คำทำนายของ Elon Musk “บริษัทรถยนต์ 10 อันดับแรกจะเป็น Tesla ตามด้วยบริษัทรถยนต์จีนอีก 9 แห่ง”

ต้องยอมรับสภาพตามตรงว่าแบรนด์ที่ส่วนตัวผมเองหลงรักมาก ๆ ในยุคนี้ หนึ่งในนั้นก็คือ Xiaomi ที่ผลิตสินค้าเรียกได้ว่าสากเบือยันเรือรบแม้บางสินค้าจะไม่ได้มากจากบริษัทแม่อย่าง Xiaomi จริง ๆ แต่ผ่านบริษัทลูกอย่าง Xiaomi Youpin แต่ต้องบอกว่าคุณภาพของสินค้าหลายๆ ตัวนั้นน่าประทับใจเป็นอย่างมาก

เมื่อก่อนผมเคยหลงรักแบรนด์อย่าง Sony ที่เรียกได้ว่าผลิตอะไรมาก็ซื้อเกือบจะทั้งหมด แต่หลังจากประสบปัญหาในการต่อสู้กับบริษัทสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากเกาหลี ก็ทำให้มนต์สเน่ห์ของ Sony เริ่มที่จะเจือจางสูญหายไป

สำหรับ Xiaomi นั้นแม้กระทั่งปากกาลูกลื่น ผมยังประทับใจในสินค้าของพวกเขาที่ออกแบบมาได้แบบปราณีตมาก ๆ ซึ่งหาได้ยากสำหรับแบรนด์สินค้าในยุคปัจจุบัน

และเมื่อพวกเขาคิดจะทำรถยนต์สักคัน มันถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจเอามาก ๆ

Elon Musk เคยกล่าวในงานประชุม New York Times DealBook Summit เมื่อปลายปีที่แล้วว่า “มีคนจำนวนมากที่คิดว่าบริษัทรถยนต์ 10 อันดับแรกจะเป็น Tesla และตามด้วยบริษัทรถยนต์จากจีนอีก 9 แห่ง”

มันเป็นคำพูดที่ฉายภาพชัดเจนมาก ๆ ถึงสถานการณ์ รถ EV ที่จีนกำลังจะครองโลกในปัจจุบัน ขนาดที่ว่าพวกเขาโดนเล่นงานจากสงครามทางด้านการค้า ไม่สามารถเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่อย่างอเมริกาได้ พวกเขาก็ยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอย่างที่ Musk กล่าวไว้จริง ๆ

และเมื่อ xiaomi ประกาศเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าคันแรก และคำประกาศกร้าวจาก Lei Jun CEO ของ Xiaomi ว่าพวกเขาจะทะยานสู่หนึ่งในห้าผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกในอีก 10-15 ปีข้างหน้า มันเป็นเป้าหมายที่มีความทะเยอทะยานเป็นอย่างมาก

สถานการณ์ของโลกรถยนต์ในตอนนี้กลายเป็นว่าข้อได้เปรียบที่สำคัญนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหล่าวิศวกรเครื่องกลชั้นเทพ เหมือนที่ เยอรมัน หรือ ญี่ปุ่น เคยมี ที่เคยสร้างสรรค์ผลงานที่ตราตรึงหัวใจผู้บริโภคทั่วทั้งโลกมาหลายสิบปีในยุคเครื่องยนต์สันดาป

แต่เมื่อโลกผลัดใบสู่เทคโนโลยีขับเคลื่อนไฟฟ้าแล้วนั้น กลายเป็นว่าเรื่องความแข็งแกร่งทางด้านเครื่องยนต์กลไก ไม่ใช่ข้อได้เปรียบใหญ่สำหรับแบรนด์จากเยอรมันหรือญี่ปุ่นอีกต่อไป

มันเปิดโอกาสอย่างชัดเจนให้ประเทศจีนที่สะสมองค์ความรู้ในหลากหลายธุรกิจ ทั้งเรื่องการพัฒนา software ด้าน AI สำหรับการขับเคลื่อนรถยนต์แบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่ หรือ ระบบ Entertainment ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในตัวรถ ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่พวกเขาถนัดมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

แน่นอนว่าการผลิตในยุคแรก ๆ นั้นก็ต้องประสบพบเจอปัญหาเหมือนแบรนด์ทุกแบรนด์ในโลกที่เคยประสบพบเจอมาก่อน แบรนด์จากญี่ปุ่นหรือเกาหลีที่เคยถูกขนานนานว่ารถกระป๋องมาแล้วในยุคแรก ๆ ในการทำตลาด แต่วันเวลาที่ผ่านพ้นไป การปรับปรุงแก้ไขจุดบกพร่องต่าง ๆ ก็ทำให้พวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นแนวหน้าได้ ซึ่งแน่นอนว่าจีนก็สามารถทำแบบนั้นได้เช่นเดียวกัน

