แม่จ๋าอย่าแชร์ภาพหนู เมื่อภาพที่ถูกแม่โพสต์สนุก ๆ ในโลกออนไลน์กลับมาทำร้ายและหลอกหลอนลูกในภายหลัง

ลองจินตนาการถึงความรู้สึกที่ว่า เด็กหนึ่งคนที่มีภาพหรือวีดีโอที่ถูกเผยแพร่บนโลกโซเชียลมาตั้งแต่ยุคก่อกำเนิดของ Facebook ในวันนี้พวกเขาจะกลายเป็นวัยรุ่นเต็มตัวแล้ว และเขาจะรู้สึกอย่างไรกับภาพ Digital Footprint เหล่านี้ที่ถูกพ่อแม่ถ่ายไว้ และเผยแพร่ให้คนนับร้อยนับพันได้รับชม

ถ้านับตั้งแต่วันที่เครือข่ายโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook ถือกำเนิดมา จนถึงวันนี้ก็เรียกได้ว่ากลายเป็นวัยรุ่นที่กำลังเรียนในมหาวิทยาลัยและเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่โลกของการทำงาน

แน่นอนว่า ในยุคเริ่มต้นของการขึ้นของโซเชียลมีเดียเอง ด้วยความเห่อของใหม่ เหล่าพ่อแม่ทั้งหลายต่างแชร์กิจกรรมต่าง ๆ ของลูก ตั้งแต่วัยแรกเกิด ซึ่งมันไม่เคยมีปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้มาก่อน

ย้อนกลับไปยุคก่อนหน้าโซเชียลมีเดียจะถือกำเนิดและได้รับความนิยมไปทั่วโลกนั้น ส่วนใหญ่การบันทึกก็เพียงแค่การถ่ายภาพ หรือถ่ายวีดีโอ เพื่อเก็บไว้ดูเล่นในครอบครัว หรือเผยแพร่ในกลุ่มเล็ก ๆ กับญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูงที่สนิทเพียงเท่านั้น

แต่คงไม่มีพ่อแม่คนไหนได้คิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นตามมา (เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่ได้ใช้) พวกเขากำลังสร้างภาระให้กับลูก ๆ ด้วยข้อมูลทางออนไลน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมมาก ๆ

ต้องบอกว่าเด็ก ๆ ในยุค Facebook ซึ่งเริ่มต้นอย่างแท้จริงในช่วงปี 2006 เมื่อแพลตฟอร์มเปิดให้ทุกคนได้เติบโตขึ้น มาถึงวันนี้พวกเขาก็เตรียมเข้าสู่วัยทำงาน และอาจจะต้องเผชิญผลกระทบจากการใช้โซเชียลมีเดียของพ่อแม่ นั่นเองที่ทำให้หลายคนถูกสวมบทบาทที่เป็นตัวตนทางดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นมา และพวกเขาก็ไม่มีทางที่จะลบมันด้วยตัวเองได้

เคสของ TikToker ที่ใช้ชื่อว่า Annemarie (@annemari333) โพสต์เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ

“ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก พ่อแม่ของฉันอัปโหลดรูปภาพของฉันบน Facebook” เธอเขียนผ่านวีดีโอของตัวเองในวัย 18 ปี ซึ่งบันทึกในวัยเด็กของเธอไม่สามารถที่จะลบล้างได้อีกต่อไป

“มันผ่านมา 18 ปีแล้ว และมันยังก็ยังเป็น 5 รูปแรกที่โผล่ขึ้นมาเมื่อคุณ google ชื่อของฉัน และฉันทำอะไรกับมันไม่ได้เลย”

Annemarie โพสต์สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอบน TikTok (CR:yourtango)
Annemarie โพสต์สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอบน TikTok (CR:yourtango)

Annemarie เสริมว่า “สิ่งแรกที่นายจ้างในอนาคตของฉันจะเห็นเมื่อพวกเขามองหาฉันก็คือภาพของฉันตัวอ้วนจ้ำม่ำอยู่บนผ้าห่ม”

หรือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Caymi Barrett ปัจจุบันอายุ 24 ปี เติบโตมาพร้อมกับแม่ที่โพสต์ช่วงเวลาส่วนตัวของเธอ

ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายขณะเธออาบน้ำ การวินิจฉัยที่ติดเชื้อ MRSA ของเธอ การที่เธอถูกรับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม หรือแม้กระทั่งภาพวีดีโอขณะคนขับที่เมาแล้วขับชนรถที่เธอโดยสาร ที่ถูกแม่ของเธอโพสต์ลงบน Facebook

เมื่อ Google ชื่อของเธอ รูปภาพในวัยเด็กของ Barrett ในชุดบิกินี่จะปรากฎขึ้นเป็นอันดับแรก ๆ ความทุกข์ใจที่เกิดขึ้นส่งผลให้ Barrett กลายเป็นแกนนำที่สนับสนุนความเป็นส่วนตัวทางอินเทอร์เน็ตของเด็ก

