เมื่อ Smart TV อาจจะกำลังสอดแนมชีวิตความเป็นส่วนตัวของคุณ

หากคุณเพิ่งซื้อสมาร์ททีวีในช่วง Black Friday , 12/12 หรือวางแผนที่จะซื้อ Smart TV รุ่นใหม่ ๆ ในเร็ววันนี้ ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน ทาง FBI จึงต้องการให้คุณรู้บางสิ่งที่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับความเป็นส่วนตัวของคุณได้

สมาร์ททีวีเป็นเหมือนโทรทัศน์ทั่วไป แต่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และด้วยการกำเนิดและการเติบโตของของบริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix, Hulu หรือ บริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ ส่วนใหญ่เราจะได้เห็นโทรทัศน์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อคอยเชื่อมต่อกับบริการเหล่านี้ผ่านจอทีวี 

แต่ก็เหมือนกับทุกอย่างที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เพราะมันเป็นการเปิดสมาร์ททีวีให้กับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและเหล่า hacker ไม่เพียงเท่านั้นสมาร์ททีวีหลายรุ่นมาพร้อมกับกล้องและไมโครโฟน ซึ่งก็เหมือนกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่ผู้ผลิตมักจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องของความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

นั่นเป็นประเด็นสำคัญจากการที่ FBI ได้ โพสต์เตือนบนเว็บไซต์เกี่ยวกับความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นจากเทคโนโลยีบนสมาร์ททีวี

“ นอกเหนือจากความเสี่ยงที่ผู้ผลิตทีวีและผู้พัฒนาแอพ อาจจะแอบดักฟังและเฝ้ามองคุณผ่านโทรทัศน์นั้น มันยังสามารถเป็นประตูสำหรับแฮกเกอร์ที่จะเข้ามาในบ้านของคุณได้นั่นเอง “

แม้เหล่า Hacker อาจไม่สามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ที่ถูกล็อคของคุณได้โดยตรง แต่เป็นไปได้ที่ทีวีที่ไม่มีการป้องกันใด ๆ ของคุณ เป็นทางลัดให้พวกเขาสามารถเจาะเข้ามาผ่านเราเตอร์ของคุณได้” FBI กล่าว

FBI เตือนว่า Hacker สามารถควบคุมสมาร์ททีวีที่ไม่มีการป้องกันของคุณ และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอาจจะควบคุมกล้องและไมโครโฟนเพื่อเฝ้ามองคุณที่บ้านได้นั่นเอง

เมื่อเทคโนโลยีเริ่มรุกล้ำความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเทคโนโลยีเริ่มรุกล้ำความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ

โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา Hacker แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเจาะเข้าไปยัง Chromecast สตรีมมิ่งของ Google และเผยแพร่วิดีโอแบบสุ่มไปยังเหยื่อหลายพันคน

ในความเป็นจริงแล้วช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดที่กำหนดเป้าหมายไปยังสมาร์ททีวีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้รับการพัฒนาโดยสำนักข่าวกรองกลาง แต่ถูกขโมยไป และไฟล์ได้ถูกเผยแพร่ออนไลน์ในภายหลังโดย WikiLeaks

Washington Post ได้รายงานข่าว เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พบว่าผู้ผลิตสมาร์ททีวียอดนิยมบางราย รวมถึง Samsung และ LG มีการรวบรวมข้อมูลมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้ใช้กำลังรับชมเพื่อช่วยผู้โฆษณาในการกำหนดเป้าหมายโฆษณาจากผู้ชมของพวกเขาได้ ตัวอย่างเช่น  ปัญหาการติดตามทีวีกลายเป็นปัญหาเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาผู้ผลิตสมาร์ททีวี Vizio ต้องจ่ายค่าปรับจำนวน 2.2 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ถูกจับได้อย่างลับๆ ในเรื่องการพยายามติดตามข้อมูลผู้ใช้ผ่านทีวีของพวกเขา

