ศาสดาแห่ง Bitcoin ความฝัน ศรัทธา กับเรื่องราวบ้า ๆ ของชายชื่อ Michael Saylor

เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก ๆ นะครับว่า ชายคนหนึ่งที่ทำธุรกิจด้านซอฟต์แวร์ และดูเหมือนธุรกิจของเขากำลังไปได้ดีซะด้วย แต่เมื่อได้มาเจอกับสิ่งที่เรียกว่า Bitcoin เขาจะยอมทุ่มเทเดิมพันบริษัทที่สร้างมา 30 กว่าปีกับสิ่ง ๆ นี้

Michael Saylor เรียกได้ว่าเป็นผู้ประกอบการที่บ้าบิ่นคนหนึ่งไม่ต่างจาก Elon Musk

Saylor เกิดในเมืองลินคอร์น รัฐเนบราสกา และใช้ชีวิตช่วงแรก ๆ ในฐานทัพอากาศหลาแห่งทั่วโลกเนื่องจากพ่อของเขาเป็นจ่าสิบเอกในกองทัพอากาศสหรัฐฯ

เมื่ออายุได้ 11 ปี ครอบครัวของ Saylor ก็ได้มาตั้งรกรากในเมืองแฟร์บอร์น รัฐโอไฮโอ ใกล้กับฐานทัพอากาศไรท์-แพตเตอร์สัน

ในปี 1983 Saylor ได้เข้าเรียนที่ MIT ด้วยทุน ROTC ของกองทัพอากาศ ที่นั่นเขาได้มีโอกาสเข้าร่วมกับสมาคม Theta Delta Chi ซึ่งได้ไปพบเจอกับ Sanju Bansal ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง MicroStrategy โดย Saylor ได้จบการศึกษาจาก MIT ในปี 1987 ในสองสาขาวิชาด้านการบินและอวกาศรวมถึงด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี

ด้วยปัญหาสุขภาพทำให้เขาไม่สามารถที่จะเป็นนักบินตามความฝันได้ และได้งานแรกในบริษัทที่ปรึกษา The Federal Group ในปี 1987 ซึ่งเขาทำงานที่เน้นไปที่การสร้างแบบจำลองด้วยคอมพิวเตอร์สำหรับการทำ Software Integration

Saylor ได้มีโอกาสเข้าไปเป็นที่ปรึกษาให้กับ Dupont ยักษ์ใหญ่ด้านเคมีภัณฑ์ของสหรัฐฯ โดยเขาได้พัฒนาโมเดลคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยให้บริษัทคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในตลาดสำคัญ ๆ ของบริษัทได้ ตัวอย่างเช่น โมเดลการทำนายของ Saylor ได้ทำนายว่าจะเกิดภาวะถดถอยในตลาดหลักของ Dupont หลายแห่งในปี 1990 ซึ่งมันได้เกิดขึ้นจริง

เขาได้ร่วมกับ Sanju Bansal ที่พบกันตอนเรียนที่ MIT ก่อตั้ง MicroStrategy ขึ้นมาเพื่อให้บริการซอฟต์แวร์ด้าน Data Mining , Business Intelligence โดยใช้ทักษะที่เขามีความเชี่ยวชาญจากการเรียนที่ MIT นั่นก็คือ nonlinear mathematics

ในปี 1992 MicroStrategy มีลูกค้ารายใหญ่รายแรก เมื่อได้เซ็นสัญญามูลค่า 10 ล้านดอลลาร์กับ McDonald’s เป็นก้าวแรก ๆ ที่สำคัญมาก ๆ ของ Saylor เพราะหลังจากนั้นบริษัทก็เติบโตอย่างบ้าคลั่งทุกปี ปีละเป็น 100% ระหว่างปี 1990-1996

และในวันที่ 11 มิถุนายน ปี 1998 MicroStrategy ก็ได้ทำ IPO กลายเป็นบริษัทมหาชนได้สำเร็จ และแน่นอนว่า Saylor ได้กลายเป็นมหาเศรษฐี

ตัดภาพมาในปี 2020 มูลค่าของบริษัท MicroStrategy อยู่ที่ราว ๆ 1.1 พันล้านดอลลาร์ แต่ด้วยผลการดำเนินงานที่เริ่มหดตัวตั้งแต่ปี 2015 ที่มีรายได้ต่อปีต่ำกว่า 500 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่ทุกอย่างเกี่ยวกับ Bitcoin มันเริ่มต้นในวันที่ 11 สิงหาคมปี 2020 เมื่อ Saylor ประกาศว่าบริษัทของเขาอย่าง MicroStrategy กำลังลงทุนระยะยาว 250 ล้านดอลลาร์ใน Bitcoin

