GB + 64 GB และรุ่น RAM 4 GB Qualcomm Snapdragon 665 เป็นรุ่นปรับปรุงของ Snapdragon 660 และสามารถจัดการงานทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย คุณสามารถทำงานหลายอย่างได้อย่างง่ายดายอย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงการเล่นเกมคุณจะต้องจัดการกับการเล่นเกมของคุณด้วยกราฟิคระดับต่ำซักเล็กน้อย

เกมเช่น Mario Kart, Temple Run 2, Dead Trigger 2 และ Candy Crush Saga ทำงานโดยไม่มีปัญหาใด ๆ แต่เมื่อมันมาถึงเกมหนักเช่น PUBG และ Asphalt 9 คุณอาจประสบปัญหาบางอย่าง กราฟิกที่สมดุลด้วยอัตราเฟรมปานกลางคือการตั้งค่าสูงสุดที่รองรับสำหรับ PUBG บนอุปกรณ์นี้ 

หากคุณซื้อโทรศัพท์เพื่อเล่นเกมโดยเฉพาะอย่าสนใจโทรศัพท์รุ่นนี้เพราะมีตัวเลือกที่ดีกว่าในท้องตลาด อุปกรณ์ไม่ร้อนขึ้นในขณะเล่นเกมและอุณหภูมิสูงสุดที่เราสังเกตเห็นนั้นอยู่ใกล้กับ 36 องศาเซลเซียสหลังจากเล่นเกมไป 2 ชั่วโมง

นอกเหนือจากนี้ไม่มีปัญหาและทุกอย่างทำงานได้ดี สำหรับเกณฑ์มาตรฐาน OPPO A5 2020 มีคะแนนต่ำกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ บน AnTuTu โดยได้คะแนน 121180 และแพ้เพียง 20% ของมือถือส่วนใหญ่เท่านั้น โดยมีคะแนนมาตรฐานต่ำกว่า Redmi Note 7 series, Mi A3, Samsung Galaxy A50 และแน่นอน Realme 5 Pro

เครดิต : www.yugatech.com
เครดิต : www.yugatech.com

บน Geekbench 5 OPPO A5 2020 ได้คะแนน single-core ที่ 316 ในขณะที่คะแนนแบบ multi-core ได้ 1191 สมาร์ทโฟนนี้มาพร้อมกับ eMMC 5.1 Storage ซึ่งช้ากว่า UFS 2.1 และด้วยเหตุนี้เราจึงใช้ Androbench เพื่อทำการทดสอบเกณฑ์มาตรฐานการจัดเก็บข้อมูล ในการทดสอบ Androbench OPPO A5 2020 มีความเร็วในการอ่านต่อเนื่องสูงสุดถึง 486MB / s  ในขณะที่ความเร็วในการเขียนต่อเนื่องได้ถึง  198MB / s 

นอกจากนี้ OPPO A5 2020 ยังบรรจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000 mAH ซึ่งมีอายุการใช้งานได้นานถึง 1.5 วันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป นักเล่นเกมสามารถเล่นเกมได้นานถึง 9 ชั่วโมงบนอุปกรณ์นี้ อุปกรณ์มาพร้อมกับเครื่องชาร์จ 10 วัตต์ภายในกล่อง โดยมันมาพร้อมกับช่องเสียบการ์ด 3 ช่องซึ่งหมายความว่าคุณสามารถขยายพื้นที่เก็บข้อมูลของคุณผ่านการ์ด MicroSD ได้ ในส่วนของการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนมาพร้อมกับรองรับ Bluetooth 5.0, OTG และ Dual 4G VoLTE

กล้อง

จุดเด่นหลักของ OPPO A5 2020 คือการตั้งค่ากล้องสี่ตัวด้านหลัง การตั้งค่ากล้องด้านหลังที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์หลัก 12 ล้านพิกเซล f / 1.8, เซนเซอร์เลนส์กว้างพิเศษ 8 ล้านพิกเซล f / 2.25, เซ็นเซอร์ขาวดำ 2 ล้านพิกเซล f / 2.4 และอีก 2 ล้านพิกเซล f / 2.4 สำหรับเซนเซอร์ความลึก ด้านหน้ามีกล้อง 8 MP f / 2.0 สำหรับถ่ายเซลฟี่

กล้องนำเสนอโหมดมืออาชีพ, พาโนรามา, แนวตั้งและโหมดฉากกลางคืนสำหรับการถ่ายภาพที่ดีขึ้น เมื่อพูดถึงความสามารถของวิดีโอ สามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุด 4K @ 30fps, 1080P @ 30fps, 720P @ 30fps รองรับ EIS และใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่เราเคยเห็นใน OPPO Reno Series ความเสถียรทำงานได้ดีและคุณจะได้วิดีโอที่มีคุณภาพดี

เมื่อขยับไปที่คุณภาพของภาพจากกล้องถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมไม่ว่าคุณจะถ่ายในสถานการณ์ใดภาพจะคมชัดและบันทึกรายละเอียดได้จำนวนมาก ภาพที่มีแสงน้อยก็ดีเช่นกันและคุณจะได้เห็นรายละเอียดในจำนวนที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามเมื่อคุณสลับไปที่การซูม 5 เท่าภาพที่คุณได้จะเบลอ Ultra Night Mode 2.0 ทำงานได้ดีและคุณสามารถเห็นความแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบภาพกลางคืนปกติกับภาพที่ถ่ายโดยใช้โหมดกลางคืน

กล้องเซลฟี่ด้านหน้าก็ทำหน้าที่ได้ดีและมาพร้อมกับคุณสมบัติ AI Beautification มันปรับโทนสีผิวโดยอัตโนมัติและปรับการตั้งค่ากล้องตามสภาพแสงที่คุณกำลังถ่ายนอกจากนี้คุณยังสามารถทำการเปลี่ยนแปลงใบหน้า คาง ตา ของคุณโดยใช้แอพกล้องใน OPPO A5 2020 ได้แบบง่าย ๆ นั่นเอง

