Geek Monday EP32 : รีวิว Star Wars ภาค 9 The Rise of Skywalker [The Final Saga]

“Skywalker” ได้ปิดตัวลงอย่างสงบ ในฉากจบ ที่เลือกจะกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด (กรี๊ดมากกกก) และได้ถูกส่งต่ออย่างไร้ข้อกังขาใดๆ การจะมีภาคใหม่นั้นสามารถทำได้แบบไม่ต้องหันมามองอดีตเลย

และไม่ว่าคนๆนึงจะมีสิ่งดีหรือสิ่งร้ายในตัวอยู่มากเพียงใด คนๆนั้นก็สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อโลก และสังคมนี้ได้อยู่เสมอ ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะมีสายเลือดของสิ่งดีๆ หรือร้ายนั้นอยู่ในตัวของเราหรือไม่ จิตใจของเราต่างหากที่เลือกว่าจะเดินเส้นทางใดให้ตัวเอง 

เลือกฟังกันได้เลยนะครับ อย่าลืมกด Follow ติดตาม PodCast ช่อง Geek Forever’s Podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน Podbean : http://bit.ly/393Q3u2

ฟังผ่าน Apple Podcast : https://apple.co/2lEqPPg

ฟังผ่าน Google Podcast :  http://bit.ly/2kxHtQ3

ฟังผ่าน Spotify :  https://spoti.fi/2QcOOQG

ฟังผ่าน Youtube : https://youtu.be/LPwUsb8rB0w

Book Review : ความสำเร็จดีใจได้วันเดียว

ถือเป็นอีกหนึ่งหนังสือที่คุณค่ามาก ๆ สำหรับนักอ่านโดยเฉพาะเหล่านักธุรกิจรุ่นใหม่ทั้งหลาย ที่กำลังสร้างธุรกิจใหม่ ๆ เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นงานเขียนที่บันทึกเรื่องราวชีวิตของท่านเจ้าสัว ธนินท์ แห่งเครือ CP ที่เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งของไทย

หนังสือที่เป็นแรงบันดาลในให้กับคนรุ่นใหม่ ที่ถ่ายทอดผ่านประสบการณ์ ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานเลยทีเดียวของท่านเจ้าสัวธนินท์ ตั้งแต่ยุคบุกเบิกธุรกิจ การรุกเข้าไปในตลาดต่างประเทศ รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ธุรกิจด้านเกษตรกรรม ตัวอย่างเช่น Trure เครือข่ายมือถือยักษ์ใหญ่ของไทยในปัจจุบัน

หนังสือเล่มนี้ให้ข้อคิดในหลาย ๆ เรื่องทั้งเรื่อง การบริหารคน การบริหารธุรกิจ การต้องต่อสู้กับวิกฤติเศรษฐกิจ รวมถึงการขยายกิจการไปยังประเทศที่เนื้อหอมสุด ๆ ในปัจจุบันอย่างประเทศจีน ซึ่งเจ้าสัว ธนินท์ เป็นผู้บุกเบิกยุคแรก ๆ ของการเข้าไปลงทุนในประเทศจีนเลยก็ว่าได้

แน่นอนว่าในปัจจุบันนั้น เราจะเห็นว่าเครือ CP แทบจะกินรวบตลาดแทบจะทุกอย่างในประเทศเรา โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินที่ทำตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ และส่งตรงสู่ผู้บริโภคผ่านธุรกิจ Retail ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทยอย่าง เซเว่น อีเลฟเว่น

แต่ต้องบอกว่า ท่าน เจ้าสัว ก็ได้สร้างหลาย ๆ อย่างให้กับคนไทย ทั้งสร้างงาน สร้างที่ทำกิน คอยอุดหนุนช่วยเหลือต่าง ๆ มานับสารพัด ซึ่งเราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ การที่เราสามารถบริโภคอาหารสัตว์ที่ราคาไม่แพงเกินไปนักนั้นก็มาจากการริเริ่มของท่านเจ้าสัว ธนินท์แทบจะทั้งสิ้น ซึ่งต้องบอกว่าท่านได้วางแนวคิดในเรื่องของการเลี้ยงสัตว์ให้ยกระดับคุณภาพชีวิตของทั้งเกษตรกร รวมถึง ผู้บริโภคเองที่ได้รับอาหารดี ๆ ในราคาไม่แพงเกินไปนักผ่าน ธุรกิจของท่านแทบจะทั้งสิ้น

