ประวัติ Michael Dell ตอนที่ 8 : Direct Sales Revolution

Michael นั้นรอคอยอยู่เสมอว่า พัฒนาการใหม่ ๆ แบบไหนที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดที่พลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ได้อีกครั้งหนึ่ง และตัวเขาเองมองว่า การที่ Dell จะกลายเป็นบริษัทชั้นนำได้นั้น ต้องสามารถที่จะรับมือการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเหล่านี้ได้ เขารู้แน่ ๆ ว่ามันต้องเกิดขึ้น แต่ตอนนั้นเพียงแค่ยังไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหน และเมื่อไหร่เท่านั้นเอง

และในที่สุด เทคโนโลยีที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไปตลอดกาล ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ซึ่งเทคโนโลยีทีว่านั่น ก็คือ อินเทอร์เน็ตนั่นเอง

อินเทอร์เน็ตนั้น ทำให้เหล่าลูกค้าสามารถที่จะค้นหาข้อมูลทุกอย่างที่ต้องการได้ ผ่านคอมพิวเตอร์ได้แบบตลอด 24 ชม. และแน่นอนว่ามันเข้าถึงได้ทุกคน อินเทอร์เน็ตทำให้เหล่ากลุ่มคนหัวก้าวหน้านั้นหันมาสนใจ และที่สำคัญคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มลูกค้าที่ Dell ขายสินค้าให้อยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่า Michael นั้นรู้ทันทีว่า บรรดาลูกค้าเก่า รวมถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเขานั้น จะตรงเข้าไปที่อินเทอร์เน็ตเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน

และตัว Michael นั้นก็รู้ดีตั้งแต่แรกแล้วว่า อินเทอร์เน็ตนั้นจะเป็นช่องที่ทำให้พวกเขาเข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพได้อย่างไร้ขีดจำกัด และเป็นการสร้างแบรนด์ให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น เขาต้องเข้าไปสู่ตลาดที่ศักยภาพแห่งนี้ให้สำเร็จเป็นรายแรก ๆ ให้ได้

ในเดือนมิถุนายม ปี 1994 Dell ได้ทำการเปิดตัวเว๊บไซต์ www.dell.com ซึ่งมีการนำข้อมูลต่าง ๆ ของเครื่อง PC และที่อยู่ email ที่เกี่ยวข้องกับการ support ลูกค้าขึ้นไปไว้บนอินเทอร์เน็ต โดยหลังจากนั้นอีก 1 ปีถัดมา ก็ได้เพิ่มบริการให้ลูกค้าสามารถสั่งประกอบคอมพิวเตอร์ได้ตามต้องการ

เว๊บไซต์ของ Dell ในยุคแรก ๆ
เว๊บไซต์ของ Dell ในยุคแรก ๆ

ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาในเว๊บไซต์ สามารถเลือกเพิ่มส่วนประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Ram Disk Display Card, Modem , Network card หรือแม้กระทั่งลำโพง ได้ทุกอย่างตามที่เขาต้องการ และในท้ายที่สุดมันจะคำนวณราคาออกมาให้กับพวกเขาได้แบบทันที

Direct Sales Revolution

ต้องบอกว่าการขายเครื่องผ่านระบบออนไลน์ด้วยเว๊บไซต์ www.dell.com ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของ Dell ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาเลยก็ว่าได้ Michael นั้นได้รับความช่วยเหลือจาก Scott Eckert ซึ่งเป็นผู้ช่วยกรรมการในขณะนั้น และกลายมาเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการพัฒนาระบบออนไลน์ของ Dell ในภายหลัง

และแน่นอนว่า อินเทอร์เน็ต นั้นเกิดขึ้นมาเพื่อส่งเสริมระบบ Direct Sales ของ Dell ที่เป็นจุดเด่นอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ Dell นั้นใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่ลูกค้าต้องการนั้นสามารถค้นหาได้อย่างรวดเร็ว ราคาถูก และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมมาก ๆ

Scott Eckert ผู้มีบทบาทสำคัญในระบบออนไลน์ของ Dell
Scott Eckert ผู้มีบทบาทสำคัญในระบบออนไลน์ของ Dell

และมันตรงกับความต้องการของ Michael ที่ต้องการลดขนาดโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทลงพอดิบพอดี วิธีสั่งของแบบตัวต่อตัวที่เกิดจากโลกอินเทอร์เน็ตนั้น ทำให้สามารถเพิ่มยอดขายโดยแทบจะไม่ต้องเพิ่มจำนวนพนักงานแต่อย่างใด