บทสรุป

OPPO A5 2020 เป็นสมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ทั่วไป มันไม่มีข้อบกพร่องที่สำคัญ แต่ก็ไม่ได้เสนอสิ่งที่มากกว่าเงินคุณที่จ่ายไป ยังมีสมาร์ทโฟน เช่น Realme 5 Pro, Redmi Note 7 Pro และ Vivo Z1 Pro ซึ่งเสนอสเป็คที่ดีกว่าในราคาใกล้เคียงกัน หากคุณกำลังมองหาสมาร์ทโฟนสำหรับเล่น PUBG หรือเกมหนักอื่น ๆ ยังไม่ค่อยแนะนำรุ่นนี้ซักเท่าไหร่ ในทางกลับกันหากคุณกำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับลำโพงที่ดี ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินกับการดูวิดีโอและมัลติทาสก์ได้อย่างง่ายดาย OPPO A5 2020 ถือเป็นคำตอบที่น่าสนใจสำหรับคุณครับ

โปรโมชั่นที่ดีที่สุดสำหรับ Oppo A5 2020

ตอนนี้ทาง Lazada ได้ออกโปรโมชั่นสำหรับมือถือมากมาย รวมถึง OPPO A5 2020 ซึ่งหากท่านกำลังมองหานั้น แนะนำ shopping ผ่าน lazada ได้เลยครับ รับประกันราคาถูกที่สุด แถมยังมีโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตมากมาย ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งครับ

มือถือรุ่นLazada Shop (ราคาพิเศษ)
OPPO A5 2020 Ram 3G + 64 GB คลิกเลย
OPPO A5 2020 Ram 4G + 128 GB คลิกเลย

References : https://www.gizmochina.com/product/oppo-a5-2020/ https://www.mobigyaan.com/oppo-reno-3-chipset-confirmed https://netguide.co.nz/story/hands-on-review-oppo-a5-2020 https://tabloidtekno.com/cara-mengganti-font-oppo-a5-2020/

3D Printing House กับการใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติแก้ปัญหาคนไร้บ้าน

New Story องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ได้ทำการแสดงข้อมูลของแผนการที่จะใช้เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติในการสร้างบ้านให้กับผู้มีรายได้น้อยในประเทศเม็กซิโก โดยได้ทำการเปิดตัวบ้านหลังแรกในโครงการ ซึ่งในท้ายที่สุดจะกลายเป็นชุมชนทั้งหมด 50 หลังในประเทศเม็กซิโก

New Story สร้างบ้านขนาด 500 ตารางฟุตโดยใช้ Vulcan II ซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่พัฒนาโดย Icon Partner project ซึ่งเป็น บริษัท เทคโนโลยีการก่อสร้างในเมือง Austin โดยบ้านสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ซึ่งแต่ละห้องจะใช้เวลาในการพิมพ์ประมาณ 24 ชั่วโมง

โดยครอบครัวที่จะย้ายเข้าไปในบ้านที่สร้างผ่านเครื่องพิมพ์ 3 มิติ จะเป็นครอบครัวที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนน้อยกว่า 80 ดอลลาร์ และในปัจจุบันหลายครอบครัวอาศัยอยู่ในกระท่อมแบบเรียบง่ายที่ไม่ได้รับการปกป้องอย่างเพียงพอ 

การสร้างบ้านด้วยเทคโนโลยี เครื่องพิมพ์ 3 มิติ
การสร้างบ้านด้วยเทคโนโลยี เครื่องพิมพ์ 3 มิติ

โดยในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง New Story Alexandria Lafci บอกกับ fastcompany.com ว่า ครอบครัวส่วนใหญ่ที่ได้รับการคัดเลือกมีกำหนดจะย้ายเข้าไปในชุมชุนที่สร้างผ่านเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งในบริเวณดังกล่าวแทบจะไม่เคยมีระบบประปาในร่มมาก่อนเลยด้วยซ้ำ เรากำลังสร้างชุมชนขึ้นมาใหม่

ตอนนี้บ้านหลังแรกได้ทำการสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่ง หากในสถานที่อื่น ๆ ที่มีประชากรที่มีรายได้ไม่เพียงพอในการยังชีพหรือไม่มีที่อยู่อาศัย ก็อาจได้รับการสนับสนุนในการสร้างบ้านที่ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติให้กับพวกเขาเหล่านั้น

“เรารู้สึกเหมือนเราได้รับการพิสูจน์แล้ว สิ่งนี้เป็นไปได้ การนำเครื่องนี้ลงไปในพื้นที่ชนบทในเม็กซิโกในแถบโซนแผ่นดินไหว และเราก็ประสบความสำเร็จในการพิมพ์บ้านหลังแรก ๆ นี้” CEO ของ New Story Bret Hagler บอกว่าบริษัทสามารถทำมันได้สำเร็จ ซึ่งเมื่อผู้คนมาเห็นมันด้วยตาตัวเอง พวกเขายังแทบจะไม่เชื่อว่าทำได้จริง เขากล่าวเสริมอีกว่า “ต่อไปนี้มันไม่ใช่ความคิดที่บ้าบออีกต่อไป เราสามารถทำให้มันเป็นจริงได้สำเร็จแล้ว”

ความเห็นเพิ่มเติมจากผู้เขียน

ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก กับการใช้เทคโนโลยี เครื่องพิมพ์สามมิติ ในการสร้างบ้านทั้งหลังออกมาได้สำเร็จ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่ส่งผลต่อการช่วยเหลือให้กับเหล่าคนไร้บ้าน หรือ ผู้มีรายได้น้อยเท่านั้น

แต่มันจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างแน่นอน Developer ต่าง ๆ ต้องหันมาสนใจในเทคโนโลนี เพราะมันสามารถที่จะสร้างบ้านขึ้นมาได้จริง ๆ อย่างที่ทางองค์กร New Story สร้างได้สำเร็จ ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตก็เป็นได้

References : https://www.fastcompany.com/90440406/the-worlds-first-3d-printed-neighborhood-now-has-its-first-houses