และสิ่งที่สำคัญที่ได้เรียนรู้คือ การเลือกใช้คน ที่เหมาะสม การเลือกคนเก่ง มาช่วยขยายธุรกิจของท่านได้อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก ๆ แม้หลาย ๆ ธุรกิจ ตัวอย่างเช่น เซเว่นอีเลฟเว่น เองที่เจ้าของเฟรนไชน์ ยังมั่นใจว่าไปไม่รอดในไทยแน่ ๆ ด้วยข้อมูลพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย อย่างรายได้เฉลี่ยประชากร ที่ต่ำ ที่ดูเหมือนฝรั่งจะมองอยู่มุมเดียว แต่ทางเจ้าสัวก็ได้คิดพลิกฟื้นวิธีการให้สุดท้าย ธุรกิจที่ถูกฝรั่งสบประหม่าว่าเจ๊งแน่ ๆ อย่าง เซเว่นอีเลฟเว่น กลายมาเป็นธุรกิจหลักที่สำคัญ สร้างรายได้ให้กับเครือ CP มากมายอย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบัน

แต่มันมียังมีมุมต่างที่เห็นได้จากหนังสือเล่มนี้ที่ความเห็นส่วนตัวนั้น บางทีสิ่งที่เจ้าสัวทำนั้นอาจจะไม่ประสบความสำเร็จไปทุกเรื่องเลยเสียทีเดียว แม้ตัวเจ้าสัวเองต้องการให้ ประชาชนกินดีอยู่ดี ธุรกิจมั่งคง อย่างที่กล่าวไว้ในหนังสือเล่มนี้

แต่จากสภาพปัญหาในปัจจุบัน เราจะเห็นได้ถึงเหล่าเกษตรกร ก็ยังไม่สามารถลืมตา อ้าปากได้เหมือนอย่างที่ท่านกล่าวไว้ในหนังสือเล่มนี้ ถึงจะมีจริง มันก็เพียงส่วนน้อยเท่านั้น ประเทศเรายังติดหล่มกับปัญหาเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้าทางการเกษตร ที่รัฐบาลต้องส่งเงินไปอุดหนุนในทุก ๆ รัฐบาล ซึ่งเป็นภาระมหาศาลต่องบประมาณการเงินของประเทศในแทบจะทุก ๆ ปี แทนที่จะเอาไปพัฒนาประเทศในด้านอื่น ๆ

และทฤษฏีบางอย่างที่ท่านได้กล่าวไว้ในหนังสือ อย่าง สองสูง ที่รู้จักกันดีนั้น ดูเหมือนว่าการขึ้นค่าแรง หรือ เงินเดือนที่รัฐบาลเคยทำไว้ ให้สูงขึ้นนั้น ก็ยังไม่สามารถที่จะเอาชนะอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น เพราะ เมื่อรายได้สูง รายจ่ายก็สูงขึ้นอย่างชัดเจน เพราะราคาสินค้าต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นมานั่นเอง มันก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นแต่อย่างใด เราน่าจะเห็นภาพนี้กันหลายรอบแล้ว เมื่อใดที่ขึ้นค่าแรง ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ สิ่งที่ตามมาก็คือ ภาระค่าใช้จ่ายของเราก็จะเพิ่มขึ้นทันทีเป็นเงาตามตัวเช่นเดียวกันนั่นเอง

แต่ผมชอบแนวคิดการทำธุรกิจแบบเจ้าสัวในการสร้างธุรกิจหลาย ๆ อย่างและทำตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ซึ่งมีลักษณะคล้าย ๆ รูปแบบเดียวกับ ประเทศ ญี่ปุ่น (ไซบัตสึ) หรือ เกาหลีใต้ ที่เรียกว่า แชบอล ที่ให้บริษัทยักษ์ใหญ่นั้นไปลุยตลาดโลกเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องมีบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้เยอะมากมายเหมือนที่เกาหลีทำสำเร็จมา จะเห็นได้ว่าประเทศเค้ามีบริษัทยักษ์ใหญ่เพียงไม่กี่แห่งตัวอย่างเช่น Samsung , LG หรือ Daewoo แต่บริษัทพวกนี้ทำธุรกิจแทบจะทุกอย่าง และสร้างรายได้มหาศาล รวมถึงสามารถจ้างงานคนในประเทศด้วยอัตราเงินเดือนที่สูงนั่นได้

ซึ่งในไทยก็น่าจะเลียนแบบบ้าง โดยให้บริษัทเหล่านี้เติบโตและไปหากินกับต่างประเทศ ควรจะบุกตลาดโลก ส่วนคนในประเทศก็ช่วยผลักดันให้บริษัทเหล่านี้ไปเติบโตในระดับโลก ซึ่งสินค้าทางการเกษตรนั้นมันก็มีโอกาสเป็นไปได้อยู่แล้วเพราะดูจากธุรกิจของท่านเจ้าสัว ซึ่งใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาสามารถต่อสู้ในตลาดโลกได้