หรือการที่แบรนด์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาลุยในตลาดนี้ทั้ง Xiaomi หรือ Huawei เอง จึงไม่น่าเป็นเรื่องที่แปลกใจเพราะพวกเขาก็มีความเชี่ยวชาญใน domain ดังกล่าวไม่ใช่น้อย ไม่ด้อยไปกว่าแบรนด์ยานยนต์ยุคเก่าแต่อย่างใด

การเปิดตัวรถยนต์ SU7 หรือ Speed Ultra ของ Xiaomi นั้นจึงเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก เพราะมันสามารถใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์มือถือของพวกเขาที่ขายดีมาก ๆ ในประเทศจีน และพวกเขายังมีแฟน ๆ เหนียวแน่นที่เรียกว่ากลุ่ม “Mi Fan” ที่เป็นคนที่หลงรักในระบบนิเวศอุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหลายของ Xiaomi ที่มีอยู่หลายร้อยล้านคนทั่วโลก

Xiaomi SU7 รถยนต์ซีดานที่เตรียมจะเปิดตัว (CR:Xiaomiui)
Xiaomi SU7 รถยนต์ซีดานที่เตรียมจะเปิดตัว (CR:Xiaomiui)

รถยนต์ซีดาน 5 ที่นั่งรุ่นใหม่ของ Xiaomi จะมีระยะทางสูงสุดถึง 500 ไมล์ ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ความเร็วสูงสุดประมาณ 165 ไมล์ต่อชั่วโมง และเทคโนโลยีอย่าง “Super Electric Motor” ที่จะทำให้สามารถเร่งความเร็วได้สูงกว่า Tesla หรือ Porche รุ่น EV

ข้อได้เปรียบที่สำคัญจากแบรนด์รถยนต์จีนเหล่านี้ก็คือ พวกเขาไม่ต้องแบกรับภาระ ecosystem ของอุตสาหกรรมยานยนต์ยุคเก่าแต่อย่างใด แต่พร้อมที่จะพุ่งทะยานไปข้างหน้าแบบสดใหม่ และรวดเร็ว ไม่มีวัฒนธรรมเดิมๆ คอยปิดกั้นแนวคิดยานยนต์ยุคใหม่ของพวกเขาแม้แต่น้อยโดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทยานยนต์สันดาปที่แน่นอนว่าต้องถนัดในเรื่องเครื่องยนต์กลไกเป็นหลัก

ในขณะที่แบรนด์เก่า ๆ ต้องมาพะว้าพะวง ว่าจะเอาไงดี จะดันไปข้างหน้า ก็มีชนักติดหลังอยู่ มีโรงงานและเครือข่ายชิ้นส่วนอีกมากมาย คอยเกาะแข้งเกาะขา ที่เป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจในการเดินหน้า

มันคงเป็นคำทำนายที่รู้ลึกรู้จิงของคนอย่าง Elon Musk ที่ได้เห็นศักยภาพของคนจีนโดยเฉพาะการสร้างโรงงาน Giga Factory ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่ง Musk คงรับรู้ได้ถึงศักยภาพของพลังในการผลิตของชาวจีนเป็นอย่างดี

แต่ดูเหมือนว่าคู่แข่งที่แบรนด์อย่าง Xiaomi ต้องเผชิญนั้นก็คือคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามจากจีนด้วยกันเสียมากกว่า ซึ่งผู้นำในขณะนี้คือ BYD ซึ่งครองตลาด EV ในประเทศถึงหนึ่งในสาม ส่วน Tesla มีส่วนแบ่งอยู่ราว ๆ 9% และต้องเผชิญกับสงครามราคาที่รุนแรงมาก ๆ ในประเทศจีน

เราก็ต้องมาดูกันว่าคำทำนายของ Elon Musk นั้นจะเป็นจริงหรือไม่ แต่สภาพที่เราเห็นในตอนนี้มันก็แทบจะเป็นอย่างที่ Musk กล่าวไว้กลายๆ อยู่แล้ว ซึ่งไม่อยากคิดว่าหากไม่มีปัญหาเรื่องสงครามการค้า ป่านนี้เราคงได้เห็นรถยนต์แบรนด์อย่าง BYD วิ่งเต็มท้องถนนในประเทศอเมริกาแล้วก็เป็นได้