เมื่อ Michael นั้นมองว่าระบบสั่งออนไลน์เริ่มที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอแล้ว เขาจึงได้ตัดสินใจเริ่มทุ่มทุนในการโฆษณาทันที ซึ่งแน่นอนว่าทำให้ Dell ได้เจอกับกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ที่พวกเขาแทบไม่เคยเจอมาก่อน โดยเมื่อถึงช่วงสิ้นปี 1996 Dell สามารถทำยอดขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ถึง 1 ล้านเหรียญต่อวัน

ด้วยระบบการส่งตรงที่เป็นทุนเดิมมาอยู่แล้วนั้น ทำให้ Dell ได้เปรียบทันทีเมื่อเข้าสู่โลกของอินเทอร์เน็ต ซึ่งพวกเขาสามารถทำกำไรได้ทันที ต้องเรียกได้ว่าเป็นเว๊บไซต์ ecommerce แรก ๆ ของโลกที่สามารถทำกำไรได้ทันทีเมื่อเข้าสู่ยุคของการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต

ซึ่งแม้ในช่วงนั้นเว๊บไซต์ดัง ๆ อย่าง Amazon กำลังเกิดขึ้น และเริ่มสร้างรายได้มหาศาล แต่พวกเขาก็ไม่ใช่ธุรกิจที่สามารททำกำไรได้ เหมือนอย่างที่ Dell ทำสำเร็จ เมื่อเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าทำให้ Dell ก็ได้กลายเป็นผู้นำในตลาดนี้ได้สำเร็จในที่สุด

เป้าหมายอีกอย่างของ Michael ก็คือ เขาต้องการให้ Dell สามารถทำยอดขายจากระบบออนไลน์ให้ได้เกิน 50% และเพื่อทำให้เป้าหมายนั้นเกิดขึ้นจริงได้ Michael จึงสั่งการให้ทุก ๆ ส่วนของบริษัทนั้นให้มาใช้บริการบนระบบอินเทอร์เน็ต

มีการส่งเสริมให้อินเทอร์เน็ตเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานในทุก ๆ แผนกของ Dell ซึ่ง Michael ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ ในการนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ร่วมกับระบบข้อมูลข่าวสารของบริษัททั้งหมด เพื่อทำให้การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า และผู้จัดส่งชิ้นส่วนนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

แน่นอนว่าในช่วงแรกนั้นธุรกิจของ Dell บนอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่จะโฟกัสไปที่ลูกค้าขนาดเล็ก และ ขนาดกลางเท่านั้น เนื่องจากลูกค้ากลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่นั้น ยังมีระบบการจัดซื้อแบบโบราณมาก ๆ และเป็นเรื่องยากที่จะมาซื้อขายกันผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่ต้องตัดสินใจ ณ ขณะนั้นทันที

วิธีการแก้ปัญหาของ Dell คือ การออกแบบเว๊บไซต์แบบพิเศษสำหรับลูกค้ารายใหญ่แต่ละรายบนเว๊บไซต์แทน โดยเรียกมันว่า “Premier Page” ซึ่งจะมีการติดต่อกันด้วยรหัสลับพิเศษ เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการของ Dell โดยเฉพาะ และสามารถตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น รายการสินค้าคงคลัง ภูมิภาค สถานที่ และการให้บริการ เป็นต้น และทุก ๆ อย่างจะสามารถตรวจสอบได้ทันทีผ่านระบบอินเทอร์เน็ตนั่นเอง

แต่ต้องบอกว่าสำหรับ Dell นั้นการค้าในระบบ Ecommerce ผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งการที่ Michael สามารถมองเห็นได้ทันทีว่าอินเทอร์เน็ตจะกลายเป็นส่วนสำคัญต่อกลยุทธ์ของบริษัท ทำให้ Dell เริ่มมองเห็นข้อมูลในลักษณะที่แตกต่างไปจากคู่แข่งอื่น ๆ

ซึ่งจากการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต แทนที่เขาจะพยายามป้องกันฐานข้อมูลที่ Dell เก็บข้อมูลมานานหลายปี แต่พวกเขากลับเลือกที่จะชักจูงให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์นั้นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในระบบนี้แทน ซึ่งการเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อทำให้การส่งผ่านข้อมูลระหว่างบริษัทนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งต้องบอกว่า Dell นั้นถือเป็นต้นแบบสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของการทำธุรกิจในเศรษฐกิจดิจิตอลตั้งแต่ยุคแรก ๆ ก็ว่าได้