มันทำให้คนทั้งวงการต่างอึ้งกับสิ่งที่ Saylor ทำ ในตอนนั้นเขาได้อธิบายว่า “Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่การลงทุนที่น่าดึงดูดใจและมีศักยภาพในระยะยาวมากกว่าการถือเงินสด”

ถัดจากนั้นในวันที่ 15 กันยายน Saylor ก็ซื้อ Bitcoin เพิ่มขึ้นอีกสองเท่าโดยจ่าย 425 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อซื้อ Bitcoin จำนวน 38,250 BTC

ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคมถึง 29 พฤศจิกายน 2021 MicroStrategy ได้ซื้อ Bitcoin อีก 7,002 BTC ด้วยเงินสดประมาณ 414.4 ล้านดอลลาร์ โดยมีราคาซื้อเฉลี่ยที่ 59,187 ดอลลาร์ ทำให้บริษัทถือครอง Bitcoin รวมทั้งสิ้น 121.044 BTC

จนถึงเดือนเมษายน 2023 MicroStrategy ซื้อ Bitcoin ไปจำนวนรวมทั้งสิ้น 140,000 BTC ในราคาเฉลี่ย 29,803 ดอลลาร์

ในเดือนสิงหาคม 2022 Saylor ได้ลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ MicroStrategy โดยยังคงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารเพื่อมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการลงทุนใน Bitcoin มากขึ้น

ผู้ทรงอิทธิพลตัวจริงของ Bitcoin

และดูเหมือนว่า Saylor จะเป็นศาสดาแห่งวงการ Bitcoin ตัวจริงที่นอกเหนือจาก Satoshi Nakamoto เพราะหลังจากที่ MicroStrategy เข้าลงทุนใน Bitcoin นั้นบริษัทอื่นๆ ก็แห่ตามกันมาเพียบ เหมือนเป็นการเรียกทุกคนให้หันมามอง Bitcoin ใหม่โดยเฉพาะเหล่าองค์กรธุรกิจขนาดยักษ์ในอเมริกา

เพราะไม่ว่าจะเป็น Tesla ของ Elon Musk , Square ของ Jack Dorsey หรือแม้กระทั่งบริษัทประกันภัยอย่าง MassMutal ก็ต่างทุ่มเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์กับ Bitcoin เช่นเดียวกัน

หลังจากนั้นไม่นาน Visa ก็ได้ประกาศแผนที่จะให้ลูกค้าจ่ายสกุลเงินดิจิทัลโดยตรงที่ร้านค้ากว่า 70 ล้านแห่ง และธนาคารไล่มาตั้งแต่ JPMorgan ไปจนถึง Morgan Stanley ได้เริ่มเสนอการลงทุนดิจิทัลให้กับลูกค้าที่ร่ำรวยหรือแม้กระทั่งเหล่านักลงทุนสถาบันที่ไม่เคยเหลียวมอง Bitcoin มาก่อนเลยด้วยซ้ำ

“การตัดสินใจของ Michael Saylor ในการทุบคลังบริษัทเพื่อซื้อ Bitcoin ได้ปูทางให้ผู้นำองค์กรอื่น ๆ หันมาสนใจที่จะเพิ่ม Bitcoin ลงในงบดุลของพวกเขา” Digo Monica ผู้ร่วมก่อตั้งและประธาน Anchorage กล่าวกับ CoinMarketCap

ผ่านมาถึงปี 2023 ราคาหุ้นของ MicroStrategy ได้ทะยานขึ้น 337% ทำให้กลายเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีกำไรมากที่สุดในสหรัฐฯ แซงหน้าแม้กระทั่ง Nvidai ยักษ์ใหญ่ด้านชิป หรือ Meta ของ Mark Zuckerberg

มันมาจากความคลั่งของ Saylor ล้วน ๆ เพราะ MicroStrategy แตกต่างจากคู่แข่งบริษัทด้านเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ที่พึ่งพาการเติบโตของรายได้และส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น แต่สำหรับ MicroStragegy นั้นมันขึ้นอยู่กับ Bitcoin แทบจะทั้งหมด