FBI แนะนำให้วางเทปสีดำไว้เพื่อบังกล้องสมาร์ททีวีในขณะที่ไม่ได้ใช้งาน และหมั่นอัพเดท Firmware บนสมาร์ททีวีของคุณด้วยแพตช์ที่ได้รับการแก้ไขล่าสุดเสมอ และอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อทำความเข้าใจว่าสมาร์ททีวีของคุณนั้นมีความสามารถในการเข้าถึงอะไรได้บ้าง เพื่อให้คุณสามารถรับชมมันได้อย่างปลอดภัยนั่นเอง

ความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้เขียน

อย่างที่เราทราบกันว่าปัญหาเรื่อง privacy หรือความเป็นส่วนตัวของการใช้งานอุปกรณ์ใด ๆ ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้นั้นเป็นปัญหาที่กำลังกลายเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบัน แม้กระทั่งใน smartphone ที่เราแทบจะใช้ติดตัวกันตลอดเวลา

ใน Social Network แพลตฟอร์มที่ต้องการข้อมูลทุกอย่างของเราเพื่อนำไปขายโฆษณานั้น ก็พยายามทุกวิถีทางที่จะได้ข้อมูลของเราไป แม้จะไม่ได้รับข้อมูลจาก app ตัวเองโดยตรงก็อาจจะได้รับข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ ที่เป็น app 3rd party ที่คอยละเมิดความเป็นส่วนตัวของเราได้อย่างที่เราได้เห็นข่าวใหญ่ก่อนหน้านี้ในเรื่องการดักฟังจากการสนทนาของเรา

แน่นอนว่า เมื่อโลกเข้าสู่ยุค 5G เหล่าอุปกรณ์ต่างๆ จะเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ซึ่ง TV เป็นอุปกรณ์แรก ๆ ที่ได้เข้ามาเริ่มเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ ที่ทุกคนต่างเสพติดกับมัน

ซึ่งอย่างที่ FBI กล่าว เราก็ต้องมีการระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ในเรื่องการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ เพราะเนื่องจากหากเป็น case ร้ายแรงจริง ๆ อย่างการ hack เข้ามาเฝ้ามองเราผ่าน TV ผ่านกล้องที่ติดอยู่กับทีวีนั้น ก็ถือเป็นเรื่องน่ากลัวมาก ๆ เพราะเหล่า hacker นั้นอาจจะไม่ได้ต้องการเพียงแค่ข้อมูลเท่านั้น แต่อาจต้องการอย่างอื่นที่มากกว่าข้อมูลได้ เช่น ทรัพย์สินเงินทอง หรือแม้กระทั่งชีวิตของคุณเองก็ตามหากพวกเขาสามารถเฝ้ามองเราผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ได้ครับ

References : http://www.hackersnewsbulletin.com/2013/08/hackers-have-remote-of-your-smart-tv-and-spying-on-you-smart-tv-hacked.html https://techcrunch.com/2019/12/01/fbi-smart-tv-security/ https://www.hackread.com/hacker-shows-how-smart-tvs-can-be-hacked/

Movie Review : The Farewell กอดสุดท้าย คุณยายที่รัก

ถือเป็นหนึ่งในหนังที่ผมรอคอยมานาน สำหรับ The Farewell กอดสุดท้าย คุณยายที่รัก เรียกได้ว่ามาเข้าโปรแกรมในช่วงหนังฟอร์มยักษ์อย่าง Starwar The Rise of Skywalker เข้าฉายพอดี ทำให้มีรอบฉายน้อยมาก ๆ

ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สร้างเสียงฮือฮาให้กับเทศกาลภาพยนตร์ Sundance ที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม โดย The Farewell นั้นสร้างและจัดจำหน่ายโดยค่ายภาพยนตร์ A24 (Hereditary, Moonlight)