ซึ่งแนวคิดแบบนี้ก็มีโอกาสที่จะทำให้ไทยก้าวพ้นกับดักของการเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาได้เสียที เพราะเมื่อก่อนเกาหลี หรือ ไต้หวันนั้น ก็แทบจะมีสภาพไม่ต่างจากไทย แต่พวกเขาเจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วมากอย่างที่เราเห็นในทุกวันนี้ และใช้เวลาในการพัฒนาประเทศเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น

ต้องบอกว่า ความสำเร็จดีใจได้วันเดียว นั้น เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องราวความสำเร็จของตัวท่านเจ้าสัวที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม แน่นอนว่าท่านได้ผ่านประสบการณ์เหล่านี้มามากมาย เป็นข้อคิดบทเรียนที่สำคัญให้กับเหล่านักธุรกิจยุคหลัง ได้ศึกษาเรียนรู้ผ่านหนังสือเล่มนี้ได้อย่างดีเยี่ยม และความหมายของ ความสำเร็จดีใจได้วันเดียวนั้น คือ เราไม่ควรคิดว่าเราเก่งแล้ว สำเร็จแล้ว และหยุดการพัฒนา เพราะโลกกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มีธุรกิจเกิดใหม่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และพร้อมจะมา Disrupt ธุรกิจของเราได้อยู่เสมอ เพราะฉะนั้น ความสำเร็จที่ได้มาครั้งนึงนั้น ก็ไม่ควรดีใจกับมันนาน ควรจะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นอยู่ตลอดเวลาเหมือนที่ท่านเจ้าสัวได้กล่าวไว้ในหนังสือเล่มนี้นั่นเองครับ

ประวัติ Michael Dell ตอนที่ 9 : Moving Beyond

เมื่อ Dell เข้าสู่ระบบ ecommerce เพื่อเริ่มที่จะใช้อินเทอร์เน็ตมาขยายธุรกิจ Michael นั้นมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ทำให้การทำธุรกิจกับ Dell เป็นเรื่องง่าย ลดต้นทุน และขยายความสัมพันธ์ระหว่าง Dell กับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

และเพียงไม่นาน Dell ก็สามารถที่จะสร้างยอดขายได้กว่า 12 ล้านเหรียญ ต่อวันผ่านอินเทอร์เน็ต และสุดท้ายอินเทอร์เน็ตก็กลายเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจของ Dell ในที่สุด

ต้องบอกว่าแม้อุตสาหกรรมไฮเทคที่ Dell กำลังแข่งขันอยู่นั้น ขึ้นชื่อเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าไปใช้ รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่ Dell ทำผ่านเทคโนโลยีใหม่ ๆ นั้น ทำให้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญต่อธุรกิจของพวกเขาไปแล้ว

และหนึ่งในปรากฏการณ์ที่สำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นกับอินเทอร์เน็ต คือ อินเทอร์เน็ตได้สร้างตลาดใหม่ ๆ ที่ Dell ไม่เคยพบเจอมาก่อน และมันทำให้พวกเขา มีอัตราการเติบโตมากกว่า 30% ในแทบจะทุก ๆ ปี ซึ่งถือว่ามากกว่าอัตราเติบโตโดยเฉลี่ยของอุตสาหกรรม

Dell ไม่เคยหยุดที่จะสร้างบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น บริการให้เช่าซื้อเครื่อง DellPlus และบริการบริหารสินทรัพย์ให้ลูกค้า หรือการขยายตัวไปในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างเช่น ประเทศจีน และอเมริกาใต้ ทำให้รักษาการเจริญเติบโตในอัตราระดับที่สูงถึง 50% ในหลาย ๆ ปี

ขยายธุรกิจไปในจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล
ขยายธุรกิจไปในจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาล

แน่นอนว่า Michael เอง ก็ต้องสร้างและปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อให้ทันกับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความสมดุลไม่ให้โครงสร้าบริษัทใหญ่เกินกว่าที่ต้องการ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่ยากและท้าทายสำหรับบริษัทที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดแบบ Dell มาก

Michael จึงมองว่า ต้องมีการเรียนรู้จากการกระทำเป็นหลัก ความอยู่รอดของบริษัทนั้นขึ้นอยู่กับการปรับตัวให้ทัน เนื่องจากคนและสิ่งที่มีอยู่ต้องมีการขยายออกไปอย่างรวดเร็ว และต้องมีโครงสร้างเพียงพอที่จะควบคุมการเติบโตได้ แต่ต้องไม่ใหญ่มากเสียจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วได้นั่นเอง