รีวิว Samsung Galaxy Note 10

รีวิว Samsung Galaxy Note 10 ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งมือถือเรือธงในฝัน สำหรับ ๆ หลาย ๆ คนเลยทีเดียว ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งเมื่อก่อน ก็เคยใช้ Samsung Galaxy Note มาก่อน และมีแผนที่จะเปลี่ยนไปใช้อยู่เหมือนกัน หลาย ๆ ท่านก็คงได้อ่าน รีวิว ของ Samsung Galaxy Note จากทาง Blogger ชาวไทยกันมาบ้างแล้ว มาดูความเห็นจาก Blogger ชั้นนำอย่าง tomsguide.com กันบ้างว่ามองมือถือรุ่นนี้เป็นอย่างไรกันบ้างครับ

Samsung ได้สร้างแบรนด์ Galaxy Note ขึ้นมาเพื่อสร้างโทรศัพท์มือถือจอใหญ่ที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับ Galaxy Note 10 ตัวใหม่นั่นก็คือขนาดที่เล็กลงอย่างน่าสนใจ

Note 10 นิ้วขนาด 6.3 นิ้วเป็นหนึ่งในโทรศัพท์มือถือจอใหญ่ขนาดกะทัดรัด ซึ่งก็ต้องขอบคุณหน้าจอ Infinity-O ที่แทบไม่มีฝาปิดให้เราได้เห็น แถมยังมีการปรับปรุง S-Pen หลายอย่าง คุณสมบัติการบันทึกวิดีโอรูปแบบใหม่และวิธีใหม่ในการทำ Mirror โทรศัพท์บนเพื่อใช้งานบน PC

อย่างไรก็ตามเราก็ต้องสูญเสียบางอย่างใน Samsung Galaxy Note 10 รุ่นใหม่นี้ ซึ่งมันจะไม่มีช่องเสียบหูฟังใน Note 10 รวมถึงช่องเสียบการ์ด microSD ก็หายไปเช่นกัน (แม้ว่าจะยังคงอยู่ในGalaxy Note 10 Plus ที่เป็นรุ่นขนาดใหญ่กว่า) หน้าจอของ Note 10 นั้นไม่คมเท่าของรุ่นก่อน แต่อย่างไรก็ดีมันเป็นเรื่องยากที่จะสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด

แม้ว่าขนาดเล็กกว่าด้วยราคาประมาณ 32,900 บาท แม้มันจะไม่ได้เป็นเครื่องที่สุดยอดที่สุด แต่มันได้กลายเป็นจุดขายสำหรับคนส่วนใหญ่ในแง่ของขนาดและรายละเอียดทางเทคนิค แนวคิดของ phablet ขนาดกะทัดรัด แต่จริงๆแล้วมันสมเหตุสมผลมากเมื่อเราใช้งานมัน และทำเป็นเหตุผลให้ Note 10 เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

รายละเอียด Galaxy Note 10

  • Galaxy Note 10 ไม่เพียงบางและเบากว่า Note 9 แต่เป็นโทรศัพท์ที่มีขนาดกะทัดรัดที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วยหน้าจอ 6.3 นิ้ว
  • Samsung ใช้กล้องส่วนใหญ่เหมือนกัน ซึ่งเมื่อเทียบกับ Galaxy S10 ด้วยเลนส์มุมกว้างแบบพิเศษและเทเลโฟโต้ แต่มันสามารถทำให้เอฟเฟ็กต์แบบ Live Focus กลายเป็นวิดีโอ
  • Exynos 9825 ภายใน Galaxy Note 10 มอบประสิทธิภาพที่น่าประทับใจแม้ว่าจะมีในโทรศัพท์ Android รุ่นอื่น ๆ ก็ตามที
  • ตอนนี้ S Pen สามารถแสดง Air Actions เช่น การเปลี่ยนโหมดกล้องด้วยมือของคุณได้ และยังสามารถแปลงลายมือให้กลายเป็นข้อความได้ แต่มันก็ดูไม่ค่อย smooth เท่าที่ควร
  • Samsung ตัดทั้งช่องเสียบหูฟังและช่องเสียบการ์ด microSD แต่ อย่างน้อยตัวหูฟัง USB-C ที่ให้มาก็ให้เสียงที่ดีเยี่ยม
  • Galaxy Note 10 Plus มีหน้าจอ 6.8 นิ้วที่ใหญ่กว่า, RAM ที่มากขึ้น, แบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าและกล้องหลังจำนวน 4 ตัว สำหรับการตรวจจับเชิงลึก แต่ก็ต้องเพิ่มเงินราว ๆ 5,000 บาท

Galaxy Note 10 ราคาและการวางจำหน่าย

Galaxy Note 10 มีวางจำหน่ายแล้วในราคา 32,900 บาท โดยมีจำหน่ายในทุกผู้ให้บริการรายใหญ่ของประเทศไทย

สามารถดูรายละเอียดเปรียบเทียบราคาได้ที่ –> รวมโปรโมชั่นจอง Samsung Galaxy Note 10 และ Note 10+

Galaxy Note 10 รายละเอียดทางเทคนิค

Galaxy Note 10
ราคา32,900
จอแสดงผลDynamic AMOLED 6.3 นิ้ว (2280×1080)
ซีพียูExynos 9825
RAM 8GB
Storage256GB
ช่องเสียบ microSD?ไม่มี
กล้องด้านหลัง16-MP กว้างพิเศษ (ƒ / 2.2); มุมกว้าง 12-MP (ƒ / 1.5-f / 2.4); เทเลโฟโต้ 12-MP (ƒ / 2.1)
กล้องหน้า10-MP (ƒ / 2.2)
แบตเตอรี่3,500 mAh
ระบบปฏิบัติการAndroid 9 Pie กับ Samsung OneUI
สีAura Glow, Aura Black, Aura Pink
ขนาด5.9 x 2.8 x .31 นิ้ว

การออกแบบ: โทรศัพท์ขนาดใหญ่สำหรับทุกคน

Galaxy Note 10 Plus (ซ้าย) และ Note 10 (ขวา)
(เครดิตภาพ: tomsguide.com)