โดยเป็นหนังที่พูดถึงความสัมพันธ์ของคนอเมริกันเชื้อสายจีน และมุมมองที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เรื่องราวเกี่ยวกับบิลลี่ นักเขียนสาวอเมริกันเชื้อสายจีน ที่ได้ทราบข่าวจากพ่อแม่ของเธอว่า ย่าของเธอที่อยู่ที่จีนนั้นป่วยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายและมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวจึงจัดงานเลี้ยงรวมญาติขึ้น โดยที่ทุกคนต่างปิดความลับไม่ให้ย่าได้ล่วงรู้ถึงอาการของตน บิลลี่ที่ไม่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมแบบจีน เนื่องจากโตมาในสังคมของอเมริกัน กำลังจะได้เรียนรู้วิถีชีวิต ความสัมพันธ์ ความต่างระหว่างโลกตะวันตก โลกตะวันออก และความหมายที่แท้จริงของคำว่า ครอบครัว ซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของ Lulu Wang ถ่ายทอดประสบการณ์จริงของชีวิตผ่านงานภาพยนตร์ ร่วมด้วยนักแสดงอย่าง Awkwafina จาก Crazy Rich Asians

ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้ แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกอย่างชาญฉลาดมาก ๆ และแสดงให้เห็นว่าสังคมจีนกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แม้ผู้คนชาวจีนทั่วไปในปัจจุบันกำลังก้าวไปสู่โลกของทุนนิยม และมองหาโอกาสเหล่านี้ในต่างประเทศ

แต่พวกเขาก็พยายามที่จะยอมรับมรดกทางวัฒนธรรมของพวกเขา(จีน)ในเวลาเดียวกัน หนังกล่าวถึงเมืองฉางชุน ที่ได้พัฒนาจากเมืองเล็ก ๆ ที่มีประชากรไม่ถึงล้านคน มาเป็นเมืองขนาดยักษ์ที่มีประชากรเกือบแปดล้านคนในเวลาเพียง 50 ปี และหนังก็พยายามถ่ายทอดให้เห็นว่าอาคารขนาดใหญ่และอนุสาวรีย์ที่ถูกปลูกสร้างขึ้นมาใหม่นั้น มาแทนที่บ้านและสวนขนาดเล็กขาวชาวจีนในยุคก่อนได้อย่างไร

รวมถึงเรื่องราวของรายละเอียดเกี่ยวกับความหลากหลายของความสัมพันธ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความจริงในสังคมปัจจุบันซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่ประเทศจีนเท่านั้น หนังถ่ายทอดให้เห็นว่าแม้จะดูเหมือนมีความขัดแย้งภายในครอบครัวใหญ่ ซึ่งแบ่งครอบครัวออกเป็น 3 กลุ่ม คือ ครอบครัวที่ยังอยู่ในประเทศจีนซึ่งหลุดพ้นจากความยากจนในช่วง 25 ปีก่อนมาแล้ว ครอบครัวที่อพยพไปอยู่ในญี่ปุ่น และครอบครัวที่อพยพไปอยู่อเมริกา แต่พวกเขาทั้งหมดก็ยังคงรักกัน ผ่านเรื่องราวของ อาม่า เป็นจุดศูนย์กลางหลักของหนังเรื่องนี้

แม้หนังจะพยายามให้เราคิดว่าสิ่งที่ครอบครัวนี้ทำนั้นผิดหรือไม่ ในการปกปิดเรื่องโรคร้ายไม่ให้ญาติผู้ใหญ่ได้รับรู้ในช่วงสุดท้ายของชีวิต หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัส แต่มันก็คือความจริงที่ว่าคนส่วนใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีจะสูญเสียญาติผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ และหากมีโอกาสเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นคนที่เรารักมีชีวิตอยู่ แน่นอนว่ามันกระทบต่อจิตใจใครหลาย ๆ ผ่านเรื่องราวของหนังเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับหลาย ๆ ครอบครัวในปัจจุบันนั่นเอง

ซึ่งเป็นที่มาของ การโกหกสีขาว (White Lie) ที่กลายเป็นวลีเด็ดของหนังเรื่องนี้ มันเป็นการถกเถียงเรื่อง White Lie ของสองวัฒนธรรม ที่น่าสนใจมาก ๆ คือ โดยรวมแล้วถือเป็นหนังที่ดีมาก ๆ เรื่องหนึ่งเลยทีเดียวครับ แต่ผมว่าหนังเรื่องนี้ดันมาเข้าผิดเวลาไปหน่อยทำให้รอบฉายน้อยมาก ๆ ซึ่งก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน แต่อยากให้ไปลองชมกันดูนะครับ ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน