Pinduoduo แห่งชานมไข่มุก สองพี่น้องชาวจีนเปลี่ยนชานมไข่มุกราคา 1 ดอลลาร์สู่ธุรกิจหมื่นล้านได้อย่างไร

ในวัยเพียง 21 ปี ชายอย่าง Zhang Hongchao ได้ยืมเงินจากคุณยายของเขาเพื่อเปิดแผงขายน้ำแข็งไสในเมืองเจิ้งโจวทางตอนกลางของประเทศจีน

มันเป็นความฝันของหนุ่มวัยกลัดมันที่ต้องการที่จะสร้างธุรกิจของตนเอง แต่กลายเป็นว่าร้านแรกของเขานั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า

สองปีถัดมา Hongchao ขอแก้ตัวใหม่อีกครั้งด้วยแผงน้ำขายน้ำแข็งไสร้านที่สอง แต่คราวนี้เขาตั้งใจกับมันมากตั้งชื่อแบรนด์ว่า “Mixue Bingcheng” ซึ่งแปลว่า “วังหิมะอันแสนหวาน”

ดูเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างเขา และไม่ล้มเหลวเหมือนครั้งแรก เพราะธุรกิจเริ่มทำเงินจริงๆ จังๆ และได้ขยายกิจการไปสู่การขายชานมไข่มุก น้ำมะนาว และกาแฟในราคาโครตถูก

ปัจจุบัน Mixue Bingcheng มีร้านค้าในเครือข่ายประมาณ 36,000 แห่ง และได้กลายเป็นผู้ผลิตชานมไข่มุกรายใหญ่ที่สุดของจีน และกำลังจะทำ IPO ในตลาดหลักทรัพย์ที่ฮ่องกง

นี่คือเรื่องราวสุดเหลือเชื่อจาก Zhang Hongchao ซึ่งปัจจุบันอายุ 47 ปี และน้องชายของเขา Hongfu ในวัย 39 ปี ที่กำลังกลายเป็นมหาเศรษฐี

เมื่อย้อนกลับไปตอนเรียนมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการเงินเหอหนานในปี 1997 เมื่อเขาได้งานพาร์ทไทม์ในช่วงฤดูร้อนวันหนึ่งที่ร้านเครื่องดื่ม

ขณะที่ทำงานอยู่ที่นั่น เขาก็ปิ๊งไอเดียที่จะสร้างเครื่องทำน้ำแข็งแบบทำมือของตัวเอง ซึ่งเขาคิดว่ามันน่าสนใจและตอนนั้นยังไม่มีใครคิดที่จะสร้างเจ้าเครื่องมือดังกล่าวนี้

Hongchao ได้ยืมเงิน 3,000 หยวนจากคุณยายของเขาเพื่อเปิดร้านแรกที่มีชื่อว่า Coldsnap Shaved Ice

แต่ธุรกิจแรกเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย Hongchao ได้เรียนรู้บทเรียนทางธุรกิจที่โครตโหด เพราะตัวเขาเองได้พยายามที่จะขายน้ำแข็งไสในช่วงฤดูหนาวซึ่งมันคงเป็นความคิดที่บ้ามาก ๆ สำหรับผู้คนในตอนนั้น

Hongchao ได้เรียนรู้บทเรียนทางธุรกิจที่โครตโหดจากการเจ๊งในครั้งแรก (CR:Yicai Global)
Hongchao ได้เรียนรู้บทเรียนทางธุรกิจที่โครตโหดจากการเจ๊งในครั้งแรก (CR:Yicai Global)

นั่นทำให้หลังจากเปิดกิจการแรกได้ไม่นาน เงินทุนก็เริ่มร่อยหรอ เงินทุนที่ยืมมาจากยายของเขาใกล้จะหมดเต็มที เขาต้องมีการปรับเปลี่ยนธุรกิจโดยหาส้มแมนดารินมาขายเพื่อหาทางเยียวยาร้านไม่ให้เจ๊งไปซะก่อน

แต่สุดท้ายกิจการแรก Coldsnap Shaved Ice ก็ไปไม่รอด มันเป็นบทเรียนที่แสนสาหัสมาก ๆ ของ Hongchao ในการสร้างธุรกิจ