Galaxy Note 10 เป็นหนึ่งในโทรศัพท์ที่โดดเด่นที่สุดในรอบปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้สี Aura Glow ซึ่งจากรูปตัวอย่างนั้นให้แสงสีเงินที่เปลี่ยนแปลงเฉดสีเมื่อแสงกระทบกับมุมในพื้นที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ได้ในสี Aura Black และ Aura Pink อีกด้วย

สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดเกี่ยวกับ Galaxy Note 10 คือความรู้สึกในมือของคุณ ที่ 6.3 นิ้ว Galaxy Note 10 มีหน้าจอเล็กกว่า Galaxy Note 9 ขนาด 6.4 นิ้วเล็กน้อย แต่บางกว่าและเบากว่ามาก 

Samsung ขนาดกำลังดีที่เบากว่า Note9 เพียงเล็กน้อย *** Aura White จะมีขายใน Galaxy Note 10 plus (เครดิตภาพ: Future)

ในความเป็นจริง phablet ใหม่ของ Samsung ไม่รู้สึกเหมือน phablet เลย เมื่อถือมันจะรู้สึกปกติ เพื่อความเข้าใจในมุมมอง Note 10 นั้นมีความยาวกว้างกว่า Pixel 3 เรือธงของ Google แต่มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า 0.8 นิ้วนั่นเอง

ซึ่งผลที่ได้คือการใช้งานที่สะดวกสบายอย่างน่าทึ่งถึงแแม้จะใช้มือเดียว หากคุณคำนึงถึงการเป็นเจ้าของโทรศัพท์ที่มักจะไถลไปในกระเป๋าของคุณ

Note 10 มีจอแสดงผลที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในขณะนี้ มีขอบขนาดเล็กซึ่งบางครั้งอาจไปสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจที่ขอบของจอแสดงผล

โดยรวมแล้วจากมุมมองการออกแบบนั้นถือว่าเป็นมือถือที่ลงตัวมาก ๆ  สำหรับสิ่งที่ขัดใจมองว่าอยู่ที่ ปุ่มเปิดปิดเครื่อง และปุ่มควบคุมระดับเสียงที่อยู่ทางด้านซ้ายของโทรศัพท์ ในขณะที่คนที่ถนัดขวา ต้องการให้มันอยู่ฝั่งตรงข้ามเสีย มากกว่า

(เครดิตรูปภาพ: Future)

และเนื่องจากสี Aura Glow นั้นเป็นกระจกเงาที่มีเอฟเฟกต์สายรุ้งที่มีความประณีตสูง หากมองที่ด้านหลังของโทรศัพท์ อาจจะให้เฉดของสีที่มีความเป็นจริงที่น้อยกว่าสีอื่น ๆ

แต่ถ้าเป็นคนประเภทที่ต้องเช็ดโทรศัพท์ด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์อยู่ตลอดเวลา อาจจะต้องเหนื่อยหน่อยกับสี Aura Glow ของ Note 10 ที่ต้องดูแลเป็นอย่างดีนั่นเอง

ส่วนของช่องเสียบหูฟังที่หายไป Samsung ตัดช่องเสียบขนาด 3.5 มิลลิเมตร ของทั้งสองรุ่น รวมถึงช่องเสียบการ์ด microSD เพื่อให้ได้การออกแบบที่เพรียวบาง แต่ Samsung ก็ได้แถมหูฟัง AKG ไว้ในกล่องที่สามารถใช้งานกับ USB Type-C ได้นั่นเอง

จอแสดงผล: กับการแสดงผลที่สว่างมาก

Galaxy Note 10 มีจอแสดงผล Infinity-O ขนาด 6.3 นิ้ว ซึ่งมีช่องเสียบอยู่ตรงกลางด้านบนของแผง 

การตัดกันของจอแสดงผลนั้นจะมีความชัดเจนมากเมื่อใช้แอพที่มีพื้นหลังสีขาว แม้ว่าเส้นผ่านศูนย์กลางของกล้องด้านหน้าของ Note นั้นจะเล็กกว่า S10  

(เครดิตรูปภาพ: Future)

และการปรับลด Spec หน้าจอจากรุ่น Note 9 เป็น Note 10 ซึ่งคุณภาพของหน้าจอ จะเป็นจอแสดงผล Dynamic AMOLED ความละเอียด 2280×1080 พิกเซล ซึ่งเป็น full HD + เทียบกับ 3040×1440, quad HD + Panel ใน Note 10 Plus 

แต่อย่างที่กล่าวว่าการลดลงของความละเอียดของหน้าจอนั้นเหมือนจะดูแย่ลงกว่าเดิม แต่ก็ไม่คิดว่าคนส่วนใหญ่จะสังเกตเห็นความแตกต่าง เพราะยังได้รับสีสันที่ยอดเยี่ยมและการรองรับ HDR10 + เช่นเดียวกับในรุ่นที่ใหญ่กว่า

ซึ่งความโดดเด่นของจอ Samsung Galaxy Note 10 คือ ความสว่างที่สร้างความแตกต่าง ที่ Note 10 สามารถส่องสว่างรายละเอียดที่มองไม่เห็นบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือรุ่นอื่น ๆ ได้ ในขณะที่ยังคงรักษาสีดำที่สมบูรณ์แบบที่คุณคาดหวังจากเทคโนโลยี AMOLED 

S Pen: กับคุณสมบัติเจ๋ง ๆ

(เครดิตรูปภาพ: Future)

S Pen ได้เพิ่มลูกเล่นใหม่ ๆ ใน Galaxy Note 10 ซึ่งหนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นของ S Pen คือความสามารถในการแปลงลายมือให้กลายเป็นข้อความ 

สำหรับ Note 10 ขณะนี้ซอฟต์แวร์ OneUI ของ Samsung เสนอตัวเลือกการแปลงข้อความและส่ง share ไปยังที่อื่น ๆ ได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถบันทึกเป็นข้อความและส่งไปยังเอกสาร Word, PDF หรือไฟล์ประเภทอื่นได้ง่าย ๆ  ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นคุณสมบัติที่ชาญฉลาดมาก ๆ ของ S Pen รุ่นใหม่นี้