ต้องบอกว่าการที่ Dell สามารถก้าวมาได้ถึงจุดนี้นั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญแต่อย่างใด Michael ล้วนแล้วแต่สร้างกลยุทธ์ที่สำคัญที่มีผลต่อบริษัทเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งตรง การบริการลูกค้า การสร้างสินค้าที่มีคุณภาพ รวมถึงการกระโจนเข้าสู่ธุรกิจ Ecommerce เป็นรายแรก ๆ แต่พวกเขายังมีอีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญ คือ การก้าวขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดในการผลิตคอมพิวเตอร์ในระดับโลกให้ได้ แล้วพวกเขาจะสามารถทำได้สำเร็จหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไปครับผม

–> อ่านตอนที่ 9 : Moving Beyond (ตอนจบ)

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 :Life’s Choices *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

References : https://www.interesticle.com/entertainment/10-richest-people-who-did-not-finish-college/3

Movie Review : นาจา (Ne Zha)

ถือเป็นอีกหนึ่งในหนัง Animation ที่น่าสนใจเลยทีเดียวสำหรับ นาจา (Ne Zha) ที่กำลังเข้าโรงฉายอยู่ในขณะนี้ ที่สำคัญ มันไม่เป็นหนัง Animation จาก Hollywood เพราะ นาจาเป็นผลงานการสร้างจาก สตูดิโอในประเทศจีน และกำลังกวาดรายได้ทั่วโลกมหาศาลอยู่ในตอนนี้

ต้องบอกว่า ภาพยนตร์เรื่อง “นาจา” (Ne Zha) เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสงครามของเทพเจ้าที่โชคชะตาพลิกผันให้ตกอยู่ในร่างของมาร ที่เขาต้องต่อสู้ ฝ่าฟันกับชะตากรรม และยืนหยัดด้วยจิตใต้สำนึกแห่งความดีจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต

สำหรับเรื่องย่อของ นาจา นั้น เริ่มต้นขึ้น เมื่อพลังแห่งสวรรค์ และโลกได้ให้กำเนิดไข่มุกพลังวัตรที่หลอมรวมพลังมหาศาลไว้ด้วยกัน “หยวนสือเทียนจุน” เทพผู้เป็นใหญ่ที่สุดในสวรรค์จึงสกัดไข่มุกนั้นออกเป็นสองลูก ลูกหนึ่งกลายเป็นไข่มุกสวรรค์ ส่วนอีกลูกเป็นโอสถปีศาจ ก่อนจะนำพวกมันไปเก็บไว้ในบัววิเศษเจ็ดสี

โดยไข่มุกสวรรค์ถูกกำหนดให้จุติเป็นมนุษย์ที่จะมีส่วนในการก่อตั้งราชวงศ์โจว ในขณะที่โอสถปีศาจถูกลิขิตให้จุติเป็นปีศาจร้ายที่จะมาทำลายล้างโลก เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หยวนสือเทียนจุน จึงได้ร่ายาถาฟ้าพิโรธใส่โอสถปีศาจเพื่อให้มันถูกทำลายภายในเวลาสามปี

และ ตัว “เทพไท่อี่” ที่ได้รับบัญชาให้นำไข่มุกสวรรค์ไปจุติในครอบครัวของ “แม่ทัพหลี่จิ้ง” เพื่อให้กำเนิดบุตรขึ้นมาและตั้งชื่อว่า “นาจา” แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อพญามังกรได้สลับไข่มุกสวรรค์กับโอสถปีศาจแทน

ทำให้ตัว นาจา จึงถือกำเนิดขึ้นมาด้วยพลังโอสถปีศาจ จากลิขิตสวรรค์ที่จะต้องเกิดมาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ กลับกลายเป็นพญามารผู้ที่จะมาก่อภัยพิบัติขึ้นซะเอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นทั้งหมดของหนังฟอร์มยักษ์เรื่องนี้นั่นเอง

แม้ตัวผมเองโดยส่วนตัว ก็ไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนัง หรือนวนิยายจีนอยู่แล้ว แต่ต้องบอกว่า สำหรับเรื่อง นาจา นั้น ทำผลงานได้ดีเกินกว่าที่ผมคาดไว้มาก

อย่างแรกก็คงเป็นเรื่องของคุณภาพของ Animation ที่สามารถที่จะสู้กับหนัง Animation จาก Hollywood ได้อย่างสบายเลยทีเดียว รวมถึง special effect ต่าง ๆ ที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ

งานด้านภาพของต้อกบอกว่ามีความล้ำหน้าไปกว่าที่คิดไว้มาก ฉากแต่ละฉากนั้นดูสวยงามสมจริง งานละเอียด  เหมือนดูภาพวาดสวยๆ ที่ให้เสน่ห์แบบตะวันออกได้อย่างงดงามเลยทีเดียว

ส่วนของบท เนื่องจากผมก็ไม่ได้เป็นแฟนนวนิยาย แต่เมื่อได้มาดูก็ต้องบอกว่า ทำออกมาได้ดีมากเช่นเดียวกัน เป็นหนังที่ไม่เบื่อเลย มีการดำเนินเรื่องที่มีความน่าสนใจ ไม่แพ้หนังจาก Hollywood เลยทีเดียว แม้จะเป็นนวนิยายจากประเทศจีนก็ตามที ซึ่งคนที่ไม่ได้ตามนวนิยายของจีน มาดูก็สนุกได้เหมือนกัน

ต้องเรียกได้ว่าตอนนี้หนังจากจีนนั้นได้ยกระดับคุณภาพ โดยเฉพาะการสร้างขึ้นมาเกือบที่จะเทียบเท่าฝั่ง Hollywood แล้วก็ว่าได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่เคย รีวิวเรื่อง Jade Dynasty นั้นก็ค่อนข้างประทับใจกับผลงานการสร้างของจีนมาก ๆ

ใครที่ยังติดภาพเก่าๆ ของหนังจีน ผมแนะนำให้ลองเปิดใจไปดูได้เลย โดยเฉพาะ Animation เรื่องนี้อย่าง นาจา ที่ เป็นหนังสไตล์การ์ตูนที่มีส่วนผสมที่ลงตัวมากระหว่างความเป็นตะวันออกของจีนกับงานสร้างระดับ inter ที่ คุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับผม

Geek Talk EP4 : Marriage Story กับหนังที่ดีที่สุดสำหรับผมในปีนี้

ต้องบอกว่า Marriage Story จะเป็นหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตแต่งงาน ที่จะได้รับการจารึกต่อไปอีกหลายปีต่อจากนี้ เรียกได้ว่าหนังมีคุณสมบัติทุกอย่างที่จะกลายเป็นหนังคลาสสิกตลอดกาลอีกหนึ่งเรื่อง

และอาจจะได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดของทศวรรษเลยก็ว่าได้ กับเรื่องราวชีวิตคู่ที่แสนโศกเศร้าสุดขมขื่น และเส้นทางชีวิตที่ต้องแยกจากกันเพื่อที่จะให้ทั่งคู่ได้พบกับความสุขนั่นเองครับ เป็นหนังที่ห้ามพลาดเด็ดขาด ส่วนตัวคิดว่าเป็นหนังที่ดีที่สุดในปีนี้แล้วเท่าที่ได้ดูมาครับ

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : http://bit.ly/2S0e3bH

ฟังผ่าน Apple Podcast :   https://apple.co/2lEqPPg

ฟังผ่าน Google Podcast :  http://bit.ly/2tfsYnO

ฟังผ่าน Spotify : https://spoti.fi/2YZF9Bf

ฟังผ่าน Youtube : https://youtu.be/-Z_uuSXOve0

Geek Monday EP31 : Honda กับการตรียมพร้อมสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4

แม้ว่า บริษัท Honda จะเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุด แต่พวกเขาก็มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีรวมถึงนวัตกรรมนอกโลกยานยนต์มากขึ้นเรื่อย ๆ 

การลงทุนของ บริษัท ในด้านการวิจัยและพัฒนานั้นอยู่ในรายชื่อ“ 20 อันดับผู้ใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนามากที่สุดในโลก ” โดยนวัตกรรมที่ฮอนด้าได้เปิดเผยกับสาธารณชนนั้น พวกเขาเขาได้ทุ่มงบประมาณด้าน R&D เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 โดยใช้ AI และ Big Data ซึ่งไม่เพียง แต่จะออกแบบรถยนต์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลงทุนในการสร้างหุ่นยนต์เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ในด้านอื่น ๆ เพิ่มอีกด้วย 

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : http://bit.ly/2S4uML1

ฟังผ่าน Apple Podcast : https://apple.co/2lEqPPg

ฟังผ่าน Google Podcast : http://bit.ly/2PKPL2x

ฟังผ่าน Spotify : https://spoti.fi/2YPlX8T

ฟังผ่าน Youtube : https://youtu.be/VNmB9BNp44o

References : https://www.dezeen.com/2017/10/28/honda-makes-artificial-intelligence-more-approachable-at-tokyo-motor-show-2017/