ต้องบอกว่า Dell นั้นเป็นหนึ่งในบริษัทด้านเทคโนโลยีที่เติบโตได้รวดเร็วที่สุดบริษัทหนึ่ง ในระยะเวลาเพียงแค่ 10 ปี ราคาหุ้นของ Dell นั้นพุ่งขึ้นไปกว่า 36,000% และบริษัทก็ก้าวจากบริษัทที่เริ่มต้นด้วยทุนเพียง 1,000 เหรียญ ไปเป็นบริษัทที่มียอดขายกว่า 18,000 ล้านเหรียญ (ปี 2019 Dell มียอดขายประมาณ 90,000 ล้านเหรียญ)

ต้องบอกว่า Michael นั้นได้สร้าง Dell เดินทางมาไกลมากจากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในหอพักของเขา และการตัดสินใจครั้งสำคัญที่เปลี่ยนชีวิตเขาที่ต้องออกจากการเรียนมามุ่งสู่ธุรกิจแบบเต็มตัว

แน่นอนว่า Dell นั้นก็ยังคงไม่หยุดสร้างบริการหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ขยายตลาดไปในพื้นที่ใหม่ ๆ แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด แบ่งกลุ่มและเพิ่มบริการใหม่ ๆ ซึ่งกุญแจความสำคัญที่สุดที่ทำให้ Dell ประสบความสำเร็จอย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบัน เกิดมาจากชายที่ชื่อ Michael Dell ที่รู้จักจุดแข็งของตัวเองและพร้อมรับมือกับการทดลองสิ่งใหม่ ๆ ความคิดที่จะเรียนรู้บทเรียนที่ได้รับจากความผิดพลาดในอดีต และหาทางปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความกล้าที่จะไม่ยอมทำตามแนวคิดแบบเดิม ๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาก็คือ การทำให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจมากที่สุดนั่นเองครับ

แล้วเราได้อะไรจากการเรื่องราวของ Dell จาก Blog Series ชุดนี้

ต้องบอกว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมากของการสร้างธุรกิจของ Michael Dell ที่ปฏิวัติการขายอุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์ให้กับลูกค้าโดยตรง ติดต่อกับผู้ผลิตชิ้นส่วนโดยตรง ซึ่งทั้งหมดนั้นเราจะเห็นได้ว่า เป็นการกำจัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นและไม่มีประสิทธิภาพที่อยู่ตรงกลางออกไปทั้งหมด

โมเดยที่ Michael สร้างขึ้นมาอย่าง Direct Model นั้น ทำให้พวกเขาสามารถสร้างบริษัทให้กลายมาเป็นบริษัทชั้นแนวหน้าของโลกได้อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ซึ่งมันเริ่มต้นจากคำว่าเป็นไปไม่ได้ เมื่อเริ่มแรกนั้นไม่มีใครเชื่อว่า Dell จะสามารถทำโมเดลของการส่งตรงได้สำเร็จกับธุรกิจคอมพิวเตอร์ ที่แทบจะไม่มีใครเคยทำมาก่อน

ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนั้น เราสามารถที่จะเรียนรู้และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ หลายคนอาจจะเคยเจอกับคำพูดที่ว่า สิ่ง ๆ ที่คุณกำลังทำอยู่มันเป็นไปไม่ได้ Michael แสดงให้เห็นว่า คุณไม่จเป็นต้องเป็นอัจฉริยะ หรือ ต้องเรียนจบสูง ๆ จึงจะสามารถคิดในแบบที่ไม่เหมือนใครได้ แต่ขอให้คุณเพียงแค่มีเค้าโครงและความฝัน ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างที่ Michael Dell ทำให้เราเห็นได้นั่นเองครับ

<– ย้อนกลับไปตอนที่ 1 : Life’s Choices *** อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ คุณได้อ่านนะครับผม***

รวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุดรวม Blog Series ที่มีผู้อ่านมากที่สุด

อย่าลืมติดตามผลงานเรื่องต่อ ๆ ไปของผมก่อนใครได้ที่ blockdit นะครับ โหลดได้เลย

อย่าลืม ค้นหา “ด.ดล Blog” แล้ว กด follow กันด้วยนะครับผม

Skyryse กับก้าวสำคัญในการพัฒนาเฮลิคอปเตอร์แบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ

มี บริษัท หลายแห่งกำลังสร้างเครื่องบินที่สามารถขึ้น – ลงในแนวดิ่งแบบอิสระ (VTOL) เช่นเดียวกับแท็กซี่ทางอากาศของ Uber ณ วันนี้ บริษัท Skyryse กำลังแนะนำเทคโนโลยีบางอย่างที่อาจช่วยให้สามารถเข้าถึงได้มากขึ้นและมันก็แสดงให้เห็นการเป็นเที่ยวบินแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติแห่งแรกของโลกของเฮลิคอปเตอร์พาณิชย์ที่ได้รับการรับรองจาก FAA

สิ่งที่ทำให้ Skyryse แตกต่างจากโครงการ VTOLอื่น ๆ คือเทคโนโลยีของ บริษัท นั้นถูกเพิ่มเข้ากับเครื่องบินที่มีอยู่เดิมแทนที่จะสร้างสิ่งใหม่ทั้งหมด การเพิ่มส่วนของการขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ ในการทดสอบ Skyryse ดำเนินการในรูปแบบของการกำหนดเอง “Flight Stack” ซึ่งประกอบด้วยชุดเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อทำงานกับเฮลิคอปเตอร์ Robinson R-44

Skyryse Flight Stack มีการควบคุมการบินที่อนุญาตให้มีทั้งการบินแบบอิสระหรือแบบอัตโนมัติเฉพาะบางส่วนของการเดินทาง  โดยสิ่งที่พวกเขาทำจะถูกรวมเข้ากับโฮสต์ของเซ็นเซอร์ที่คอยบังคับและทำให้เฮลิคอปเตอร์มีเสถียรภาพพร้อมกับข้อมูลการบินอื่น ๆ มีเลเยอร์ความปลอดภัยเพิ่มเติมที่ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของเครื่องบินเป็นพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจทำให้เกินขีดจำกัดด้านความปลอดภัยนั่นเอง

Flight Stack ยังมีแผ่นเซ็นเซอร์บนพื้นที่ทาง Skyryse เรียกมันว่า “smart helipads” สิ่งเหล่านี้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ยานพาหนะเช่น ลม และสภาพอากาศรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุบินต่ำเช่นนกหรือโดรนในพื้นที่ใกล้เคียง 

โดยระบบทั้งหมดเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อรวมเข้ากับเครือข่ายของ FAA ที่มีอยู่และสื่อสารข้อมูลกับระบบควบคุมการจราจรสำหรับการตรวจสอบเส้นทางการบิน ระดับความสูง และข้อมูลที่สำคัญอื่น ๆ ที่คล้ายกันนั่นเอง

แม้จะมีการทดสอบว่า Skyryse สามารถทำงานได้จริง แต่ บริษัท ก็ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าเมื่อใดระบบของมันจะถูกใช้อย่างกว้างขวางมากขึ้น แต่ถ้าเทคโนโลยีของ บริษัท ได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์มันอาจเป็นวิธีที่มีความคล่องตัวมากขึ้นในการเพิ่มคุณสมบัติการขับเคลื่อนแบบอัติโนมัติให้กับฝูงบินแทนที่จะออกแบบและสร้างยานพาหนะใหม่ทั้งหมดนั่นเอง

ความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้เขียน

แม้ในตอนนี้เรายังไม่อาจจะยอมรับได้ 100% ที่จะให้ยานพาหนะโดยเฉพาะอย่างเครื่องบินที่ใช้การขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติแบบ 100% เพื่อขนส่งมนุษย์เราไปในที่ต่าง ๆ

แต่ก็เหมือนกับที่ เราจะยอมรับได้มั๊ยว่า รถแบบขับเคลื่อนอัตโนมัตินั้น จะเป็นรถปรกติที่วิ่งบนถนนเดียวกับเรา ซึ่ง ยังไงอัตรการเกิดอุบติเหตุจาก AI เหล่านี้ ก็น่าจะน้อยกว่ามนุษย์อยู่แล้ว เพราะความแม่นยำที่สามารถตรวจสอบได้ และขีดจำกัดหลาย ๆ อย่างของมนุษย์นั้น จะไม่สามารถทำงานได้เทียบเท่า AI อีกต่อไป

ซึ่งผมมองว่าสุดท้ายเทคโนโลยีเหล่านี้ ก็จะนำพาเราไปในจุดที่เรายอมรับได้ เพราะความผิดพลาดของ AI นั้น หากนำมาเปรียบเทียบกับมนุษย์จริง ยังไงพวกเขาก็เป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว อยู่ที่เราจะยอมรับมันได้แค่ไหนเท่านั้นเองครับ

References : https://www.engadget.com/2019/12/17/skyryse-autonomous-self-flying-helicopter/