ตัวอย่างเช่นหากคุณเขียนบันทึกหน้าจอหรือบันทึกย่ออย่างรวดเร็วนอกแอพ Samsung Notes คุณจะต้องแตะปุ่มบนหน้าจอเพื่อย้ายเอกสารนั้นไปที่แอพ Notes ก่อนที่คุณจะสามารถเริ่มแปลงคำและเอกสารทั้งหมด 

นอกจากนี้หากคุณต้องการแปลงการเขียนด้วยลายมือเป็นข้อความ ขณะเขียนเขียนคุณจะต้องเปิดแป้นพิมพ์ปัดไปที่หน้าแป้นพิมพ์ที่มีคุณสมบัติเพิ่มเติมและแตะไอคอนอื่นก่อนที่จะเริ่ม เขียนด้วยการถอดข้อความแบบ Realtime

(เครดิตรูปภาพ: Future)

ในขณะที่ Samsung ได้นำเสนอวิธีการมากมายในการใช้ S Pen ในการเขียนและในขณะที่การถอดข้อความจากการเขียนนั้นก็ทำงานได้ดี  แต่ก็ต้องย้ายแอพออกมาแยกต่างหากเพื่อที่จะสามารถแก้ไขและคัดลอกมันทำให้เกิดขั้นตอนเพิ่มเติมที่ไม่จำเป็นนั่นเอง

โชคดีที่คุณไม่ต้องใช้ความพยายามมากพอที่จะใช้ Air Actions ใหม่สำหรับ S Pen ตัวอย่าง เช่น คุณสามารถเปลี่ยนโหมดกล้องในแอพกล้องโดยเพียงแค่ปัดสไตลัสในอากาศในขณะที่คุณกดปุ่มและคุณสามารถซูมเข้าโดยหมุนเป็นวงกลมด้วย S Pen วิธีนี้ใช้ได้ผล แต่ต้องใช้เวลาสักพักเพื่อฝึกฝนให้ดี 

กล้อง: กับความเทพที่เพิ่มขึ้น

(เครดิตรูปภาพ: Future)

Samsung ตัดสินใจใช้เซ็นเซอร์กล้องตัวเดียวกันกับ Galaxy Note 10 ให้เหมือนกับ Galaxy S10 ซึ่งหมายความว่า ไม่ควรคาดหวังประสิทธิภาพที่ก้าวกระโดดเมื่อถ่ายภาพนิ่ง 

ด้านหลังของโทรศัพท์มีการตั้งค่ากล้องสามตัวที่มีมุมกว้าง ความละเอียดขนาด 12MP กล้องกว้างพิเศษที่ถ่ายภาพ 123 องศา และเลนส์เทเลโฟโต้ ความละเอียด 12MP ที่จัดการภาพบุคคลสร้างโบเก้เอฟเฟกต์และซูมออปติคอล 2x  ซึ่ง Galaxy Note 10 Plus นั้นได้นำเสนอเซ็นเซอร์ตัวที่สี่กล้องความลึกที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับการถ่ายภาพโบเก้และเอฟเฟกต์ความลึกที่ดีขึ้น

(เครดิตรูปภาพ: TomsGuide)
(เครดิตรูปภาพ: TomsGuide)

กล้องใน Note 10 นั้นเหมือนกับกล้องที่ใช้ Galaxy S10 ดังนั้นเราไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นรูปถ่ายที่ดูแตกต่างจากเรือธงของซัมซุงเป็นพิเศษ ในส่วนของเลนส์และการประมวลผลภาพที่เพิ่มการมองเห็นในที่แสงน้อย  ในภาพถ่ายคู่นี้ถ่ายจากภายใน Bryant Park ของนิวยอร์ก Note 10 ให้ภาพที่ดูดีกว่าโดยมีรายละเอียดที่ดีกว่าในเงามืด แต่มีจุดเด่นน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ Pixel 3

(เครดิตรูปภาพ: TomsGuide)
(เครดิตรูปภาพ: TomsGuide)

มุ่งหน้าไปสองสามช่วงตึกไปยัง Times Square เมื่อพบกับสถานการณ์ที่เล่นกับข้อดีของ Note 10 ได้ดีขึ้น การแสดงสีเขียวที่แปลกประหลาดในภาพ ไบรอันท์พาร์คของซัมซุงหายไป แต่ใน Note 10 นั้นทำงานได้ดีกว่าในการเปิดเผยความสมบูรณ์ของเฟรมได้มากกว่า Pixel 3 ของ Google มีแนวโน้มที่จะให้ภาพที่อุ่นกว่าและมืดกว่า แม้ว่าในกรณีนี้แสงของ Pixel นั้นดูเหมือนจะมืดเกินไปเมื่อเทียบกับสภาพจริง

(เครดิตรูปภาพ: TomsGuide)
(เครดิตรูปภาพ: TomsGuide)

เมื่อมองออกไปกลางถนนในบรู๊คลินตอนพลบค่ำ Note 10 นั้นดูเหมือนจะเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อม มีแสงอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วทุกมุมของการถ่ายภาพ และการขาดความคมชัดที่ชัดเจนในต้นไม้ รวมถึงพื้นผิวของแอสฟัลต์และรถยนต์ที่วิ่งไปตามถนน ส่วนของ Pixel 3 ที่ดูเหมือนจะสอดคล้องกันมากกว่า ซึ่งการทดสอบนี้จะไม่มีการปรับอุปกรณ์เป็นโหมดกลางคืนสำหรับการเปรียบเทียบนี้

(เครดิตรูปภาพ: TomsGuide)
(เครดิตรูปภาพ: TomsGuide)

อย่างไรก็ตามโหมดกลางคืนของโทรศัพท์แต่ละเครื่องนั้นใช้สำหรับการจับคู่ คู่นี้ใกล้กับจัตุรัสเฮรัลด์ของแมนฮัตตัน คุณจะเห็นได้ทันทีว่าการเรนเดอร์ Note 10 นั้นค่อนข้างอุ่นและนุ่มกว่าในพื้นที่สำคัญเดียวกัน เช่นด้านข้างของอาคารและพื้นผิวถนน การประมวลผลของ Samsung ช่วยลดการไฮไลท์เมื่อเปรียบเทียบกับ Google แม้ว่าในทางกลับกัน Pixel 3 จะช่วยหลีกเลี่ยงการเปล่งแสงที่เปล่งประกายจากหลอดไฟเหนือศีรษะได้มากกว่า เป็นอีกครั้งที่โทรศัพท์มือถือของ Google ให้สภาพบรรยากาศที่คมชัดและเป็นธรรมชาติมากกว่า  

(เครดิตรูปภาพ: TomsGuide)
(เครดิตรูปภาพ: TomsGuide)

ในที่สุดเมื่อเปรียบเทียบฟีเจอร์ Live Focus ของ Note 10 กับเอฟเฟกต์ชัดตื้นของ Pixel 3 นั้นชัดเจนว่า Samsung ยังคงมีงานต้องทำเพิ่มเติมในการถ่ายในแนวตั้ง ในขณะที่เงามืดลึก ๆ บนใบหน้านั้นให้มุมมองที่น่าทึ่งสำหรับการถ่ายภาพในร่มที่มีแสงสว่างเพียงพอ แต่ Note 10 นั้นดูเหมือนจะแสดงออกมา over เกินไปหน่อยทั้ง ผม, ผิวหนัง, เสื้อยืดและรอยสักของนายแบบล้วนผ่านเลนส์ของ Pixel ได้ดีกว่าอย่างชัดเจน

โดย Samsung หวังว่า Note 10 จะแสดงความโดดเด่นในเรื่องของวิดีโอ เมื่อใช้โหมด Live Focus สำหรับวิดีโอซึ่งให้คุณสามารถเบลอพื้นหลังและเพิ่มเอฟเฟกต์พิเศษ เช่นการปรับสีเฉพาะวัตถุในขณะที่ยังคงพื้นหลังเป็นขาวดำได้นั่นเอง

คุณสมบัติวิดีโอใหม่แม้จะยังไม่เป็นระดับมืออาชีพอย่างที่ซัมซุงกล่าวไว้ ถึงแม้ว่ามันจะทำงานได้ดี การถ่ายวิดีโอที่มีฉากหลังเบลอ และดูดีพอสำหรับหน้าจอขนาดเล็ก และการแก้ไขคลิปเหล่านี้เป็นเรื่องง่ายด้วย S Pen และโปรแกรมตัดต่อวิดีโอที่ออกแบบใหม่ของ Samsung ซึ่งทำให้ง่ายต่อการตัดแต่งคลิปและทำงานอื่น ๆ ด้วยความแม่นยำมากกว่าการใช้นิ้วเพียงอย่างเดียวนั่นเอง

ประสิทธิภาพ: ในบรรดา Android ที่ดีที่สุด

Galaxy Note 10 เป็นหนึ่งในโทรศัพท์ Android ที่เร็วที่สุด  นั่นเป็นเพราะโทรศัพท์นี้ใช้พลังงานจาก Exynos 9825 ไม่ได้ใช้ CPU 855+ที่มากับโทรศัพท์มือถือเรือธงยี่ห้ออื่น ๆ เช่น Asus ROG 2 Phone ซึ่งให้ความเร็วที่สูงกว่า

อย่างไรก็ตาม Galaxy Note 10 เป็นหนึ่งในกลุ่มโทรศัพท์ขนาดเล็ก (รวมถึง OnePlus 7 Pro ) เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล UFS 3.0 สำหรับการอ่านและเขียนความเร็วของ Snappier คุณจะได้รับมาตรฐานการจัดเก็บพื้นที่ Storage ขนาด 256GB พร้อมด้วย RAM 8GB รุ่น Plus บรรจุ RAM ขนาด 12GB ถึงแม้ว่า 8GB นั้นเพียงพอแล้ว

(เครดิตรูปภาพ: Future)

Note 10 ทำงานได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเรือธงของ Apple ในเกณฑ์มาตรฐานกราฟิกของ 3DMark โดย ได้คะแนน 5,374 คะแนนดีกว่า 4,339 จาก XS Max อย่างไรก็ตามโทรศัพท์ Android อื่น ๆ รวมถึง Note 10 Plus (5,781), OnePlus 7 Pro (5,581) และแม้แต่ Galaxy S10 Plus (5,648) ก็อยู่ในระดับที่มีประสิทธิภาพสูงแทบจะทั้งสิ้นนั่นเอง

DeX สำหรับพีซี: ความคิดที่ดีที่ต้องมีการทำงานเพิ่มเติม

และหากคุณชอบแนวคิดการใช้ Note 10 ของคุณบนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น Samsung ช่วยให้การทำงานของ DeX นั้นง่ายขึ้น สิ่งที่คุณต้องมีคือสาย USB Type-C ที่ให้มาพร้อมกับโทรศัพท์รวมถึงแอพ DeX สำหรับพีซี Windows หรือ Mac ของคุณและคุณสามารถเรียกใช้แอปพลิเคชัน Android บนหน้าจอคอมพิวเตอร์และจัดการไฟล์ของคุณผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งมีอินเตอร์เฟซเฉพาะบนหน้าจอขนาดใหญ่

(เครดิตภาพ: tomsguide.com)

ความสามารถในการใช้ DeX ที่ไม่มี DeX Station เฉพาะของ Samsung นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ Galaxy Note 9 ของปีที่แล้วรองรับการเรียกใช้ซอฟต์แวร์บนจอแสดงผลภายนอกโดยใช้สายเคเบิล USB-C-to-HDMI โอกาสในการเปลี่ยน Note ของคุณให้กลายเป็นเวิร์คสเตชั่นชั่วคราวที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าสายเคเบิลซึ่งดูเหมือนเป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมของ DeX

ในทางทฤษฎีแล้วความสามารถในการเข้าถึง DeX โดยการเสียบ Note 10 ของคุณเข้ากับพีซีของคุณควรเร่งการจัดการไฟล์ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตามประสบการณ์ของเรากับซอฟต์แวร์นั้นไม่ราบรื่นอย่างที่เราหวังไว้