ในปี 1999 Hongchao ต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างชานมไข่มุกและไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ

ต้องบอกว่าธุรกิจที่สองนั้นเขาได้เรียนรู้จากการเจ๊งในครั้งแรกมาแล้ว และไม่ต้องการให้เกิดซ้ำอีกครั้ง และเริ่มมองเห็นลู่ทางในการขยายธุรกิจด้วยโมเดลในการขายสินค้าเหล่านี้ในราคาโครตถูก โดยเริ่มในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนานทางตอนกลางของจีน ซึ่งถือว่าอยู่ห่างไกลจากชายฝั่งทางด้านตะวันออกที่เศรษฐกิจคึกคักกว่ามาก

ความน่าสนใจก็คือ Mixue ได้สร้างความแตกต่างในตลาดโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เรือธงใหม่ของบริษัทอย่างชานมไข่มุกด้วยราคาที่มีการต่อรองได้จนได้รับฉายาว่า “Pinduoduo แห่งชานมไข่มุก” ตามชื่อของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เน้นไปที่การลดราคายอดนิยมของประเทศจีน

ผลิตภัณฑ์ของ Mixue ซึ่งรวมถึงน้ำมะนาวที่ทำสดใหม่ ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ ชาผลไม้ และกาแฟ มีราคาอยู่ระหว่าง 3 เซนต์ ถึง 1 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาที่ถูกมาก ๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Nayuki ซึ่งเป็นเครือชานมไข่มุกยอดนิยมอีกแห่งที่ขายราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3.80 ดอลลาร์

นั่นทำให้ Mixue สามารถดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว โดยเน้นที่ตลาด mass เจาะไปที่เมืองรอง ๆ ผ่านกลยุทธ์ต้นทุนที่ต่ำกว่าคู่แข่ง และขายในราคาโครตถูก

รวมถึงการได้ Hongfu ที่เป็นน้องชายของ Hongchao ที่ได้เข้าร่วมงานกับ Mixue ในปี 2007 เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับบริษัทโดยเฉพาะเรื่องการ operation เบื้องหลังทั้งหมด

หลังจากได้ Hongfu เข้ามาช่วยกิจการก็เติบโตอย่างบ้าคลั่ง Mixue เริ่มทดลองโมเดลธุรกิจเฟรนไชส์ในปี 2007 และสร้างโรงงานของตัวเองในปี 2012 และในปี 2014 Mixue ก็ก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดคลังสินค้าและศูนย์โลจิสติกส์ของตนเอง

Hongfu ได้พัฒนา Mixue ให้กลายเป็นโมเดลเฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จได้อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งปัจจุบัน 99.8% ของสาขาทั้งหมด 36,000 แห่งดำเนินกิจการโดยผู้รับสิทธิ์เฟรนไชส์ ทำให้เป็นหนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจเฟรนไชส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Mixue สามารถรักษาราคาให้ต่ำได้เนื่องจากมีห่วงโซ่อุปทานแบบ end-to-end ซึ่งครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่การจัดซื้อและการผลิตส่วนผสมไปจนถึงการขนส่ง การวิจัยและพัฒนา และการควบคุมคุณภาพ รายได้และกำไรเกือบทั้งหมดของบริษัทมาจากการขายอุปกรณ์ เช่น เครื่องใช้ในครัว ส่วนผสมอาหาร ให้กับผู้ที่ซื้อเฟรนไชส์

เครือข่ายเฟรนไชส์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วช่วยให้ Mixue สามารถปรับแต่งการจัดการเฟรนไชส์และระบบการดำเนินงาน เพื่อให้การสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การเลือกโลเคชั่นร้านค้า การปรับปรุงร้านค้า การฝึกอบรมพนักงาน ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการบริหารร้าน และการบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ซึ่งสามารถทำให้ดึงดูผู้ที่ต้องการซื้อเฟรนไชส์ได้เพิ่มมากขึ้น