ในสหรัฐอเมริกา อำนาจของผู้ปกครองนั้นมีมากกว่าสิทธิ์ของเด็กในเรื่องความเป็นส่วนตัว ซึ่งมันได้กลายเป็นเรื่องปรกติทางสังคมแม้กระทั่งในปัจจุบันที่ พ่อแม่ต่างแชร์ข้อมูลรูปภาพของเด็กกันจนกลายเป็นเรื่องปรกติ

เหล่าพ่อแม่ผู้ปกครองต่างคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกขบขันในการแชร์ เรื่องตลก ๆ ในการเปลี่ยนผ้าอ้อม การฝึกถ่าย หรือแม้กระทั่งรายละเอียดเกี่ยวกับประจำเดือนครั้งแรกของเด็กต่อผู้ชมหลายร้อยหรือหลายพันคน

การเสพติดไลค์และคอมเม้นต์ก็เป็นสิ่งหนึ่ง ที่ครอบครัวส่วนใหญ่เลือกที่จะบันทึกชีวิตของเด็ก ๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งบน Youtube หรือ TikTok หรืออาจจะมีปัจจัยเรื่องรายได้ หากมีผู้ชมมากพอ ก็สามารถหารายได้จากโฆษณาหรือสปอนเซอร์

เคสของ Barrett เธอยังรู้สึกถึงผลกระทบจากการแชร์เรื่องราวของเธอมากเกินไปในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

เมื่ออายุ 12 ปี เธอได้เล่าว่าครั้งหนึ่งเธอเคยถูกชายคนหนึ่งตามกลับบ้าน ซึ่งเธอเชื่อว่ารู้จักเธอจากอินเทอร์เน็ต ต่อมาเธอก็ถูกรังแกโดยเพื่อนร่วมชั้นที่มาคอยสอดส่องเกี่ยวกับรายละเอียดชีวิตของเธอในวัยเด็กที่แม่ของเธอโพสต์ทางออนไลน์ และในที่สุดเธอก็ต้องลาออกจากโรงเรียนมัธยมในท้ายที่สุด

มันได้กลายเป็นว่ายุคเริ่มต้นของ Facebook นั้น เด็ก ๆ เหล่านี้กำลังได้รับผลกระทบ ที่อาจจะไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อน เพราะเป็นยุคแรก ๆ ที่พ่อแม่ของพวกเขาเริ่มเล่นเครือข่ายโซเชียลมีเดียอย่างจริงจัง

นั่นทำให้ปัญหาดังกล่าวแพร่หลายมากสำหรับคนหนุ่มสาวที่เกิดในยุคโซเชียลมีเดียถือกำเนิดขึ้นมา จนความกลัวโพสต์เก่า ๆ ของพ่อแม่ที่มีรูปภาพและวีดีโอในวัยเด็กกลับมาหลอกหลอนพวกเขาอีกครั้งโดยไม่ได้รับความยินยอม และกลายเป็นเรื่องตลกในหมู่เพื่อน ๆ บนฟีดโซเชียลมีเดียของตนเอง

แม้ว่าเคสตัวเอย่างดังกล่าวอาจจะเป็นส่วนน้อยของสังคม แต่มันก็ได้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจของเหล่าผู้ปกครอง เพราะฉะนั้นก่อนที่จะโพสต์อะไรลงบนออนไลน์เกี่ยวกับลูก ๆ ของคุณโดยเฉพาะในช่วงวัยเด็กนั้น ควรที่จะใคร่ครวญถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับพวกเขาในอนาคตกันด้วยนะครับผม

References :
https://www.theatlantic.com/technology/archive/2023/05/parents-posting-kids-online-tiktok-social-media/674137/
https://www.herfamily.ie/parenting/majority-children-say-wouldnt-share-photo-future-kids-online-334380
https://www.yourtango.com/news/kids-posted-social-media-not-happy-parents-now-theyre-older


 


ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA



Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ



Geek Forever’s Podcast


“Open Your World With Technology


AI , Blockchain และเทคโนโลยีใหม่ ๆ กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายธุรกิจ ทั้ง แวดวงการเงิน สุขภาพ หรือ งานด้านบริการต่าง ๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจเกี่ยวกับ AI หรือ Machine Learning

Podcast ของผมจะเล่าเรื่องราวต่าง รวมถึงเรื่องที่ผมสนใจอื่น ๆ เช่น startup หนังสือ หนัง หรือ กีฬาฟุตบอล อยากชวนคนที่สนใจให้ลองมาติดตาม podcast ของผมกันด้วยนะครับ

ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน podbean
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Apple Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Google Podcasts
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Spotify
ฟังผ่าน Youtube
ฟังผ่าน Youtube