ในขณะนี้การเรียกใช้ DeX ที่หน้าต่างในพีซีนั้นเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างล่าช้าและคุณภาพต่ำโดยมีข้อจำกัด แปลก ๆ ตัวอย่างเช่นขณะนี้คุณสามารถย้ายไฟล์จากคอมพิวเตอร์ของคุณไปยัง phablet ได้โดยการลากไฟล์เหล่านั้นไปไว้บนเดสก์ท็อป เป็นต้น

บทสรุป

ผู้ใช้ระดับสูงและเน้นสเปคนั้นน่าจะพอใจกับ Galaxy Note 10 ที่อาจจะต้อแลกด้วยแบตเตอรี่ที่เล็กลงเพียงเล็กน้อยรวมถึงการสูญเสียทั้งแจ็คหูฟังและที่เก็บ microSD ไปก็ตาม แต่อย่างว่า iPhone นั้นได้สร้างมาตรฐานใหม่ของเรื่องนี้ไว้นานแล้ว

ต้องบอกว่า Galaxy Note 10 ถือเป็นโทรศัพท์จอใหญ่ ที่ให้ประสิทธิภาพที่เร็วกว่าเดิม กล้องที่ดีขึ้นและลูกเล่น S Pen ใหม่ แม้บางคนจะเสียใจที่ไม่ได้ใส่ช่องเสียบการ์ดหน่วยความจำ แต่พื้นที่ในตัว 256GB นั้นมีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะเก็บสิ่งต่าง ๆ แล้วในยุคปัจจุบัน และแน่นอนว่า ใครเป็นแฟน Galaxy Note ก็ไม่ควรที่จะพลาดกับมือถือรุ่นใหม่นี้ครับผม

โปรโมชั่นที่ดีที่สุดสำหรับ Note 10

ตอนนี้ทาง Lazada ได้ออกโปรโมชั่นสำหรับมือถือมากมาย รวมถึง Samsung Galaxy Note 10 ซึ่งหากท่านกำลังมองหานั้น แนะนำ shopping ผ่าน lazada ได้เลยครับ รับประกันราคาถูกที่สุด แถมยังมีโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตมากมาย ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งครับ

มือถือรุ่นLazada Shop (ราคาพิเศษ)
Samsung Galaxy Note 10คลิกเลย
Samsung Galaxy Note 10 +คลิกเลย
อุปกรณ์ DeX Station คลิกเลย

References : https://www.tomsguide.com

ประวัติ Michael Dell ตอนที่ 8 : Direct Sales Revolution

Michael นั้นรอคอยอยู่เสมอว่า พัฒนาการใหม่ ๆ แบบไหนที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดที่พลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ได้อีกครั้งหนึ่ง และตัวเขาเองมองว่า การที่ Dell จะกลายเป็นบริษัทชั้นนำได้นั้น ต้องสามารถที่จะรับมือการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเหล่านี้ได้ เขารู้แน่ ๆ ว่ามันต้องเกิดขึ้น แต่ตอนนั้นเพียงแค่ยังไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหน และเมื่อไหร่เท่านั้นเอง

และในที่สุด เทคโนโลยีที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไปตลอดกาล ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ซึ่งเทคโนโลยีทีว่านั่น ก็คือ อินเทอร์เน็ตนั่นเอง

อินเทอร์เน็ตนั้น ทำให้เหล่าลูกค้าสามารถที่จะค้นหาข้อมูลทุกอย่างที่ต้องการได้ ผ่านคอมพิวเตอร์ได้แบบตลอด 24 ชม. และแน่นอนว่ามันเข้าถึงได้ทุกคน อินเทอร์เน็ตทำให้เหล่ากลุ่มคนหัวก้าวหน้านั้นหันมาสนใจ และที่สำคัญคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มลูกค้าที่ Dell ขายสินค้าให้อยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่า Michael นั้นรู้ทันทีว่า บรรดาลูกค้าเก่า รวมถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเขานั้น จะตรงเข้าไปที่อินเทอร์เน็ตเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน

และตัว Michael นั้นก็รู้ดีตั้งแต่แรกแล้วว่า อินเทอร์เน็ตนั้นจะเป็นช่องที่ทำให้พวกเขาเข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพได้อย่างไร้ขีดจำกัด และเป็นการสร้างแบรนด์ให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น เขาต้องเข้าไปสู่ตลาดที่ศักยภาพแห่งนี้ให้สำเร็จเป็นรายแรก ๆ ให้ได้

ในเดือนมิถุนายม ปี 1994 Dell ได้ทำการเปิดตัวเว๊บไซต์ www.dell.com ซึ่งมีการนำข้อมูลต่าง ๆ ของเครื่อง PC และที่อยู่ email ที่เกี่ยวข้องกับการ support ลูกค้าขึ้นไปไว้บนอินเทอร์เน็ต โดยหลังจากนั้นอีก 1 ปีถัดมา ก็ได้เพิ่มบริการให้ลูกค้าสามารถสั่งประกอบคอมพิวเตอร์ได้ตามต้องการ

เว๊บไซต์ของ Dell ในยุคแรก ๆ
เว๊บไซต์ของ Dell ในยุคแรก ๆ

ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาในเว๊บไซต์ สามารถเลือกเพิ่มส่วนประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Ram Disk Display Card, Modem , Network card หรือแม้กระทั่งลำโพง ได้ทุกอย่างตามที่เขาต้องการ และในท้ายที่สุดมันจะคำนวณราคาออกมาให้กับพวกเขาได้แบบทันที

Direct Sales Revolution

ต้องบอกว่าการขายเครื่องผ่านระบบออนไลน์ด้วยเว๊บไซต์ www.dell.com ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของ Dell ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาเลยก็ว่าได้ Michael นั้นได้รับความช่วยเหลือจาก Scott Eckert ซึ่งเป็นผู้ช่วยกรรมการในขณะนั้น และกลายมาเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการพัฒนาระบบออนไลน์ของ Dell ในภายหลัง

และแน่นอนว่า อินเทอร์เน็ต นั้นเกิดขึ้นมาเพื่อส่งเสริมระบบ Direct Sales ของ Dell ที่เป็นจุดเด่นอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ Dell นั้นใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่ลูกค้าต้องการนั้นสามารถค้นหาได้อย่างรวดเร็ว ราคาถูก และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมมาก ๆ