Mixue เปลี่ยนโมเดลธุรกิจมาเป็นเฟรนไชส์และสร้างการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว (CR:Caixin Global)
Mixue เปลี่ยนโมเดลธุรกิจมาเป็นเฟรนไชส์และสร้างการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว (CR:Caixin Global)

Mixue ซึ่งจดสิทธิบัตรในจีน 84 ฉบับ และสร้างโรงงานผลิตสินค้าของตนเอง จำหน่ายทุกอย่างตั้งแต่เครื่องครัวไปจนถึงส่วนผสม รวมถึงน้ำเชื่อม นม ชา กาแฟ และผลไม้ให้กับผู้รับเฟรนไชส์

ทั้งสองพี่น้องยังคงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจของพวกเขาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา

พวกเขาเปิดร้านกาแฟ Lucky Cup แห่งแรกในปี 2017 และปัจจุบันมีสาขามากกว่า 2,900 แห่ง มีการขยายกิจการไปต่างประเทศเช่นในฮานอยของเวียดนามในปี 2018 โดยปัจจุบันมีสาขาของพวกเขาในประเทศต่าง ๆ เช่น แคนาดา อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือแม้กระทั่งในประเทศไทยเราเอง

พวกเขายังได้เปิดตัวมาสคอตของแบรนด์อย่าง “Snow King” ตุ๊กตาสโนว์แมนสุดน่ารักที่กลายเป็นกระแสโดยเฉพาะในโลกโซเชียล หรือแม้กระทั่งมิวสิกวีดีโอ โดยเพลงประกอบของ Mixue อย่าง “I Love You,You Love Me,Mixue Ice Cream & Tea” ซึ่งร้องโดย Snow King มียอดวิวมากกว่า 24 ล้านครั้งบน Bilibili ( แพลตฟอร์มแบบเดียวกับ Youtube ในจีน)

นอกจากนี้ Snow King ยังปรากฎในซีรีส์แอนิเมชั่นทางมีวีและมีบทบาทสำคัญในงานเทศกาลดนตรี Ice Cream Music ของบริษัทอีกด้วย

Mixue ได้ระดมทุนครั้งล่าสุดในเดือนมกราคมปี 2021 โดยสามารถระดมทุนได้ 329 ล้านดอลลาร์จาการประเมินมูลค่ากิจการ 3.3 พันล้านดอลลาร์จากนักลงทุน ซึ่งมีทั้ง Hilhouse Capital ของมหาเศรษฐี Lei Zhang และ Dragon Capital ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ Meituan ของมหาเศรษฐี Wang Xing

Mixue ได้ยื่นทำ IPO เสนอขายหุ้นให้กับสาธารณะเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง

ปัจจุบันพี่น้องทั้งคู่ถือหุ้นกันคนละ 42.8% โดยมีรายรับและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 46% และ 48% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2023 โดยทำรายได้ 2.2 พันล้านดอลลาร์และกำไรสุทธิอยู่ที่ 338 ล้านดอลลาร์

Mixue ซึ่งเป็นร้านค้าเฟรนไชส์เกือบทั้งหมด 32,000 แห่งในจีนและอีก 4,000 แห่งใน 11 ประเทศทั่วโลกซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย โดยได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่น Millennials และ Gen Z ทั้งในเอเชียและสหรัฐอเมริกา

ซึ่งตามหนังสือชี้ชวนของบริษัท Mixue จำหน่ายเครื่องดื่มได้ประมาณ 5.8 ล้านแก้วทั่วโลกในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2023 ทำให้พวกเขากลายเป็นบริษัทขายเครื่องดื่มแบบทำสดรายใหญ่อันดับสองของโลกเป็นรองเพียงแค่ Starbuck เพียงเท่านั้น

References :
https://www.forbes.com/sites/zinnialee/2024/01/08/how-two-chinese-brothers-became-billionaires-from-1-bubble-teas
https://thelowdown.momentum.asia/the-new-variant-in-indonesia-mixue-fever/
https://thelowdown.momentum.asia/how-did-the-pinduoduo-of-beverages-become-a-20000-store-bubble-tea-juggernaut
https://ewhabrandcommunication.wordpress.com/2023/04/24/milk-tea-industry-spell-many-is-how-to-make-2/