มูลค่าบริษัทของ MicroStrategy อยู่ที่ 8.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่ามูลค่าทั้งหมดแทบจะเชื่อมโยงกับการถือครอง Bitcoin เพราะยามใดที่ Bitcoin ร่วงหล่นหรือพุ่งทะยาน มูลค่าบริษัทของ MicroStrategy ก็จะผันแปรไปตามนั้น ตัวอย่างเช่น ในปี 2022 การดิ่งลงเหวของ Bitcoin ได้ทำให้มูลค่าบริษัท MicroStrategy ลดลงสูงถึง 74%

แล้วถามว่า Saylor เอาเงินจากไหนมาซื้อ Bitcoin ได้มากมายขนาดนี้ ก็ต้องบอกว่ามาจากธุรกิจหลักของพวกเขาอย่างซอฟต์แวร์นั่นเอง เพราะมันคือเครื่องจักรในการสร้างกระแสเงินสดที่ช่วยให้บริษัทสามารถสะสม Bitcoin ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

สร้างชื่อเสียงเพื่อลบชื่อเสีย?

ผมคิดว่าถ้า Saylor ไม่ได้เข้ามาในวงการ Bitcoin ก็คงจะมีน้อยคนนักที่จะรู้จักเขาจริง ๆ เพราะธุรกิจของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร เรื่องราวชีวิตของเขาก็แสนจะธรรมดา แล้วทำไมเขาต้องมาทำหน้าที่เหมือนศาสดาของ Bitcoin

ในเดือนธันวาคมปี 2000 Saylor และผู้บริหารระดับสูงของ MicroStrategy อีกสองคนได้เจรจาเพื่อยุติคดีความเกี่ยวกับเรื่องปัญหาการฉ้อโกงที่สำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกาฟ้องร้องบริษัทของเขา

เรื่องราวมันมาจากการที่ MicroStrategy ปั้นเรื่องราวลวงโลก โดยเฉพาะเกี่ยวกับการรายงานรายได้ของพวกเขา ตัวอย่างเช่น Saylor ได้พุดจาอย่างสวยหรูว่าจะทุ่มเงิน 100 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างมหาวิทยาลัยออนไลน์โดยมีเป้าหมายคือมอบการศึกษาฟรี ๆ ให้กับทุกคนบนโลกตลอดไป แต่มันเป็นเรื่องลวงโลกแทบจะทั้งสิ้น เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นจริง

ซึ่งหลังจากมีการปรับปรุงผลกำไรการดำเนินงานของบริษัทใหม่ในปี 1997-2000 ราคาหุ้นของบริษัทลดลงจาก 333 ดอลลาร์ เหลือเพียง 33 ดอลลาร์ภายในไม่กี่เดือน

ในเดือนธันวาคมปี 2000 Saylor ได้เจรจากับสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ โดยไม่ยอมรับการกระทำผิด แต่ยอมจ่ายค่าปรับ 350,000 ดอลลาร์ และค่าปรับส่วนตัวอีก 8.3 ล้านดอลลาร์

ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ Saylor เองเรียกได้ว่าได้รับผลกระทบอย่างมาก มูลค่าทรัพย์สินของเขาสูญหายไปกว่า 6 พันล้านดอลลาร์ และหลุดจากทำเนียบมหาเศรษฐีไปเลยทีเดียว

มาถึงตอนนี้ดูเหมือนว่า เวลาและ Bitcoin กำลังเยียวยาทุกบาดแผลของ Saylor ได้สำเร็จ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ MicroStrategy เท่านั้นที่เดิมพันครั้งใหญ่กับ Bitcoin เพราะตัว Saylor เองก็เป็นเจ้าของ Bitcoin แบบส่วนตัวมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์อีกด้วย

และเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมานี่เอง Saylor ได้โพสต์ข้อความลงใน X เพื่อประกาศกร้าวว่า “ยินดีต้อนรับสู่ปี 2024 ปีแห่ง Bitcoin”

References :
https://www.cnbc.com/2023/12/26/microstrategys-bitcoin-bet-produces-300percent-gain-for-investors-in-2023.html
https://en.wikipedia.org/wiki/MicroStrategy
https://en.wikipedia.org/wiki/Michael_J._Saylor
https://coinmarketcap.com/academy/article/michael-saylor-a-history-of-his-relationship-with-btc
https://th.investing.com/news/cryptocurrency-news/article-149891