Scott Eckert ผู้มีบทบาทสำคัญในระบบออนไลน์ของ Dell
Scott Eckert ผู้มีบทบาทสำคัญในระบบออนไลน์ของ Dell

และมันตรงกับความต้องการของ Michael ที่ต้องการลดขนาดโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทลงพอดิบพอดี วิธีสั่งของแบบตัวต่อตัวที่เกิดจากโลกอินเทอร์เน็ตนั้น ทำให้สามารถเพิ่มยอดขายโดยแทบจะไม่ต้องเพิ่มจำนวนพนักงานแต่อย่างใด

เมื่อ Michael นั้นมองว่าระบบสั่งออนไลน์เริ่มที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอแล้ว เขาจึงได้ตัดสินใจเริ่มทุ่มทุนในการโฆษณาทันที ซึ่งแน่นอนว่าทำให้ Dell ได้เจอกับกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ที่พวกเขาแทบไม่เคยเจอมาก่อน โดยเมื่อถึงช่วงสิ้นปี 1996 Dell สามารถทำยอดขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ถึง 1 ล้านเหรียญต่อวัน

ด้วยระบบการส่งตรงที่เป็นทุนเดิมมาอยู่แล้วนั้น ทำให้ Dell ได้เปรียบทันทีเมื่อเข้าสู่โลกของอินเทอร์เน็ต ซึ่งพวกเขาสามารถทำกำไรได้ทันที ต้องเรียกได้ว่าเป็นเว๊บไซต์ ecommerce แรก ๆ ของโลกที่สามารถทำกำไรได้ทันทีเมื่อเข้าสู่ยุคของการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต

ซึ่งแม้ในช่วงนั้นเว๊บไซต์ดัง ๆ อย่าง Amazon กำลังเกิดขึ้น และเริ่มสร้างรายได้มหาศาล แต่พวกเขาก็ไม่ใช่ธุรกิจที่สามารททำกำไรได้ เหมือนอย่างที่ Dell ทำสำเร็จ เมื่อเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าทำให้ Dell ก็ได้กลายเป็นผู้นำในตลาดนี้ได้สำเร็จในที่สุด

เป้าหมายอีกอย่างของ Michael ก็คือ เขาต้องการให้ Dell สามารถทำยอดขายจากระบบออนไลน์ให้ได้เกิน 50% และเพื่อทำให้เป้าหมายนั้นเกิดขึ้นจริงได้ Michael จึงสั่งการให้ทุก ๆ ส่วนของบริษัทนั้นให้มาใช้บริการบนระบบอินเทอร์เน็ต

มีการส่งเสริมให้อินเทอร์เน็ตเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานในทุก ๆ แผนกของ Dell ซึ่ง Michael ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ ในการนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ร่วมกับระบบข้อมูลข่าวสารของบริษัททั้งหมด เพื่อทำให้การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า และผู้จัดส่งชิ้นส่วนนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

แน่นอนว่าในช่วงแรกนั้นธุรกิจของ Dell บนอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่จะโฟกัสไปที่ลูกค้าขนาดเล็ก และ ขนาดกลางเท่านั้น เนื่องจากลูกค้ากลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่นั้น ยังมีระบบการจัดซื้อแบบโบราณมาก ๆ และเป็นเรื่องยากที่จะมาซื้อขายกันผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่ต้องตัดสินใจ ณ ขณะนั้นทันที

วิธีการแก้ปัญหาของ Dell คือ การออกแบบเว๊บไซต์แบบพิเศษสำหรับลูกค้ารายใหญ่แต่ละรายบนเว๊บไซต์แทน โดยเรียกมันว่า “Premier Page” ซึ่งจะมีการติดต่อกันด้วยรหัสลับพิเศษ เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการของ Dell โดยเฉพาะ และสามารถตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น รายการสินค้าคงคลัง ภูมิภาค สถานที่ และการให้บริการ เป็นต้น และทุก ๆ อย่างจะสามารถตรวจสอบได้ทันทีผ่านระบบอินเทอร์เน็ตนั่นเอง

แต่ต้องบอกว่าสำหรับ Dell นั้นการค้าในระบบ Ecommerce ผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งการที่ Michael สามารถมองเห็นได้ทันทีว่าอินเทอร์เน็ตจะกลายเป็นส่วนสำคัญต่อกลยุทธ์ของบริษัท ทำให้ Dell เริ่มมองเห็นข้อมูลในลักษณะที่แตกต่างไปจากคู่แข่งอื่น ๆ

ซึ่งจากการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต แทนที่เขาจะพยายามป้องกันฐานข้อมูลที่ Dell เก็บข้อมูลมานานหลายปี แต่พวกเขากลับเลือกที่จะชักจูงให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์นั้นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในระบบนี้แทน ซึ่งการเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อทำให้การส่งผ่านข้อมูลระหว่างบริษัทนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งต้องบอกว่า Dell นั้นถือเป็นต้นแบบสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของการทำธุรกิจในเศรษฐกิจดิจิตอลตั้งแต่ยุคแรก ๆ ก็ว่าได้

ต้องบอกว่าการที่ Dell สามารถก้าวมาได้ถึงจุดนี้นั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญแต่อย่างใด Michael ล้วนแล้วแต่สร้างกลยุทธ์ที่สำคัญที่มีผลต่อบริษัทเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งตรง การบริการลูกค้า การสร้างสินค้าที่มีคุณภาพ รวมถึงการกระโจนเข้าสู่ธุรกิจ Ecommerce เป็นรายแรก ๆ แต่พวกเขายังมีอีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญ คือ การก้าวขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดในการผลิตคอมพิวเตอร์ในระดับโลกให้ได้ แล้วพวกเขาจะสามารถทำได้สำเร็จหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 9 : Moving Beyond (ตอนจบ)

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Life’s Choices *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

References : https://www.interesticle.com/entertainment/10-richest-people-who-did-not-finish-college/3